<<
<
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
>
>>
Reply
Vote
View all 6 comments >
Wed 27 Sep 2017 : 1:12AM
แบบว่า อเมริกาไปยุ่งกรณีเกาหลีแล้วแย่มันไม่ถูกนะครับ
ถ้าอเมริกาไม่มายุ่ง ตอนเกาหลี,เวียดนาม,ลาวแดง,เขมรแดง แนวรบคอมมูนิสต์-ฝั่งเสรีนิยม มันจะกลายเป็นมาปะทะที่ชายแดนไทยแทน
ตอนนั้นมันเป็นการชักเย่อด้วยกำลัง โดย อเมริกา,รัสเซีย,จีน โดยขยายแนวรบไปทั่วเลย ทหารบ้านเรารับเงินเดือนอเมริกันไปรบ ที่ต่างบ้านต่างเมืองเพื่อยันไม่ให้มาเดือดร้อนที่ชายแดนเรา ตายไปก็เยอะนะครับ
ผลกระทบมีมากมายเลย แบบพวกตัวแสบของญี่ปุ่น ที่ยุให้ก่อสงครามเพื่อขยายพื้นที่ทรัพยากร มันจะตายตอนแพ้สงครามก็ฟื้นเพราะ อเมริกาออเดอร์ สเบียง,เครื่องจักร ,เคมีภัณฑ์ จากไอ้พวกนี้ จนมันกลายเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหนักทีหลังด้วย
พวก ที่ทำรถไถ รถยนต์ เครื่องบิน ต่อเรือ ในปัจจุบันอย่าง มิตซุย คูโบต้า มันเกิดเพราะสงครามเกาหลีเนี้ยแหล่ะ
ถ้าอเมริกาไม่มายุ่ง ตอนเกาหลี,เวียดนาม,ลาวแดง,เขมรแดง แนวรบคอมมูนิสต์-ฝั่งเสรีนิยม มันจะกลายเป็นมาปะทะที่ชายแดนไทยแทน
ตอนนั้นมันเป็นการชักเย่อด้วยกำลัง โดย อเมริกา,รัสเซีย,จีน โดยขยายแนวรบไปทั่วเลย ทหารบ้านเรารับเงินเดือนอเมริกันไปรบ ที่ต่างบ้านต่างเมืองเพื่อยันไม่ให้มาเดือดร้อนที่ชายแดนเรา ตายไปก็เยอะนะครับ
ผลกระทบมีมากมายเลย แบบพวกตัวแสบของญี่ปุ่น ที่ยุให้ก่อสงครามเพื่อขยายพื้นที่ทรัพยากร มันจะตายตอนแพ้สงครามก็ฟื้นเพราะ อเมริกาออเดอร์ สเบียง,เครื่องจักร ,เคมีภัณฑ์ จากไอ้พวกนี้ จนมันกลายเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหนักทีหลังด้วย
พวก ที่ทำรถไถ รถยนต์ เครื่องบิน ต่อเรือ ในปัจจุบันอย่าง มิตซุย คูโบต้า มันเกิดเพราะสงครามเกาหลีเนี้ยแหล่ะ
Like : PNA888
Wed 27 Sep 2017 : 10:06AM
เรื่องการขยายอำนาจระหว่างมหาอำนาจผู้ชนะ WW2 มันพูดยากครับ
โซเวียตก็จะเอา เมกาก็จะเอา แต่ในฐานะฮีโร่ผู้ปลดปล่อย ประเทศที่ตกเป็นเมืองขึ้นฝ่าย Axis ก็ต้องมาแบบแมนๆ ให้เอกราช และเป็นลูกพี่ควบคุมการเมืองให้เป็นแนวทางของลูกพี่ ต่างฝ่ายต่างรีบแย่งหาพวก
กรณีเกาหลีเหนือใต้ ถ้าจะโทษเมกา ต้องโทษโซเวียตด้วย
อย่างไทยแลนด์ ดูเผินๆ เหมือนจะฉลาดที่ใช้นโยบายกะล่อนนกสองหัว เอาตัวรอดมาได้ เอาจริงๆ ผมว่ามันเป็นไปตามสันดานและโชคนะครับ จอมพล ป. มันก็เอาชีวิตรอดทิ้งศักดิ์ศรี ส่วนเสรีไทย ก็จะเอาอำนาจ เลยไปเข้าอีกพวก พอผลออกมาญี่ปุ่นแพ้ และมหาอำนาจแบ่งเค้กไม่ลงตัว ไทยเลยรอดมาได้ด้วยวิชาการทูตที่ถนัด อันนี้ต้องยกเครดิตให้การทูตสมัยนั้น ที่แก้สถานการณ์ได้เฉียบ
ถ้าไปถามคนมาเลย์ อินโด หรือสิงคโปร์ (ตอนนั้นยังไม่มีประเทศ) ในเรื่องบทบาทของไทยใน WW2 เขาด่ากันยับ มองว่าคนไทยขี้ขลาดตาขาว ยอมญี่ปุ่นทำให้มาเลย์ซวยหนัก เพราะแทนที่จะช่วยๆ กันรบ กลับโดนรวบแบบง่ายดายทั้งคาบสมุทรมาลายู
ถ้าเมกาไม่ทำไรหลัง WW2 ไทยคงบัดซบกว่านี้ และถ้ารัฐบาลทหารที่มีอำนาจขณะนั้นและในหลวง ร.9 เลือกข้างโซเวียตไทยก็คงบัดซบกว่านี้เยอะ เรื่องนี้ผมยกเครดิตให้ทหาร และสถาบันเต็มๆ เอาประเทศชาติรอดวิกฤติมาได้เลย และตัดสินใจถูกเป็นส่วนใหญ่ อยากอ่านเบื้องลึก ลองอ่านในหนังสือต้องห้าม the king never smile เลยครับ พูดถึงบทบาทของสถาบันในเรื่องสงครามเย็นเยอะเลย ผมว่าในหลวงพระองค์ก่อนระดับอัจฉริยะทางการทูต ช่วยเอาประเทศรอดมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
โซเวียตก็จะเอา เมกาก็จะเอา แต่ในฐานะฮีโร่ผู้ปลดปล่อย ประเทศที่ตกเป็นเมืองขึ้นฝ่าย Axis ก็ต้องมาแบบแมนๆ ให้เอกราช และเป็นลูกพี่ควบคุมการเมืองให้เป็นแนวทางของลูกพี่ ต่างฝ่ายต่างรีบแย่งหาพวก
กรณีเกาหลีเหนือใต้ ถ้าจะโทษเมกา ต้องโทษโซเวียตด้วย
อย่างไทยแลนด์ ดูเผินๆ เหมือนจะฉลาดที่ใช้นโยบายกะล่อนนกสองหัว เอาตัวรอดมาได้ เอาจริงๆ ผมว่ามันเป็นไปตามสันดานและโชคนะครับ จอมพล ป. มันก็เอาชีวิตรอดทิ้งศักดิ์ศรี ส่วนเสรีไทย ก็จะเอาอำนาจ เลยไปเข้าอีกพวก พอผลออกมาญี่ปุ่นแพ้ และมหาอำนาจแบ่งเค้กไม่ลงตัว ไทยเลยรอดมาได้ด้วยวิชาการทูตที่ถนัด อันนี้ต้องยกเครดิตให้การทูตสมัยนั้น ที่แก้สถานการณ์ได้เฉียบ
ถ้าไปถามคนมาเลย์ อินโด หรือสิงคโปร์ (ตอนนั้นยังไม่มีประเทศ) ในเรื่องบทบาทของไทยใน WW2 เขาด่ากันยับ มองว่าคนไทยขี้ขลาดตาขาว ยอมญี่ปุ่นทำให้มาเลย์ซวยหนัก เพราะแทนที่จะช่วยๆ กันรบ กลับโดนรวบแบบง่ายดายทั้งคาบสมุทรมาลายู
ถ้าเมกาไม่ทำไรหลัง WW2 ไทยคงบัดซบกว่านี้ และถ้ารัฐบาลทหารที่มีอำนาจขณะนั้นและในหลวง ร.9 เลือกข้างโซเวียตไทยก็คงบัดซบกว่านี้เยอะ เรื่องนี้ผมยกเครดิตให้ทหาร และสถาบันเต็มๆ เอาประเทศชาติรอดวิกฤติมาได้เลย และตัดสินใจถูกเป็นส่วนใหญ่ อยากอ่านเบื้องลึก ลองอ่านในหนังสือต้องห้าม the king never smile เลยครับ พูดถึงบทบาทของสถาบันในเรื่องสงครามเย็นเยอะเลย ผมว่าในหลวงพระองค์ก่อนระดับอัจฉริยะทางการทูต ช่วยเอาประเทศรอดมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
Like : nueng93, marcust, PNA888, RedRaven, Narl, Iseria Queen, superKman, Gg™, PTP
Wed 27 Sep 2017 : 11:56AM
Sukoy wrote:
เรื่องการขยายอำนาจระหว่างมหาอำนาจผู้ชนะ WW2 มันพูดยากครับ
โซเวียตก็จะเอา เมกาก็จะเอา แต่ในฐานะฮีโร่ผู้ปลดปล่อย ประเทศที่ตกเป็นเมืองขึ้นฝ่าย Axis ก็ต้องมาแบบแมนๆ ให้เอกราช และเป็นลูกพี่ควบคุมการเมืองให้เป็นแนวทางของลูกพี่ ต่างฝ่ายต่างรีบแย่งหาพวก
กรณีเกาหลีเหนือใต้ ถ้าจะโทษเมกา ต้องโทษโซเวียตด้วย
อย่างไทยแลนด์ ดูเผินๆ เหมือนจะฉลาดที่ใช้นโยบายกะล่อนนกสองหัว เอาตัวรอดมาได้ เอาจริงๆ ผมว่ามันเป็นไปตามสันดานและโชคนะครับ จอมพล ป. มันก็เอาชีวิตรอดทิ้งศักดิ์ศรี ส่วนเสรีไทย ก็จะเอาอำนาจ เลยไปเข้าอีกพวก พอผลออกมาญี่ปุ่นแพ้ และมหาอำนาจแบ่งเค้กไม่ลงตัว ไทยเลยรอดมาได้ด้วยวิชาการทูตที่ถนัด อันนี้ต้องยกเครดิตให้การทูตสมัยนั้น ที่แก้สถานการณ์ได้เฉียบ
ถ้าไปถามคนมาเลย์ อินโด หรือสิงคโปร์ (ตอนนั้นยังไม่มีประเทศ) ในเรื่องบทบาทของไทยใน WW2 เขาด่ากันยับ มองว่าคนไทยขี้ขลาดตาขาว ยอมญี่ปุ่นทำให้มาเลย์ซวยหนัก เพราะแทนที่จะช่วยๆ กันรบ กลับโดนรวบแบบง่ายดายทั้งคาบสมุทรมาลายู
ถ้าเมกาไม่ทำไรหลัง WW2 ไทยคงบัดซบกว่านี้ และถ้ารัฐบาลทหารที่มีอำนาจขณะนั้นและในหลวง ร.9 เลือกข้างโซเวียตไทยก็คงบัดซบกว่านี้เยอะ เรื่องนี้ผมยกเครดิตให้ทหาร และสถาบันเต็มๆ เอาประเทศชาติรอดวิกฤติมาได้เลย และตัดสินใจถูกเป็นส่วนใหญ่ อยากอ่านเบื้องลึก ลองอ่านในหนังสือต้องห้าม the king never smile เลยครับ พูดถึงบทบาทของสถาบันในเรื่องสงครามเย็นเยอะเลย ผมว่าในหลวงพระองค์ก่อนระดับอัจฉริยะทางการทูต ช่วยเอาประเทศรอดมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
โซเวียตก็จะเอา เมกาก็จะเอา แต่ในฐานะฮีโร่ผู้ปลดปล่อย ประเทศที่ตกเป็นเมืองขึ้นฝ่าย Axis ก็ต้องมาแบบแมนๆ ให้เอกราช และเป็นลูกพี่ควบคุมการเมืองให้เป็นแนวทางของลูกพี่ ต่างฝ่ายต่างรีบแย่งหาพวก
กรณีเกาหลีเหนือใต้ ถ้าจะโทษเมกา ต้องโทษโซเวียตด้วย
อย่างไทยแลนด์ ดูเผินๆ เหมือนจะฉลาดที่ใช้นโยบายกะล่อนนกสองหัว เอาตัวรอดมาได้ เอาจริงๆ ผมว่ามันเป็นไปตามสันดานและโชคนะครับ จอมพล ป. มันก็เอาชีวิตรอดทิ้งศักดิ์ศรี ส่วนเสรีไทย ก็จะเอาอำนาจ เลยไปเข้าอีกพวก พอผลออกมาญี่ปุ่นแพ้ และมหาอำนาจแบ่งเค้กไม่ลงตัว ไทยเลยรอดมาได้ด้วยวิชาการทูตที่ถนัด อันนี้ต้องยกเครดิตให้การทูตสมัยนั้น ที่แก้สถานการณ์ได้เฉียบ
ถ้าไปถามคนมาเลย์ อินโด หรือสิงคโปร์ (ตอนนั้นยังไม่มีประเทศ) ในเรื่องบทบาทของไทยใน WW2 เขาด่ากันยับ มองว่าคนไทยขี้ขลาดตาขาว ยอมญี่ปุ่นทำให้มาเลย์ซวยหนัก เพราะแทนที่จะช่วยๆ กันรบ กลับโดนรวบแบบง่ายดายทั้งคาบสมุทรมาลายู
ถ้าเมกาไม่ทำไรหลัง WW2 ไทยคงบัดซบกว่านี้ และถ้ารัฐบาลทหารที่มีอำนาจขณะนั้นและในหลวง ร.9 เลือกข้างโซเวียตไทยก็คงบัดซบกว่านี้เยอะ เรื่องนี้ผมยกเครดิตให้ทหาร และสถาบันเต็มๆ เอาประเทศชาติรอดวิกฤติมาได้เลย และตัดสินใจถูกเป็นส่วนใหญ่ อยากอ่านเบื้องลึก ลองอ่านในหนังสือต้องห้าม the king never smile เลยครับ พูดถึงบทบาทของสถาบันในเรื่องสงครามเย็นเยอะเลย ผมว่าในหลวงพระองค์ก่อนระดับอัจฉริยะทางการทูต ช่วยเอาประเทศรอดมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
The King Never Smiles คนเขียน สุดโต่งยัดเยียดจินตนาการของตนเองไปพอสมควรในบางบท แต่เรื่องประวัติศาสตร์ก็ดีกว่า The Revolutionary King ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงไปเลย หนังสือเล่มนี้ขนาดฝ่ายซ้ายยังมองว่าเว่อร์ไปเลยนะ อย่างบทที่บอกว่าสิ่งที่ในหลวงทำเพราะต้องการกอบกู้สถาบันให้กลับมาอีกครั้ง ใจ อึ้ง ยังบอกเว่อร์ไป 555 จริง ๆ ส่วนนึงคงเพราะ คนเขียนก็มีปัญหากับสถาบันทางอ้อมเหมือนกันเพราะถูกเลิกจ้างงานเขียนเรื่องประวัติราชวงศ์ไทย เนื่องจากเขียนลำดับผิด รวมถึงเนื้อหาอื่น ๆ
กลับมาหลัง WW2 อเมริกาไม่ใช่พระเอกหรืออะไรเลย เขาแค่ต้องการขยายอำนาจและฐานในเอเชียเท่านั้นเอง สิ่งที่อเมริกาต้องการไม่ได้ซับว้อนอะไร นั่นคือแนวคิดแบบ CEO โบราณ คนที่แตกแยกย่อมควบคุมง่าย ประเทศเพื่อนบ้านต้องเป็นศัตรูกัน คนในประเทศต้องแตกแยกกัน อันนี้ของชอบ
