Tenki no Ko (Weathering With You) ฤดูฝัน ฉันมีเธอ : เกรด A

การจะเอาชนะผลงานที่ครองใจคนจำนวนมากด้วยผลงานต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ใช่หนังภาคต่อ ถ้าคิดเป็นเกมก็เสมือนคนสร้างหนังกำลังเปิดเกมเล่นโหมด Hardest ราว ๆ นั้น ซึ่งแน่นอน ชินไค มาโคโตะ ก็ต้องเล่นเกมโหมดนี้ในผลงานเรื่อง Tenki no Ko (Weathering With You) ที่ต้องแบกรับความคาดหวังจากหลาย ๆ คนที่ประทับใจใน Kimi no Nawa (Your Name)

หลังจากได้ชมแล้วก็ค้นพบว่าอาจารย์ชินไคมีความตั้งใจที่จะตอบรับความคาดหวังของแฟน ๆ Kimi no Nawa แต่ในทางกลับกันก็พยายามที่จะพาผลงานหนังของเขาให้มีความแตกต่างเพื่อไม่ให้คนมองว่ามันเป็นแค่หนังที่เกาะความสำเร็จของเรื่องก่อนมา ผลก็คือ เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมแต่ไม่กลมกล่อม

ปัญหาใหญ่จริง ๆ ของ Tenki no Ko คือประเด็นที่เล่นมันใหญ่เกินไป แม้ว่าประเด็นในหนังจะมีข้อดีในส่วนที่มันทำให้ตัวละครรองของเรื่องมีความสำคัญ ประเด็นสื่อไปสู่คนดูที่น่าสนใจ รวมถึงประเด็นที่ชวนให้เราคิดตามและเกิดการถกเถียงกันต่อการกระทำของตัวละคร แต่ว่าเพราะด้วยการที่มันเล่นใหญ่ไปทำให้รู้สึกว่าหนังค่อนข้าง หลุด จนเรารู้สึกไม่อินตาม รวมถึงการที่หนังมีประเด็นย่อยมากมายทำให้การดำเนินเรื่องบางครั้งสะดุดหรือเกิดช่องโหว่ที่รู้สึกว่าตัดไปก็ได้น่าจะทำให้เรื่องเดินเร็วกว่านี้ ยิ่งความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก พอบทที่มันไม่อินทำให้เราไม่รู้สึกหลงไหลไปกับความรักของตัวละครหลักเทียบเท่ากับผลงานเก่า ๆ ของชินไค

แต่อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นเพียงแค่ข้อเสียหลักที่ผมพอจะพูดได้ องค์ประกอบอย่างอื่นก็ยังคงมีส่วนทำให้ Tenki no Ko เป็นภาพยนตร์อนิเมะที่ยอดเยี่ยม สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนว่าโดดเด่นกว่า Kimi no Nawa ก็คือตัวละครที่ไม่ใช่เพียงแค่ดีไซน์ที่ทำได้ดีมาก แต่ยังรวมไปถึงบบาทและความสำคัญต่อเรื่องราวเราจึงไม่รู้สึกว่าพวกเขาเป็นตัวละครที่ไม่จำเป็นกับเรื่อง และด้วยเสน่ห์ตัวละครเนี่ยแหละช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักที่แม้บทจะไม่ส่งให้เราอินเท่าที่มันควรเป็น แต่เสน่ห์ของตัวละครก็ช่วยให้เราหลงรักพวกเขาได้เช่นกัน

ในส่วนของภาพคงไม่ต้องบรรยายมาก หลาย ๆ คนน่าจะทึ่งกันตั้งแต่ตัวอย่างแล้ว ขอบอกว่าในหนังยิ่งกว่าที่เห็นในตัวอย่าง ที่ชอบที่สุดคือการสร้างฉากฝนตกที่งดงามมาก อย่าแปลกใจถ้าคุณดูจบและจะหลงไหลกับฤดูฝน เรียกว่าต่อให้คุณไม่ชอบเรื่องนี้ คุณก็จะไม่มีวันปฏิเสธคุณภาพของงานภาพมันแน่นอน ดนตรีประกอบก็ลงตัวแม้ว่าบางช่วงของหนังจะทำให้เรารู้สึกเหมือนดู Music Video มากกว่า (ฮา) แต่จังหวะที่ใส่เพลงก็ลงตัวไม่แพ้ Kimi no Nawa

สรุป แม้จะไม่ใช่ผลงานที่ "รัก" เหมือน Kimi no Nawa แต่นี่ก็เป็นผลงานที่ "ชอบมาก" เรื่องหนึ่งของอาจารย์ชินไค บทที่เล่นใหญ่ไปอาจทำให้เราไม่สามารถอินร่วมไปกับมัน แต่ก็แลกด้วยประเด็นที่น่าคิด ชวนถกเถียง และการสื่อถึงคนดู ผสานไปกับเสน่ห์ตัวละครที่เต็มร้อยและงานภาพที่งดงามจนบรรยายไม่ถูก นี่จึงเป็นผลงานหนังที่น่าประทับใจที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2019 นี้