บางคนอาจสงสัยว่าทำไมเกม Final Fantasy ทุกภาค สมัยยังอยู่ภายใต้บังเหียนของคุณ Hironobu Sakaguchi นั้น จะเป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องจบในตัวไม่มีเก็บเนื้อเรื่องไว้ทำภาคย่อย ภาคต่อเลย บัดนี้ปริศนานี้ได้ไขกระจ่างแล้ว
"ผมไม่ชอบภาคต่อ ... ผมเกลียดมัน" คุณ Sakaguchi ให้สัมภาษณ์กับ IGN ในงานรับรางวัล Lifetime Achievement Award ที่ San Francisco
สำหรับสาเหตุที่เขาเกลียดนั้นก็เพราะคุณ Sakaguchi เชื่อมั่นว่าการทำเกมขึ้นมาเกมหนึ่งนั้นควรจะให้ประสบการณ์เต็มรูปแบบแก่ผู้เล่น ดังนั้นแล้วมันจึงกลายเป็นเหตุผลว่าทำไมเกม Final Fantasy ในสมัยที่เขายังคุมอยู่นั้นถึงมีเนื้อเรื่องใหม่ ตัวละครใหม่ และมีระบบการเล่นที่แตกต่างกันไปนั่นเอง ซึ่งจนถึงบัดนี้คุณ Sakaguchi ก็ยังเชื่อเช่นนี้อยู่ และทีมงานของเขาที่บริษัท Mistwalker ก็ยังเชื่อมั่นแบบนั้นเช่นกัน
"เรายึดมั่นว่าทุกๆเกมที่เราสร้าง เราจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด และเวลาที่เราพัฒนาเกมนั้นจบแล้ว จะต้องไม่มีสิ่งใดค้างคาอยู่อีก"
อนึ่งหลังจากคุณ Sakaguchi ออกจาก Square Enix ในปี 2000 ก็มีเกม Final Fantasy ภาคต่อ ภาคแยกเกิดขึ้นออกมามากมาย อาทิเช่น Final Fantasy X-2, Final Fantasy XII: Revenant Wings, Final Fantasy XIII-2 และ Final Fantasy XIII-3 ซึ่งถึงแม้ว่า Final Fantasy XIII-3 จะมีเสียงวิจารณ์หลากหลาย แต่เกมภาคนี้ก็ยังสามารถขายได้มากกว่า 1 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก
แต่สมัยนี้กว่าจะสร้างทุกอย่างในเกมขึ้นมาได้ ทั้งฉากเอยอะไรเอย
สร้างหนึ่งครั้งจะให้ทิ้งไปเลยก็ยังไงอยู่นะ
มันคงไม่คุ้มที่จะขายครั้งเดียวรึเปล่า
พอขึ้นภาคใหม่ก็ต้องฝึกพื้นฐานกันใหม่เลยทั้ง1 อะละดิน 3 world Land Yoshi 64 sunshine mantion galaxy 3d
พึ่งจะมาภาคต่อซ้ำซากเอาตอนเครื่องwiiนี่แหละ
ไม่งั้น เฮีย FF 1 2 3 4 บลาๆ คือไม่มีหรอกถ้าหมายถึงภาคต่อแบบนั้น
"เรายึดมั่นว่าทุกๆเกมที่เราสร้าง เราจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด และเวลาที่เราพัฒนาเกมนั้นจบแล้ว จะต้องไม่มีสิ่งใดค้างคาอยู่อีก"
ส่วนเกมลุงที่ออกมา 2-3 เกมก็ขอบอกว่าระบบ อนุรักษณ์ นิยม โคตรๆ Blue Dragon Lost Odessy เลือกคำสั่งตีๆ เนื้อเรื่องเนิบๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนจะว่าเป็นผลงานที่ดีกว่า 3 เกมภาคต่อข้างบน มันก็กะไรอยู่
คือการทำสเกลงานให้จบทั้งเนื้องหา เนื้อเรื่อง รายละเอียดต่างๆ และกำหนดอารมณ์คนเล่นได้ดีกว่า ไม่ปิดเหตุการณ์แบบค้างคาใจโดยไร้เหตุผล ข้อนี้เห็นด้วยกะเฮียนะ
ส่วนเฮียอ่ะ จริงๆ เก๋านะ แต่เก๋าลำพังไม่ได้ เฮียต้องคุมงานอย่างแท้จริง ทำงานกับบริษัทใหญ่ ที่มีทีมงานมีไอเดียและความสามารถเฉพาะด้าน เข้าประชุม ปรับรูปแบบทิศทางให้เกมส์ มันลึก มันถึง แบบที่เฮียดึง ไฟนอล ให้เกิดๆๆๆๆๆ มาในหลายๆ ภาค วงการเกมมันผันตัวไปกะเทคโนโลยี เฮียอาจเก่งเรื่อง concept, imagination ไปด้าน แต่ด้านอื่นๆ เฮียก็ต้องมีคนมาซัพพอร์ท
เป็นนักรบ ต้องมีไวท์เมจ เป็นโจร ก็ต้องมีแท้งก์ เป็นแท้งเป้นโจร ก็ต้องมีบัฟ
แต่นี่เฮียคุมงานเอง ลงรายละเอียดเอง ยิ่งถ้าเวลากะบัดเจ้ดจำกัด งานก็จะไม่พ้นลูปอะไรเดิมๆ เหมือนแค่เจอเพชรแล้วเอามาใส่แหวน มากกว่า ดึงเพชรมาเจียระไนให้โดดเด่น
ทำงานกะบริษัทใหญ่ก็ยาก อุดมการณ์เราแรง แต่ผู้ถือหุ้นไม่ปลื้ม ยิ่งเป้าสูง ยิ่งต้องแข่งกะเลขในบัญชี
นี่หมายถึงตา ชินจิ ด้วยนะ
ถ้าไม่สนใจอะไร ก็แค่ทำเกมตามตลาด ทุนนิยมเข้าว่า
ซากากูจิ อาจจะเบื่อการทำเกมแล้วก้อได้ ทำเกมยุคก่อนกับทำยุคนี้มันสนองนี้ดส์ต่างกัน
ยุคบุกเบิกคือการท้ายทายเทคโนโลยี และจินตนาการ
ยุคนี้คือท้าทายทุนนิยม ฟีลลิ่งและวิธีการคิดไม่เหมือนกัน
ซากากูจิน่าจะหยุดตัวเองไว้ที่ยุคสมัยของเค้า ที่ทำๆเกมทุกวันนี้ก้อทำแก้เซ็งไปอย่างนั้นละมั้ง คงไม่กลับมาผงาดได้อีกแล้ว