ผมมีธุรกิจส่วนตัวอยู่ แต่มาทำงานประจำเพราะต้องการความมั่นคงกับหาประสพการณ์

แต่ตอนนี้มันเหมือนเสียเวลาไปเปล่าๆ เหนื่อยมาก

ทั้งๆที่ธุรกิจตัวเองได้เงินเยอะกว่า ทำงานสนุกกว่า

แต่ก็ต้องเอาเวลามาทิ้งกับงานประจำ

แต่แฟนกับที่บ้านไม่อยากให้ออก เพราะงานประจำนี้มันดี

มันก็ดีนะ เงินเดือนดี งานสบาย เจ้านายดี

แต่ผมทำอะไรได้มากกว่านี้กับเวลาที่เสียไป

ตอนนี้กลายเป็นธุรกิจก็ขยายไม่ได้เพราะคำว่าต้องการให้มันมั่นคงแค่นี้

แต่ธุรกิจผมมันก็ยังไม่มั่นคงจริงๆ เปิดร้านในห้างแต่ห้างมันยังไม่เสร็จดีคนเลยน้อยมาก

เงินส่วนมากก็มาจากการไปเปิดบูธ ซึ่งค่าที่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จริงๆอยากขายใน ebay amazon ก็ไม่มีเวลาวางระบบ

จะทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็ไม่มีเวลาไปหาข้อมูล เดินดูวัตถุดิบ

ผมควรทำยังไงดี

- - ไม่รู้ว่าธุรกิจส่วนตัวคืออะไร ประเภทไหน กำไรเฉลี่ยต่อเดือนต่อปีเท่าไร งานประจำทำอะไร ลักษณะไหน รายได้ประมาณเท่าไร มีโอกาศก้าวหน้ามากน้อยแค่ไหน แล้วปัจจุบันมีภาระหนี้เท่าไร ผ่อนอะไรต่อเดือนเท่าไร มีทุนสำรองมากน้อยแค่ไหน มันตอบยากมาก เพราะไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย

ถ้ารู้แค่นี้แนะนำ เอาที่ชอบแล้วเห็นโอกาศมากกว่าครับ ถ้าอายุยังไม่เยอะผิดพลาดอะไรไปก็ยังแก้ไขได้ทัน

ธุรกิจส่วนตัวคือ ขายเครื่องประดับผู้หญิงครับ กำไรต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 4 หมื่นบาท

ออกบูธครั้งนึงได้กำไรเฉลี่ย 20k - 30k แล้วแต่งาน ถ้างานไหนทำเลดีๆ ก็อาจจะถึง 60k (เคยได้แค่ 2 งาน)

ขายออนไลน์ เฉลี่ยนได้เดือนละ 10k-15k

มีร้านประจำ แต่ตอนนี้ห้างยังไม่เสร็จดีเค้าเลยยกเว้นค่าที่ให้ ต้องจ่ายค่าเด็กขายของ 9k ต่อเดือน ค่าที่ 7.5k

เปิดมาได้ เดือนกว่าๆ ยอดขายได้ 40k (คนโคตรน้อยบางวันขายไม่ได้เลย แต่ถ้าห้างเสร็จน่าจะดีขึ้น)

งานประจำตามตำแหน่งคือ Project coordinator แต่เอาจริงๆคือทำทุกอย่าง

หา supplier คุม lab ทำการทดสอบคุณภาพสินค้า ติดต่อ lab ที่ต่างประเทศ

บริษัททำเกี่ยวกับส่งออกและพัฒนาอาหาร มีโอกาศก้าวหน้ามาก เพราะเป็นบริษัทจากต่างประเทศเพิ่งเข้ามาในไทย

ตอนนี้มีพนักงานคือ 2 คน คือผมกับพี่ที่รู้จักกันดีเค้าเป็น ผจก.

