จะว่าผมบ้าก็ได้นะ บางครั้งผมก็มานั่งคิดเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจัง

ทุกครั้งที่มีข่าวอะไรแบบนี้ออกมาผมจะชอบอ่านมาก

ว่ากันด้วยเรื่องทฤษฎีย้อนเวลา หยุดเวลาทั้งหลาย

เรื่อง UFO ที่บางข่าวก็บอกว่าไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว

แต่เป็นมนุษย์จากโลกอนาคตที่เดินทางกลับมายุคเรา

เรื่องของดินแดนที่ล้ำสมัยที่อยู่ในทวีปแอดแลนติส ที่หายสาบสูญ

ว่ากันว่าเทคโนโลยีล้ำสมัยทังหมดอยู่ที่นั่นและจมหายไป

ประตูมิติต่างๆที่อยู่ตามจุดบอดของสนามแม่เหล็กบนโลกที่มีหลายจุด มันข้ามมิติได้จริงมั้ย ?

เรื่องของการเดินทรงด้วยความเร็วสูงๆ จะสามารถทำให้เวลาเดินช้าลง อาทิเช่น ถ้าเราเดินไปทำงานใช้เวลา 15 นาที ถ้าเรานั่งรถไปทำงานใช้เวลา 5 นาที แล้วถ้าเราเดินทางไปทำงานด้วยความเร็วแสง เวลาจะหยุดนิ่งขณะที่เราเดินทางรึเปล่า ?

เรื่องของการหลั่งสารเคมีบางชนิดในสมอง ทำให้บางเวลาที่เรามีสิ่งที่สนใจอยู่ เช่นทำงาน / มีความสุข / จะทำให้เวลาเดินไปเร็วกว่าปกติ เต่ถ้าเรานั่งจดจ่อสนใจเวลาดูนาฬิกา จะทำให้เวลาเดินช้ากว่า ( เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องของจิตวิทยามากกว่า ) แต่ผมก็สนใจเก็บมาคิดนะ

และเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่องในหัว เพื่อนๆมีคนคิดประมาณนี้กันบ้างมั้ยอ่ะครับ มาแชร์เรื่องลึกลับเรื่องสงสัยพวกนี้กันหน่อยสิครับ

เพิ้อมาก 555

ผมว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดว่า ตัวเองบ้าหรือป่าว ที่ชอบคิดเรื่องแนวนี้ นะครับ
เพราะจริงๆมันเป็นเป็นเรื่องของความคิดและจินตนาการครับ ต่อยอดได้ไม่รู้จบ
อย่างในสมัยอดีต พวกเรื่องเกินจินตนาการ อย่าง ไฟฟ้า เครื่องบิน อะไรที่คนในสมัยนั้นคิดว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้
ก็มีคนคิดและทำมันขึ้นมาแล้ว
ถ้าคุณคิดว่า ชอบคิดเรื่องแบบนี้แล้วตัวเองดูเป็นคนบ้า ป่านนี้คุณคงนั่งเล่น นอนเล่น ในศรีธัญญาแล้วล่ะ
แซวเล่นๆนะครับ ฮ่ะๆ

กลับเข้าหัวข้อกระทู้ต่อ แหะๆ
เรื่องการย้อนเวลาไป-อดีต-อนาคต นั้น ถ้าเอาตามที่ผมคิดนะ คือถ้าไปด้วยร่างกายของเราเนี่ย ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้อ่ะ
อีกอย่างถ้าในอนาคตทำได้จริง ก็คงมีกลับมาทักทาย เซย์ฮัลโหล กะคนยุคอดีตบ้างแล้ว
หรือเพราะ มันอาจจะมีผลข้างเคียงใดๆที่ไม่คุ้มกัน เลยไม่กล้าเสี่ยงที่จะข้ามกลับมาหรือไปสู่อนาคต
เช่นว่า ไปแล้วกลับไม่ได้อีกเลย หรือ การแลกกับสภาพร่างกายแบบว่า ไปอดีต ตัวคุณก็จะเข้าสู่สภาพย้อนอดีตไปด้วย
สมมติว่าก่อนไปอดีต อายุ30ปี ความรู้ที่มี 100% แต่ถ้าย้อนกลับไปซัก20ปี ก็จะกลายเป็นเด็กอายุ10ปี
ความรู้อะไรๆที่เคยมีหรือเรียนมาในหัว ก็จะเหมือนว่ายังไม่เคยมีหรือไม่เคยได้เกิดขึ้น ประมาณว่าความจำหายแหละ
แล้วถ้าไปอนาคตก็+อายุตัวเองเข้าไป ยิ่งไปไกลก็แก่เพิ่มขึ้น แค่เดินยังลำบากเลย ฮ่าๆ

