This thread is locked
<<
<
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
>
>>
Reply
Vote
# Fri 28 Apr 2017 : 9:54PM
รวย จน ที่โวยวาย ฟืดฟาด ๆ กันนี่ เอาจริงๆส่วนนึงก็มาจากสื่อบิ้ว ตั้งแต่ แพรวา, หมูแฮม, ตายายเก็บเห็ด คือความเหลื่อมล้ำถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นข้อเรียกร้องทางการเมือง มันมาพร้อมกับวาทะกรรม ไพร่-อำมาตย์ (คนจนติดคุก บลา ๆ ๆ)
รวย-จน เป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำ มาโวยวายด่ากม.อันนี้ง่าว
ถ้าจะแก้ ต้องไปแก้กันที่การกระจายรายได้ ทำยังไงให้ทุกคนมีรายได้ มีความเป็นอยู่ มีโอกาสที่ดีขึ้น แต่สัดส่วนคนยากจนลดลงทุกปีนะ
เจาะ!ยากจน'ลด'-เหลื่อมล้ำ'พุ่ง' bangkokbiznews[Link]
คือส่วนตัวนะ ผมเบื่อพวกซ้ายคอมตกยุค ที่มาเห่าแต่จนๆๆๆ คิดแบบคอมมิวนิสต์ จะเรียกร้องให้เท่าเทียม ซึ่งก็เห็นอยู่ว่าคิดแบบนี้มันฉิบหายกันมากี่ประเทศแล้ว เขมรแดงหัวก้าวหน้า ร่ำเรียนเมืองนอกเมืองนา อยากให้คนจนถูกยกระดับ อยากกำจัดความเหลื่อมล้ำ แล้วผลมันเป็นยังไง
"ระบอบทุนนิยม ทุกคนเป็นผู้ชนะ แต่หลายคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ เพราะไปเปรียบเทียบกับคนที่ได้มากกว่า" ไปดูประเทศที่อยากได้ลัทธิความเท่าเทียมสิ ทุกวันนี้มันเท่าเทียมกัน แต่ทุกคนยากจนหมด เพราะมันไปไม่รอด ทุกคนเท่าเทียมนะ แต่ได้เงินคนละ 100 บาท แต่ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม มันไม่เท่าเทียมนะ มีเงินหมุนเป็นล้านล้าน มีคนได้แสนล้านไม่กี่คน แต่คนที่ได้น้อยๆ ได้คนละ 1 หมื่น มันก็รู้สึกว่าเหลื่อมล้ำ เข้าไม่ถึงโอกาส ไม่เท่าเทียม
ซีพีเห้จริงๆ ไม่มีธรรมาภิบาล ตักตวงผลประโยชน์ แต่ซีพีก็ทำให้หลายคนในสังคมมีรายได้ ถ้าไม่ปลูกข้าวโพด ก็ไม่รู้จะไปปลูกอะไรที่มันรายได้ดี ซีพีมันทำให้เกิดมีการจ้างงาน เกิดความเจริญในพื้นที่อยู่นะ ไอ้ที่เราทำได้คือเรียกร้องให้ซีพีมีธรรมาภิบาล ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้ดีๆ อย่าไปเผาป่า อย่าสร้างมลพิษ อย่าใช้สารเคมีนะ แต่ไม่ใช่ว่าไปด่าว่าซีพีรวย แล้วคนอื่นๆจน เลยเกลียดซีพี นั่นมันบ้ากันไปแล้ว
ถ้าย้อนไปดูตั้งแต่เวิล์ดแบงก์จัดทำสถิติรายได้ GDP per Capita สมัยยุคสฤษดิ์ ไทยรายได้ต่อหัวต่ำกว่าพม่า เวียดนาม สาเหตุนึงคือเพราะไทยไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของฝรั่ง อันนี้มันถึงเกิดค่านิยมอยากเป็นเมืองขึ้น พวกร่านยุคนั้นเลยคิดกันว่าการได้เป็นเมืองขึ้นมันทำให้ประเทศศิวิไลมีรายได้ดี (จนตอนนี้แก่หัวหงอกกันแล้ว ก็ยังเห่าอยากเป็นเมืองขึ้น)
ทีนี้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การเข้าไม่ถึงโอกาส มันก็เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขแหละ ไม่ให้ช่องว่างมันห่างกันมาก แต่ทุกวันนี้คนจนก็เข้าถึงการศึกษา สิทธิการรักษาพยาบาล เอาจริงๆบ้านเราดีกว่าสหรัฐด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องกม. เอาจริงๆรัฐก็ให้ความเสมอภาค เรื่องที่ว่าคนจนไม่รู้กม. ไม่ใช่หรอก คิดว่าตายายไม่รู้เหรอว่าตัดไม้มีโทษจำคุก ? ส่วนลูกกระทิงแดงคิดว่ามันรู้กม.เหรอ ? ถ้ามันรู้กม.มันคงไม่ขับหนีหรอก (ลงไปช่วย หยุดรถ ได้รอลงอาญา เพราะมันเป็นเรื่องความประมาท ไม่ใช่เจตนา แต่หนี ไม่ช่วยเหลือ=คุก) และสิ่งที่ลูกกระทิงแดงทำมันคือการเลี่ยงกม. หนีกม.นะ
รวย-จน เป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำ มาโวยวายด่ากม.อันนี้ง่าว
ถ้าจะแก้ ต้องไปแก้กันที่การกระจายรายได้ ทำยังไงให้ทุกคนมีรายได้ มีความเป็นอยู่ มีโอกาสที่ดีขึ้น แต่สัดส่วนคนยากจนลดลงทุกปีนะ
เจาะ!ยากจน'ลด'-เหลื่อมล้ำ'พุ่ง' bangkokbiznews[Link]
ข้อมูลตัวเลขสำคัญที่ท่านอ้างถึงบ่อยครั้งก็คือ ประเทศไทยสามารถลดความยากจนลงได้ จากสัดส่วนร้อยละ 42 ในปี 2543 จนเหลือเพียงร้อยละ 10.9 ในปี 2556
หรือเมื่อคิดเป็นจำนวนประชากรยากจนก็คือ จาก 26 ล้านคน เหลือเพียง 7.3 ล้านคน
ไทยรัฐ[Link]
หรือเมื่อคิดเป็นจำนวนประชากรยากจนก็คือ จาก 26 ล้านคน เหลือเพียง 7.3 ล้านคน
ไทยรัฐ[Link]
คือส่วนตัวนะ ผมเบื่อพวกซ้ายคอมตกยุค ที่มาเห่าแต่จนๆๆๆ คิดแบบคอมมิวนิสต์ จะเรียกร้องให้เท่าเทียม ซึ่งก็เห็นอยู่ว่าคิดแบบนี้มันฉิบหายกันมากี่ประเทศแล้ว เขมรแดงหัวก้าวหน้า ร่ำเรียนเมืองนอกเมืองนา อยากให้คนจนถูกยกระดับ อยากกำจัดความเหลื่อมล้ำ แล้วผลมันเป็นยังไง
"ระบอบทุนนิยม ทุกคนเป็นผู้ชนะ แต่หลายคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ เพราะไปเปรียบเทียบกับคนที่ได้มากกว่า" ไปดูประเทศที่อยากได้ลัทธิความเท่าเทียมสิ ทุกวันนี้มันเท่าเทียมกัน แต่ทุกคนยากจนหมด เพราะมันไปไม่รอด ทุกคนเท่าเทียมนะ แต่ได้เงินคนละ 100 บาท แต่ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม มันไม่เท่าเทียมนะ มีเงินหมุนเป็นล้านล้าน มีคนได้แสนล้านไม่กี่คน แต่คนที่ได้น้อยๆ ได้คนละ 1 หมื่น มันก็รู้สึกว่าเหลื่อมล้ำ เข้าไม่ถึงโอกาส ไม่เท่าเทียม
ซีพีเห้จริงๆ ไม่มีธรรมาภิบาล ตักตวงผลประโยชน์ แต่ซีพีก็ทำให้หลายคนในสังคมมีรายได้ ถ้าไม่ปลูกข้าวโพด ก็ไม่รู้จะไปปลูกอะไรที่มันรายได้ดี ซีพีมันทำให้เกิดมีการจ้างงาน เกิดความเจริญในพื้นที่อยู่นะ ไอ้ที่เราทำได้คือเรียกร้องให้ซีพีมีธรรมาภิบาล ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้ดีๆ อย่าไปเผาป่า อย่าสร้างมลพิษ อย่าใช้สารเคมีนะ แต่ไม่ใช่ว่าไปด่าว่าซีพีรวย แล้วคนอื่นๆจน เลยเกลียดซีพี นั่นมันบ้ากันไปแล้ว
ถ้าย้อนไปดูตั้งแต่เวิล์ดแบงก์จัดทำสถิติรายได้ GDP per Capita สมัยยุคสฤษดิ์ ไทยรายได้ต่อหัวต่ำกว่าพม่า เวียดนาม สาเหตุนึงคือเพราะไทยไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของฝรั่ง อันนี้มันถึงเกิดค่านิยมอยากเป็นเมืองขึ้น พวกร่านยุคนั้นเลยคิดกันว่าการได้เป็นเมืองขึ้นมันทำให้ประเทศศิวิไลมีรายได้ดี (จนตอนนี้แก่หัวหงอกกันแล้ว ก็ยังเห่าอยากเป็นเมืองขึ้น)