บริษัทหลักอยู่ที่แคนาดา ลูกค้าใหญ่ๆ ก็พวก Wallmart ในไทยก็ CP bentagro

เงินเดือนก็ 25k หนี้มีแค่ผ่อนรถให้ที่บ้าน เริ่มผ่อนปีหน้าเดือนละ 5k

เงินทุนในร้านตอนนี้มีอยู่ราวๆ 100k

อืม ถ้าไม่มีหนี้ผ่อนบ้าน ส่วนตัวนะอันนี้ส่วนตัวเลย ปั้นธุรกิจของตัวเองครับคือเหนื่อยหน่อยแต่ดูแล้วน่าจะไปได้ไวกว่า จริงๆทำทั้งคู่ก็ได้ แต่ดูแล้วงานประจำเองก็ท่าทางจะยุ่งเหมือนกัน " คือถ้าควบไหวก็ควบครับ " แล้วค่อยออกงานตามงานใหญ่ ๆ เอาเงินก้อน ที่เหลือก็ขายออนไลน์ไป

มีงานประจำเป็นหลักเป็นแหล่งไปก่อนแหละ ถือซะว่าเป็นการเก็บเงินเสริมไปอีกทางนึง

เผื่อวันไหนกิจการมันล้มหรือพลาดขึ้นมา จะได้พอมีทางหนีทีไล่ แต่ถ้ากิจการมันแข็งพอที่จะยืนด้วยตัวเองแล้วค่อยว่ากันใหม่ก็ไม่สาย

จากความเห็นของคนที่เลือกไม่ได้แบบตู

ผมว่าจ้างคนอื่นทำร้านเครื่องประดับดีมั้ยครับ ยอมกำไรน้อยลงแต่เราสามารถดูแลทั้งสองฟากได้
การจ้างคนอื่นต้องทำใจเรืื่องโดนโกงหน่อย เราเหนื่อยเรื่องการตรวจสอบหน่อยดีกว่าลงไปทำเองเหนื่อยกว่าอีก

ลองๆคิดดูเอาเท่าที่ทำไหวดีกว่าครับ ฝืนๆทำไปได้เงินเยอะ หมอ กินเรียบส่วนตัวนอกจากงาน รัฐ ผมไม่เชื่อนะว่าจะมีงานอะไรมั่นคง มันมีเสี่ยงพอๆกันแหละ เสี่ยงรูปแบบไหนเท่านั้นเอง

คิดว่าถ้าทำธุรกิจส่วนตัวตามที่เล่า

ต้องหารายได้เพิ่มอีกสัก 1 อย่างและสามารถต่อยอดได้ด้วย อย่างเล่นหุ้น ธุรกิจอื่นเล็กๆที่ไม่ต้องเปิดหน้าร้าน

เพราะในระยะยาว ถ้าตัวนี้มีปัญหา ก่อยังมีรายได้ทางอื่นอีก ก่อน่าเสี่ยงจะออกมาทำเต็มตัว

การทำงานประจำมันมั่นคงกว่าแน่นอน แต่มันเหมาะกับเดกที่ต้องการประสบการณ์ และคิดว่าจะไต่เต้าเปนหัวหน้าในระยะยาว

จากประสบการณ์ของผมที่เคยทำงานประจำ + ธุรกิจส่วนตัวควบคู่กันไปด้วย ก็มีหลายๆ ส่วนที่เคยเจอแบบเดียวกับคุณ ขอตอบตามนี้นะครับ

ทำงานหนักมาก ไม่มีเวลาพักผ่อน ได้เงินเยอะแต่ไม่มีความสุข >> ผมก็เคยเป็นครับ ตื่น 7 โมง ทำงานถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่งเป็นเรื่องปกติ

ผมมองว่าคุณต้องเลือกระหว่าง 1. ทำงานประจำ + ควบไปกันธุรกิจส่วนตัว หรือ 2. ออกมาลุยธุรกิจส่วนตัวแบบ Full Time

ถ้าเลือกอย่างแรก ข้อดีก็คือ คุณมีรายได้ 2 ทาง ทำให้โอกาสที่คุณจะมีปัญหาด้านการเงินมีน้อยมาก ซึ่งเป็นผลดีในระยะยาว และถ้าเกิดมีช่วงไหนที่ธุรกิจคุณไม่ค่อยดี คุณก็ยังมีงานประจำรองรับ

แต่ข้อเสียก็คือ คุณจะเหนื่อยมากๆ และธุรกิจส่วนตัวจะโตช้า เนื่องจากคุณไม่ได้มีเวลาให้มันอย่างเต็มที่ รวมถึงศักยภาพในการแข่งขันในตลาดก็จะมีน้อยด้วย

