จำรายละเอียดไม่ได้แล้วแฮะ


ตอนแรกฟ้อง
ห้ามวางจำหน่าย(แต่ขายไปแล้ว)
จ่ายเงินละเมิดลิขสิทธิ์ 258.3 ล้านเยน เพราะชื่อเกมทำให้บางคนเข้าใจผิดว่ามันเป็นภาคต่อของ Fire Emblem (ก็เล่นดูดทีมงานไปด้วย)
แถมกลับไปลงเครื่องคู่แข่งในยามลำบาก (ระวังอย่าไปสับสนอะไรกับ โฆษณายางรถยนต์ อีกเจ้า)

ทำให้จากเดิมชื่อ Emblem Saga

เลยเนียนเปลี่ยนชื่อเป็น Tearing Saga

ครั้งแรกศาลตีตก(เพราะอะไรไม่ทราบ) เลยไปแก้ไขแล้วฟ้องใหม่

ผลคือในครั้งที่ 2 นินเทนโดชนะคดี ศาลสั่งจ่ายเงินให้นินเทนโดไป 76 ล้านเยน
นินเลยขออุธรณ์ไปกับเกมที่ขายได้กว่า สามแสนหก

แต่ครั้งที่สาม ศาลยืนยันให้จ่ายตามครั้งที่สอง...จบข่าว

พอ Berwick Saga เลยแก้ระบบโน่นี่หมด จะได้ฟ้องไม่ได้ ผลคือขายไปได้แค่ แสนเจ็ด...(ลงไปเยอะได้ต่ำกว่าเดิมครึ่ง=เจ๊ง?)
ประกอบกับขณะนั้น NDS ของ Nintendo ติดลมบนไปแล้วคงไม่แยแสแล้วล่ะ ปล่อยมันโดน enterbrain ทิ้งให้แห้งตายไปสนุกกว่า
แถมประธานก็เป็น อิวาตะ ไม่ใช่ ยามาอุจิ แล้ว

ข้อขัดแย้ง(Controversy)

ข้อขัดแย้งนี้มีขึ้นในปี 2544 เมื่อ Shouzou Kaga หนึ่งในผู้พัฒนาหลักของเกม ได้ออกจากนินเทนโด ไปตั้งบริษัทของตนเองที่ชื่อ Tirnanog หนึ่งในเกมแรกๆของบริษัทคือ Tear Ring Saga ที่ลงในเครื่องเพลย์สเตชัน เกมนี้มีระบบที่คล้ายคลึงกับเกมในชุดของไฟร์เอมเบลมอย่างมาก ในแง่ของภาพ และระบบการเล่น[15] ในช่วงแรกนั้นชื่อของเกมก็คล้ายคลึงกับเกมไฟร์เอมเบลม โดยใช้ชื่อในการพัฒนาว่า Emblem Saga นินเทนโดยื่นฟ้องบริษัท Tirnanog และ บริษัท Enterbrain ผู้จัดจำหน่าย ในข้อหาละเมิดลิขสิทธ์ของนินเทนโด เป็นเงินทั้งสิ้น 2ล้านดอลลาร์สหรัฐ[16] แต่นินเทนโดแพ้คดี[15] หลังจากนั้น Tirnanog ได้พัฒนาเกมภาคต่อออกมาในชื่อ Tear Ring Saga: Berwick Saga

The second trial ended in November, 2004, and Enterbrain was ordered to pay a fine of 76 million yen to Nintendo.[4] However, the game was not ruled as a breach of copyright, and copies remained in stores.[4] Nintendo and Intelligent Systems made another appeal to the Japanese Supreme Court, where the second ruling was upheld.[5] The final court proceedings ended in April, 2005 (see also ティアリングサーガに関わる問題).