Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
ครบรอบ 20 ปี Resident Evil 2 เรามาดูกันว่า Hideki Kamiya ผ่านอะไรมาบ้างระหว่างกำกับเกมนี้
Kanann at 2018-01-25 01:39:54 , Reads (11161), Comments (27) , Source :

อ่านระหว่างรอ REmake 2

[Link]



อินโทร

Thanks for the messages celebrating RE2's 20th anniversary, everyone!


RE2 คือเกมแรกที่ผมทำหน้าที่กำกับ เพราะฉะนั้นมันถือเป็นความทรงจำที่สำคัญมากของผม ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กน้อยด้อยประสบการณ์อายุแค่ 25 ปีเท่านั้นเอง การได้รับงานกำกับเกมนี่ทำให้ผมไม่มีเวลามาสนุกกับงานเลย

ตอนนั้นผมก็ได้ตัดสินใจผิดพลาดหลาย ๆ อย่าง ที่ทุกคนน่าจะรู้กันคือเกมนี่ต้องถึงกับรื้อทำใหม่หมดเลยทีเดียว (เกมที่แคนเซิ่ลไป แฟน ๆ จะรู้จักกันในชื่อ Resident Evil 1.5)

ยังโชคดีที่ ชินจิมิ คามิ และคนเขียนเนื้อเรื่อง โนโบรุ สุกิมุระ และเหล่าสตาฟฟ์เข้ามาช่วยเหลือ เราจึงสามารถทำผลงานให้เสร็จได้ก่อนที่จะวางจำหน่ายออกไป

คุณสุกิมุระนี่อายุมากขนาดเป็นพ่อผมยังได้เลย แล้วในตอนที่เขาเห็นงาน RE 1.5 เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่สนับสนุนให้รื้อทิ้งสร้างใหม่ และมอบความกล้าให้แก่พวกเราในการรื้อมันไปเลยจริง ๆ



หลังจากนั้นเราทั้งสองคนคุณสุกิมุระกับผมก็ได้ฟาดปากตวาดใส่กันบ่อย ๆ (หรือตลอดเวลา?) ในห้องประชุมหลายสัปดาห์ติด ๆ กัน แล้วก็ออกไปหาสุราดื่มกันหลังเลิกงาน (และตวาดใส่กันไปด้วย) จนกระทั่งสคริปต์ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย

เนื่องจากผมไม่มีความรู้และประสบการณ์ในการเขียนบทอะไรทั้งสิ้นมาก่อนเลย ผมจึงใช้ความหนุ่มสดในตอนนั้นแถไปเรื่อย ซึ่งถ้าคุณสุกิมุระเจออะไรทะแม่ง ๆ แกก็จะพุ่งเข้ามาหาผมทันที ซึ่งมันช่วยผมได้มากในตอนนั้น

ผมได้เรียนรู้อะไรดี ๆ หลายอย่างจากเขา และใช้ประโยชน์จากบทเรียนนั้นในการเขียนบท DMC Viewtiful Joe และ Okami

น่าเสียดายที่คุณสุกิมุระเสียไปก่อนระหว่างที่ผมทำ Okami จนถึงตอนนี้ผมก็ยังสงสัยว่าเขาจะบอกอะไรกับผมถ้าเขามีโอกาสได้ลองเล่นมัน

เกี่ยวกับความทรงจำระหว่างทำ RE2 มันคือครั้งแรกที่ Capcom อัดเสียงนักแสดงจากเมืองนอก เราก็ต้องทำไปปรับตัวไปลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ และมันก็เป็นครั้งแรกที่ผมต้องบินไปทำงานถึงต่างประเทศ

ผมจำได้อย่างชัดเจนเลยในวันแรกที่ถึงสตูดิโอที่แคนาดา คุณล่ามของเราปวดท้องหนีกลับไปโรงแรม เพราะงั้นผมต้องนั่งกำกับการพากย์เสียงด้วยภาษากายกับภาษาอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ เอา

ในระหว่างงานพากย์ ผมถือวิสาสะเขียนเติมบทให้แคลร์ไปบรรทัดหนึ่งว่า "คริส ฉันต้องหานายให้พบ" โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตคุณสุกิมะระ และเนื่องจากเขาเขียนเนื้อเรื่องภาค Code: Veronica ไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงโดนด่าเช็ดทีหลังว่าไอ้บทบรรทัดนั้นทำให้เขาต้องแก้สคริปต์ใหม่

ในตอนนั้นก็เป็นครั้งแรกของ Capcom ที่ต้องทำงานกับบริษัทภายนอกในการสร้าง CG ผมต้องประชุมกับคุณซาซากิจาก Imagica บ่อยครั้งเพื่อสร้างฉากเนื้อเรื่องในเกมด้วยโมชั่นแคปเจอร์ ซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นของใหม่ไม่มีใครรู้จักนัก

เนื่องจากตอนนั้นผมยังเด็กมาก ผมเลยไม่กลัวที่จะทำบ้าทำบออะไรทั้งนั้น สร้างเป้าหมายซะใหญ่โตใส่ระบบ zapping system (สลับตัวละคร) ขึ้นมา ในช่วงเวลาท้าย ๆ ของการสร้างเกมเลยต้องทำเป็น 2 แผ่นจากแผนเดิมที่จะทำออกมาแค่แผ่นเดียว

เพื่อหนีความเครียดความกดดันจากงาน ผมจึงดื่มบรั่นดีเพียว ๆ ไม่ผสมทุกคืน แล้วไปทำงานด้วยสภาพเมาค้างทุกวัน แล้วก็นอนหลับในห้องประชุมเปล่าช่วงเวลาพักเที่ยง แก่แล้วทำไม่ได้นะนั่น!