ถ้าเลือกแบบที่ 2 ข้อดีคือ คุณได้ออกมาทำในสิ่งที่คุณอยากทำอย่างเต็มที่ มีเวลาโฟกัสกับธุรกิจ และคุณก็จะมีความสุขมากขึ้นด้วย

ข้อเสียก็คือ มันเสี่ยงมากๆ เพราะถึงแม้เราจะทุ่มเทในการทำธุรกิจอย่างเต็มที่แล้ว มันก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะประสบความสำเร็จ ที่คุณบอกว่ามีเงินหมุนทำธุรกิจอยู่ประมาณ 100k ส่วนตัวผมมองว่าน้อยไปหน่อย (แต่อาจจะเยอะก็ได้มั้งสำหรับธุรกิจของคุณ พอดีไม่เคยทำธุรกิจตัวนี้)

ผมคงไม่บอกว่าแบบไหนดีกว่ากัน แต่ส่วนตัวผมเลือกทำในแบบที่ 2 ซึ่งผมคิดว่ามันโอเคสำหรับผม อีกอย่างนึงถ้าคุณออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแล้วมันไปไม่รอดจริงๆ คุณก็ยังสามารถกลับไปหาทำงานประจำทำได้ ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร มีคนเป็นแบบนี้เยอะแยะครับ

หวังว่าความเห็นของผมคงจะพอช่วยได้บ้างนะครับ

ก็พอเข้าใจนะ ความนี้มันมีเหมือน 2 จิต 2 ใจซึ่งก็ไม่รู้จะใช้อันไหนเลย


1. จับปลา 2 มือ ทำแล้วก็ไม่ดีสักอย่าง เพราะไม่ได้ทุ่มเท งานหลักก็ไม่ได้ทุ่ม งานรองก็ลงไม่เต็มที่ แล้วงานจะออกมาดีได้ยังไง

2. ยืน 2 ขา เพื่อลดความเสี่ยง ถ้างานรองเจ๊ง อย่างน้อยก็มีงานหลักให้บ้างละนะ

ตัวแปรมันมีหลาย แล้วแต่คนจะตัดสินใจแล้วละ

แต่ถ้าเป็นผม
ผมจะทำงานประจำต่อ เพราะผมไม่ค่อยชอบค้าขายที่ไม่เกี่ยวกับสายงานตัวเองด้วยละมั้ง เหมือนความรู้โดนแยกออกไป
อารมณ์ประมาณว่า eyeshield เน้น speed อย่างเดียว ไม่ต้องสนความแกร่งของร่างกาย ประมาณนั้น 55

อืมชีวิตคนเรามันสั้นนะ มีเงินเยอะเเต่ไม่มีความสุข เเต่มีพอใช้ไม่ลำบากมีเวลาว่างทำสิ่งอื่นๆบ้าง ที่สำคัญหักโหมงานมากร่างกายเราก็มีเเต่จะเเย่คุ้มกันใหม เกิดมาครั้งนึงใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า
ลองคิดดูเราใช้ชีวิตในการทำงานมากไปจริงๆนะทุกวันนี้ เพราะความต้องการของคนไม่รู้จักพอจึงต้องเหนื่อยไม่รู้จักจบสิ้น

ธุรกิจส่วนตัวของคุณก็เงินดีหนิครับ
แต่ถ้าเป็นผมมีงานประจำทำไปด้วย ผมทำสองอย่างนะ
ถ้าตามที่คุณบอกมาว่า งานประจำสบายๆ เงินดี ก็คิดซะว่าทำขำๆ

ถ้าไม่มีหนี้ รอสายป่านยาวกว่านี้อีกหน่อย ออกมาทำเองดีกว่าครับ

ebay amazon alibaba นี่บ่อเงินบ่อทองเลยนะครับ พี่สาวผมทำ ebay อย่างเดียวแรกๆก็เงียบๆหน่อย แต่พออยู่ตัวกำไรได้เดือนละหลายหมื่นอยู่นะครับ บางทีได้เป็นแสนก็มี