ทีนี้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การเข้าไม่ถึงโอกาส มันก็เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขแหละ ไม่ให้ช่องว่างมันห่างกันมาก แต่ทุกวันนี้คนจนก็เข้าถึงการศึกษา สิทธิการรักษาพยาบาล เอาจริงๆบ้านเราดีกว่าสหรัฐด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องกม. เอาจริงๆรัฐก็ให้ความเสมอภาค เรื่องที่ว่าคนจนไม่รู้กม. ไม่ใช่หรอก คิดว่าตายายไม่รู้เหรอว่าตัดไม้มีโทษจำคุก ? ส่วนลูกกระทิงแดงคิดว่ามันรู้กม.เหรอ ? ถ้ามันรู้กม.มันคงไม่ขับหนีหรอก (ลงไปช่วย หยุดรถ ได้รอลงอาญา เพราะมันเป็นเรื่องความประมาท ไม่ใช่เจตนา แต่หนี ไม่ช่วยเหลือ=คุก) และสิ่งที่ลูกกระทิงแดงทำมันคือการเลี่ยงกม. หนีกม.นะ
# Fri 28 Apr 2017 : 9:58PM
TDRI : ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้
ดร. วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
ความเหลื่อมล้ำได้ถูกหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นที่นำไปสู่ข้อเรียกร้องทางการเมืองแม้หลายฝ่ายจะยังมีความเห็นต่างกันว่าความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันนั้นมีเหตุผลมาจากความไม่ลงตัวทางการเมือง หรือเหตุอื่นกันแน่ แต่เราต้องยอมรับว่าความเหลื่อมล้ำนั้นมีจริงในสังคมไทย และมีมานานแล้ว
ช่องว่างระหว่างรายได้ของคนรวยกับคนจนเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคม การสำรวจโดยหน่วยงานของรัฐในปี 2552 พบว่า ร้อยละ 40 ของคนกรุงเทพและร้อยละ 36 ของคนอีสาน มีความเห็นว่าช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนนั้นสูงมากถึงขั้นยอมรับไม่ได้ และเกือบร้อยละ 80 ของคนไทยทั้งประเทศยอมรับว่ามีความเหลื่อมล้ำของรายได้มีทั้งที่ยังยอมรับได้และมากจนยอมรับไม่ได้
ความเหลื่อมล้ำอาจเกิดจากการขาดโอกาส ขาดสิทธิ ขาดทรัพยากร หรือธรรมชาติไม่เข้าข้าง โดยคนไทยร้อยละ 42 บอกว่า คนจนนั้นจนเพราะเกิดมาจน ร้อยละ 57 บอกว่าคนรวยนั้นรวยเพราะเกิดมารวย นั่นคือ เห็นว่าความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องของธรรมชาติไม่เข้าข้าง หรืออาจจะเลยเถิดไปถึงเรื่องบุญกรรมแต่ชาติปางก่อน
ถ้าคนไทยเชื่อว่าความเหลื่อมล้ำเกิดเพราะเหตุธรรมชาติไม่เข้าข้างหรือกรรมเก่า ถ้าเช่นนั้นจะมาใช้ความเหลื่อมล้ำเป็นข้ออ้างในการเรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐไปใยเล่า ต้องตอบว่า เพราะมันเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคมนั่นเองไม่ใช่ว่าใครเกิดมาจนแล้วจะต้องจนไปตลอดชีวิต
เราลองมาดูตัวอย่างของกลุ่มคนที่เล็กที่สุดในสังคมซึ่งคือ ครอบครัว ถ้าพ่อแม่ครอบครัวหนึ่งมีลูก 10 คน สมมติว่าด้วยเหตุทางธรรมชาติทำให้ลูก 5 คนแรกที่เป็นหญิงมีความเก่งกาจน้อยกว่าลูก 5 คนหลังที่เป็นชายหมด ที่แย่กว่านั้นคือลูกคนแรกก็พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถ้าพ่อแม่ไม่มีความเป็นธรรม รักลูกที่เป็นชายเพราะเก่งและช่วยเชิดชูหน้าตาให้แก่ตน ความสุขสงบ ความกลมเกลียวในครอบครัวก็จะไม่เกิดขึ้น พ่อแม่สามารถสร้างความเป็นธรรมให้แก่คนในครอบครัวเพื่อลบล้างความเหลื่อมล้ำที่มาจากธรรมชาติได้ด้วยการให้โอกาสทางการศึกษาและดูแลลูกอย่างเท่าเทียมกัน โดยให้ความใส่ใจกับลูกที่พิการมากกว่าคนอื่นๆ เป็นต้น ที่สำคัญพ่อแม่ต้องไม่ทำในสิ่งที่ไปเพิ่มความเหลื่อมล้ำให้มากขึ้น ความสงบสุขในครอบครัวก็จะเกิดขึ้นได้
รัฐก็เหมือนกับพ่อแม่ที่ดูแลครอบครัวขนาดใหญ่ สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อป้องกันปัญหาสังคม การสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทำได้ด้วยการเก็บภาษีจากคนที่ “มี” คนมีมากก็ควรเสียภาษีมาก คนมีน้อยก็ควรเสียภาษีน้อย และรัฐควรจัดสวัสดิการสังคมเพื่อให้คนทุกคนไม่ว่าจะ “มี” หรือ “ไม่มี” ได้รับความมั่นใจในการอยู่ในสังคมโดยปราศจากความกลัวว่าจะอดตาย จะไม่ได้เรียนหนังสือ จะตกงาน จะเจ็บตายโดยไม่มีโอกาสรับการรักษาพยาบาล จะแก่อย่างอดๆ อยากๆ จะตายอย่างโดดเดี่ยว หรือจะถูกคนดูถูกรังเกียจเหยียดหยาม
รัฐได้ทำหน้าที่ในการเก็บภาษีอย่างเป็นธรรมหรือจัดสวัสดิการสังคมให้คนไทยอย่างเป็นธรรมแล้วหรือยัง
ลองดูที่การจัดเก็บภาษี ทุกวันนี้คนไทยทุกคนที่ใช้จ่ายเงินซื้อสินค้า 100 บาท เงินจำนวน 22 บาทนั้นเข้ากระเป๋ารัฐเป็นภาษีทางอ้อมสารพัดรูปแบบ เราอาจจะคิดว่าภาษีมูลค่าเพิ่มแค่ 7 บาทเท่านั้น แต่เรามีภาษีทางอ้อมหลายประเภทรวมๆ กันในราคาสินค้าซึ่งมันสูงกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยซ้ำ ภาษีทางอ้อมนี้คนรวยหรือคนจนต้องจ่ายเหมือนๆ กัน ซื้อมากจ่ายมาก ซื้อน้อยจ่ายน้อย การจ่ายภาษีไม่ได้ขึ้นกับว่า “มี” มากจ่ายมาก หรือ ”มี” น้อยจ่ายน้อย
มาดูที่ภาษีทางตรง ซึ่งก็คือภาษีรายได้ที่เก็บจากประชาชนและจากผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ ข้อมูลภาษีรายได้จากการจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาของกรมสรรพากรในปี 2551 พบว่า จากคนไทยที่มีงานทำทั้งหมด 37 ล้านคน มีเพียง 9 ล้านคนที่ยื่นแบบเสียภาษีรายได้ โดยที่ 1.9 ล้านคนเป็นแบบ ภ.ง.ด. 90 (คนที่มีรายได้หลายแหล่ง) และ 7.1 ล้านคนเป็นแบบ ภ.ง.ด. 91 (คนที่มีรายได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือบำนาญเท่านั้น) คนที่หายไป 28 ล้านคน มีจำนวนหนึ่งที่เข้าข่ายร่ำรวยแต่รัฐไม่มีความสามารถไม่พยายามเอื้อมมือไปเก็บภาษีจาก “ความมั่งมี” ของเขาได้
