ในหนังพยายามบอกว่าทฤษฎีนี้แหละที่เซเทอร์กำลังจะทำลายมวลมนุษยชาติ แล้วพวกพระเอกต้องช่วย ก็ถ้าไม่ฆ่ากันหรือทำสงครามก็จะวนลูปแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆงัย แต่ทฤษฎีของโนแลนบอกว่าคนสร้างวิธีกระแสเอ็นโทรปี้ไหลย้อนกลับเป็นพวกสุดโต่งในอนาคต ที่ไม่สนใจว่าถ้ากลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตแล้วมันจะไม่มีอนาคต

หนังพยายามจะให้เราเชื่อทฤษฎีเรื่องแกรนด์ฟาเธอร์ตลอดทั้งเรื่อง มีการใส่ตรรกะว่าก่อนย้อนอดีตต้องดูเงาอนาคตในกระจกก่อนอะไรแบบนี้ เพื่อสื่อให้คนดูเข้าใจว่าทุกการกระทำของตัวละครมีผลในอนาคตทั้งสิ้น แม้แต่ตอนจบเองก็บอกเป็นนัยๆว่านี่คือความสำเร็จจากอนาคตที่พระเอกไม่รู้นะ

ซึ่งการกำกับของโนแลนผมงงมากพยายามสื่อถึงทฤษฎีนี้ แต่ในอนาคตเท่ากับเรื่องราวนี้เป็นอีกหนึ่งไทม์ไลน์ของอนาคต (งงในงง) คือถ้าสมมติเซเทอร์ทำแผนที่จะฆ่ามนุษยชาติสำเร็จ มันก็จะยังมี อนาคตที่มีอุปกรณ์ 9 ชิ้นทำลายโลกเช่นเดิม

มันย้อนแย้งตรงไหน? มันย้อนแย้งตรงที่มีตัวละครตายแล้วมีตัวละครคนเดียวกันอีกคนโผล่มาได้ หรือ คนในอนาคตเองต่างย้อนเวลากลับมาฆ่ากันเองในอดีต ตรงนี้ให้สันนิษฐานทฤษฎีเอ็นโทรปี้ของโนแลนไว้ว่ามันไหลย้อนมาแก้อดีตเรื่อยๆ เท่ากับตัวเอกมันมีเกิน 2-3 คนแน่นอน ซึ่งสุดท้ายเซเทอร์มันก็ไม่ตายจริงเหลือคนในอดีตหรืออนาคตอีกคน แต่ได้แคตกับพวกพระเอกมาสองไทม์ไลน์

มันย้อนแย้งตรงต่อให้กลับไปฆ่ามวลมนุษยชาติทั้งโลกก็ไม่เกี่ยวกับอนาคต ที่โนแลนพยายามจะบอกทฤษฎีแปลกๆนี้มันจะมีพวกสปอว์นย้อนกลับอดีตมาอีกเรื่อยๆ

มันมีลูกเล่นหนึ่งที่เหมือนผู้กำกับจะแอบบอกว่าอย่าเชื่อทฤษฎีแกรนด์ฟาเธอร์นี้ คือตัวละครนีลบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เปลี่ยนอะไรไม่ได้ = อนาคตมันเกิดไปแล้วกลับมาแก้ก็ไม่เป็นผล สิ่งที่เป็นผลในหนังคือตัวละครจากอนาคตสปอว์นมายับยั้งทฤษฎีแกรนด์ฟาเธอร์กันทั้งเรื่อง