"เราจะทำในสิ่งที่แตกต่าง" นี่คือสารที่ทาง capcom ได้สื่อสารกับเราหลังจากที่ได้ปล่อย DLC Kage ออกมาเพียงตัวเดียวแล้วก็ปล่อยให้แฟนๆอารมณ์ค้างซะอย่างนั้น

ในที่แรกผมนั้นเข้าใจไปว่า capcom นั้น อาจจะหมายถึงความแตกต่างในกลยุทธการขาย DLC โดยแยกเป็นตัวๆไม่มัดรวมอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

ผมมองว่าในปีนี้นั้นทาง capcom อาจจะไม่ได้มุ่งเน้นการทำกำไรจากตัวผลิตภัณฑ์(เกม-DLC)มากนัก แต่น่าจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าของผลิตภัณฑ์ด้วยกีฬาอีสปอร์ตมากกว่า เพราะตั้งแต่เริ่มซีซั่นสี่มาผมนั้นยังไม่เห็นทาง capcom โปรโมทตัวเกมและตัว DLC อย่างจริงจังแบบปีก่อนๆ แต่กลับโหมโปรโมทงานอีสปอร์ตของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด

Street Fighter Pro League ถูกจัดขึ้นทั้งในญี่ปุ่นและอเมริกา เมื่อรวมกับรายการ CPT ที่มีอยู่แล้วทำให้ปีนี้การแข่งขัน SFV ที่จัดโดย capcom นั้นมีอยู่ตลอดทั้งปี จึงทำให้ปีนี้เป็นปีที่ capcom รุกตลาดอีสปอร์ตหนักมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย

จริงๆแล้วเราเองก็สามารถสังเหตุเห็นทิศทางของทาง capcom ได้จากเมื่อปีที่แล้ว กับคอนเทนท์ดูโฆษณาเพื่อแลกกับเงินภายในเกม ซึ่งคงเดาได้ไม่ยากว่าทำออกมาเพื่อรองรับอีสปอร์ตโดยเฉพาะ และถ้ามันเวิร์คในอนาคต capcom ก็ทำรายได้จากสปอนเซอร์ได้อีกมากโข

ไม่ใช่ว่าปีนี้จะไม่มี DLC อีกแล้ว เพียงแต่สำดับความสำคัญนั้นถูกเปลี่ยนแปลงไป อาจจะด้วยเพราะตัวผลิตภัณฑ์นั้นมีอายุไขที่กำจัด ทาง capcom จึงอาจจะเลือกการปูทางความสำเร็จทางธุระกิจในอนาคตมากกว่าด้วยการวางรากฐานอีสปอร์ตของตัวเองและการคิดค้นแคมเปญหารายได้จากกิจการอีสปอร์ต

โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าทุกอย่างที่ทาง capcom หว่านเมล็ดไว้ มันจะผลิดอกออกผลอย่างเต็มที่ใน Street Fighter ภาคต่อไป ก็คาดว่าเมื่อถึงตอนนั้นน่าจะได้เวลาสุกงอมพอดีครับ