ความเป็นธรรมของภาษีรายได้มีหรือไม่ ถ้าภาษีเป็นธรรมแล้วตำแหน่งของคนมีรายได้น้อยที่ยืนอยู่ในสังคมไม่ควรแย่ลงไปกว่าเดิมหลังจากถูกหักภาษี เช่น ถ้าคนจนที่สุดครึ่งหนึ่งของประเทศมีส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 20 ของรายได้ทั้งหมดของประเทศ หลังจากหักภาษีทั้งคนรวยคนจนเสร็จแล้วส่วนแบ่งรายได้ของคนเหล่านั้นต้องไม่แย่ไปกว่าเดิมคือต้องมีส่วนแบ่งที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของรายได้ทั้งหมด
ในปี 2551 ครึ่งหนึ่งของผู้ที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 มีส่วนแบ่งรายได้รวมกันเพียงร้อยละ 11 (ดูรูปประกอบ) เปรียบได้กับลูกที่จนที่สุด 5 คนแรกมีส่วนแบ่งรายได้รวมกันเพียงร้อยละ 11 แต่ลูกคนที่รวยที่สุด (หรือกราฟแท่งขวาสุด) มีส่วนแบ่งรายได้ถึงร้อยละ 51 และหลังจากรัฐได้หักภาษีเรียบร้อยแล้วกลับทำให้ส่วนแบ่งรายได้ของลูกคนที่จนที่สุด 5 คนแรกลดลงเหลือร้อยละ 6 แต่ส่วนแบ่งของลูกคนที่ 6-9 กลับเพิ่มขึ้น ภาษีทำให้ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นทั้งกรณี ภ.ง.ด. 90 และ 91 โดยเฉพาะกรณี ภ.ง.ด. 91 กลุ่มคนที่รวยที่สุดกลับได้รับประโยชน์มากที่สุดจากโครงสร้างภาษีแบบบิดเบือน (กราฟแท่งขวาที่วงกลมไว้) ทำไม่ถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆ ที่อัตราภาษีของไทยเป็นแบบก้าวหน้า ทั้งนี้เพราะรัฐอัดนโยบายอื่นๆ มากเกินไปใส่ลงไปในโครงสร้างภาษีรายได้จนมันหมดความสามารถในการสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม ในที่สุดโครงสร้างภาษีของไทยจึงเป็นแบบถดถอย คือ ทำให้การกระจายรายได้แย่ลง ขอยกตัวอย่างที่ทำให้โครงสร้างภาษีรายได้ถดถอย
ตัวอย่างที่หนึ่ง รัฐต้องการกระตุ้นตลาดทุนโดยให้คนที่มีรายได้สูงสามารถหักค่าลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF ได้มากถึง 700,000 บาท ในปี 2551 ผู้มีรายได้ที่ได้รับการลดหย่อนทั้งหมดถึง 16,000 ล้านบาท คนที่มีรายได้สูงที่สุด10% แรกของประเทศที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 และ 91 ลงทุนใน LTF ประมาณ 12,000 ล้านบาท
ตัวอย่างที่สอง รัฐต้องการให้คนบริจาคเงินเพื่อการกุศล ถ้าบริจาคเงินก็สามารถนำหลักฐานมาขอลดหย่อนภาษีได้ ในปี 2551 มีการขอลดหย่อนภาษีจากการบริจาคทั้งหมด 6,000 ล้านบาท รัฐอาจจะไม่รู้เลยว่าหลักฐานการบริจาคเพื่อการลดหย่อนภาษีนั้นหาซื้อกันได้ในที่ต่างๆ มีวัดหลายแห่งขายใบอนุโมทนาบัตรราคา 5,000 บาท (ถูกหรือแพงกว่านี้ก็หาซื้อได้) อยากให้เขียนว่าบริจาคเงินเท่าไรก็บอกไป เช่นถ้าเขียนว่าบริจาคเงิน 100,000 บาท ผู้ที่มีรายได้สูงที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 ก็จะสามารถประหยัดเงินภาษีไปได้ 30,000 บาท เงินเข้ากระเป๋าวัดและคนรวยแทนที่จะเป็นรัฐ
ตัวอย่างที่สาม รัฐยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ต่ำกว่า 150,000 บาท การยกเว้นอย่างถ้วนหน้าแทนที่จะเป็นเฉพาะผู้มีรายได้ต่ำ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ทั้งหมด 70,000 ล้านบาทในปี 2551
นอกจากนี้ คนรวยจำนวนมากมีรายได้หลักจากดอกเบี้ยและเงินปันผลซึ่งส่วนใหญ่ก็เสียภาษีในอัตราเดียวร้อยละ 15 และยังมีการลดหย่อนอีกหลายประเภทที่มีผลให้ภาษีรายได้ของไทยไม่เป็นธรรม
รัฐให้ความเป็นธรรมในการให้สวัสดิการสังคมหรือไม่
ดูตัวอย่างสวัสดิการรักษาพยาบาล ข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2549 แสดงให้เห็นว่า คนมีรายได้น้อยที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศต้องใช้สิทธิจากสวัสดิการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คนรายได้สูงที่สุดของประเทศมีครึ่งหนึ่งที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเป็นสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม คงไม่ต้องบอกว่าคนไทยอยากได้สวัสดิการรักษาพยาบาลแบบไหนมากกว่ากัน กลุ่มคนรายได้สูงที่มีสิทธิในสวัสดิการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าส่วนใหญ่ไม่ใช้สวัสดิการที่ตนมีแต่กลับยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินเองหรือไม่ก็ให้บริษัทประกันเอกชนจ่าย (โดยตนจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเบี้ยประกันก่อน) มีเพียงร้อยละ 40 ของผู้ป่วยกลุ่มรวยที่สุดที่ใช้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทั้งกรณีผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน พฤติกรรมการใช้สวัสดิการของรัฐแบบนี้น่าจะบ่งชี้ได้ว่าสวัสดิการที่รัฐให้แก่ผู้มีรายได้น้อยเป็นธรรมหรือไม่ ถ้าป่วยด้วยโรคเดียวกันแต่ข้าราชการได้รับการรักษามาตรฐานหนึ่ง คนรายได้น้อยได้รับการรักษาอีกมาตรฐานหนึ่ง อย่างนี้เรียกว่าความเหลื่อมล้ำหรือไม่
เรามักจะได้ยินข้ออ้างว่าข้าราชการรับเงินเดือนน้อยควรได้รับสวัสดิการอย่างดีเป็นการทดแทน แต่ข้ออ้างที่มีเหตุผลมากกว่าน่าจะเป็นว่าเกิดเป็นคนไทยเหมือนๆ กัน ป่วยด้วยโรคเดียวกัน ควรได้รับการดูแลจากรัฐด้วยมาตรฐานเดียวกัน เหตุผลของความเป็นคนอย่างเท่าเทียมกันน่าจะเหมาะกว่าเรื่องเงินเดือน
ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้เหล่านี้ทำให้เห็นว่า ข้ออ้างความเหลื่อมล้ำเพื่อการเรียกร้องทางการเมืองเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผล ไม่ว่าการเรียกร้องจะมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้เหล่านี้ควรที่จะได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้องต่อไป ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็สะสมปัญหาสังคม ปัญหาการเมืองให้พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ
[Link]