Wed 27 Sep 2017 : 12:09PM
อเมริกาต้องการหาพวกครับ เพราะกลัวพวกไปอยู่กับอีกฝ่าย สิ่งที่มันกลัวที่สุดหลัง WW2 คือความมั่นคงของประเทศมันเอง
ไทยใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้เต็มที่ในยุคสงครามเย็น
พอหมดสงครามเย็น คอมมิวนิสต์ล่มสลาย สิทธิประโยชน์ต่างๆ พวกนี้ก็หายไปตาม ก็หมดประโยชน์แล้วนิ 555
ไทยใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้เต็มที่ในยุคสงครามเย็น
พอหมดสงครามเย็น คอมมิวนิสต์ล่มสลาย สิทธิประโยชน์ต่างๆ พวกนี้ก็หายไปตาม ก็หมดประโยชน์แล้วนิ 555
Like : PNA888
Wed 27 Sep 2017 : 12:21PM
ทำไปแล้ว ปัจจุปัน เกาหลีใต้ยังตอกย้ำแบบเลิกเท่าไร
แบบ หนัง Battleship Island แบบนี่
ส่วนหลัง WWII นี่เมกาไม่ทำ โซเวียต ก็ทำอยู่ดี (เมกาก็อยากรู้กัน ทรูแมนเข้ามาแทน รูสเวล ก่อนจบสงคราม WWII ด้านเยอรมันอีกเจ้านี่ก็ระแวง โซเวียตด้วย )
แต่คนที่เริ่มสงครามเกาหลี อย่างไง ก็ไม่พ้น ปู่คิม อยู่ดี ที่เกือบผลักเกาหลีใต้ ตกทะเลสำเร็จ ถ้าเมกาไม่มาช่วย
ก่อน แมคอาเธอร์ ก็บ้าไปเลยเขตจีน โดนผลักกลับมา จุด 38 เลยเถอะ
แบบ หนัง Battleship Island แบบนี่
ส่วนหลัง WWII นี่เมกาไม่ทำ โซเวียต ก็ทำอยู่ดี (เมกาก็อยากรู้กัน ทรูแมนเข้ามาแทน รูสเวล ก่อนจบสงคราม WWII ด้านเยอรมันอีกเจ้านี่ก็ระแวง โซเวียตด้วย )
แต่คนที่เริ่มสงครามเกาหลี อย่างไง ก็ไม่พ้น ปู่คิม อยู่ดี ที่เกือบผลักเกาหลีใต้ ตกทะเลสำเร็จ ถ้าเมกาไม่มาช่วย
ก่อน แมคอาเธอร์ ก็บ้าไปเลยเขตจีน โดนผลักกลับมา จุด 38 เลยเถอะ
Like : PNA888
[Edited 1 times RedRaven - Last Edit 2017-09-27 12:22:42]
Wed 27 Sep 2017 : 12:48PM
ส่วนเรื่องนิวนี่พูดยากแหละ ตัวเมกาเองก็มีจรวดที่สามารถติดตั้งหัวนิวยิงไปทุกประเทศทั่วโลกได้ จะห้ามไม่ให้คนอื่นมีก็ไม่แฟร์
ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม ยังไงถ้าไม่เปิดวอร์ก็คงต้องยอมให้ท่านคิมมี ๆ ไป แล้วค่อยเจรจา ถ้าอีหรอบนี้ รัฐบาลยุ่นก็ได้ประโยชน์จากความกลัวของประชาชน กองทัพจะได้เป็นกองทัพ ไม่ใช่แค่ป้องกันตัวเอง
ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม ยังไงถ้าไม่เปิดวอร์ก็คงต้องยอมให้ท่านคิมมี ๆ ไป แล้วค่อยเจรจา ถ้าอีหรอบนี้ รัฐบาลยุ่นก็ได้ประโยชน์จากความกลัวของประชาชน กองทัพจะได้เป็นกองทัพ ไม่ใช่แค่ป้องกันตัวเอง
# Wed 27 Sep 2017 : 1:52AM
เริ่มละ เคิร์ดกับอิรัก ฝั่งซีเรียก็กำลังจะเริ่ม
# Wed 27 Sep 2017 : 11:12PM
โคตรเกรียน
สำหรับหลายๆคน "Siamese Talk" คือคำด่า ที่ฝรั่งเอาไว้ใช้ด่าคนไทย
แต่สำหรับเฮียแล้ว มันคือคำชม ที่ได้ยินทีไรก็เป็นต้องยืดทุกที
ทุกท่านเอ๋ย โปรดจงรู้ไว้เถิด ไอ้คำว่า "Siamese Talk" เนี่ย เป็นคำที่แสดงถึงแสนยานุภาพด้านการทูตของไทยจนถึงขนาดต้องบัญญัติศัพท์มาด่าโดยเฉพาะ
เพราะฉะนั้นเฮียจึงไอด้อนแคร์เอามากๆ เพราะพวกยูแม่งเสือกโง่ไม่ทันเหลี่ยมไอเอง
จะแคร์อะไรกับคำพูดไอ้ขี้แพ้อย่างอังกฤษ
แถมไอ้หัวทองอย่างพวกยูมาด่าไอว่านกสองหัว แหม่ตัวเองสันดานดีตายห่า ทั้งตอแหล หน้าด้าน ขี้โกง เอาเปรียบ สันดานอย่างพวกยูพูดเรื่องนี้ได้หรือ
ว่างๆไม่มีอะไรทำก็ร่างสนธิสัญญามาเอาเปรียบชาวบ้าน รอบที่แล้วโดนไปทีนึงก็น่าจะรู้พิษสงด้านการทูตของประเทศไอแล้วนะ แต่ไม่เข็ด ว้อนรอบสอง นี่ไอไม่อยากจะด่าควายนะ เพราะควายมันยังรู้เรื่องกว่ายูอีก
สิงโตที่โดนกระต่ายกระโดดกัดหูแล้วหนีไปเห่าอยู่ในถ้ำ ยังกล้าออกมาด่ากระต่ายว่าเล่นไม่แฟร์อีกหรอ
เผื่อใครไม่รู้นะครับ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นยกพลมาบุกไทยแบบสายฟ้าแลบ จอมพลปอนายกสมัยนั้นขอความช่วยเหลือไปยังอังกฤษสัญญาว่าจะช่วย พอถึงเวลาจริงเสือกบอกตัวใครตัวมัน ดูดู๊สันดานไอ้คนที่มันยกตัวเองว่าเป็นผู้ดี สุภาพบรุษ ตระบัติสัตย์หน้าด้านๆ พอๆกับเพื่อนฝรั่งเศสของมึงเลย สุดท้ายจอมพลปอก็ตัดสินใจยอมเป็นเพื่อนกับญี่ปุ่นแม่งเลย
นี่เป็นการตัดสินที่เฮียโอเคเลยเพราะจอมพลปอเลือกได้ฉลาดเอามากๆทำให้ไทยรอดพ้นจากการเป็นนานกิงสาขาสองได้สำเร็จ ถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องทีาเฮียชมจอมพลปอ
แต่ก็ใช่ว่าไทยเราจะไว้ใจญี่ปุ่น จอมพลปอก็แอบมีหลังไมค์กับฝ่ายสัมพันธมิตรไว้เหมือนกัน ไหนจะขบวนการเสรีไทยอีก
แม้จะประกาศว่าอยู่ฝ่ายอักษะอย่างเป็นทางการ แต่ลับหลังก็ช่วยฝ่ายสัมพันธมิตร เพราะในสงคราม ไม่รมีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร ฝ่ายไหนชนะก็อยู่กับคนนั้น
ชนะได้โดยไม่ต้องรบ ฉลาดชิบหาย
กลยุทธ์ทางตำราพิชัยสงครามที่ดีที่สุดไทยเราใช้มาแล้วนะครับแหม่
สุดท้าย หลังจบสงครามอังกฤษแม่งก็รีบเสนอหน้า "มาเลยมึง มึงแพ้แล้ว จ่ายค่าปรับกูมาซะดีๆ"
ดูดู๊สันดานของอังกฤษ ว่าตอแหลขนาดไหน
มรว.เสนีย์ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า "คxยเหอะ"
อันที่จริงท่านไม่ได้พูด แต่เฮียเชื่อว่าท่านรู้สึก ถถถ
ซึ่ง มรว.เสนีย์ ปราโมทย์ นี่แหละคือคีย์แมนคนสำคัญที่คนควรจดจำในศึกครั้งนี้
ถามว่าสำคัญระดับไหน ก็ประมาณกุยแกในศึกกัวต๋อแหละครับ
แต่คนดันพาไปจำใครก็ไม่รู้ ทั้งที่ระดับความเป็นคีย์แมนเทียบกันไม่ได้แต่เสือกเขียนซะเป็นพระเอกเลย
แม้อังกฤษจะร่างสนธิสัญญาโคตรเอาเปรียบ และจะยัดให้เราเป็นผู้แพ้ ซึ่งตอนนั้นไทยเสียเปรียบแทบทุกด้าน สัญญาฉบับนี้เอาเปรียบชนิดที่ว่า ถ้าจะทำขนาดนี้เอากูไปเป็นเมืองขึ้นเลยเหอะ
มรว.เสนีย์ จึงสวมวิญญานเด็กไทยหัวใจแครี่พลิกเกมส์ด้วยการปล่อยข่าวให้ไปถึงหูอเมริกา
อเมริกาพอได้ทราบเรื่องถึงกับตบเข่าฉาดดด
โธ่ๆไอ้อังกฤษคิดจะชุบมือเปิปหรอ เขตนี้มันถิ่นอั๊ว ให้มันรู้ซะบ้างว่าถิ่นใครเป็นถิ่นใคร ว่าแล้วนักเลงอเมริกันก็แสดงพาวเวอร์ จนอังกฤษพับโต๊ะเจรจาหนีกลับบ้านแทบไม่ทัน
ก่อนจะไปประกาศให้ชาวโลกรู้ถึงความพ่ายแพ้ของตัวเองด้วยการบัญญัติคำว่า Siamese Talk ขึ้นมา
แน่นอนว่าคำนี้ก็ไม่ฮิตเท่าที่ควร เพราะยิ่งพูดเดี๋ยวเค้าจะยิ่งรู้ว่าฝีมือระดับ อบต. แต่ฝีปากนี่ชิงแชมป์โลก เสมือนเด็กเกรียนแพ้เกมส์แล้วด่ากราดไปทั่ว Noob สัสๆ
แต่ก็ยังมีคนไทยบางจำพวกขุดคำนี้ขึ้นด่าชาติตัวเองประหนึ่งว่ามึงภูมิใจมาก ฟินสุดๆ แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นคำพูดของไอ้พวกขี้แพ้ ซึ่งมันก็เหมาะกับไอ้พวกขี้แพ้แบบลิเบอร่านดีนะครับ
คนแพ้ก็ได้แต่เห่า ส่วนคนชนะก็นั่งฟังแบบเหนือๆ ถถถ
"กระต่ายที่อยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า นายไม่คิดว่ากระต่ายตัวนั้นเจ๋งรึไง"
ฮายาชิดะ ชินจิโร่
#เฮียเกา
#####################################################
อาณาจักรไหนที่ชาติมหาอำนาจล่าอาณานิคมได้ยากสุดครับ? [Link]
สำหรับหลายๆคน "Siamese Talk" คือคำด่า ที่ฝรั่งเอาไว้ใช้ด่าคนไทย
แต่สำหรับเฮียแล้ว มันคือคำชม ที่ได้ยินทีไรก็เป็นต้องยืดทุกที
ทุกท่านเอ๋ย โปรดจงรู้ไว้เถิด ไอ้คำว่า "Siamese Talk" เนี่ย เป็นคำที่แสดงถึงแสนยานุภาพด้านการทูตของไทยจนถึงขนาดต้องบัญญัติศัพท์มาด่าโดยเฉพาะ
เพราะฉะนั้นเฮียจึงไอด้อนแคร์เอามากๆ เพราะพวกยูแม่งเสือกโง่ไม่ทันเหลี่ยมไอเอง
จะแคร์อะไรกับคำพูดไอ้ขี้แพ้อย่างอังกฤษ
แถมไอ้หัวทองอย่างพวกยูมาด่าไอว่านกสองหัว แหม่ตัวเองสันดานดีตายห่า ทั้งตอแหล หน้าด้าน ขี้โกง เอาเปรียบ สันดานอย่างพวกยูพูดเรื่องนี้ได้หรือ
ว่างๆไม่มีอะไรทำก็ร่างสนธิสัญญามาเอาเปรียบชาวบ้าน รอบที่แล้วโดนไปทีนึงก็น่าจะรู้พิษสงด้านการทูตของประเทศไอแล้วนะ แต่ไม่เข็ด ว้อนรอบสอง นี่ไอไม่อยากจะด่าควายนะ เพราะควายมันยังรู้เรื่องกว่ายูอีก
สิงโตที่โดนกระต่ายกระโดดกัดหูแล้วหนีไปเห่าอยู่ในถ้ำ ยังกล้าออกมาด่ากระต่ายว่าเล่นไม่แฟร์อีกหรอ
เผื่อใครไม่รู้นะครับ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นยกพลมาบุกไทยแบบสายฟ้าแลบ จอมพลปอนายกสมัยนั้นขอความช่วยเหลือไปยังอังกฤษสัญญาว่าจะช่วย พอถึงเวลาจริงเสือกบอกตัวใครตัวมัน ดูดู๊สันดานไอ้คนที่มันยกตัวเองว่าเป็นผู้ดี สุภาพบรุษ ตระบัติสัตย์หน้าด้านๆ พอๆกับเพื่อนฝรั่งเศสของมึงเลย สุดท้ายจอมพลปอก็ตัดสินใจยอมเป็นเพื่อนกับญี่ปุ่นแม่งเลย
นี่เป็นการตัดสินที่เฮียโอเคเลยเพราะจอมพลปอเลือกได้ฉลาดเอามากๆทำให้ไทยรอดพ้นจากการเป็นนานกิงสาขาสองได้สำเร็จ ถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องทีาเฮียชมจอมพลปอ
แต่ก็ใช่ว่าไทยเราจะไว้ใจญี่ปุ่น จอมพลปอก็แอบมีหลังไมค์กับฝ่ายสัมพันธมิตรไว้เหมือนกัน ไหนจะขบวนการเสรีไทยอีก
แม้จะประกาศว่าอยู่ฝ่ายอักษะอย่างเป็นทางการ แต่ลับหลังก็ช่วยฝ่ายสัมพันธมิตร เพราะในสงคราม ไม่รมีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร ฝ่ายไหนชนะก็อยู่กับคนนั้น
ชนะได้โดยไม่ต้องรบ ฉลาดชิบหาย
กลยุทธ์ทางตำราพิชัยสงครามที่ดีที่สุดไทยเราใช้มาแล้วนะครับแหม่
สุดท้าย หลังจบสงครามอังกฤษแม่งก็รีบเสนอหน้า "มาเลยมึง มึงแพ้แล้ว จ่ายค่าปรับกูมาซะดีๆ"
ดูดู๊สันดานของอังกฤษ ว่าตอแหลขนาดไหน
มรว.เสนีย์ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า "คxยเหอะ"