แต่ต้องลงทุนหน่อย จ่ายเงินค่าโฆษณาร้าน จ่ายให้ร้านเราไปขึ้นหน้าแรก ค่า list ของที่ช่วงแรกก็เหมือนเอาเงินไปเททิ้งเพราะคนอาจจะยังไม่ซื้อและยังไม่มี feedback

ถ้าอยากให้ feedback ดีๆก็ต้อง active หน่อยคือถ้าได้ order มาแล้วอย่างน้อยก็ต้องส่งให้ได้ภายใน 3 วันยกเว้นว่าเป็นงาน custom made to order ถ้า feedback เราดีก็ทุ่นค่าใช้จ่ายข้างบนไปได้บ้าง

ถ้าผมเป็น จขกท. คงหันไปทุ่มธุรกิจส่วนตัวครับ ถ้าขายได้ราวๆนั้นผมว่าโอเคเลยนะ แล้วมีแนวโน้มว่าจะโตได้อีก ส่วนที่บอกว่าไม่มั่นคงนี่ มันมีปัจจัยอะไรบ้างครับ ต้องดูปัจจัยตรงนี้ว่าอะไรที่ทำให้คิดว่ามันไม่มั่นคง
เหตุผลเพราะว่า ผมมองว่าการที่เราทำธุรกิจ ถึงแม้จะเสี่ยง (มันต้องเสี่ยงทุกคนอยุ่แล้วล่ะ) แต่ผลตอบแทนนั้นคุ้มค่าครับ อนาคตเราเจ็บไข้ ทำไม่ไหว เรายังมีอะไรตกทอดให้ลูกของเรา

กลับกันถ้าทำงานประจำ เราไม่มีอะไรต่อให้ลูกเลยครับ (หรืออาจจะมีแต่ผมไม่รู้ เพราะตอนนี้นึกไม่ออกจริงๆนอกจากเงินทุนให้ลูก)


ปล.สถานการณ์ผมคล้ายๆจขกท.เลยครับ ผมทำงานกินเงินเดือนอยู่ แต่ผมเบื่อและเหนื่อยกับงานนี้มาก
เงินดีครับ แต่เวลาไม่ค่อยมี

ต่างกันที่ผมยังนึกไม่ออกว่าจะออกไปทำธุรกิจอะไร ในขณะที่จขกท.มีอยู่แล้ว
ผมอยากออกไปทำธุรกิจเป็นของตัวเองมากๆ แต่ทำงานนี้นี่ไม่มีเวลาคิดเลยครับ ทำงานเสดก็เหนื่อยแล้ว
จะออกเลยก็เสี่ยง

ไม่รู้นะครับ
ปัจจัยแต่ละคนอาจต่างกัน

แต่ถ้าผมเป็นคุณ เก็บเงินได้ถึงเป้าที่ผมวางไว้ ผมออกจากงานประจำครับ
ไม่ได้ยุนะครับ แต่เป็นแค่มุมมองของผม

ตอนนี้ผมออกจากงานประจำมา 15 ปีแล้วครับ ออกมาทำงานเอง
คุณภาพชีวิตดีมาก กว่าตอนทำงานประจำ
ได้พักมากขึ้น และทำงานหนักมากขึ้น ไปพร้อมๆกัน
ช่วงเหนื่อยก็เหนื่อย ช่วงสบายก็ได้พักเต็มๆ
ในหัวเราจะคิดหาหนทางตลอดในการหารายได้

แรกๆผมจะมีความเครียดนิดนึงในเรื่องของรายได้ แม้ได้มาเยอะ
แต่ก็คิดตลอดว่า เงินที่มีตอนนี้เราอยู่ไปได้กี่เดือน
พอเงินเก็บมากขึ้นเรื่อยๆ ความเครียดตรงนี้ก็หายไป

บางคนอาจคิดว่าทำงานประจำความมีความมั่นคง
เจ้านายน้องผม เจอภาวะโดนบีบออก ลดเงินเดือน
ส่วนน้องผมตัวมันเองก็บ่นว่าเงินเดือนเรื่มตัน และหาอาชีพเสริม
เพื่อนบ้านผม เจอภาวะปลดคนงาน จากการร่วมทุน ซื้อกิจการ
แฟนผมทำงานสายการบิน แค่2ปี ก็ปิดเบสที่เมืองไทย

ไม่มีอะไรแน่นอนครับ