ดร. วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
ความเหลื่อมล้ำได้ถูกหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นที่นำไปสู่ข้อเรียกร้องทางการเมืองแม้หลายฝ่ายจะยังมีความเห็นต่างกันว่าความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันนั้นมีเหตุผลมาจากความไม่ลงตัวทางการเมือง หรือเหตุอื่นกันแน่ แต่เราต้องยอมรับว่าความเหลื่อมล้ำนั้นมีจริงในสังคมไทย และมีมานานแล้ว
ช่องว่างระหว่างรายได้ของคนรวยกับคนจนเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคม การสำรวจโดยหน่วยงานของรัฐในปี 2552 พบว่า ร้อยละ 40 ของคนกรุงเทพและร้อยละ 36 ของคนอีสาน มีความเห็นว่าช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนนั้นสูงมากถึงขั้นยอมรับไม่ได้ และเกือบร้อยละ 80 ของคนไทยทั้งประเทศยอมรับว่ามีความเหลื่อมล้ำของรายได้มีทั้งที่ยังยอมรับได้และมากจนยอมรับไม่ได้
ความเหลื่อมล้ำอาจเกิดจากการขาดโอกาส ขาดสิทธิ ขาดทรัพยากร หรือธรรมชาติไม่เข้าข้าง โดยคนไทยร้อยละ 42 บอกว่า คนจนนั้นจนเพราะเกิดมาจน ร้อยละ 57 บอกว่าคนรวยนั้นรวยเพราะเกิดมารวย นั่นคือ เห็นว่าความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องของธรรมชาติไม่เข้าข้าง หรืออาจจะเลยเถิดไปถึงเรื่องบุญกรรมแต่ชาติปางก่อน
ถ้าคนไทยเชื่อว่าความเหลื่อมล้ำเกิดเพราะเหตุธรรมชาติไม่เข้าข้างหรือกรรมเก่า ถ้าเช่นนั้นจะมาใช้ความเหลื่อมล้ำเป็นข้ออ้างในการเรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐไปใยเล่า ต้องตอบว่า เพราะมันเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคมนั่นเองไม่ใช่ว่าใครเกิดมาจนแล้วจะต้องจนไปตลอดชีวิต
เราลองมาดูตัวอย่างของกลุ่มคนที่เล็กที่สุดในสังคมซึ่งคือ ครอบครัว ถ้าพ่อแม่ครอบครัวหนึ่งมีลูก 10 คน สมมติว่าด้วยเหตุทางธรรมชาติทำให้ลูก 5 คนแรกที่เป็นหญิงมีความเก่งกาจน้อยกว่าลูก 5 คนหลังที่เป็นชายหมด ที่แย่กว่านั้นคือลูกคนแรกก็พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถ้าพ่อแม่ไม่มีความเป็นธรรม รักลูกที่เป็นชายเพราะเก่งและช่วยเชิดชูหน้าตาให้แก่ตน ความสุขสงบ ความกลมเกลียวในครอบครัวก็จะไม่เกิดขึ้น พ่อแม่สามารถสร้างความเป็นธรรมให้แก่คนในครอบครัวเพื่อลบล้างความเหลื่อมล้ำที่มาจากธรรมชาติได้ด้วยการให้โอกาสทางการศึกษาและดูแลลูกอย่างเท่าเทียมกัน โดยให้ความใส่ใจกับลูกที่พิการมากกว่าคนอื่นๆ เป็นต้น ที่สำคัญพ่อแม่ต้องไม่ทำในสิ่งที่ไปเพิ่มความเหลื่อมล้ำให้มากขึ้น ความสงบสุขในครอบครัวก็จะเกิดขึ้นได้
รัฐก็เหมือนกับพ่อแม่ที่ดูแลครอบครัวขนาดใหญ่ สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อป้องกันปัญหาสังคม การสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทำได้ด้วยการเก็บภาษีจากคนที่ “มี” คนมีมากก็ควรเสียภาษีมาก คนมีน้อยก็ควรเสียภาษีน้อย และรัฐควรจัดสวัสดิการสังคมเพื่อให้คนทุกคนไม่ว่าจะ “มี” หรือ “ไม่มี” ได้รับความมั่นใจในการอยู่ในสังคมโดยปราศจากความกลัวว่าจะอดตาย จะไม่ได้เรียนหนังสือ จะตกงาน จะเจ็บตายโดยไม่มีโอกาสรับการรักษาพยาบาล จะแก่อย่างอดๆ อยากๆ จะตายอย่างโดดเดี่ยว หรือจะถูกคนดูถูกรังเกียจเหยียดหยาม
รัฐได้ทำหน้าที่ในการเก็บภาษีอย่างเป็นธรรมหรือจัดสวัสดิการสังคมให้คนไทยอย่างเป็นธรรมแล้วหรือยัง
ลองดูที่การจัดเก็บภาษี ทุกวันนี้คนไทยทุกคนที่ใช้จ่ายเงินซื้อสินค้า 100 บาท เงินจำนวน 22 บาทนั้นเข้ากระเป๋ารัฐเป็นภาษีทางอ้อมสารพัดรูปแบบ เราอาจจะคิดว่าภาษีมูลค่าเพิ่มแค่ 7 บาทเท่านั้น แต่เรามีภาษีทางอ้อมหลายประเภทรวมๆ กันในราคาสินค้าซึ่งมันสูงกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยซ้ำ ภาษีทางอ้อมนี้คนรวยหรือคนจนต้องจ่ายเหมือนๆ กัน ซื้อมากจ่ายมาก ซื้อน้อยจ่ายน้อย การจ่ายภาษีไม่ได้ขึ้นกับว่า “มี” มากจ่ายมาก หรือ ”มี” น้อยจ่ายน้อย
มาดูที่ภาษีทางตรง ซึ่งก็คือภาษีรายได้ที่เก็บจากประชาชนและจากผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ ข้อมูลภาษีรายได้จากการจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาของกรมสรรพากรในปี 2551 พบว่า จากคนไทยที่มีงานทำทั้งหมด 37 ล้านคน มีเพียง 9 ล้านคนที่ยื่นแบบเสียภาษีรายได้ โดยที่ 1.9 ล้านคนเป็นแบบ ภ.ง.ด. 90 (คนที่มีรายได้หลายแหล่ง) และ 7.1 ล้านคนเป็นแบบ ภ.ง.ด. 91 (คนที่มีรายได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือบำนาญเท่านั้น) คนที่หายไป 28 ล้านคน มีจำนวนหนึ่งที่เข้าข่ายร่ำรวยแต่รัฐไม่มีความสามารถไม่พยายามเอื้อมมือไปเก็บภาษีจาก “ความมั่งมี” ของเขาได้
ความเป็นธรรมของภาษีรายได้มีหรือไม่ ถ้าภาษีเป็นธรรมแล้วตำแหน่งของคนมีรายได้น้อยที่ยืนอยู่ในสังคมไม่ควรแย่ลงไปกว่าเดิมหลังจากถูกหักภาษี เช่น ถ้าคนจนที่สุดครึ่งหนึ่งของประเทศมีส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 20 ของรายได้ทั้งหมดของประเทศ หลังจากหักภาษีทั้งคนรวยคนจนเสร็จแล้วส่วนแบ่งรายได้ของคนเหล่านั้นต้องไม่แย่ไปกว่าเดิมคือต้องมีส่วนแบ่งที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของรายได้ทั้งหมด
ในปี 2551 ครึ่งหนึ่งของผู้ที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 มีส่วนแบ่งรายได้รวมกันเพียงร้อยละ 11 (ดูรูปประกอบ) เปรียบได้กับลูกที่จนที่สุด 5 คนแรกมีส่วนแบ่งรายได้รวมกันเพียงร้อยละ 11 แต่ลูกคนที่รวยที่สุด (หรือกราฟแท่งขวาสุด) มีส่วนแบ่งรายได้ถึงร้อยละ 51 และหลังจากรัฐได้หักภาษีเรียบร้อยแล้วกลับทำให้ส่วนแบ่งรายได้ของลูกคนที่จนที่สุด 5 คนแรกลดลงเหลือร้อยละ 6 แต่ส่วนแบ่งของลูกคนที่ 6-9 กลับเพิ่มขึ้น ภาษีทำให้ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นทั้งกรณี ภ.ง.ด. 90 และ 91 โดยเฉพาะกรณี ภ.ง.ด. 91 กลุ่มคนที่รวยที่สุดกลับได้รับประโยชน์มากที่สุดจากโครงสร้างภาษีแบบบิดเบือน (กราฟแท่งขวาที่วงกลมไว้) ทำไม่ถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆ ที่อัตราภาษีของไทยเป็นแบบก้าวหน้า ทั้งนี้เพราะรัฐอัดนโยบายอื่นๆ มากเกินไปใส่ลงไปในโครงสร้างภาษีรายได้จนมันหมดความสามารถในการสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม ในที่สุดโครงสร้างภาษีของไทยจึงเป็นแบบถดถอย คือ ทำให้การกระจายรายได้แย่ลง ขอยกตัวอย่างที่ทำให้โครงสร้างภาษีรายได้ถดถอย