อันที่จริงท่านไม่ได้พูด แต่เฮียเชื่อว่าท่านรู้สึก ถถถ
ซึ่ง มรว.เสนีย์ ปราโมทย์ นี่แหละคือคีย์แมนคนสำคัญที่คนควรจดจำในศึกครั้งนี้
ถามว่าสำคัญระดับไหน ก็ประมาณกุยแกในศึกกัวต๋อแหละครับ
แต่คนดันพาไปจำใครก็ไม่รู้ ทั้งที่ระดับความเป็นคีย์แมนเทียบกันไม่ได้แต่เสือกเขียนซะเป็นพระเอกเลย
แม้อังกฤษจะร่างสนธิสัญญาโคตรเอาเปรียบ และจะยัดให้เราเป็นผู้แพ้ ซึ่งตอนนั้นไทยเสียเปรียบแทบทุกด้าน สัญญาฉบับนี้เอาเปรียบชนิดที่ว่า ถ้าจะทำขนาดนี้เอากูไปเป็นเมืองขึ้นเลยเหอะ
มรว.เสนีย์ จึงสวมวิญญานเด็กไทยหัวใจแครี่พลิกเกมส์ด้วยการปล่อยข่าวให้ไปถึงหูอเมริกา
อเมริกาพอได้ทราบเรื่องถึงกับตบเข่าฉาดดด
โธ่ๆไอ้อังกฤษคิดจะชุบมือเปิปหรอ เขตนี้มันถิ่นอั๊ว ให้มันรู้ซะบ้างว่าถิ่นใครเป็นถิ่นใคร ว่าแล้วนักเลงอเมริกันก็แสดงพาวเวอร์ จนอังกฤษพับโต๊ะเจรจาหนีกลับบ้านแทบไม่ทัน
ก่อนจะไปประกาศให้ชาวโลกรู้ถึงความพ่ายแพ้ของตัวเองด้วยการบัญญัติคำว่า Siamese Talk ขึ้นมา
แน่นอนว่าคำนี้ก็ไม่ฮิตเท่าที่ควร เพราะยิ่งพูดเดี๋ยวเค้าจะยิ่งรู้ว่าฝีมือระดับ อบต. แต่ฝีปากนี่ชิงแชมป์โลก เสมือนเด็กเกรียนแพ้เกมส์แล้วด่ากราดไปทั่ว Noob สัสๆ
แต่ก็ยังมีคนไทยบางจำพวกขุดคำนี้ขึ้นด่าชาติตัวเองประหนึ่งว่ามึงภูมิใจมาก ฟินสุดๆ แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นคำพูดของไอ้พวกขี้แพ้ ซึ่งมันก็เหมาะกับไอ้พวกขี้แพ้แบบลิเบอร่านดีนะครับ
คนแพ้ก็ได้แต่เห่า ส่วนคนชนะก็นั่งฟังแบบเหนือๆ ถถถ
"กระต่ายที่อยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า นายไม่คิดว่ากระต่ายตัวนั้นเจ๋งรึไง"
ฮายาชิดะ ชินจิโร่
#เฮียเกา
#####################################################
อาณาจักรไหนที่ชาติมหาอำนาจล่าอาณานิคมได้ยากสุดครับ? [Link]
ยังยืนยันที่ "สยาม" ครับ
ประเทศที่ไม่ได้เป็นเกาะแบบญี่ปุ่น ไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่และทหารนับล้านแบบจีน แต่มหาอำนาจกลับใช้กลเม็ดทุกอย่างที่เคยทำสำเร็จกับอาณานิคมอื่นๆมาแล้ว มาประเคนใส่สยาม แต่ผลคือ เอาสยามไม่ลง เริ่มจาก
ฝรั่งเศส
- ใช้ข้ออ้างเรื่องการกดขี่ศาสนาคริสต์และสังหารหมู่คณะบาทหลวง เข้ายึดตังเกี๋ย แต่ไม่สามารถใช้กับสยามได้ เพราะสยามให้เสรีภาพด้านศาสนามาตั้งแต่สมัยอยุธยา
- ใช้ข้ออ้างเรื่องรัฐบรรณาการ แบบที่ใช้ยึดสิบสองจุไทยหวังได้ลาวกับเขมรทั้งหมด แต่รัชกาลที่ 4 วางกลอุบายซ่อนลาว แล้วรีบขีดเขมรส่วนนอกให้ฝรั่งเศส ส่วนเขมรส่วนถือเป็นดินแดนสยาม กงสุลฝรั่งเศสรีบกระโดดรับทันที คิดว่าได้เปรียบแน่ๆ แต่ไปๆมาๆ กลับเป็นการรองรับสถานะรัฐบรรณาการของสยาม (ที่เดิม สยามไม่ได้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของตน) ให้กลายเป็นดินแดนของสยามแบบไม่ตั้งใจ สื่อหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสด่ารัฐบาลโคชินไชน่าและกระทรวงอาณานิคมย่อยยับ
- เจอกดดันหนักๆเข้า รัฐบาลฝรั่งเศสจึงยอมหักดิบ สละมาดผู้ดี เอาเรือรบเข้าปากน้ำสยามและกำลังทางบกเข้ายึดที่มั่นข้าหลวงสยามในคำม่วน หวังให้สยามต่อสู้แบบที่เคยทำกับเวียดนาม แต่สยามกับนั่งเป็นเตมีย์ใบ้ ทางน้ำยิงพอหอมปากหอมคอ ทางบกกองทัพข้าหลวงที่อุบลและหนองคายไม่ยอมขยับ
- เรียกค่าปฏิกรรมสงครามแบบที่อังกฤษเคยเล่นงานพม่า เรียกเงิน 3 ล้านฟรังก์ (อังกฤษเรียกจากพม่าที่หนึ่งล้านปอนด์ รัฐบาลอังวะมีปัญญาจ่ายแค่สามสิบเปอร์เซ็น) ฝรั่งเศสคำนวนอยู่แล้วว่าสยามคงมีจ่ายอยู่หรอก เลยใช้กลอุบายบอกว่า เงินสามล้านที่ว่าขอเป็น "เงินกริ้งๆ" เอามาแต่เหรียญล้วนๆ ไม่รับธนบัตร หามาให้ได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงถ้าไม่ได้โดนเรือปืนยิงพระบรมมหาราชวัง ใครๆก็ฟันธงว่าสยามไม่รอด ในเอเชียตะวันออกใครจะมีเงินเหรียญถึง 3 ล้านฟรังก์ ถึงมีก็ไม่มีทางหามาได้ภายในเวลาแบบนั้น แต่...สยามมีจ่าย เงินเม็กซิกันเสียด้วย กริ้งๆเลย ทุกชาติงงเป็นไก่ตาแตก
- ได้ดินแดนลาวกับเขมรไป ซึ่งก็ได้แต่ดินจริงๆ ประชากรหายเกลี้ยง กะให้เป็นแหล่งปลูกข้าวแบบปากแม่น้ำโขงของเวียดนาม แต่...ดินแดนที่ได้จากสยาม มีแต่ภูเขา แม่น้ำโขงก็มีแต่เกาะแก่ง เอาเรือกลไฟล่องได้แค่เวียงจันทน์กับสะหวันนะเขต เรือเมล์ขาดทุนทุกปี ภาษีจากอันนัมเอามาเสียกับลาวและเขมรเยอะมาก
- มีแผนการณ์ที่จะเพิ่มพื้นที่ภาคอีสานเข้ากับโคชินไชน่า แต่เจอแรงกดดันจากจักรวรรดิรัสเซีย และแรงสนับสนุนสยามของจักรวรรดิออสเตรีย-เยอรมัน หนำซ้ำสยามยัง "เล่นการเมืองเป็น" โดยการยิงทะลุใจกลางฝรั่งเศส คือ ล๊อบบี้เจ้าราชนิกูลของราชวงศ์บูร์บงที่กลับมามีอิทธิพลอย่างลับๆในรัฐบาลฝรั่งเศสภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ทำให้กระทรวงอาณานิคมฝรั่งเศสถึงกับอึ้งเลยทีเดียว แผนการณ์กลืนดินแดนสยามจึงหยุดชะงักแบบนั้น
อังกฤษ
- เจออิทธิฤทธิ์จากรัฐบาลสยามครั้งแรกตอนสนธิสัญญาเบอร์นี่ ในสมัย ร.3 รัฐบาลอังกฤษด่าราชทูตเฮนรี่ เบอร์นี่ ที่ส่งไปจากสิงคโปร์แบบหัวเสีย ไปทำสัญญาบ้าอะไรกับสยาม ถึงทำให้บริษัทอังกฤษต้องจ่ายภาษีให้สยามมากกว่าจ่ายให้จีนอีก แถมเรืออังกฤษเข้าเมืองท่าสยามจะมีสินค้าหรือไม่ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมปากเรือ แล้วยังต้องมาซื้อไม้สักจากพ่อค้าคนกลางคือรัฐบาลสยามอีก
- อังกฤษเตรียมแก้มือคืน โดยการแก้ไขสัญญาใหม่ และเตรียมนำเรือรบปิดปากอ่าวบีบให้ทำสัญญาแบบเดียวกับที่ทำกับจีน เป็นเชิงยั่วยุ มีหวังผลนิดๆว่าสยามจะฟิวขาดแบบพม่า แต่...เจอการทูตจากรัฐบาลสยามชุดใหม่ที่มาแบบงงๆ เกิดเป็นสนธิสัญญาเบาริ่งแบบงงๆ เช่นกัน
- ราชทูตอังกฤษที่เข้ามาสยามครั้งนั้น เซอร์จอห์น เบาริ่ง เจ้าเมืองฮ่องกง ผู้ที่เคยเล่นงานราชวงศ์ชิงจากการเป็นตัวตั้งตัวตีในสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ที่อังกฤษหวังให้เล่นงานสยามบ้างจากสนธิสัญญาเบอร์นี่ หลังย้ายออกจากฮ่องกง อยู่ๆก็ได้เป็นรับการแต่งตั้งเป็น "พระยาสยามานุกูลกิจ" ตำแหน่งอัครทูตสยามประจำลอนดอนคนแรก....เอากับสยามสิ แต่งทูตอังกฤษสายเหยี่ยว มาเป็นทูตตัวเองประจำอังกฤษ หนามยอกเอาหนามบ่ง ใครจะคิดบ้างล่ะ
- อังกฤษวางแผนใหม่ ใช้แผนที่เคยทำกับราชสำนักชิง โดยการปล่อยกู้ให้สร้างทางรถไฟแก่สยามในสมัย ร.4 ผลก็คือ...อ๋อ ไม่เป็นไร เรากำลังมีโปรเจคของเราในเร็วๆนี้ ขอบคุณมากสำหรับข้อเสนอ
- พม่าเคยเป็นตัวตลกในราชสำนักอังกฤษ ด้วยพระราชสาส์นพระเจ้ามินดงถึงพระราชินีวิกตอเรีย เรียกพระนางว่า "พระน้องนางเรา" ทำให้จะเจรจาอะไรก็ติดขัดไปหมด พอมาถึงคราวสยาม นอกจากพระราชสาส์นจะเป็นแบบประเทศทั่วไปในภาคพื้นยุโรปแล้ว ยังมีจดหมายน้อยจากพระเจ้าแผ่นดินสยามมาถึง พระนางเจ้าผู้เป็นใหญ่แห่งทวีปบริเตนและไอร์แลนด์ ผู้เป็นสหายของเรา นี่คือแสดงถึงความเป็นประเทศศิวิไลซ์ของสยามถึงขีดสุดเลยทีเดียว
- อังกฤษเจอสยามใช้วิธีขีดมลายูออกเป็น 2 ส่วน แบบที่ทำกับเขมร ผลคือ อังกฤษรับรองสถานะดินแดนสยามเหนือปัตตานีและมลายูตอนเหนือ
- อังกฤษเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ โดยใช้ไทใหญ่โมเดลในการพิชิตราชสำนักอังวะ พยายามจะสนับสนุนกลุ่มหัวเมืองล้านนาให้มาเป็นรัฐอารักขาแบบไทใหญ่ แต่เจอยุทธวิธีตั้งข้าหลวงต่างพระองค์ไปประจำการแบบรัฐบาลส่วนภูมิภาค เจ้าล้านนาขยับอะไรไม่ได้เลย
ปกติ ประเทศแถบนี้ จะใช้อังกฤษมาคานอำนาจฝรั่งเศส หรือใช้ฝรั่งเศสมาคานอำนาจอังกฤษ ซึ่งทั้งสองรู้กลยุทธ์นี้ดี และไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ประเทศเอเชียเด็ดขาด ผลก็คือ ทั้งสองประเทศแอบจับมือกันลับๆ ไม่ยอมตีกัน ซึ่งพม่าพิสูจน์มาแล้ว ที่ดันไปไว้ใจฝรั่งเศสในการคานอำนาจอังกฤษ ตอนอังกฤษจะยึดมัณฑเลย์ พม่าร้องหาฝรั่งเศสจนเฮือกสุดท้าย แต่พี่แกก็นั่งฉีกขนมปังมองดูเฉยๆ สำหรับสยาม......ล้ำกว่านั้นมาก รู้เช่นเห็นชาติสองมหาอำนาจนี้มานานแล้ว และสยามก็ยังรู้จักการเมืองในภาคพื้นยุโรปดีกว่าประเทศเอเชียอื่นๆ ด้วย คานอำนาจนั้นยังเป็นวิธีที่ดีแต่ต้องทำให้เป็น สยามจึงไปใช้มหาอำนาจที่เขาคานกันจริงๆกับฝรั่งเศสและอังกฤษ นั่นคือจักรวรรดิออสเตรีย-เยอรมันและจักรวรรดิรัสเซีย และไม่ได้ทำโดยการทูตธรรมดาๆ แต่พระเจ้าแผ่นดินสยามเข้ามาเล่นเกมส์นี้ด้วยพระองค์เองทีเดียว ให้ความสนิทสนมระหว่างพระราชวงศ์ต่อพระราชวงศ์ เรียกว่าแน่นแฟ้นมาก
ตอนนั้น สยามเป็นประเทศเดียวในเอเชียจริงๆ ที่เล่นเกมส์การเมืองแบบนี้ ฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็ไปไม่เป็นอีกเช่นกัน
เรื่องที่บอกว่า สยามรอดมาได้เพราะดวงล้วนๆ ฝรั่งเศสและอังกฤษจะใช้สยามเป็นรัฐกันชน อันนี้คือคำแก้เกี้ยวครับ
แนวคิดเรื่องรัฐกันชนมีจริงครับ แต่เป็นแค่ดินแดนเล็กๆบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ทั้งสองประเทศจะเหลือไว้ให้สยาม
อังกฤษหมายปองไม้สักจากล้านนา พอๆกับฝรั่งเศสหมายปองภาคอีสานของสยามนั่งแหล่ะ
แต่...ได้แค่มองเท่านั้น
ก็คิดดูว่า ในหนังสือหรือตำราด้านการทูตระหว่างประเทศของโลกตะวันตก มีบรรจุคำว่า "Siamese Talk" ซึ่งหนึ่งในผลงานเรื่องที่ดังมากคือตอนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ทีมทูตเราแถเรื่องที่ว่าเราอยู่ฝ่ายอักษะนั้นเป็นโมฆะ เพราะเรามีเสรีไทยที่ช่วยลับๆนะเออ