ปิดท้าย

All of these memories are irreplaceable treasures to me. There is no greater honor for me than seeing how much all of you still love RE2 to this day. I'll keep working hard so I can bring you many more games of the same caliber! (16/16)


--------------------------------------------------------------------------------------------------------

Side story 1

ผมจำได้ในวันที่ผมถูกเลือกเป็นผู้กำกับ RE2 หลังจาก RE1 สร้างเสร็จเรียบร้อยไม่นาน คุณมิคามิเรียกไปห้องประชุมแล้วถามว่าสนใจจะทำมั้ย

ตอนนั้นก็อึ้งนะ คือไม่มั่นใจอะ แต่ผมเข้ามาในวงการนี้เพราะอยากเป็นผู้กำกับ ผมจึงตอบตกลงไปแม้มันจะหมายความว่าถ้าแป้กมานี่ต้องมีการขอลาออกเลย

อย่างที่บอกไป ตอนแรกก็แป้กหนักเลยแหละ ต้องรื้อทำใหม่หมด อันนี้ต้องขอบคุณคุณมิคามิอีกครั้งที่ให้โอกาสที่สอง

ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าทำไมคุณมิคามิต้องเลือกผมด้วย แต่ผมจำได้อยู่อย่างตอนที่เริ่มเข้าไปทำใหม่ ๆ เขาชวนไปดื่มแล้วพูดขึ้นมาว่า

"อย่างเอ็งนี่มันไม่เหมือนชาวบ้านว่ะ ไม่แป้กหนักฉิบหายวายป่วง ก็ต้องเป็นคนที่ดังระดับโลกแน่ ๆ"

หลังจากนั้นผมก็ทำงานเป็นลูกน้องเขาหลายปีอยู่ คุณมิคามิต้องปวดเศียรเวียนกบาลกับผมไปหลายขนานเพราะผมมันเป็นคนยโสโอหังซะปานนี้ แต่อย่างน้อยผมคิดว่าผมก็ทำงานได้ผลงานตามที่เขาหวังนิดหน่อยอะนะ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

Side story 2

เนื่องจากผมเป็นผู้กำกับ คุณมิคามิเลยแนะว่าตอนเครดิตขึ้นให้ชื่อผมนี่ตัวใหญ่ ๆ เลย แต่ผมคิดว่าแบบนั้นมันเกินไปเลยใช้ฟอนท์แบบตัวเอียงเอา คุณมิคามิเลยประมาณ "เอ็งบ้ารึเปล่า"

REmake 2 ผมก็อยากเล่นนะ แต่ผมนี่โคตรเกลียดเกมสยองขวัญเลย จะทำยังไงดีวะเนี่ย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------



ถูกจับได้ระหว่างปลอมตัวเป็น Yokotaro หนีไปทำงาน Square Enix

แสดงความคิดเห็น
7 more comments >>
ไม่แปลกใจที่bio1เสียงพิลึกราวกับเป็นการตูนญี่ปุ่น เอาคนญี่ปุ่นพากย์นี่เอง
View all 2 comments >
คนตะวันตกครับ แต่ไม่ได้อัดกับ edit แบบมืออาชีพเท่าไร ตอนแปลบทจากญี่ปุ่นเป็นอังกฤษก็......
น่าจะเปฝรั่งที่อาศัยในญี่ปุ่นมั้งครับ
แต่ภาค 2 บินไปอัดเสียงเมืองนอกแทน
จำฉากห้องดับจิตได้เลยโครตสยอง
เบื้องหลังการสร้างนี่น่าเอามาทำเป็นหนังนะ น่าสนุกดี
เป็นการพัฒนาเกมส์ที่บ้าบิ่นมาก
ทำเกมส์เสร็จไป 60% แล้วรื้อทำใหม่หมด ถือว่าเป็นอะไรที่เสี่ยงมากๆ สามารถล้มได้ทั้งโปรเจ็คเลย

และเพิ่งรู้ว่า ตอนแรกทีมทำตั้งใจจะให้รัฐบาลสหรัฐเป็นตัวร้าย สุดท้ายก็เปลี่ยนบทเป็นอัมเบรลล่าเหมือนเดิม
View all 1 comments >
ภาค4นี่ก็รื้อไปหลายรอบเหมือนกันนะ

แต่ข้อดีของการรื้อคือ เอาไอ้ที่ไม่ใช้ ไปต่อยอดทำ Devil May Cry แทน ฮ่าๆ
Like : wiseman
ทำงาน เครียด กินเหล้า แฮ้งค์ ทำงาน เครียด กินเหล้า แฮ้งค์ ทำงาน เครียด กินเหล้าา แฮ้งค์
สุดยอดความอึดจริงๆ นิฮนจิน
คามิยะ เค้า เป็นคนแสดงเป็น โยโกทาโร่ จริงหรือครับ
View all 1 comments >
เพื่อนกันอำกันเล่นครับ
Like : superKman, K.K.
ถือว่าเก็บรายละเอี่ยดได้ดีมากภาคนี้ผมยอมรับเลยยิ่งคนทำอายุแค่25ยิ่งตกใจ
จำได้ติดตาก่อนจะได้ แคลร์ สนามแดงเป็นตัวเอก สมัยนั้นตอนเดโม่แรกๆมีตัวเอกหญิงอีกคน ซื่อเอลซ่า เป็นสาวนักซิ่งก่อนจะโดนหั่นทิ้งไป
ลุงนี่ยังไงทำเกมสยองแต่เกลียดเกมสยอง เอาไงแน่วะ 55555
ตอนหนุ่มๆเท่น่าดู