ตัวอย่างที่หนึ่ง รัฐต้องการกระตุ้นตลาดทุนโดยให้คนที่มีรายได้สูงสามารถหักค่าลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF ได้มากถึง 700,000 บาท ในปี 2551 ผู้มีรายได้ที่ได้รับการลดหย่อนทั้งหมดถึง 16,000 ล้านบาท คนที่มีรายได้สูงที่สุด10% แรกของประเทศที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 และ 91 ลงทุนใน LTF ประมาณ 12,000 ล้านบาท
ตัวอย่างที่สอง รัฐต้องการให้คนบริจาคเงินเพื่อการกุศล ถ้าบริจาคเงินก็สามารถนำหลักฐานมาขอลดหย่อนภาษีได้ ในปี 2551 มีการขอลดหย่อนภาษีจากการบริจาคทั้งหมด 6,000 ล้านบาท รัฐอาจจะไม่รู้เลยว่าหลักฐานการบริจาคเพื่อการลดหย่อนภาษีนั้นหาซื้อกันได้ในที่ต่างๆ มีวัดหลายแห่งขายใบอนุโมทนาบัตรราคา 5,000 บาท (ถูกหรือแพงกว่านี้ก็หาซื้อได้) อยากให้เขียนว่าบริจาคเงินเท่าไรก็บอกไป เช่นถ้าเขียนว่าบริจาคเงิน 100,000 บาท ผู้ที่มีรายได้สูงที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 ก็จะสามารถประหยัดเงินภาษีไปได้ 30,000 บาท เงินเข้ากระเป๋าวัดและคนรวยแทนที่จะเป็นรัฐ
ตัวอย่างที่สาม รัฐยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ต่ำกว่า 150,000 บาท การยกเว้นอย่างถ้วนหน้าแทนที่จะเป็นเฉพาะผู้มีรายได้ต่ำ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ทั้งหมด 70,000 ล้านบาทในปี 2551
นอกจากนี้ คนรวยจำนวนมากมีรายได้หลักจากดอกเบี้ยและเงินปันผลซึ่งส่วนใหญ่ก็เสียภาษีในอัตราเดียวร้อยละ 15 และยังมีการลดหย่อนอีกหลายประเภทที่มีผลให้ภาษีรายได้ของไทยไม่เป็นธรรม
รัฐให้ความเป็นธรรมในการให้สวัสดิการสังคมหรือไม่
ดูตัวอย่างสวัสดิการรักษาพยาบาล ข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2549 แสดงให้เห็นว่า คนมีรายได้น้อยที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศต้องใช้สิทธิจากสวัสดิการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คนรายได้สูงที่สุดของประเทศมีครึ่งหนึ่งที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเป็นสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม คงไม่ต้องบอกว่าคนไทยอยากได้สวัสดิการรักษาพยาบาลแบบไหนมากกว่ากัน กลุ่มคนรายได้สูงที่มีสิทธิในสวัสดิการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าส่วนใหญ่ไม่ใช้สวัสดิการที่ตนมีแต่กลับยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินเองหรือไม่ก็ให้บริษัทประกันเอกชนจ่าย (โดยตนจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเบี้ยประกันก่อน) มีเพียงร้อยละ 40 ของผู้ป่วยกลุ่มรวยที่สุดที่ใช้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทั้งกรณีผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน พฤติกรรมการใช้สวัสดิการของรัฐแบบนี้น่าจะบ่งชี้ได้ว่าสวัสดิการที่รัฐให้แก่ผู้มีรายได้น้อยเป็นธรรมหรือไม่ ถ้าป่วยด้วยโรคเดียวกันแต่ข้าราชการได้รับการรักษามาตรฐานหนึ่ง คนรายได้น้อยได้รับการรักษาอีกมาตรฐานหนึ่ง อย่างนี้เรียกว่าความเหลื่อมล้ำหรือไม่
เรามักจะได้ยินข้ออ้างว่าข้าราชการรับเงินเดือนน้อยควรได้รับสวัสดิการอย่างดีเป็นการทดแทน แต่ข้ออ้างที่มีเหตุผลมากกว่าน่าจะเป็นว่าเกิดเป็นคนไทยเหมือนๆ กัน ป่วยด้วยโรคเดียวกัน ควรได้รับการดูแลจากรัฐด้วยมาตรฐานเดียวกัน เหตุผลของความเป็นคนอย่างเท่าเทียมกันน่าจะเหมาะกว่าเรื่องเงินเดือน
ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้เหล่านี้ทำให้เห็นว่า ข้ออ้างความเหลื่อมล้ำเพื่อการเรียกร้องทางการเมืองเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผล ไม่ว่าการเรียกร้องจะมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่ความเหลื่อมล้ำที่จับต้องได้เหล่านี้ควรที่จะได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้องต่อไป ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็สะสมปัญหาสังคม ปัญหาการเมืองให้พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ
[Link]
# Fri 28 Apr 2017 : 11:33PM
สอบถามไปทางกระทรวงแล้วครับ ปรากฏว่าเค้าไม่ได้บล้อค มีแค่ ISP เดียวที่บล้อคคือ 3BB .... แปลว่ามีคนแจ้งเฉพาะ ISP นั้น
Like : Ramza, Exodist, zookx
# Sat 29 Apr 2017 : 8:06AM
# Sat 29 Apr 2017 : 8:45AM
ลองดูแค่เรื่องค้ากามเด็กที่แม่ฮ่องสอน
เริ่มเจอตอเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แล้ว
ซึ่งผมว่าไม่ใช่แค่นี้หรอก ชุดเขียว ชุดกากี มันเคยซื้อหมดแหละ
จะจบที่ไหนยังไม่รู้เลย
เริ่มเจอตอเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แล้ว
ซึ่งผมว่าไม่ใช่แค่นี้หรอก ชุดเขียว ชุดกากี มันเคยซื้อหมดแหละ
จะจบที่ไหนยังไม่รู้เลย
View all 7 comments >
Sat 29 Apr 2017 : 2:41PM
บ้านแตกสาแหรกขาด กันหลายครอบครัวแน่
Sat 29 Apr 2017 : 4:55PM
ดูข่าวมันมีคนให้ข้อมูลว่าเขาเรียกว่าประเพณีขนมหวานครับ เป็นงานเลี้ยงฉลองผู้ใหญ่ที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ด้วยการให้เด็กๆมาเป็นเป็นเด็กเสิร์ฟในงานเลี้ยง แล้วผู้ใหญ่จะกินหรือไม่กินก็ได้ ซึ่งเชื่อว่าผู้ใหญ่ที่เป็นข่าวไม่กิน...