ในความหมายของฝรั่งตะวันตก มันเป็นคำเชิงดูถูกว่า คนไทยนี่มีการทูตแบบเหลี่ยมจัด เชื่อถือไม่ได้ เป็นพวกจิ้งจกเปลี่ยนสี เพราะกลิ้งกลอกได้ทุกเมื่อ
แต่สำหรับคนไทย และประเทศเล็กๆอย่างไทยที่ต้องรับมือชาติมหาอำนาจ นี่ถือว่าเป็นคำชมเลยครับ เพราะการต้องทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองอยู่รอดจากการเข้ามาปกครองของต่างชาติ ไม่มีคำว่าวิธีการเท่าไรนัก ใช้เล่ห์ได้แค่ไหนก็ต้องใช้ เพราะถ้ามามัวอิดออดโน่นนี่ เราก็อาจจะกลายเป็นแบบ จีน อินเดีย เวียดนาม ลาว และพม่า เอาง่ายๆเลย จีนนี่ถึงขนาดมีป้ายห้าม หมาและคนจีนเข้า ส่วนพม่านี่อังกฤษมาวางระเบิดเรื่องชนเผ่าไว้อีก
ถ้านอกจากประเทศไทยเรา ผมให้ญี่ปุ่น โดยเฉพาะตอนเปิดประเทศและเริ่มสร้างจักรวรรดิญี่ปุ่นครับ ส่วนจีนนี่มารับมือมหาอำนาจตะวันตกได้จริงๆคือตอนหลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์กุมอำนาจแล้ว ก่อนหน้านี้โดนแปดชาติตะวันตกรุมทึ้ง
ส่วนเรื่องที่รัชกาลที่ 3 ทรงชอบค้าขายนี่ แล้วนำไปสู่เงินถุงแดงนี่ ตอนแรกคงไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีส่วนช่วยบ้านเมืองในภายหลังได้ขนาดนั้น และกุศโลบายขององค์รัชกาลที่ 4-5 ในเวลาต่อมาก็ทรงทำได้ชาญฉลาดยิ่ง
เสริมภาพฉบับเต็มที่ลงในหนังสือพิมพ์ของยุโรป แล้วดังไปทั่วโลก
ภาพถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่นั่งเสมอกัน ภาพนี้แหละคือหมัดเด็ดเลยครับ โด่งดังทั่วยุโรป แล้วจังหวะของพระองค์ดีมาก ที่ทรงไปรัสเซียก่อนหน้าที่ราชวงศ์โรมานอฟจะล่มสลายในเวลาต่อมา
และปล.อีกครั้ง ผมกำลังจะสอบนักการทูต วุฒิป.โท ขอเอาฤกษ์เอาชัยด้วยภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์รัชกาลที่ 5 ครับ และถ้าได้ตำแหน่งมา จะขอปฏิญาณตนว่าจะใช้ความสามารถที่มีและที่จะพัฒนาตนเอง เพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่ครับ
ประเทศที่ไม่ได้เป็นเกาะแบบญี่ปุ่น ไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่และทหารนับล้านแบบจีน แต่มหาอำนาจกลับใช้กลเม็ดทุกอย่างที่เคยทำสำเร็จกับอาณานิคมอื่นๆมาแล้ว มาประเคนใส่สยาม แต่ผลคือ เอาสยามไม่ลง เริ่มจาก
ฝรั่งเศส
- ใช้ข้ออ้างเรื่องการกดขี่ศาสนาคริสต์และสังหารหมู่คณะบาทหลวง เข้ายึดตังเกี๋ย แต่ไม่สามารถใช้กับสยามได้ เพราะสยามให้เสรีภาพด้านศาสนามาตั้งแต่สมัยอยุธยา
- ใช้ข้ออ้างเรื่องรัฐบรรณาการ แบบที่ใช้ยึดสิบสองจุไทยหวังได้ลาวกับเขมรทั้งหมด แต่รัชกาลที่ 4 วางกลอุบายซ่อนลาว แล้วรีบขีดเขมรส่วนนอกให้ฝรั่งเศส ส่วนเขมรส่วนถือเป็นดินแดนสยาม กงสุลฝรั่งเศสรีบกระโดดรับทันที คิดว่าได้เปรียบแน่ๆ แต่ไปๆมาๆ กลับเป็นการรองรับสถานะรัฐบรรณาการของสยาม (ที่เดิม สยามไม่ได้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของตน) ให้กลายเป็นดินแดนของสยามแบบไม่ตั้งใจ สื่อหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสด่ารัฐบาลโคชินไชน่าและกระทรวงอาณานิคมย่อยยับ
- เจอกดดันหนักๆเข้า รัฐบาลฝรั่งเศสจึงยอมหักดิบ สละมาดผู้ดี เอาเรือรบเข้าปากน้ำสยามและกำลังทางบกเข้ายึดที่มั่นข้าหลวงสยามในคำม่วน หวังให้สยามต่อสู้แบบที่เคยทำกับเวียดนาม แต่สยามกับนั่งเป็นเตมีย์ใบ้ ทางน้ำยิงพอหอมปากหอมคอ ทางบกกองทัพข้าหลวงที่อุบลและหนองคายไม่ยอมขยับ
- เรียกค่าปฏิกรรมสงครามแบบที่อังกฤษเคยเล่นงานพม่า เรียกเงิน 3 ล้านฟรังก์ (อังกฤษเรียกจากพม่าที่หนึ่งล้านปอนด์ รัฐบาลอังวะมีปัญญาจ่ายแค่สามสิบเปอร์เซ็น) ฝรั่งเศสคำนวนอยู่แล้วว่าสยามคงมีจ่ายอยู่หรอก เลยใช้กลอุบายบอกว่า เงินสามล้านที่ว่าขอเป็น "เงินกริ้งๆ" เอามาแต่เหรียญล้วนๆ ไม่รับธนบัตร หามาให้ได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงถ้าไม่ได้โดนเรือปืนยิงพระบรมมหาราชวัง ใครๆก็ฟันธงว่าสยามไม่รอด ในเอเชียตะวันออกใครจะมีเงินเหรียญถึง 3 ล้านฟรังก์ ถึงมีก็ไม่มีทางหามาได้ภายในเวลาแบบนั้น แต่...สยามมีจ่าย เงินเม็กซิกันเสียด้วย กริ้งๆเลย ทุกชาติงงเป็นไก่ตาแตก
- ได้ดินแดนลาวกับเขมรไป ซึ่งก็ได้แต่ดินจริงๆ ประชากรหายเกลี้ยง กะให้เป็นแหล่งปลูกข้าวแบบปากแม่น้ำโขงของเวียดนาม แต่...ดินแดนที่ได้จากสยาม มีแต่ภูเขา แม่น้ำโขงก็มีแต่เกาะแก่ง เอาเรือกลไฟล่องได้แค่เวียงจันทน์กับสะหวันนะเขต เรือเมล์ขาดทุนทุกปี ภาษีจากอันนัมเอามาเสียกับลาวและเขมรเยอะมาก
- มีแผนการณ์ที่จะเพิ่มพื้นที่ภาคอีสานเข้ากับโคชินไชน่า แต่เจอแรงกดดันจากจักรวรรดิรัสเซีย และแรงสนับสนุนสยามของจักรวรรดิออสเตรีย-เยอรมัน หนำซ้ำสยามยัง "เล่นการเมืองเป็น" โดยการยิงทะลุใจกลางฝรั่งเศส คือ ล๊อบบี้เจ้าราชนิกูลของราชวงศ์บูร์บงที่กลับมามีอิทธิพลอย่างลับๆในรัฐบาลฝรั่งเศสภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ทำให้กระทรวงอาณานิคมฝรั่งเศสถึงกับอึ้งเลยทีเดียว แผนการณ์กลืนดินแดนสยามจึงหยุดชะงักแบบนั้น
อังกฤษ
- เจออิทธิฤทธิ์จากรัฐบาลสยามครั้งแรกตอนสนธิสัญญาเบอร์นี่ ในสมัย ร.3 รัฐบาลอังกฤษด่าราชทูตเฮนรี่ เบอร์นี่ ที่ส่งไปจากสิงคโปร์แบบหัวเสีย ไปทำสัญญาบ้าอะไรกับสยาม ถึงทำให้บริษัทอังกฤษต้องจ่ายภาษีให้สยามมากกว่าจ่ายให้จีนอีก แถมเรืออังกฤษเข้าเมืองท่าสยามจะมีสินค้าหรือไม่ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมปากเรือ แล้วยังต้องมาซื้อไม้สักจากพ่อค้าคนกลางคือรัฐบาลสยามอีก
- อังกฤษเตรียมแก้มือคืน โดยการแก้ไขสัญญาใหม่ และเตรียมนำเรือรบปิดปากอ่าวบีบให้ทำสัญญาแบบเดียวกับที่ทำกับจีน เป็นเชิงยั่วยุ มีหวังผลนิดๆว่าสยามจะฟิวขาดแบบพม่า แต่...เจอการทูตจากรัฐบาลสยามชุดใหม่ที่มาแบบงงๆ เกิดเป็นสนธิสัญญาเบาริ่งแบบงงๆ เช่นกัน
- ราชทูตอังกฤษที่เข้ามาสยามครั้งนั้น เซอร์จอห์น เบาริ่ง เจ้าเมืองฮ่องกง ผู้ที่เคยเล่นงานราชวงศ์ชิงจากการเป็นตัวตั้งตัวตีในสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ที่อังกฤษหวังให้เล่นงานสยามบ้างจากสนธิสัญญาเบอร์นี่ หลังย้ายออกจากฮ่องกง อยู่ๆก็ได้เป็นรับการแต่งตั้งเป็น "พระยาสยามานุกูลกิจ" ตำแหน่งอัครทูตสยามประจำลอนดอนคนแรก....เอากับสยามสิ แต่งทูตอังกฤษสายเหยี่ยว มาเป็นทูตตัวเองประจำอังกฤษ หนามยอกเอาหนามบ่ง ใครจะคิดบ้างล่ะ
- อังกฤษวางแผนใหม่ ใช้แผนที่เคยทำกับราชสำนักชิง โดยการปล่อยกู้ให้สร้างทางรถไฟแก่สยามในสมัย ร.4 ผลก็คือ...อ๋อ ไม่เป็นไร เรากำลังมีโปรเจคของเราในเร็วๆนี้ ขอบคุณมากสำหรับข้อเสนอ
- พม่าเคยเป็นตัวตลกในราชสำนักอังกฤษ ด้วยพระราชสาส์นพระเจ้ามินดงถึงพระราชินีวิกตอเรีย เรียกพระนางว่า "พระน้องนางเรา" ทำให้จะเจรจาอะไรก็ติดขัดไปหมด พอมาถึงคราวสยาม นอกจากพระราชสาส์นจะเป็นแบบประเทศทั่วไปในภาคพื้นยุโรปแล้ว ยังมีจดหมายน้อยจากพระเจ้าแผ่นดินสยามมาถึง พระนางเจ้าผู้เป็นใหญ่แห่งทวีปบริเตนและไอร์แลนด์ ผู้เป็นสหายของเรา นี่คือแสดงถึงความเป็นประเทศศิวิไลซ์ของสยามถึงขีดสุดเลยทีเดียว
- อังกฤษเจอสยามใช้วิธีขีดมลายูออกเป็น 2 ส่วน แบบที่ทำกับเขมร ผลคือ อังกฤษรับรองสถานะดินแดนสยามเหนือปัตตานีและมลายูตอนเหนือ
- อังกฤษเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ โดยใช้ไทใหญ่โมเดลในการพิชิตราชสำนักอังวะ พยายามจะสนับสนุนกลุ่มหัวเมืองล้านนาให้มาเป็นรัฐอารักขาแบบไทใหญ่ แต่เจอยุทธวิธีตั้งข้าหลวงต่างพระองค์ไปประจำการแบบรัฐบาลส่วนภูมิภาค เจ้าล้านนาขยับอะไรไม่ได้เลย
ปกติ ประเทศแถบนี้ จะใช้อังกฤษมาคานอำนาจฝรั่งเศส หรือใช้ฝรั่งเศสมาคานอำนาจอังกฤษ ซึ่งทั้งสองรู้กลยุทธ์นี้ดี และไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ประเทศเอเชียเด็ดขาด ผลก็คือ ทั้งสองประเทศแอบจับมือกันลับๆ ไม่ยอมตีกัน ซึ่งพม่าพิสูจน์มาแล้ว ที่ดันไปไว้ใจฝรั่งเศสในการคานอำนาจอังกฤษ ตอนอังกฤษจะยึดมัณฑเลย์ พม่าร้องหาฝรั่งเศสจนเฮือกสุดท้าย แต่พี่แกก็นั่งฉีกขนมปังมองดูเฉยๆ สำหรับสยาม......ล้ำกว่านั้นมาก รู้เช่นเห็นชาติสองมหาอำนาจนี้มานานแล้ว และสยามก็ยังรู้จักการเมืองในภาคพื้นยุโรปดีกว่าประเทศเอเชียอื่นๆ ด้วย คานอำนาจนั้นยังเป็นวิธีที่ดีแต่ต้องทำให้เป็น สยามจึงไปใช้มหาอำนาจที่เขาคานกันจริงๆกับฝรั่งเศสและอังกฤษ นั่นคือจักรวรรดิออสเตรีย-เยอรมันและจักรวรรดิรัสเซีย และไม่ได้ทำโดยการทูตธรรมดาๆ แต่พระเจ้าแผ่นดินสยามเข้ามาเล่นเกมส์นี้ด้วยพระองค์เองทีเดียว ให้ความสนิทสนมระหว่างพระราชวงศ์ต่อพระราชวงศ์ เรียกว่าแน่นแฟ้นมาก
ตอนนั้น สยามเป็นประเทศเดียวในเอเชียจริงๆ ที่เล่นเกมส์การเมืองแบบนี้ ฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็ไปไม่เป็นอีกเช่นกัน
เรื่องที่บอกว่า สยามรอดมาได้เพราะดวงล้วนๆ ฝรั่งเศสและอังกฤษจะใช้สยามเป็นรัฐกันชน อันนี้คือคำแก้เกี้ยวครับ
แนวคิดเรื่องรัฐกันชนมีจริงครับ แต่เป็นแค่ดินแดนเล็กๆบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ทั้งสองประเทศจะเหลือไว้ให้สยาม
อังกฤษหมายปองไม้สักจากล้านนา พอๆกับฝรั่งเศสหมายปองภาคอีสานของสยามนั่งแหล่ะ
แต่...ได้แค่มองเท่านั้น