แต่ถ้าจะคิดว่าสิ่งที่เป็นไปได้ในการข้ามเวลา ไปอดีต-อนาคต ผมว่ามีอยู่2อย่าง
อย่างแรกคือ ถ้าในอนาคตแก้ไขปัญหาเรื่องสังขารร่างกายได้แล้ว ก็อาจจะไปๆมาๆ ระหว่างช่วงเวลาได้
โดยไม่มีผลกระทบแบบที่ผมบอกไป เช่น ไม่แก่ ไม่ความจำเสื่อม ก็คงต้องทำร่างกายให้เป็นแบบ หุ่นแชปปี้ เท่านั้น
จึงจะไม่มีผลกระทบใดๆ ตัวก็เป็นเหล็ก สมองก็กลายเป็นชิพข้อมูลไป

อย่างที่สอง ผมว่า จิต ของมนุษย์เรานี่แหละครับ สิ่งนี้น่าจะทำได้ในเรื่องย้อนอดีตและไปอนาคต
เพียงแต่ว่า พอไปได้แล้ว สิ่งที่ทำได้อาจมีเพียงเห็นภาพ ได้ยินเสียง แค่นั้น คงไม่สัมผัสอะไรได้เลย
เหมือนในนิทานชาดก ที่เคยอ่านเจอว่า มีการใช้จิตเพื่อกลับไปดูกรรมในชาติก่อน
หรือดูอนาคตว่าใครจะต้องเจอผลกรรมอย่างไร ประมาณนั้น

ยาวไปหน่อย ขออภัยหากขี้เกียจอ่าน ฮ่าๆๆ

หลังๆมาอ่านอะไรพวกนี้ก็สนุกไปอีกแบบนะครับ


อันนี้เคยมีการทดลอง เอานาฬิกาที่มีความแม่นยำมาก มาวัดค่ากันจากบนโลก กับบนสถานีอวกาศ สรุปแล้วมันเวลาเดินช้าลงจริงครับ ในระดับล้านส่วนของวินาที
ในทางทฤษฎี ถ้าเราเดินทางในความเร็วเดียวกับแสง เวลาก็หยุดครับ ถ้าเดินทางจนเกินความเร็วแสง เวลาก็ย้อน
แต่ในทางปฏิบัติไม่มีสสารไหนในโลกเดินทางได้ในความเร็วแสง
มีการทดลองเร่งความเร็วอนุภาค ขึ้นไปเยอะๆเพื่อให้ถึงระดับความเร็วแสง แต่เร่งขึ้นไปยังไงก็ยังช้ากว่าแสงอยู่ดี

ถ้าชอบแนวนี้หานิยายหรือเกม Steins;Gate มาเล่นเลยครับ หรือจะเอาลึกหน่อยก็หนังสือ hyper space ของ michio kaku

ก็ว่าไปนั่น แต่จริงทั้งนิยายหรือหนังสือผมก็อ่านไม่จบหรอกนะ ทั้งหมดมันเป็นทฤษฏีที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งมันขัดๆกับความรู้สึกของผมก็เลยเลิกอ่านทั้งๆที่ชอบอ.ท่านนี้มาก