ฟังแล้วโคตรงง
ฟังแล้วโคตรงง
Like : PNA888
Sat 29 Apr 2017 : 6:24PM
มันมีวัฒนธรรมแบบนี้ได้ไงวะ พวกเอาก็แม่งบ้าพอได้
สมควรโดนหนักๆ
สมควรโดนหนักๆ
Sat 29 Apr 2017 : 6:45PM
ประเพณีขนมหวานนี่
ถ้าผมเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ย้ายเข้าทำงาน แล้วมีการเลี้ยงต้อนรับแบบนี้
ผมก็ไม่รอดครับ น่าจะโดนแน่
ถ้าผมเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ย้ายเข้าทำงาน แล้วมีการเลี้ยงต้อนรับแบบนี้
ผมก็ไม่รอดครับ น่าจะโดนแน่
Sat 29 Apr 2017 : 10:59PM
ผมว่ามันมีแทบจะทุกเหล่าแหละครับ
แค่ส่วนใหญ่จะไม่เอาเด็กๆมารับ จะเอาพวกนศ.มาแทน
แค่ส่วนใหญ่จะไม่เอาเด็กๆมารับ จะเอาพวกนศ.มาแทน
Sun 30 Apr 2017 : 3:24AM
คนจัดมันไม่รู้หรอกว่าใครมีรสนิยมแบบไหน บางคนไม่ชอบเด็ก บางคนไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลย แต่แน่นอนคนชอบมันก็มี อย่าง หมีเปรมน่าจะชอบ
ถ้าบอกว่าทุกคนต้องกิน อันนี้ผมว่าไม่ใช่ครับ อย่าง มล.ปนัดดา (อดีตผู้ว่าฯเชียงใหม่ผมก็ว่าท่านไม่ทำแน่ ประยุทธ์, สมัคร, จำลอง พวกนี้ไม่เอาแน่
แต่เอาเด็กไปเสิร์ฟ จัดเลี้ยงมีพริตตี้มีเลือกเด็กได้ อาจจะมี อันนี้ไม่รู้ แต่คงไม่ใช่ประเพณีอะไร งานเลี้ยงแบบนี้ก็มีทุกวงการ แถวบ้านผมวงดนตรีงานเลี้ยง ขึ้นบ้านใหม่ ตกดึกนักร้อง เด็กเสิร์ฟแก้ผ้าหมด
เคยได้ยินนะครับว่า ม. อักษรย่อ อุ มีประเพณี
ถ้าบอกว่าทุกคนต้องกิน อันนี้ผมว่าไม่ใช่ครับ อย่าง มล.ปนัดดา (อดีตผู้ว่าฯเชียงใหม่ผมก็ว่าท่านไม่ทำแน่ ประยุทธ์, สมัคร, จำลอง พวกนี้ไม่เอาแน่
แต่เอาเด็กไปเสิร์ฟ จัดเลี้ยงมีพริตตี้มีเลือกเด็กได้ อาจจะมี อันนี้ไม่รู้ แต่คงไม่ใช่ประเพณีอะไร งานเลี้ยงแบบนี้ก็มีทุกวงการ แถวบ้านผมวงดนตรีงานเลี้ยง ขึ้นบ้านใหม่ ตกดึกนักร้อง เด็กเสิร์ฟแก้ผ้าหมด
เคยได้ยินนะครับว่า ม. อักษรย่อ อุ มีประเพณี
Sun 30 Apr 2017 : 4:03AM
เคยได้ยินนะครับว่า ม.ดัง อักษรย่อ อุ มีประเพณีที่รุ่นน้องต้องเลือกคนในรุ่นมาคนนึงให้รุ่นพี่กินตับ แต่ลองถามคนที่ไปเรียนมันก็ว่าไม่มี แต่ถ้ารุ่นพี่กินตับรุ่นน้องมันก็มีทุกม. ไอ้ของหวานนี่อาจจะแบบเดียวกัน หรือคนอาจจะเรียกกันไปเอง แต่งานเลี้ยงอะไรนี่แล้วแต่จะจัด อย่างหมอโตว่าแหละครับมีทุกหมู่เหล่า เอกชนก็มี
ส่วนที่ว่าคนนี้ไม่น่าจะกิน มันมีพวกผู้ว่า พวกขรก. พวกปลัด ออกมาโพสต์กันว่าเชื่อว่าคนนี้ไม่ทำ อันนี้มันเป็นมุมมองของเพื่อนฝูงคนใกล้ชิด ก็เหมือนเราที่รู้กันว่าเพื่อนคนไหนเป็นแนวไหน ..แต่ถึงที่สุดมันต้องว่ากันตามผลสอบ +หลักฐาน ผมถึงขอรอดูก่อน
ส่วนที่ว่าคนนี้ไม่น่าจะกิน มันมีพวกผู้ว่า พวกขรก. พวกปลัด ออกมาโพสต์กันว่าเชื่อว่าคนนี้ไม่ทำ อันนี้มันเป็นมุมมองของเพื่อนฝูงคนใกล้ชิด ก็เหมือนเราที่รู้กันว่าเพื่อนคนไหนเป็นแนวไหน ..แต่ถึงที่สุดมันต้องว่ากันตามผลสอบ +หลักฐาน ผมถึงขอรอดูก่อน
# Sat 29 Apr 2017 : 2:49PM
View all 1 comments >
Sat 29 Apr 2017 : 6:21PM
เคสนี้มันไม่ใช่จงใจจับแพะนะครับ แยกแยะหน่อย
คืออีเจ๊คนทำแลปที่รัฐจ้างมาตรวจตัวอย่างมันมั่วผลแล็ป แล้วเขาไปจับได้ว่ามันมั่วผลเยอะมาก (เช่นรายงานผลซะเฉยๆ โดยไม่ได้ตรวจจริง) ลึกๆ คือแม่งคงบ้าระดับหนึ่ง ทำแบบไม่มีจรรยาบรรณ ไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ผลคือไอ้พวกที่โดนข้อหายา ที่ตรวจโดยคนนี้รอดหมด ยกประโยชน์ให้จำเลยไป จริงๆ อาจจะผิดหรือไม่ผิดไม่รู้ แต่ในเมื่อผลตรวจมันเชื่อถือไม่ได้ ก็ต้องถือว่าไม่ผิดไว้ก่อน