ก็คิดดูว่า ในหนังสือหรือตำราด้านการทูตระหว่างประเทศของโลกตะวันตก มีบรรจุคำว่า "Siamese Talk" ซึ่งหนึ่งในผลงานเรื่องที่ดังมากคือตอนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ทีมทูตเราแถเรื่องที่ว่าเราอยู่ฝ่ายอักษะนั้นเป็นโมฆะ เพราะเรามีเสรีไทยที่ช่วยลับๆนะเออ
ในความหมายของฝรั่งตะวันตก มันเป็นคำเชิงดูถูกว่า คนไทยนี่มีการทูตแบบเหลี่ยมจัด เชื่อถือไม่ได้ เป็นพวกจิ้งจกเปลี่ยนสี เพราะกลิ้งกลอกได้ทุกเมื่อ
แต่สำหรับคนไทย และประเทศเล็กๆอย่างไทยที่ต้องรับมือชาติมหาอำนาจ นี่ถือว่าเป็นคำชมเลยครับ เพราะการต้องทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองอยู่รอดจากการเข้ามาปกครองของต่างชาติ ไม่มีคำว่าวิธีการเท่าไรนัก ใช้เล่ห์ได้แค่ไหนก็ต้องใช้ เพราะถ้ามามัวอิดออดโน่นนี่ เราก็อาจจะกลายเป็นแบบ จีน อินเดีย เวียดนาม ลาว และพม่า เอาง่ายๆเลย จีนนี่ถึงขนาดมีป้ายห้าม หมาและคนจีนเข้า ส่วนพม่านี่อังกฤษมาวางระเบิดเรื่องชนเผ่าไว้อีก
ถ้านอกจากประเทศไทยเรา ผมให้ญี่ปุ่น โดยเฉพาะตอนเปิดประเทศและเริ่มสร้างจักรวรรดิญี่ปุ่นครับ ส่วนจีนนี่มารับมือมหาอำนาจตะวันตกได้จริงๆคือตอนหลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์กุมอำนาจแล้ว ก่อนหน้านี้โดนแปดชาติตะวันตกรุมทึ้ง
ส่วนเรื่องที่รัชกาลที่ 3 ทรงชอบค้าขายนี่ แล้วนำไปสู่เงินถุงแดงนี่ ตอนแรกคงไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีส่วนช่วยบ้านเมืองในภายหลังได้ขนาดนั้น และกุศโลบายขององค์รัชกาลที่ 4-5 ในเวลาต่อมาก็ทรงทำได้ชาญฉลาดยิ่ง
เสริมภาพฉบับเต็มที่ลงในหนังสือพิมพ์ของยุโรป แล้วดังไปทั่วโลก
ภาพถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่นั่งเสมอกัน ภาพนี้แหละคือหมัดเด็ดเลยครับ โด่งดังทั่วยุโรป แล้วจังหวะของพระองค์ดีมาก ที่ทรงไปรัสเซียก่อนหน้าที่ราชวงศ์โรมานอฟจะล่มสลายในเวลาต่อมา
และปล.อีกครั้ง ผมกำลังจะสอบนักการทูต วุฒิป.โท ขอเอาฤกษ์เอาชัยด้วยภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์รัชกาลที่ 5 ครับ และถ้าได้ตำแหน่งมา จะขอปฏิญาณตนว่าจะใช้ความสามารถที่มีและที่จะพัฒนาตนเอง เพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่ครับ
Like : Chengy, nueng93, dokushin00, superKman
View all 1 comments >
# Thu 28 Sep 2017 : 9:35AM
ไทยเป็นประเทศเล็กที่ ทหารกับ,เทคโน ไม่สามารถสู้ได้ในตอนนั้น. ทางรอดเรามีไม่มาก ที่ทำกันมาเพราะหวังจะนำพาให้ประเทศรอดมาได้ไม่ให้โดนคนชาติอื่นมากดขี่
ถ้าสู้ตรงๆไม่ได้มันก็ต้องออกแนวเจ้าเลห์ เอาตัวรอดเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่จริงก็โดนเฉือนพื้นที่ไปเยอะนะ แต่ความอดทนของฝ่ายผู้นำก็สูงจริงๆ
ถ้าสู้ตรงๆไม่ได้มันก็ต้องออกแนวเจ้าเลห์ เอาตัวรอดเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่จริงก็โดนเฉือนพื้นที่ไปเยอะนะ แต่ความอดทนของฝ่ายผู้นำก็สูงจริงๆ
View all 2 comments >
# Thu 28 Sep 2017 : 10:59AM
พูดเรื่อง siamese talk คิดถึง meme นี่เลย ฮา
Like : dukedick, Iseria Queen
View all 1 comments >
# Thu 28 Sep 2017 : 11:36AM
View all 3 comments >
# Thu 28 Sep 2017 : 11:50AM
แต่ละคนบอกให้พม่า ลดความรุนแรงลง มันมีกี่คนที่บอกว่าให้กลุ่มก่อการร้ายมันวางอาวุธก่อนมั้งฟะ
เป็นทหารของรัฐมันก็ต้องถือปืนเอาตัวเข้าเสี่ยงเพื่อความสงบสุขของรัฐสิ่ ใครถือปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติยังไงทหารมันก็ต้องจัดการ
เป็นทหารของรัฐมันก็ต้องถือปืนเอาตัวเข้าเสี่ยงเพื่อความสงบสุขของรัฐสิ่ ใครถือปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติยังไงทหารมันก็ต้องจัดการ
Like : PNA888, Iseria Queen, Gg™, Public_Enemy_, nope! can\'t!
View all 1 comments >
# Thu 28 Sep 2017 : 9:54PM
รบ.ศรีลังกาประณามม็อบพระที่บุกโจมตีโรฮิงญาว่า 'สัตว์' https://news.voicetv.co.th/world/527626.html
โฆษกรัฐบาลศรีลังกาประณามกลุ่มพระสงฆ์หัวรุนแรงที่บุกโจมตี 'เซฟเฮาส์' ของชาวโรฮิงญาในกรุงโคลอมโบว่า ไม่ใช่พระสงฆ์ที่แท้จริงแต่เป็นสัตว์ พร้อมระบุว่า ในฐานะชาวพุทธรู้สึกอับอายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และจะเร่งลงโทษตำรวจที่ล้มเหลวในการปกป้องชาวโรฮิงญา
'เซฟเฮาส์' ที่ถูกกลุ่มพระสงฆ์บุกโจมตีแห่งนี้ เป็น 'เซฟเฮาส์' ภายใต้การดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และมีชาวโรฮิงญาพำนักอยู่ 31 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 6 คน และเด็ก 16 คน โดยชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ได้รับการช่วยเหลือจากนาวิกโยธินศรีลังกาเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้ว หลังจากนาวิกโยธินพบเรือของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากลุ่มนี้นอกชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งชาวโรฮิงญาเหล่านี้เคยอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในรัฐทมิฬนาฑูของอินเดียเป็นเวลาหลายปี ก่อนจะหลบหนีออกมา
นายราจิธายังแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า 'ในฐานะที่เป็นชาวพุทธผมรู้สึกอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น สตรีที่กำลังอุ้มลูกน้อย ถูกบังคับให้ออกจากที่พักซึ่งถูกโจมตีโดยกลุ่มพระสงฆ์'
แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่กลุ่มพระสงฆ์บุกโจมตี 'เซฟเฮาส์' ของชาวโรฮิงญาในครั้งนี้ แต่มีรายงานตำรวจได้รับบาดเจ็บและถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล 2 นาย อย่างไรก็ตาม นายราจิธาเปิดเผยว่า จะใช้มาตรการที่เหมาะสมในการลงโทษตำรวจที่ล้มเหลวในการควบคุมการชุมนุมของกลุ่มม็อบพระ และปกป้องผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
#####################################
เปิดสายสัมพันธ์พระหัวรุนแรง พม่า-ศรีลังกา-ไทย ขบวนการสร้างความเกลียดชัง [Link]
วีระธุ (ขวามือ) ช่วงนี้กำลังเดินสายไปร่วมการชุมนุมต่อต้านชาวโรฮิงญาซึ่งจัดในหลายพื้นที่ของพม่า ป้ายข้างหลังเขียนว่า No Rohingya in Myanmar Cr.ภาพ Khurtai Maisoong
ภายหลังที่มีพระสงฆ์ศรีลังกาและชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้ชุมนุมขัดขวางการชวยเหลือชาวโรฮิงญา อ. ชัยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้โพสต์บทความผ่านเฟสบุค Chainarong Sretthachau เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระพม่ากับพระศรีลังกา
ย้อนรอยความสัมพันธ์ระหว่างพระสงฆ์หัวรุนแรงในพม่ากับศรีลังกา และไทย
พม่า มีกลุ่มพระสงฆ์หัวรุนแรงจัดตั้งขบวนการเคลื่อนไหน 969 เพื่อต่อต้านมุลสิม นำโดยวีระธุ
ศรีลังกา มีกลุ่มโบดู บาลา เสนา หรือบีบีเอส เพื่อต่อต้านมุสลิมในศรีลังกา มีกิริมา วิมาลาโยธี และมีส่วนปลุกปั่นกระแสเกลียดชังชาวมุสลิม คล้ายกับพระวีระธุ
29 กันยายน 2557 บีบีเอสได้เชิญพระวีระธุเข้าร่วมการประชุมของกลุ่มบีบีเอส ในสนามกีฬาในกรุงโคลัมโบ ศรีลังกา และวีระธุประกาศต่อที่ประชุมว่าจะร่วมมือกับบีบีเอส เพื่อปกป้องและคุ้มครองชาวพุทธที่ถูกคุกคามจากศาสนาอิสลาม ขณะที่ชาวมุสลิมได้ต่อต้านการมาพูดของวีระธุ
เมื่อเดือนมีนาคม 2559 วีระธุเคยมารับรางวัลที่วัดพระธรรมกาย และนำนักศึกษาพระพม่าไปดูงานถึงมหาจุฬาฯ แต่ไม่มีสื่อใดรายงาน นอกจากเฟสบุ๊ค ของ อ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์
ขณะที่มีพระสงฆ์ไทยหัวรุนแรงบางรูปสร้างกระแสให้เกิดความเกลียดชังทางศาสนาในสังคม และบางรูปถูกขอจากฝ่ายความมั่นคงให้ลาสิกขาไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้
สำหรับเหตุการณ์ในศรีลังกา เมื่อวันที่ 26 ที่ผ่านมา กลุ่มพระสงฆ์หัวรุนแรงชาวสิงหลได้บุกเข้าโจมตีบ้านพักของชาวโรฮิงญาที่อยู่ภายใต้การดูแลของ UNHCR
หลังเกิดเหตุ นายราจิธา เสนารัตเน โฆษกรัฐบาลศรีลังกาได้ออกมาประณามว่า การกระทำดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน และพระสงฆ์ที่ลงมือก่อเหตุไม่ใช่พระสงฆ์ที่แท้จริง แต่เป็นสัตว์และแสดงความเห็นว่า “ในฐานะที่เป็นชาวพุทธผมรู้สึกอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น สตรีที่กำลังอุ้มลูกน้อย ถูกบังคับให้ออกจากที่พักซึ่งถูกโจมตีโดยกลุ่มพระสงฆ์”
หลังจากนี้ คงต้องจับตาขบวนการเคลื่อนไหวของพระสงฆ์และชาวพุทธชาตินิยมเชิงศาสนาใน 3 ประเทศนี้ อย่างใกล้ชิด เพราะความคิดนี้มีแนวโ้น้มว่าจะขยายตัวได้ง่ายโดยการปั่นกระแสความเกลียดชังทางศาสนาและชาติพันธุ์
พระสงฆ์หัวรุนแรงที่บุกโจมตีบ้านพักชาวโรฮิงญาในโคลอมโบ Cr.ภาพ Voice TV
กลุ่มพระสงฆ์ไทยชูป้าย “we love Virathu” ระหว่างที่วีระธุมารับรางวัลที่ธรรมกาย Cr.ภาพ facebook ดร.ลลิตา หาญวงษ์
############################
ควายในควาย งงในงง หลงคารมจานบิน โดนบิ้วให้เกลียดชัง มันก็โอละเห่ล่ะครับ
ส่วนของบ้านเราไม่เกี่ยวอยู่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงก็มีหน้าที่ผลักดันผู้อพยพออกไป
คือหลายคนก็ยังงงในงง เข้าใจว่าบ้านเราจะรับโรฮิงญาเข้ามา แล้วโรฮิงญาจะสร้างปัญหาแย่งงานคนไทย จะมาก่อความไม่สงบ จะมาทำลายศาสนาพุทธ กันไม่เลิก เห้อ !!