ส่วนทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ(ที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ)ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง ยิ่งเราเดินทางใกล้ความเร็วแสงมากขึ้นเท่าไหร่ เวลาของตัวเราก็ช้าลงเท่านั้น ถ้าคนๆนึงเดินทางด้วยความเร็วที่มากพอและระยะเวลาที่นานพอ เค้าก็สามารถไปถึงเวลาในอนาคตได้โดยที่เวลาของตัวเค้าเองที่ใช้น้อยกว่าคนอื่น

แต่มันก็เป็นการข้ามเวลาแบบเทียมๆล่ะนะ ถ้าเอากันแบบนี้ล่ะก็ นอนในแคปซูลแช่แข็งหลับไปสักสิบปีแล้วค่อยปลุกก็คงถือว่าเป็นการข้ามเวลาเหมือนกัน

สงสัยอย่าง ถ้าเดินทางความเร็วเท่าแสง เวลาจะหยุด

แต่ทำไมแสงก็ใช้เวลาในการเดินทางไปไหนมาไหนอยู่ดี

ไม่ได้

ใครจะเขียนอะไรมาไม่ต้องกลัวว่าจะยาวนะครับ ผมชอบอ่านเรื่องแบบนี้ ผมอ่านหมดแหละครับ ขอบคุณที่มาแชร์ครับ

เรื่องเดินทางด้วยความเร็วมากๆ แล้วเวลาจะเดินช้าลง นี่ผมว่ามีความเป็นไปได้สุดแล้วนะ

หนัง A Perfect World คนจริงโลกทรนง คลินต์ อีสต์วู้ด กับ เควิน คอสเนอร์

"รถคันนี้คือยานมิติเวลา ทางข้างหน้าที่เราจะไปคืออนาคต อดีตอยู่เบื้องหลัง"

ผมชอบฉากนี้มาก ง่ายๆ เท่ และก็ยังแฝงปรัชญาลึกซึ้ง นี่แหละยานมิติเวลา ทุกคนต่างก็มียานมิติเวลาที่จะพาตัวเองไปสู่อนาคต (รองเท้าแตะก็ยังเป็นยานมิติเวลาได้)

ไม่ได้บ้าหรอก เรื่องลึกลับคือพลังที่ทำให้เราตื่นเต้น ทำให้เราสนใจ หัวกระทู้จั่วคำถามว่ามีจริงมั้ย ตอบตามนี้ครับ

1. เรื่องย้อนเวลาไม่มีทางเป็นจริง ไม่ว่ากรณีใดๆ สมมุติว่าเพื่อนคุณย้อนอดีตแล้วฆ่าคุณตอนเด็กๆ ตัวคุณในปัจจุบันอยู่ๆก็หายไปเฉยๆงั้นหรอ หรือเผลอฆ่านิวตั้นทำให้วิทยาการเดินหน้าช้าไป 100 ปี ทุกอย่างบนโลกเปลี่ยนหมดทั้งตัวตนความคิดของผู้คน เหตุการณ์บ้านเมือง ทุกๆอย่างเปลี่ยนอย่างนี้หรอ

2. มนุษย์ต่างดาวมีจริงแน่ ดาวในจักรวาลมีเป็นล้านๆๆๆๆนับไม่ถ้วน จะไม่มีซักดวงที่มีสิ่งมีชีวิตงั้นหรอ แต่มาถึงโลกได้รึป่าว อันนี้คิดว่ายังมาไม่ได้

3. แอตแลนติสคิดว่ามีจริง แต่ความล้ำหน้าของเทคโนโลยี่คงไม่ใช่ดิจิตอลแต่องค์ความรู้การเล่นแร่แปรธาตุ กลไกเคลื่อนไหวที่ล้ำหน้ามากในสมัยนั้น

4. รูหนอน รูมิติ พิสูจน์ได้ว่ามีจริงทางทฤษฎีแต่ไม่มีการพิสูจน์ทางปฏิบัติว่าย้ายมิติหรือมวลสารได้จริง ตามหลักวิทย์-ทฤษฎีไม่ได้ถูกต้องและเป็นจริง100%