มันต่างจากยัดยา ยัดข้อหาเยอะแบบบ้านเรานะครับ
คืออีเจ๊คนทำแลปที่รัฐจ้างมาตรวจตัวอย่างมันมั่วผลแล็ป แล้วเขาไปจับได้ว่ามันมั่วผลเยอะมาก (เช่นรายงานผลซะเฉยๆ โดยไม่ได้ตรวจจริง) ลึกๆ คือแม่งคงบ้าระดับหนึ่ง ทำแบบไม่มีจรรยาบรรณ ไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ผลคือไอ้พวกที่โดนข้อหายา ที่ตรวจโดยคนนี้รอดหมด ยกประโยชน์ให้จำเลยไป จริงๆ อาจจะผิดหรือไม่ผิดไม่รู้ แต่ในเมื่อผลตรวจมันเชื่อถือไม่ได้ ก็ต้องถือว่าไม่ผิดไว้ก่อน
มันต่างจากยัดยา ยัดข้อหาเยอะแบบบ้านเรานะครับ
Like : Gg™
# Sat 29 Apr 2017 : 11:29PM
ขนาดนาตารีอาบอบนวด มีหลักฐาน มีบัญชีรายชื่อ ว่าจ่ายให้หลายใคร จ่ายให้หน่วยงานไหนบ้าง จ่ายให้สังกัดไหนบ้าง ผลสุดท้ายตำรวจตั้งคณะกรรมการสอบ ผลสรุปว่าหลักฐานไม่เพียงเพียงพอ เลยพ้นข้อกล่าวหาทุกคน (มีแค่ตำรวจชั้นผู้น้อย 4 คนที่เข้าข่าย แต่ก็คงไม่โดนอะไรมาก)
ถ้าว่ากัน "นาตารี" นี่น่าจะใหญ่กว่า "เด็กแม่เล้าแม่ฮ่องสอน" นะ คือผมก็ไม่รู้ว่าขบวนการค้ามนุษย์ของแม่ฮ่องสอนที่ว่านี่ มันมีเด็กในสังกัดเป็นร้อยเป็นพัน มีเงินหมุนหลักร้อยล้านพันล้านรึเปล่า ? แต่คิดว่าน่าจะแม่เล้าระดับบ้านๆ
แต่ค้ากามแม่ฮ่องสอน บก.ปคม.ลงมาสืบคดีเอง และมีมท.เป็นคนสอบขรก. เพราะฉะนั้นมันคงไม่ตันง่ายๆแบบนาตารี
เปิดใจ! อดีตแม่เล้า วงจรค้ากามแม่ฮ่องสอน [Link] ตกลงตำรวจมันไปจับแม่เล้าถูกตัวไหม ?
แต่คดีนี้ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆอยู่ (ขอรอดูตอนจบอย่างเดียวละกัน ว่ามันจะจบยังไง)
เรื่องที่ทำให้ดังก็คงเป็นเรื่องผู้ว่าฯ อันนี้ผมก็รอดูผลสอบ+หลักฐาน
- คือคนในพื้นที่ก็ยกป้ายประท้วงสื่อ ถ้าไปดูความเห็นของคนแม่ฮ่องสอนส่วนใหญ่ไม่มีใครเชื่อว่าผู้ว่าฯทำ
- บิ๊กป๊อกสามวันก่อนโทรไปด่าผู้ว่าฯกลางที่ประชุม ต่อมาป๊อกเสียงอ่อนบอกต้องว่ากันที่ผลสอบ ดูกันที่หลักฐาน (เอาละคนก็ด่ากัน ไอ้ป๊อกจะล้มคดี)
- ผบ.ตร. จักรทิพย์บอกเรื่องซัดทอดผู้ว่าฯ ซื้อกามเด็ก ใครๆก็อ้างได้ (คนก็ด่าจักรทิพย์กันใหญ่ จริงๆจักรทิพย์ก็พูดถูกแล้วนี่)
- ทีนี้ไปๆมาๆไอ้ที่ด่าๆกัน ตอนนี้ก็เลยยังไม่รู้ว่าจะจริงไหม อาจจะออกตัวล้อฟรี เงิบกันได้ เพราะคนปัจจุบันเพิ่งย้ายมาตุลาคมปีที่แล้ว กระแสก็เลยหันไปหาผู้ว่าฯอุตรดิตถ์
- นักข่าว/สื่อบ้านเราถ่อยยังไงก็ถ่อยยังงั้น เสมอต้นเสมอปลาย ผู้ว่าอตรดิตถ์กำลังประชุมขรก. ก็บุกเข้าไปกลางวงห้องประชุมทำเอาคนที่ประชุมอยู่ตกใจกัน
- เมียผู้ว่าฯอุครดิตถ์กำลังเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากับเพื่อน ก็เฮโลกันเข้าไปถามเมียผู้ว่าฯเรื่องค้ากาม (มันใช่เรื่องมั๊ย ? คืออันนี้เผอิญมันเป็นเรื่องที่คนดราม่า ด่าใส่อารมณ์เกลียดผู้ว่าฯกันไงก็เลยอาจจะเฉยๆ แต่ถ้าลองเปลี่ยนเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นกรณีอื่นนี่สื่อโดนคนด่าว่าถ่อยสถุลแน่)
ถ้าว่ากัน "นาตารี" นี่น่าจะใหญ่กว่า "เด็กแม่เล้าแม่ฮ่องสอน" นะ คือผมก็ไม่รู้ว่าขบวนการค้ามนุษย์ของแม่ฮ่องสอนที่ว่านี่ มันมีเด็กในสังกัดเป็นร้อยเป็นพัน มีเงินหมุนหลักร้อยล้านพันล้านรึเปล่า ? แต่คิดว่าน่าจะแม่เล้าระดับบ้านๆ
แต่ค้ากามแม่ฮ่องสอน บก.ปคม.ลงมาสืบคดีเอง และมีมท.เป็นคนสอบขรก. เพราะฉะนั้นมันคงไม่ตันง่ายๆแบบนาตารี
เปิดใจ! อดีตแม่เล้า วงจรค้ากามแม่ฮ่องสอน [Link] ตกลงตำรวจมันไปจับแม่เล้าถูกตัวไหม ?