ถ้าเข้าใจจะไม่งงครับ
1./ บ้านเราไม่เคยรับผู้ลี้ภัยครับ ไม่ว่าจากชาติไหน ด็อกเตอร์ด้านวิศวกรรมจากซีเรียมาบ้านเรายังถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ตอนนี้อยู่ในเรือนจำสมุทรปราการ
2./ เรื่องผู้ลี้ภัยในบ้านเราเป็นแบบนี้ครับ ทุกชาติที่มาบ้านเรา เค้าแค่ใช้บ้านเราเป็นทางผ่านไปประเทศที่สาม อย่างพวกปาเลสไตน์ส่วนใหญ่จะไปสวีเดน "โรฮิงญา" ก็เหมือนกันคือไม่มีใครอยากมาอยู่ไทยแต่แค่ผ่านจะไปมาเลเซีย อินโดนิเซีย
โรฮิงญาส่วนใหญ่จะเดินทางโดยเรือ แล้วก็ไปมาเลเซียเลย คือไม่ได้แวะไทย แต่ถ้าสภาพเรือมันแย่ส่วนมากเรือก็จะไปจอดตายอยู่กลางทะเล แบบที่เป็นข่าวบ้านเราบ่อยๆ ถ้าหน่วยงานของรัฐเจอก็จะเอาน้ำมันให้ เอาอาหารเอายาไปให้ ให้เขาไปต่อเอาเอง
แต่ก็มี "โรฮิงญา" บางส่วนที่ใช้วิธีเดินทางผ่านทางชายแดนไทย คือจะต่อรถไปมาเลย์ พวกนี้แหละที่จะถูกจับ ถ้าถูกทางการไทยจับได้ อันนี้ซวย ถึงไม่ค่อยมีใครอยากมาทางนี้ เพราะจะถูกส่งตัวกลับ=กลับไปตาย
และมันมีนายหน้าที่จะช่วยให้ออกไปประเทศที่สาม ที่เป็นพวกมาเฟียค้ามนุษย์ ก็ต้องไปทำสัญญา ทำงานใช้หนี้ ทีนี้ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายพวกน้องสาว ผู้หญิงในบ้านก็จะถูกข่มขืนขัดดอก หรือจับไปขายตัว โรฮิงญาหนึ่งคนมีค่าหัวประมาณ 60,000 บาทขึ้น เวลาบ้านเราจะส่งตัวกลับก็จะไปส่งที่ชายแดน ให้พวกโรฮิงญาเดินกลับไปเอง แต่มันจะมีพวกนายหน้าค้ามนุษย์ที่มันรู้ว่าจะไปปล่อยตัวแถวไหน พวกนี้มันก็จะไปดักรอ พวกโรฮิงญาก็จะถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวตรงนี้ แบบที่มีข่าวคนมีสียศนายพลค้ามนุษย์นั่นแหละ
3./ ผู้ลี้ภัยที่มาบ้านเรา ส่วนใหญ่ทุกชาติมีเป้าหมายคือจะมาขอทำเรื่องลี้ภัยกับ UNHCR ประจำประเทศไทย
มีสองแบบ
3.1 ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวหลอกว่ามาเที่ยว แล้วก็มาทำเรื่องขอลี้ภัยกับ UNHCR ประจำประเทศไทย
*** แต่ไทยไม่ได้เข้าร่วมภาคีสมาชิกกับอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย พ.ศ.2494 ดังนั้นคนที่ลี้ภัยในบ้านเรา ระหว่างรอไปประเทศที่สาม จะไม่ได้รับการปฏิบัติหรือได้รับสิทธิอะไรมาก เด็กก็ไม่มีสิทธิ์เรียนหนังสือ ผู้ใหญ่ก็ไม่มีสิทธิ์ทำงาน คือมาแบบถูกกม.ก็ยังไม่มีสิทธิ์ทำงาน เพราะฉะนั้นผู้ลี้ภัยในบ้านเราจึงไม่มีการแย่งงานคนไทยแน่นอน
3.2 ใช้หนังสือเดินทางปลอมเข้ามาในบ้านเรา แบบนี้ถ้าถูกตม.จับได้ก็ติดคุก
4./ ทีนี้ "โรฮิงญา" ไม่เหมือนข้อ 3./ นะครับ เพราะโรฮิงญาไม่มีสัญชาติ เพราะงั้นโรฮิงญาจึงไม่ต้องการมาพักชั่วคราวในไทยแบบพวกผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลาง คือคนละอย่างเลย
เพราะฉะนั้นโรฮิงญาจะรีบมุ่งตรงไปมาเลย์อย่างเดียวเลยครับ คือต้องรีบไปทำงานในมาเลย์ส่งดอกให้พวกนายหน้า
*** ของบ้านเราเพราะบ้านเราไม่มีกฎหมายภายในเรื่องผู้ลี้ภัย และโรฮิงญาก็ไม่ได้อยากมาอยู่บ้านเรา แต่มาเลย์ อินโดฯ อนุญาติให้โรฮิงญาไปทำงานได้ครับ โรฮิงญาขยันอึดทน (เพราะไม่มีทางเลือก ก็ต้องทุ่มเทแรงกว่าลูกจ้างปกติ) มาเลย์เลยต้องการแพวกนี้ไปเป็นภาคแรงงานสำหรับการพัฒนาประเทศ (บ้านเราเอาจริงๆก็ขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร แต่ที่บ้านเราไม่รับมันเป็นเรื่องของกม.ครับ)
โฆษกรัฐบาลศรีลังกาประณามกลุ่มพระสงฆ์หัวรุนแรงที่บุกโจมตี 'เซฟเฮาส์' ของชาวโรฮิงญาในกรุงโคลอมโบว่า ไม่ใช่พระสงฆ์ที่แท้จริงแต่เป็นสัตว์ พร้อมระบุว่า ในฐานะชาวพุทธรู้สึกอับอายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และจะเร่งลงโทษตำรวจที่ล้มเหลวในการปกป้องชาวโรฮิงญา
'เซฟเฮาส์' ที่ถูกกลุ่มพระสงฆ์บุกโจมตีแห่งนี้ เป็น 'เซฟเฮาส์' ภายใต้การดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และมีชาวโรฮิงญาพำนักอยู่ 31 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 6 คน และเด็ก 16 คน โดยชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ได้รับการช่วยเหลือจากนาวิกโยธินศรีลังกาเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้ว หลังจากนาวิกโยธินพบเรือของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากลุ่มนี้นอกชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งชาวโรฮิงญาเหล่านี้เคยอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในรัฐทมิฬนาฑูของอินเดียเป็นเวลาหลายปี ก่อนจะหลบหนีออกมา
นายราจิธายังแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า 'ในฐานะที่เป็นชาวพุทธผมรู้สึกอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น สตรีที่กำลังอุ้มลูกน้อย ถูกบังคับให้ออกจากที่พักซึ่งถูกโจมตีโดยกลุ่มพระสงฆ์'
แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่กลุ่มพระสงฆ์บุกโจมตี 'เซฟเฮาส์' ของชาวโรฮิงญาในครั้งนี้ แต่มีรายงานตำรวจได้รับบาดเจ็บและถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล 2 นาย อย่างไรก็ตาม นายราจิธาเปิดเผยว่า จะใช้มาตรการที่เหมาะสมในการลงโทษตำรวจที่ล้มเหลวในการควบคุมการชุมนุมของกลุ่มม็อบพระ และปกป้องผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
#####################################
เปิดสายสัมพันธ์พระหัวรุนแรง พม่า-ศรีลังกา-ไทย ขบวนการสร้างความเกลียดชัง [Link]
วีระธุ (ขวามือ) ช่วงนี้กำลังเดินสายไปร่วมการชุมนุมต่อต้านชาวโรฮิงญาซึ่งจัดในหลายพื้นที่ของพม่า ป้ายข้างหลังเขียนว่า No Rohingya in Myanmar Cr.ภาพ Khurtai Maisoong
ภายหลังที่มีพระสงฆ์ศรีลังกาและชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้ชุมนุมขัดขวางการชวยเหลือชาวโรฮิงญา อ. ชัยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้โพสต์บทความผ่านเฟสบุค Chainarong Sretthachau เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระพม่ากับพระศรีลังกา
ย้อนรอยความสัมพันธ์ระหว่างพระสงฆ์หัวรุนแรงในพม่ากับศรีลังกา และไทย
พม่า มีกลุ่มพระสงฆ์หัวรุนแรงจัดตั้งขบวนการเคลื่อนไหน 969 เพื่อต่อต้านมุลสิม นำโดยวีระธุ
ศรีลังกา มีกลุ่มโบดู บาลา เสนา หรือบีบีเอส เพื่อต่อต้านมุสลิมในศรีลังกา มีกิริมา วิมาลาโยธี และมีส่วนปลุกปั่นกระแสเกลียดชังชาวมุสลิม คล้ายกับพระวีระธุ
29 กันยายน 2557 บีบีเอสได้เชิญพระวีระธุเข้าร่วมการประชุมของกลุ่มบีบีเอส ในสนามกีฬาในกรุงโคลัมโบ ศรีลังกา และวีระธุประกาศต่อที่ประชุมว่าจะร่วมมือกับบีบีเอส เพื่อปกป้องและคุ้มครองชาวพุทธที่ถูกคุกคามจากศาสนาอิสลาม ขณะที่ชาวมุสลิมได้ต่อต้านการมาพูดของวีระธุ
เมื่อเดือนมีนาคม 2559 วีระธุเคยมารับรางวัลที่วัดพระธรรมกาย และนำนักศึกษาพระพม่าไปดูงานถึงมหาจุฬาฯ แต่ไม่มีสื่อใดรายงาน นอกจากเฟสบุ๊ค ของ อ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์
ขณะที่มีพระสงฆ์ไทยหัวรุนแรงบางรูปสร้างกระแสให้เกิดความเกลียดชังทางศาสนาในสังคม และบางรูปถูกขอจากฝ่ายความมั่นคงให้ลาสิกขาไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้
สำหรับเหตุการณ์ในศรีลังกา เมื่อวันที่ 26 ที่ผ่านมา กลุ่มพระสงฆ์หัวรุนแรงชาวสิงหลได้บุกเข้าโจมตีบ้านพักของชาวโรฮิงญาที่อยู่ภายใต้การดูแลของ UNHCR
หลังเกิดเหตุ นายราจิธา เสนารัตเน โฆษกรัฐบาลศรีลังกาได้ออกมาประณามว่า การกระทำดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน และพระสงฆ์ที่ลงมือก่อเหตุไม่ใช่พระสงฆ์ที่แท้จริง แต่เป็นสัตว์และแสดงความเห็นว่า “ในฐานะที่เป็นชาวพุทธผมรู้สึกอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น สตรีที่กำลังอุ้มลูกน้อย ถูกบังคับให้ออกจากที่พักซึ่งถูกโจมตีโดยกลุ่มพระสงฆ์”
หลังจากนี้ คงต้องจับตาขบวนการเคลื่อนไหวของพระสงฆ์และชาวพุทธชาตินิยมเชิงศาสนาใน 3 ประเทศนี้ อย่างใกล้ชิด เพราะความคิดนี้มีแนวโ้น้มว่าจะขยายตัวได้ง่ายโดยการปั่นกระแสความเกลียดชังทางศาสนาและชาติพันธุ์
พระสงฆ์หัวรุนแรงที่บุกโจมตีบ้านพักชาวโรฮิงญาในโคลอมโบ Cr.ภาพ Voice TV
กลุ่มพระสงฆ์ไทยชูป้าย “we love Virathu” ระหว่างที่วีระธุมารับรางวัลที่ธรรมกาย Cr.ภาพ facebook ดร.ลลิตา หาญวงษ์
############################
ควายในควาย งงในงง หลงคารมจานบิน โดนบิ้วให้เกลียดชัง มันก็โอละเห่ล่ะครับ
ส่วนของบ้านเราไม่เกี่ยวอยู่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงก็มีหน้าที่ผลักดันผู้อพยพออกไป
คือหลายคนก็ยังงงในงง เข้าใจว่าบ้านเราจะรับโรฮิงญาเข้ามา แล้วโรฮิงญาจะสร้างปัญหาแย่งงานคนไทย จะมาก่อความไม่สงบ จะมาทำลายศาสนาพุทธ กันไม่เลิก เห้อ !!
ถ้าเข้าใจจะไม่งงครับ
1./ บ้านเราไม่เคยรับผู้ลี้ภัยครับ ไม่ว่าจากชาติไหน ด็อกเตอร์ด้านวิศวกรรมจากซีเรียมาบ้านเรายังถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ตอนนี้อยู่ในเรือนจำสมุทรปราการ
2./ เรื่องผู้ลี้ภัยในบ้านเราเป็นแบบนี้ครับ ทุกชาติที่มาบ้านเรา เค้าแค่ใช้บ้านเราเป็นทางผ่านไปประเทศที่สาม อย่างพวกปาเลสไตน์ส่วนใหญ่จะไปสวีเดน "โรฮิงญา" ก็เหมือนกันคือไม่มีใครอยากมาอยู่ไทยแต่แค่ผ่านจะไปมาเลเซีย อินโดนิเซีย
โรฮิงญาส่วนใหญ่จะเดินทางโดยเรือ แล้วก็ไปมาเลเซียเลย คือไม่ได้แวะไทย แต่ถ้าสภาพเรือมันแย่ส่วนมากเรือก็จะไปจอดตายอยู่กลางทะเล แบบที่เป็นข่าวบ้านเราบ่อยๆ ถ้าหน่วยงานของรัฐเจอก็จะเอาน้ำมันให้ เอาอาหารเอายาไปให้ ให้เขาไปต่อเอาเอง
แต่ก็มี "โรฮิงญา" บางส่วนที่ใช้วิธีเดินทางผ่านทางชายแดนไทย คือจะต่อรถไปมาเลย์ พวกนี้แหละที่จะถูกจับ ถ้าถูกทางการไทยจับได้ อันนี้ซวย ถึงไม่ค่อยมีใครอยากมาทางนี้ เพราะจะถูกส่งตัวกลับ=กลับไปตาย
และมันมีนายหน้าที่จะช่วยให้ออกไปประเทศที่สาม ที่เป็นพวกมาเฟียค้ามนุษย์ ก็ต้องไปทำสัญญา ทำงานใช้หนี้ ทีนี้ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายพวกน้องสาว ผู้หญิงในบ้านก็จะถูกข่มขืนขัดดอก หรือจับไปขายตัว โรฮิงญาหนึ่งคนมีค่าหัวประมาณ 60,000 บาทขึ้น เวลาบ้านเราจะส่งตัวกลับก็จะไปส่งที่ชายแดน ให้พวกโรฮิงญาเดินกลับไปเอง แต่มันจะมีพวกนายหน้าค้ามนุษย์ที่มันรู้ว่าจะไปปล่อยตัวแถวไหน พวกนี้มันก็จะไปดักรอ พวกโรฮิงญาก็จะถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวตรงนี้ แบบที่มีข่าวคนมีสียศนายพลค้ามนุษย์นั่นแหละ
3./ ผู้ลี้ภัยที่มาบ้านเรา ส่วนใหญ่ทุกชาติมีเป้าหมายคือจะมาขอทำเรื่องลี้ภัยกับ UNHCR ประจำประเทศไทย
มีสองแบบ
3.1 ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวหลอกว่ามาเที่ยว แล้วก็มาทำเรื่องขอลี้ภัยกับ UNHCR ประจำประเทศไทย
*** แต่ไทยไม่ได้เข้าร่วมภาคีสมาชิกกับอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย พ.ศ.2494 ดังนั้นคนที่ลี้ภัยในบ้านเรา ระหว่างรอไปประเทศที่สาม จะไม่ได้รับการปฏิบัติหรือได้รับสิทธิอะไรมาก เด็กก็ไม่มีสิทธิ์เรียนหนังสือ ผู้ใหญ่ก็ไม่มีสิทธิ์ทำงาน คือมาแบบถูกกม.ก็ยังไม่มีสิทธิ์ทำงาน เพราะฉะนั้นผู้ลี้ภัยในบ้านเราจึงไม่มีการแย่งงานคนไทยแน่นอน
3.2 ใช้หนังสือเดินทางปลอมเข้ามาในบ้านเรา แบบนี้ถ้าถูกตม.จับได้ก็ติดคุก
4./ ทีนี้ "โรฮิงญา" ไม่เหมือนข้อ 3./ นะครับ เพราะโรฮิงญาไม่มีสัญชาติ เพราะงั้นโรฮิงญาจึงไม่ต้องการมาพักชั่วคราวในไทยแบบพวกผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลาง คือคนละอย่างเลย
เพราะฉะนั้นโรฮิงญาจะรีบมุ่งตรงไปมาเลย์อย่างเดียวเลยครับ คือต้องรีบไปทำงานในมาเลย์ส่งดอกให้พวกนายหน้า
*** ของบ้านเราเพราะบ้านเราไม่มีกฎหมายภายในเรื่องผู้ลี้ภัย และโรฮิงญาก็ไม่ได้อยากมาอยู่บ้านเรา แต่มาเลย์ อินโดฯ อนุญาติให้โรฮิงญาไปทำงานได้ครับ โรฮิงญาขยันอึดทน (เพราะไม่มีทางเลือก ก็ต้องทุ่มเทแรงกว่าลูกจ้างปกติ) มาเลย์เลยต้องการแพวกนี้ไปเป็นภาคแรงงานสำหรับการพัฒนาประเทศ (บ้านเราเอาจริงๆก็ขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร แต่ที่บ้านเราไม่รับมันเป็นเรื่องของกม.ครับ)
View all 2 comments >
Fri 29 Sep 2017 : 12:07AM
อยากเอาคลิปโรฮิงยา สอนเด็กให้ฆ่าตัดคอพุทธทุกคนที่เจอให้ศรีลังกาดูจุงเบย
อย่างว่าโลกสวยก็รับไปเลี้ยงเองให้หมดดิวะ
ปล.วันนี้เจอศพฮินดูเพิ่ม 17 ศพ
ตอนนี้ซาอุเริ่มมาตรการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวเยเมนรอบใหม่
คือถล่มด้วยอาวุธ แล้วก็ปิดกั้นการช่วยเหลือ ทั้งน้ำ ทั้งยา ทั้งอาหาร จากทุกชาติ รวมทั้ง un ด้วย ทำไมสื่อยิวรอบโลกมันเงี้ยบเงียบ พม่าตายหลักร้อย เยเมนตายหลักแสน
อย่างว่าโลกสวยก็รับไปเลี้ยงเองให้หมดดิวะ
ปล.วันนี้เจอศพฮินดูเพิ่ม 17 ศพ
ตอนนี้ซาอุเริ่มมาตรการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวเยเมนรอบใหม่
คือถล่มด้วยอาวุธ แล้วก็ปิดกั้นการช่วยเหลือ ทั้งน้ำ ทั้งยา ทั้งอาหาร จากทุกชาติ รวมทั้ง un ด้วย ทำไมสื่อยิวรอบโลกมันเงี้ยบเงียบ พม่าตายหลักร้อย เยเมนตายหลักแสน
Fri 29 Sep 2017 : 9:23PM
welzer wrote:
อยากเอาคลิปโรฮิงยา สอนเด็กให้ฆ่าตัดคอพุทธทุกคนที่เจอให้ศรีลังกาดูจุงเบย
อย่างว่าโลกสวยก็รับไปเลี้ยงเองให้หมดดิวะ
ปล.วันนี้เจอศพฮินดูเพิ่ม 17 ศพ
