"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..." เป็นประโยคที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะมักจะถูกหยิบนำมาใช้เป็นคำเริ่มต้นของนิทานก่อนนอนแทบจะทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิทานระดับขึ้นหึ้งอย่าง ซินเดอเรลล่า, หนูน้อยหมวกแดง, แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ หรือ เจ้าหญิงผมยาว ได้ถูกนำมายำรวมกันจนกลายเป็นภาพยนตร์เพลงมันจะเกิดอะไรขึ้น!? ไปพบกับภาพยนตร์เรื่องแรกประจำปี 2015 ของ Walt Disney Studios กับ "Into The Wood"
Into The Wood ภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่องล่าสุดของ Walt Disney Studios ที่ได้นำเอานิทานก่อนนอนทั้งหมด 4 เรื่องได้แก่ ซินเดอเรลล่า, หนูน้อยหมวกแดง, แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ และ เจ้าหญิงผมยาว มายำเป็นจนกลายเป็นอาหารจานเด็ดที่มีความเผ็ดร้อนของละครเวทีบรอดเวย์ มีกลิ่นที่หอมของความดาร์คและออกแนวเรทอยู่ในตัวเอง ทำให้ผู้ที่ได้ลิ้มลองติดอกติดใจไปตามๆกัน เนื้อหาได้พูดถึงป่าที่กว้างใหญ่กว้างใหญ่ไพศาล ที่ภายในป่าดันมีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีแรงปรารถนาอยู่ในใจลึกๆ ได้แก่ หนูน้อยหมวกแดงทีกำลังเดินทางไปหาคุณย่าที่กำลังป่วย, แจ็คหนุม่น้อยที่เดินทางเข้าป่าเพื่อขายวัวที่ตัวเองมีเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว, ซินเดอเรลล่าที่กำลังจะเดินทางเข้าป่าเพื่อไปงานเต้นรำ และ ราพันเซล เจ้าหญิงผมสาวที่ถูกแม่มดขังเอาไว้ ซึ่งเธอเองหวังว่าสักวันจะหนีไปจากที่แห่งนี้แล้วออกไปชมโลกภายนอก
แต่เรื่องราวทั้งหมดได้นำเสนอผ่านตัวละครสองสามีภรรยาที่ต้องการอยากจะมีลูกสักคน แต่แล้ววันหนึ่งมีแม่มดตนหนึ่งเดินเข้ามายังบ้านของพวกเขา แล้วบอกสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถมีลูกได้เป็นเพราะบ้านหลังนี้มีคำสาป สืบเนื่องมาจากพ่อของสามีเคยไปขโมยผักที่บ้านของแม่มดตนนี้ ทำให้แม่มดเองโกรธจนสาปให้บ้านหลังนี้ไม่สามารถมีลูกเพื่อสืบสกุลได้ และถ้าอยากให้คำสาปนั้นหายไปสองสามีภรรยานี้จะต้องตามหาสิ่งสำคัญตัวละครทั้ง 4 ให้ครบภายใน 3 ราตรี ได้แก่ ผ้าคลุมสีเลือดของหนูน้อยหมวกแดง, วัวขาวดุจน้ำนมของแจ็ค,รองเท้าสีแดงของซินเดอเรลล่า และ ผมสีเหลืองเหมือนฝักข้าวโพดของราพันเซล เพื่อใช้ในการปลดคำสาปเหล่านี้และทำให้พวกเขาสามารถมีลูกได้ตามที่ตัวเองปรารถนา
เป็นการกลับมาอีกครั้งกับภาพยนตร์เพลงของผู้กำกับ Rob Marshall ที่เคยฝากผลงานจากภาพยนตร์เพลงเรื่อง "Chicago" โดยตัวละครภายในเรื่องจะมีการขับร้องและทำนองที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น แม่มดในฉากแรกจะร้องเพลงออกแนวแร็พ หรือหนุ่มแจ็คจะร้องเพลงออกแนวร็อคๆ ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่าเมื่อพอนำมาผสมผสานมันกลับทำให้ภาพยนตร์เพลงเรื่องนี้ลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ การนำเสนอทำออกมาได้ลื่นไหลดี แต่ก็มีบางฉากที่อาจจะทำให้คนดูงุนงงได้เล็กน้อย เพราะบางเหตุการณ์ไม่ได้มีการบอกหรือกล่าวถึง สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างก็คือมุกตลกที่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆ เรียกว่าเป็นความฮาตามสไตล์นิทานก่อนนอนซะจริง แน่นอนว่าเมื่อมาอยู่ในมือเจ้าพ่อแห่งจินตนาการอย่าง Walt Disney Studios จึงมั่นใจว่ามันไม่ใช่มุกตลกคาเฟ่แน่นอน สิ่งหนึ่งที่ Into The Wood นำเสนอได้ดีก็คือในโลกของเรามักจะไม่แฮปปี้เอนดิ้งเสมอไป เพราะความเป็นจริงกับความฝันมันคือสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันเสมอ จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการให้แง่คิดต่างๆได้ดีเลยละ ทำให้คนที่ไม่ค่อยชื่นชอบภาพยนตร์เพลงบางคนมาเจอภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเปลี่ยนความคิดไปเลยก็ได้ เพราะทั้งเนื้อหาที่สนุก ความตลกของมุก รวมไปถึงเพลงที่ขับร้องออกมาได้ไพเราะและลงตัว จึงเป็นภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาด
คาแรคเตอร์เดเวลอปเม้นท์เป็นจุดเด่นที่ส่วนตัวผมว่าเวอร์ชั่นนี้ทำได้ดีกว่าตอนละครเวทีด้วยซ้ำ อาจจะผิดที่ post-production และการตัดต่อที่มีติดๆขัดๆบ้าง เพลงก้เอาของเก่ามา arrange ใหม่ซะเป็นส่วนใหญ่ ผมว่าไม่ได้เลวร้ายแบบ 5 เต็มสิบนะ ไม่ใช่หนังแมสไง ชอบหนังแมสไปดู Transformer ไรงั้นนู่น หนังแย่มาก คนดูเยอะทุกภาค