5. ความหน่วงของเวลาถูกพิสูจน์ว่าเป็นจริงจากการวัดเวลาบนพื้นโลกเทียบกับการวัดบนดาวเทียมบริเวณที่เกิดความโค้งของกาลอวกาศ แต่ไม่รู้ว่าที่มันถูกหน่วงเพราะเวลาช้าจริงๆหรืออิเล็คตรอนเคลื่อนที่ได้ช้าลงหรืออะไร แต่ก็พิสูจน์ได้ว่าทฤษฎีนี้เป็นจริง ไม่รู้ว่าเดินทางด้วยความเร็วแสงแล้วเวลาจะหยุดนิ่งเพราะคาวมคิดเราช้าลงหรือร่างกายเราโตช้าลง หรืออะไร เพราะอิเลคตรอนอยู่ในทุกๆที่ตั้งแต่เทคโนโลยีจนถึงร่างการ ที่ร่างกายเราสั่งการได้เพราะอิเลคตรอนวิ่งไปมาในสมองไปมาทำให้เกิดความคิดแล้ววิ่งไปตามเส้นระบบประสาทควบคุมร่างการทั้งการเคลื่อนไหวหรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บลาๆๆ

จบละ

ในปัจจุบัน ถึงจะสร้างยานพาหนะที่จะนำพาเราไปได้ด้วยความเร็วแสง

ร่างกายมนุษย์ก็ไม่สามารถเดินทางด้วยความเร็วเท่านั้นได้ ถ้าเดินทางด้วยความเร็วเท่านั้น ร่างกายจะแหลกละเอียด

แต่จิตวิญญาณของเรา เดินทางด้วยความเร็วเท่านั้นได้

ง่ายๆคือต้องถอดจิตหรือตายซะก่อน แล้วไปลุ้นเอาว่าวิญญาณมีจริงมั้ย

เรื่องย้อนเวลาผมชอบแนวคิดของสไตน์เกทมากกว่านะ

ส่งข้อมูลสมองเรากลับอดีตก็เหมือนเราย้อนเวลามา

ผมคิดว่าคงทำไม่ได้จริง หรือ อาจจะทำได้แต่ทางรัฐบาลโลกอนาคตเค้ากลัวเราจะตกใจ เพราะถ้าทำได้จริงและฝ่ายอนาคตอนุญาต เราคงได้เห็นแล้วล่ะ

ถ้าผมสามารถเดินทางย้อนอดีตได้ จะไปดูเหตุการณ์สำคัญๆของโลกในเรื่องต่างๆว่าจริงๆแล้วเกิดขึ้นเพราะอะไร ใครเป็นคนทำ

เป็นอะไรที่อยากทำมากที่สุดในชีวิตนี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้

ผมคิดว่าเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่การเอาตัวเราทั้งตัวไปอดีตหรืออนาคต แต่เป็นการทำให้อะไรบางอย่างในช่วงเวลานั้นกลายเป็นตัวเราแทน
เช่นเดียวกับอิเล็กตรอน เมื่อเราเปิดสวิตช์ไฟอิเล็กตรอนตรงสวิตช์จะใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไปถึงหลอดไฟ แต่ที่ไฟสามารถติดได้ทันทีที่เปิดสวิตช์เพราะหลักการกระโดดไปอะตอมถัดไป เกิดเป็นทอดๆ


ด้วยหลักการนี้ เราจะกระตุ้นอะไรสักอย่างเป็นช่วงๆ ด้วยความเร็วเหนือแสงไปปรากฏตรงช่วงเวลานั้นเป็นตัวเสมือนของเรา แบบเดียวกับ nailboard โดยที่เราไม่ต้องไปเอง เพราะถ้าร่างเนื้อเดินทางโดยตรงด้วยความเร็วแสงจะฉีกขาดเละเป็นโจ๊ก


แต่วิธีนี้อาจจะไม่ปฏิสัมพัทธ์ด้วยประสาทสัมผัสบางอย่างได้ เช่นไม่สามารถได้กลิ่นหรือเห็นภาพไกลๆ

ได้ทางจิต