ตอนนี้ซาอุเริ่มมาตรการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวเยเมนรอบใหม่
คือถล่มด้วยอาวุธ แล้วก็ปิดกั้นการช่วยเหลือ ทั้งน้ำ ทั้งยา ทั้งอาหาร จากทุกชาติ รวมทั้ง un ด้วย ทำไมสื่อยิวรอบโลกมันเงี้ยบเงียบ พม่าตายหลักร้อย เยเมนตายหลักแสน
อย่างว่าโลกสวยก็รับไปเลี้ยงเองให้หมดดิวะ
ปล.วันนี้เจอศพฮินดูเพิ่ม 17 ศพ
ตอนนี้ซาอุเริ่มมาตรการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวเยเมนรอบใหม่
คือถล่มด้วยอาวุธ แล้วก็ปิดกั้นการช่วยเหลือ ทั้งน้ำ ทั้งยา ทั้งอาหาร จากทุกชาติ รวมทั้ง un ด้วย ทำไมสื่อยิวรอบโลกมันเงี้ยบเงียบ พม่าตายหลักร้อย เยเมนตายหลักแสน
ศรีลังกา ยูเอ็นสหประชาชาติ มันพูดถูกแล้ว ไม่เกี่ยวกับโลกสวยอะไร (แต่โลกคลั่งเพราะโดนบิ้วน่ะมี) เรื่องคลิปโรฮิงญาปลุกระดม พวกยูเอ็น และประเทศต่างๆ เห็นแล้วคงเฉยๆ เพราะมันเป็นเรื่องปกติ (คลิปจริงก็เท่านั้น และอาจเป็นคลิปเก๊ ทุกวันนี้ขนาดทางการยังหาล่ามแปลภาษาโรฮิงญาแทบไม่ได้)
1./ เรื่องนี้มันเป็นเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเมียนมา ฝ่ายที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คือโรฮิงญา (ชาวพุทธที่ตายมีแค่ร้อยกว่าคน) เรื่องนี้เป็นปัญหามานานแล้ว ปัญหามันซับซ้อนในซับซ้อน
(เดิมโรงฮิงญาก็คือคนพม่า อยู่มานานก่อนอังกฤษปกครองพม่าอีก แต่พอพม่ารวมหัวกับญี่ปุ่นสู้กับอังกฤษ หวังจะเป็นเอกราช แต่อังกฤษเอาชาวเบงกาลีจากอินเดียเข้ามาช่วยรบในเมียนมา เลย=โรฮิงญาถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูกับพม่าไปด้วย ต่อมาปี 1960 รบ.อูนุประกาศยกเลิกสัญชาติของชาวโรฮิงญาทั้งหมด ปัญหามันก็ลามมาจนยุคนี้ แล้วไม่ต้องพูดถึงอินังซูจี ว่าทำไมแม้แต่ซูจีเองก็เหยียดมุสลิม+โรฮิงญาด้วย คืออันนี้เป็นมาตั้งแต่รุ่นพ่อนายพลอองซานสมัยก่อนโดนอูซอยิงตายแล้ว)
2./ จากปัญหาภายในพม่า ตอนนี้มันกำลังจะพัฒนาไปเป็น "ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและมุสลิมในอาเซียน"
ทุกประเทศ รวมถึงไทย เอาจริงๆไม่มีใครอยากเสรือกเมียนมา แต่ปัญหามันกระทบเพราะเกิดปัยหาผู้อพอพ และทุกประเทศไม่อยากไปยุ่งเรื่องภายในพม่า แต่ต้องการให้พม่าแก้ปัญหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ รับตัวโรฮิงญากลับไป
# Fri 29 Sep 2017 : 12:56PM
อเมริกา แม่งมีไม่ลุกยืนเคารพธงชาติด้วยเหอๆๆๆ *3*
# Fri 29 Sep 2017 : 9:25PM
Narl wrote:
อเมริกา แม่งมีไม่ลุกยืนเคารพธงชาติด้วยเหอๆๆๆ *3*
เรื่องไร้สาระของบัก Dotard กลายเป็นปัญหาของวงการกีฬาไป เอาจริงๆกีฬาต้องไม่ยุ่งกับการเมือง อย่างแบนนักฟุติบอลพม่าตอนนี้นี่ก็โง่บัดซบมาก เพราะมันไม่ควรทำ
แต่เอาจริงๆก็สะเทือนจริตลิเบอร่านบ้านเราอยู่เหมือนกันนะ 55555
# Fri 29 Sep 2017 : 10:05PM
ทำเนียบขาวเลื่อนวัน ประยุทธ์ หารือ ทรัมป์ ให้เร็วขึ้น
ทำเนียบขาวมีแถลงการณ์แก้ไขเกี่ยวกับวันที่ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะพบหารือกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากวันที่ 3 ต.ค. ที่ทำเนียบขาวเป็นวันที่ 2 แทน ขณะที่กำหนดจะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของนายกรัฐมนตรีของไทยตามคำเชิญของผู้นำสหรัฐ ฯ คือระหว่างวันที่ 2 - 4 ต.ค.นี้
แถลงการณ์ล่าสุดของทางการสหรัฐฯ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยจะเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีของสหรัฐฯในวันที่ 2 ต.ค. ไม่ใช่ในวันที่ 3 ต.ค. ตามที่เคยมีการออกแถลงการณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้
"ผู้นำทั้งสองชาติจะหาหรือแนวทางในการสร้างความเข้มแข็ง และขยายความสัมพันธ์แบบทวิภาคี และพัฒนาความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก" แถลงการณ์ที่เผยแพร่ในวันที่ 28 ก.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น)
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.ท. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 2 - 4 ต.ค. นี้นายกรัฐมนตรีของไทยมีกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้บริหารระดับสูงของไทยร่วมเดินทาง เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
สำหรับประเด็นหารือ ได้แก่ ความร่วมมือทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และสถานการณ์ในระดับภูมิภาค
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯค่อข้างเย็นชาภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อ พ.ค. 2557 สหรัฐฯระงับเงินช่วยเหลือทางทหาร ปรับลดระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยจากบัญชีที่ 2 ที่ต้องจับตามอง (เทียร์ ทู วอทช์ลิสต์)ในปี 2556 มาเป็น บัญชีประเภท 3 (เทียร์ 3) ในปี 2557 และ 2558 ก่อนยกระดับกลับมาสู่บัญชีที่ 2 ที่ต้องจับตามอง ในปี 2559 และ 2560 เทียร์ 2.5 เป็นระดับเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
หวังกดดันไทย ต่อวิกฤตคาบสมุทรเกาหลี
อย่างไรก็ตาม นโยบายของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงภายหลังจากนายทรัมป์ เป็นผู้นำของประเทศ โดยเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ได้โทรหาพล.อ. ประยุทธ์ เอ่ยปากเชิญมาเยือนกรุงวอชิงตันในครั้งนั้น ก็เพื่อกระชับสัมพันธ์และขอการสนับสนุนในศึกพิพาทกับเกาหลีเหนือ
ในประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคาบสมุทรเกาหลี สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานตรงกันก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐฯ มีความต้องการให้ไทยตัดท่อน้ำเลี้ยงทางการเงินของเกาหลีเหนือด้วยการปราบปรามบริษัทหลายแห่งของเกาหลีเหนือที่ใช้ไทยเป็นศูนย์ในการทำการค้าผ่านธุรกิจที่จัดตั้งขึ้นบังหน้า ซึ่งเอเอฟพี อ้างข้อมูลจากระทรวงต่างประเทศของไทยว่ามูลค่าการค้าระหว่างไทยและเกาหลีเหนือระหว่างปี 2552-2557 ยังคงเติบโตขึ้นเกือบ 3 เท่า เป็นมูลค่า 126 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 4.3 พันล้านบาท
หากพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปสหรัฐฯ จะถือเป็นผู้นำอาเซียนคนที่ 3 ที่เข้าพบประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ในปีนี้ และจะมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือซึ่งตอนนี้ยังทำ ในสงครามน้ำลาย ระหว่างกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ ได้ขู่เกาหลีเหนือผ่านข้อความทางทวิตเตอร์ว่า "เพิ่งได้ยินเรื่องที่รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือพูดในที่ประชุมยูเอ็น หากคำพูดของเขาสะท้อนความคิดของมนุษย์จรวดน้อย พวกเขาคงอยู่ได้อีกไม่นาน!"
ในขณะที่เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) เกาหลีเหนือกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าประกาศสงคราม พร้อมจะยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดที่โฉบเข้าใกล้
คาดปรับดุลการค้า ผสานความร่วมมือทางทางทหาร
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อทางด้านเศรษฐกิจการค้า การลงทุน ระหว่างไทยและสหรัฐฯ คือ การที่สหรัฐฯ ขาดทุนการค้ากับไทย โดยในครึ่งแรกของปีนี้ ไทยมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯในครึ่งแรกของปี 2560 ลดลงมาที่ 4.82 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากยอด 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
เรื่องนี้เป็นประเด็นร้อน เมื่อ มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งพิเศษ เพื่อดำเนินการตรวจสอบการขาดดุลการค้ากับ ไทย และอีก 15 ประเทศ โดยในปี 2559 ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐราว 1.89 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นอันดับที่ 11 ของประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ
ในเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ทำการศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ภายใตการนำของกระทรวงพาณิชย์และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ปรึกษาระดับสูงด้านความมั่นคงของรัฐบาลไทย เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะให้แนวทางการทหาร เช่น การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในการช่วยในการลดปัญหาการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศได้
ในเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ทำการศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ภายใตการนำของกระทรวงพาณิชย์และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ปรึกษาระดับสูงด้านความมั่นคงของรัฐบาลไทย เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะให้แนวทางการทหาร เช่น การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในการช่วยในการลดปัญหาการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศได้
ข้อมูลจาก:BBC ไทย [Link]
ทำเนียบขาวมีแถลงการณ์แก้ไขเกี่ยวกับวันที่ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะพบหารือกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากวันที่ 3 ต.ค. ที่ทำเนียบขาวเป็นวันที่ 2 แทน ขณะที่กำหนดจะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของนายกรัฐมนตรีของไทยตามคำเชิญของผู้นำสหรัฐ ฯ คือระหว่างวันที่ 2 - 4 ต.ค.นี้
แถลงการณ์ล่าสุดของทางการสหรัฐฯ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยจะเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีของสหรัฐฯในวันที่ 2 ต.ค. ไม่ใช่ในวันที่ 3 ต.ค. ตามที่เคยมีการออกแถลงการณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้
"ผู้นำทั้งสองชาติจะหาหรือแนวทางในการสร้างความเข้มแข็ง และขยายความสัมพันธ์แบบทวิภาคี และพัฒนาความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก" แถลงการณ์ที่เผยแพร่ในวันที่ 28 ก.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น)
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.ท. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 2 - 4 ต.ค. นี้นายกรัฐมนตรีของไทยมีกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้บริหารระดับสูงของไทยร่วมเดินทาง เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
สำหรับประเด็นหารือ ได้แก่ ความร่วมมือทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และสถานการณ์ในระดับภูมิภาค
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯค่อข้างเย็นชาภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อ พ.ค. 2557 สหรัฐฯระงับเงินช่วยเหลือทางทหาร ปรับลดระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยจากบัญชีที่ 2 ที่ต้องจับตามอง (เทียร์ ทู วอทช์ลิสต์)ในปี 2556 มาเป็น บัญชีประเภท 3 (เทียร์ 3) ในปี 2557 และ 2558 ก่อนยกระดับกลับมาสู่บัญชีที่ 2 ที่ต้องจับตามอง ในปี 2559 และ 2560 เทียร์ 2.5 เป็นระดับเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
หวังกดดันไทย ต่อวิกฤตคาบสมุทรเกาหลี
อย่างไรก็ตาม นโยบายของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงภายหลังจากนายทรัมป์ เป็นผู้นำของประเทศ โดยเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ได้โทรหาพล.อ. ประยุทธ์ เอ่ยปากเชิญมาเยือนกรุงวอชิงตันในครั้งนั้น ก็เพื่อกระชับสัมพันธ์และขอการสนับสนุนในศึกพิพาทกับเกาหลีเหนือ
ในประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคาบสมุทรเกาหลี สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานตรงกันก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐฯ มีความต้องการให้ไทยตัดท่อน้ำเลี้ยงทางการเงินของเกาหลีเหนือด้วยการปราบปรามบริษัทหลายแห่งของเกาหลีเหนือที่ใช้ไทยเป็นศูนย์ในการทำการค้าผ่านธุรกิจที่จัดตั้งขึ้นบังหน้า ซึ่งเอเอฟพี อ้างข้อมูลจากระทรวงต่างประเทศของไทยว่ามูลค่าการค้าระหว่างไทยและเกาหลีเหนือระหว่างปี 2552-2557 ยังคงเติบโตขึ้นเกือบ 3 เท่า เป็นมูลค่า 126 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 4.3 พันล้านบาท
หากพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปสหรัฐฯ จะถือเป็นผู้นำอาเซียนคนที่ 3 ที่เข้าพบประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ในปีนี้ และจะมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือซึ่งตอนนี้ยังทำ ในสงครามน้ำลาย ระหว่างกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ ได้ขู่เกาหลีเหนือผ่านข้อความทางทวิตเตอร์ว่า "เพิ่งได้ยินเรื่องที่รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือพูดในที่ประชุมยูเอ็น หากคำพูดของเขาสะท้อนความคิดของมนุษย์จรวดน้อย พวกเขาคงอยู่ได้อีกไม่นาน!"
ในขณะที่เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) เกาหลีเหนือกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าประกาศสงคราม พร้อมจะยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดที่โฉบเข้าใกล้
คาดปรับดุลการค้า ผสานความร่วมมือทางทางทหาร
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อทางด้านเศรษฐกิจการค้า การลงทุน ระหว่างไทยและสหรัฐฯ คือ การที่สหรัฐฯ ขาดทุนการค้ากับไทย โดยในครึ่งแรกของปีนี้ ไทยมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯในครึ่งแรกของปี 2560 ลดลงมาที่ 4.82 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากยอด 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
เรื่องนี้เป็นประเด็นร้อน เมื่อ มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งพิเศษ เพื่อดำเนินการตรวจสอบการขาดดุลการค้ากับ ไทย และอีก 15 ประเทศ โดยในปี 2559 ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐราว 1.89 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นอันดับที่ 11 ของประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ
ในเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ทำการศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ภายใตการนำของกระทรวงพาณิชย์และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ปรึกษาระดับสูงด้านความมั่นคงของรัฐบาลไทย เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะให้แนวทางการทหาร เช่น การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในการช่วยในการลดปัญหาการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศได้
ในเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ทำการศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ภายใตการนำของกระทรวงพาณิชย์และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ปรึกษาระดับสูงด้านความมั่นคงของรัฐบาลไทย เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะให้แนวทางการทหาร เช่น การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในการช่วยในการลดปัญหาการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศได้
รายงานข่าวของบีบีซีไทยเรื่อง "ทิลเลอร์สันเยือนไทย: เรา กับ เขา หวัง อะไรกัน" ได้รวบรวมข้อมูลการซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้ว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 การค้าขายอาวุธระหว่างไทยและสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 960 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ประกอบไปด้วย เฮลิคอปเตอร์ UH60 แบล็กฮอว์ค, ฮ.UH 72 ลาโกตา, ขีปนาวุธ ESSM, ปรับปรุงเครื่องบิน F-16, เรือเอนกประสงค์และตอปิโด
แม้แต่ตอนเกิดรัฐประหารแล้วมีการตัดความช่วยทางทหารส่วนหนึ่งและสมัยโอบามาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารอย่างหนัก สถานทูตสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า หลังปี 2557 สหรัฐฯ ขายยุทโธปกรณ์ให้ทหารไทยผ่าน Foreign Military Sale (FMS) มีมูลค่ามากถึง 380 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เฉพาะปีนี้ ไทยและสหรัฐฯ ทำความตกลงซื้อขายอาวุธกันไปแล้วมูลค่าถึง 133 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ รวมทั้ง ขีปนาวุธ Harpoon Block II และเฮลิคอปเตอร์แบลกฮอว์คที่อยากจะได้มาเพิ่มเติมเป็นมานาน นี่ยังไม่พูดถึงแผนใหม่ล่าสุดที่จะปรับปรุงเครื่องบินรบเอฟ 5 อีกด้วย
อะไรคือ ปฏิกิริยาตอบโตสหรัฐฯ ต่อไทยหลังรัฐประหาร
แม้แต่ตอนเกิดรัฐประหารแล้วมีการตัดความช่วยทางทหารส่วนหนึ่งและสมัยโอบามาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารอย่างหนัก สถานทูตสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า หลังปี 2557 สหรัฐฯ ขายยุทโธปกรณ์ให้ทหารไทยผ่าน Foreign Military Sale (FMS) มีมูลค่ามากถึง 380 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เฉพาะปีนี้ ไทยและสหรัฐฯ ทำความตกลงซื้อขายอาวุธกันไปแล้วมูลค่าถึง 133 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ รวมทั้ง ขีปนาวุธ Harpoon Block II และเฮลิคอปเตอร์แบลกฮอว์คที่อยากจะได้มาเพิ่มเติมเป็นมานาน นี่ยังไม่พูดถึงแผนใหม่ล่าสุดที่จะปรับปรุงเครื่องบินรบเอฟ 5 อีกด้วย
อะไรคือ ปฏิกิริยาตอบโตสหรัฐฯ ต่อไทยหลังรัฐประหาร
- หลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557: นำไปสู่การทบทวนความร่วมมือทางการทหารระหว่างไทย-สหรัฐฯ ตามคำเปิดเผยของโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ทั้งการซ้อมรบร่วมทางทะเล CARAT 2014, คอบร้า โกล์ด, การระงับเงินช่วยเหลือทางทหาร ราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เพราะตามกฎหมายสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศใดๆ ที่กองทัพก่อรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
- 20 มิ.ย. 2557: สหรัฐฯ แถลงรายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ ประจำปี 2557 จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยปรับลดระดับการค้ามนุษย์ของไทยที่เคยอยู่ในระดับเทียร์ 2.5 เป็นระดับเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของไทย ทั้งประมง สิ่งทอ ทั้งการส่งออก และการนำเข้า
- 24 มิ.ย. 2557: ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าพบ เพื่อทำความเข้าใจทุกแง่มุม สหรัฐฯ รับปากสานต่อความร่วมมือทางการทหาร เช่น การฝึกซ้อมรบร่วมและผสม
- 26 ม.ค. 2558: นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศ (ขณะนั้น), ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ โดยตั้งคำถามถึงการคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึก นอกจากนี้ยังไปกล่าวปาฐกถาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ากรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง "อาจเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง"
- 27 ม.ค. 2558: นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ (ขณะนั้น) เรียกนายแพทริค เมอร์ฟี่ อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าพบ เพื่อแสดงความกังวลใจต่อการแทรกแซงการเมืองภายในไทย
- 20 มิ.ย. 2557: สหรัฐฯ แถลงรายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ ประจำปี 2557 จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยปรับลดระดับการค้ามนุษย์ของไทยที่เคยอยู่ในระดับเทียร์ 2.5 เป็นระดับเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของไทย ทั้งประมง สิ่งทอ ทั้งการส่งออก และการนำเข้า
- 24 มิ.ย. 2557: ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าพบ เพื่อทำความเข้าใจทุกแง่มุม สหรัฐฯ รับปากสานต่อความร่วมมือทางการทหาร เช่น การฝึกซ้อมรบร่วมและผสม
- 26 ม.ค. 2558: นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศ (ขณะนั้น), ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ โดยตั้งคำถามถึงการคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึก นอกจากนี้ยังไปกล่าวปาฐกถาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ากรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง "อาจเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง"
- 27 ม.ค. 2558: นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ (ขณะนั้น) เรียกนายแพทริค เมอร์ฟี่ อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าพบ เพื่อแสดงความกังวลใจต่อการแทรกแซงการเมืองภายในไทย
ข้อมูลจาก:BBC ไทย [Link]
# Fri 29 Sep 2017 : 11:43PM
member
เจ้าสำนักหลังเขารุ่นที่ 1
ส่องหาแต่นม #5
Since 17/11/2007
(16379 post)
พูดถึงไอ้เพจ BBC Thai นี่ ช่วงนี้ใันผีเข้าอะไรเล่นข่าวโรฮิงยารัวๆเลย น่ารำคาญขั้นสุด
# Fri 29 Sep 2017 : 11:51PM
ปรากฏเน้นคุยสองเรื่อง เรื่องแรกให้รับโรฮิงญา เรื่องที่สองให้ปิดกิจการของเกาหลีเหนือในไทย 555
# Sat 30 Sep 2017 : 7:35AM
Iseria Queen;2302141 wrote:
พูดถึงไอ้เพจ BBC Thai นี่ ช่วงนี้ใันผีเข้าอะไรเล่นข่าวโรฮิงยารัวๆเลย น่ารำคาญขั้นสุด
# Sat 30 Sep 2017 : 1:15PM
รมว.สาธารณสุขสหรัฐฯลาออก เหตุใช้งบเช่าเหมาลำเครื่องบินบ่อยเกิน
รมว.สาธารณสุข ทอม ไพรซ์
นายทอม ไพรซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ยื่นใบลาออกหลังมีการเปิดเผยว่า เขาได้ใช้งบประมาณจากเงินภาษีประชาชนไปในการเช่าเหมาลำเครื่องบินคิดเป็นมูลค่าหลายแสนดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเดินทางแบบเป็นส่วนตัวระหว่างออกปฏิบัติงานในหน้าที่รัฐมนตรี ทั้งที่มีเที่ยวบินพาณิชย์ซึ่งราคาประหยัดกว่าให้บริการในเส้นทางเดียวกันอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้นายไพรซ์ได้แถลงขออภัยต่อสาธารณชน โดยยอมรับว่าได้ใช้งบประมาณของรัฐเช่าเหมาลำเครื่องบินในราคาแพงทั้งหมด 26 เที่ยวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา คิดเป็นเงินถึงราว 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13 ล้านบาท) นอกจากนี้เว็บไซต์โพลิติโค (Politico) ยังรายงานว่า ค่าเดินทางในการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมดของนายไพรซ์นั้นคิดเป็นเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 33 ล้านบาท) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการใช้เครื่องบินทหารเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศอีกด้วย
ตามกฎระเบียบของรัฐบาลสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงของชาติ จะต้องเดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของนายไพรซ์นั้น ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่พอใจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯได้รับหนังสือขอลาออกจากนายไพรซ์แล้ว และได้แต่งตั้งให้นายดอน เจ ไรท์ รักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขเป็นการชั่วคราวแทน
รมว.มหาดไทย ไรอัน ซิงก์
นอกจากเรื่องการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของนายไพรซ์แล้ว มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เคยกล่าวติดตลกว่า หากนายไพรซ์ไม่สามารถผลักดันให้ร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับของพรรครีพับลิกันผ่านสภาคองเกรสได้ เขาจะต้องถูกไล่ออก
นอกจากรัฐมนตรีสาธารณสุขแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์อีก 3 คน ที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องการเช่าเหมาลำเครื่องบินไปปฏิบัติงานเช่นกัน ซึ่งได้แก่นายไรอัน ซิงกี รัฐมนตรีมหาดไทยซึ่งเดินทางจากเมืองลาสเวกัสไปยังรัฐมอนแทนาในเดือนมิถุนายน นายสตีเวน มนูคิน รัฐมนตรีคลังซึ่งเดินทางไปชมสุริยุปราคาเต็มดวงกับภรรยา และนายสกอตต์ พรูตต์ หัวหน้าสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งใช้งบเช่าเหมาลำเครื่องบินไปกว่า 58,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้อมูลจาก: BBC ไทย [Link]
รมว.สาธารณสุข ทอม ไพรซ์
นายทอม ไพรซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ยื่นใบลาออกหลังมีการเปิดเผยว่า เขาได้ใช้งบประมาณจากเงินภาษีประชาชนไปในการเช่าเหมาลำเครื่องบินคิดเป็นมูลค่าหลายแสนดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเดินทางแบบเป็นส่วนตัวระหว่างออกปฏิบัติงานในหน้าที่รัฐมนตรี ทั้งที่มีเที่ยวบินพาณิชย์ซึ่งราคาประหยัดกว่าให้บริการในเส้นทางเดียวกันอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้นายไพรซ์ได้แถลงขออภัยต่อสาธารณชน โดยยอมรับว่าได้ใช้งบประมาณของรัฐเช่าเหมาลำเครื่องบินในราคาแพงทั้งหมด 26 เที่ยวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา คิดเป็นเงินถึงราว 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13 ล้านบาท) นอกจากนี้เว็บไซต์โพลิติโค (Politico) ยังรายงานว่า ค่าเดินทางในการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมดของนายไพรซ์นั้นคิดเป็นเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 33 ล้านบาท) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการใช้เครื่องบินทหารเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศอีกด้วย
ตามกฎระเบียบของรัฐบาลสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงของชาติ จะต้องเดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของนายไพรซ์นั้น ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่พอใจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯได้รับหนังสือขอลาออกจากนายไพรซ์แล้ว และได้แต่งตั้งให้นายดอน เจ ไรท์ รักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขเป็นการชั่วคราวแทน
รมว.มหาดไทย ไรอัน ซิงก์
นอกจากเรื่องการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของนายไพรซ์แล้ว มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เคยกล่าวติดตลกว่า หากนายไพรซ์ไม่สามารถผลักดันให้ร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับของพรรครีพับลิกันผ่านสภาคองเกรสได้ เขาจะต้องถูกไล่ออก
นอกจากรัฐมนตรีสาธารณสุขแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์อีก 3 คน ที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องการเช่าเหมาลำเครื่องบินไปปฏิบัติงานเช่นกัน ซึ่งได้แก่นายไรอัน ซิงกี รัฐมนตรีมหาดไทยซึ่งเดินทางจากเมืองลาสเวกัสไปยังรัฐมอนแทนาในเดือนมิถุนายน นายสตีเวน มนูคิน รัฐมนตรีคลังซึ่งเดินทางไปชมสุริยุปราคาเต็มดวงกับภรรยา และนายสกอตต์ พรูตต์ หัวหน้าสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งใช้งบเช่าเหมาลำเครื่องบินไปกว่า 58,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้อมูลจาก: BBC ไทย [Link]
View all 2 comments >
Sat 30 Sep 2017 : 1:32PM
รมว.มหาดไทยใช้ภาษีบินกลับบ้าน รมว.คลังบินไปดูสุริยุปราคาเต็มดวงกับเมีย รมว.สิ่งแวดล้อมบินเหมาลำเล่นๆไปดูงาน 2 ล้าน
ไม่แปลกหรอกกับ 33 ล้านของไพรซ์ที่บินไปพร้อมกับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข แต่ก็ยังดีกว่า รมว.บางประเทศบินไปดูงานงบ 20 ล้านกินคาเวียร์อ่ะน่ะ อันนั้นข้ามประเทศก็จริงแต่ครั้งเดียว อันนี้ของไพรซ์ชิวๆเลยถ้าเจอแบบนี้ และยังแสดงความรับผิดชอบอีกเอาใจไปเลย
ไม่แปลกหรอกกับ 33 ล้านของไพรซ์ที่บินไปพร้อมกับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข แต่ก็ยังดีกว่า รมว.บางประเทศบินไปดูงานงบ 20 ล้านกินคาเวียร์อ่ะน่ะ อันนั้นข้ามประเทศก็จริงแต่ครั้งเดียว อันนี้ของไพรซ์ชิวๆเลยถ้าเจอแบบนี้ และยังแสดงความรับผิดชอบอีกเอาใจไปเลย
Sat 30 Sep 2017 : 2:42PM
ปท เมกา นักการเมืองมันต้องง้อ ปชช
แต่ ปท ...... เค้า ....... ครับ
แต่ ปท ...... เค้า ....... ครับ
Like : "MnemoniC"
<<
<
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
>
>>
Reply
Vote
Popular Thread
3 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 2014-09-08 12:28:47
(4154 post)