แต่คดีนี้ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆอยู่ (ขอรอดูตอนจบอย่างเดียวละกัน ว่ามันจะจบยังไง)
เรื่องที่ทำให้ดังก็คงเป็นเรื่องผู้ว่าฯ อันนี้ผมก็รอดูผลสอบ+หลักฐาน
- คือคนในพื้นที่ก็ยกป้ายประท้วงสื่อ ถ้าไปดูความเห็นของคนแม่ฮ่องสอนส่วนใหญ่ไม่มีใครเชื่อว่าผู้ว่าฯทำ
- บิ๊กป๊อกสามวันก่อนโทรไปด่าผู้ว่าฯกลางที่ประชุม ต่อมาป๊อกเสียงอ่อนบอกต้องว่ากันที่ผลสอบ ดูกันที่หลักฐาน (เอาละคนก็ด่ากัน ไอ้ป๊อกจะล้มคดี)
- ผบ.ตร. จักรทิพย์บอกเรื่องซัดทอดผู้ว่าฯ ซื้อกามเด็ก ใครๆก็อ้างได้ (คนก็ด่าจักรทิพย์กันใหญ่ จริงๆจักรทิพย์ก็พูดถูกแล้วนี่)
- ทีนี้ไปๆมาๆไอ้ที่ด่าๆกัน ตอนนี้ก็เลยยังไม่รู้ว่าจะจริงไหม อาจจะออกตัวล้อฟรี เงิบกันได้ เพราะคนปัจจุบันเพิ่งย้ายมาตุลาคมปีที่แล้ว กระแสก็เลยหันไปหาผู้ว่าฯอุตรดิตถ์
- นักข่าว/สื่อบ้านเราถ่อยยังไงก็ถ่อยยังงั้น เสมอต้นเสมอปลาย ผู้ว่าอตรดิตถ์กำลังประชุมขรก. ก็บุกเข้าไปกลางวงห้องประชุมทำเอาคนที่ประชุมอยู่ตกใจกัน
- เมียผู้ว่าฯอุครดิตถ์กำลังเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากับเพื่อน ก็เฮโลกันเข้าไปถามเมียผู้ว่าฯเรื่องค้ากาม (มันใช่เรื่องมั๊ย ? คืออันนี้เผอิญมันเป็นเรื่องที่คนดราม่า ด่าใส่อารมณ์เกลียดผู้ว่าฯกันไงก็เลยอาจจะเฉยๆ แต่ถ้าลองเปลี่ยนเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นกรณีอื่นนี่สื่อโดนคนด่าว่าถ่อยสถุลแน่)
# Sun 30 Apr 2017 : 11:48AM
บอกตรงๆสาวเหนือขาวเนียนมาก ไม่แปลกระดับผู้มีอำนาจในแม่ฮ่องสอนจะกินตับ ทั้งเรียบร้อยมีความอดทนแถมขาวสวยอีก แต่ถ้าเป็นสเปกอินเตอร์ของฝรั่งจะมาทางอีสาน ต้องแหล่ๆคล้ำๆดังแหมบๆชาวต่างชาติบอกเซ็กซี่บักขนาด
View all 1 comments >
# Sun 30 Apr 2017 : 3:42PM
เรือมุดน้ำผมว่าจำเป็นต่อคาบมหาสมุทรแถวบ้านน่ะ เพื่อวันไหนก็อตซิลล่าเกิดโผล่ขึ้นมาแถวทะเลอินโดจีน จะได้มีเรื่องโม้ไว้คุยกับพวกต้นตำรับอย่างญี่ปุ่น ต้นกำเนิดมันอยู่แถวๆบ้านเราเนี่ยแหละ ดีกว่าอ้างไว้มุดหาสมบัติเยอะ
# Sun 30 Apr 2017 : 4:32PM
ผมว่าบานปลายแล้วนะ น่าจะมีการตัดจบเพราะตอนนี้ สื่อที่ไม่รับตังค์หลายคนต้องออกจากพื้นที่แล้ว เพราะมันไม่ได้มีแค่คนไทย มีเด็กชาวเขา เด็กจากเพื่อบ้านด้วย ที่สำคัญมีการแบ่ง % มาที่กรุงเทพด้วย จะเอายังไง วัดใจไหม ผมว่าตัดจบ
Like : Narl
View all 2 comments >
# Sun 30 Apr 2017 : 5:29PM
มันบานปลายเพราะขยายผลเป็นกวาดล้างจับกุมซุ้มแม่เล้าทั้งจว. วันนี้ก็ออกหมายจับเพิ่มอีก 7-8 ราย
งานนี้จบยาก เพราะมีหลายหน่วยงานลงไปทำ บก.ปคม., ตร.ในพื้นที่, ส่วนกลาง, ภาค5 ลงไปคุม, มท.ลงไปตรวจสอบอีก
พงส.ภ.5 ถึงกับบอกว่าขยายผลคนที่เคยใช้บริการแล้วน่าตกใจ เพราะผลมันไปกว้างมาก มีทั้งครู ขรก. ตร. พ่อค้า เอาเฉพาะขรก. ถ้าจับ ถึงขั้นทำให้ระบบราชการมีปัญหาได้ เพราะโดนกันเยอะมาก เพราะขรก.ส่วนใหญ่เป็นพวกคนโสดย้ายไปมันเลยเที่ยวหญิงกัน
แม่ฮ่องสอน ก็คือ นาตารี เวอร์ชั่นภูธร
..แต่นาตารีมันไม่มีดราม่า คนเลยไม่ค่อยสนใจกัน ทั้งๆที่มันก็คือล่อลวงค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 เหมือนกัน มีทั้งต่างด้าว และไทย มีผู้เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน หลายสังกัด
และตอนนาตารี ที่จะจับคนที่เคยรูดบัตรใช้บริการ แน่นอนว่าโดนกันระนาว หลายวงการ ตร. ทหาร ดารา นศ. พนง.บ.เอกชน ขรก. นักธุรกิจ ฯลฯ หลายคนก็โวยวายกันว่างี่เง่ามาจับทำไม อันนี้คือชนชั้นกลางของแท้ แม่ฮ่องสอนบอกผิด แต่มองว่าอาบอบนวดถูก เป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่จริงๆมันผิดกม.เหมือนกัน มีโทษอาญาแบบเดียวกัน บางคนโอ่ชอบเที่ยวอ่างแต่ด่าแม่ฮ่องสอน เหี้ยไม่รู้ว่าตัวเองเหี้ย?
งานนี้จบยาก เพราะมีหลายหน่วยงานลงไปทำ บก.ปคม., ตร.ในพื้นที่, ส่วนกลาง, ภาค5 ลงไปคุม, มท.ลงไปตรวจสอบอีก
พงส.ภ.5 ถึงกับบอกว่าขยายผลคนที่เคยใช้บริการแล้วน่าตกใจ เพราะผลมันไปกว้างมาก มีทั้งครู ขรก. ตร. พ่อค้า เอาเฉพาะขรก. ถ้าจับ ถึงขั้นทำให้ระบบราชการมีปัญหาได้ เพราะโดนกันเยอะมาก เพราะขรก.ส่วนใหญ่เป็นพวกคนโสดย้ายไปมันเลยเที่ยวหญิงกัน
แม่ฮ่องสอน ก็คือ นาตารี เวอร์ชั่นภูธร
..แต่นาตารีมันไม่มีดราม่า คนเลยไม่ค่อยสนใจกัน ทั้งๆที่มันก็คือล่อลวงค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 เหมือนกัน มีทั้งต่างด้าว และไทย มีผู้เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน หลายสังกัด
และตอนนาตารี ที่จะจับคนที่เคยรูดบัตรใช้บริการ แน่นอนว่าโดนกันระนาว หลายวงการ ตร. ทหาร ดารา นศ. พนง.บ.เอกชน ขรก. นักธุรกิจ ฯลฯ หลายคนก็โวยวายกันว่างี่เง่ามาจับทำไม อันนี้คือชนชั้นกลางของแท้ แม่ฮ่องสอนบอกผิด แต่มองว่าอาบอบนวดถูก เป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่จริงๆมันผิดกม.เหมือนกัน มีโทษอาญาแบบเดียวกัน บางคนโอ่ชอบเที่ยวอ่างแต่ด่าแม่ฮ่องสอน เหี้ยไม่รู้ว่าตัวเองเหี้ย?
View all 13 comments >
Sun 30 Apr 2017 : 5:46PM
ผมว่าคนเที่ยวอ่าง ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดคงไม่มีใครคิดตั้งใจไปเอาเด็กอายุไม่ถึง 18 ที่โดนยังคับขู่เข็ญมาขายตัวหรอกครับ
มันต่างเยอะนะ จากพวกรีเควสเอาเด็กหญิง
มันต่างเยอะนะ จากพวกรีเควสเอาเด็กหญิง
Sun 30 Apr 2017 : 6:27PM
ว่าละว่าต้องมีคนตอบแบบนี้
ซุ้มแม่เล้ากับอ่าง ผิดค้าประเวณีเหมือนกันครับ คนใช้บริการ=ทำผิดกม.เหมือนกัน
ในแง่รีเควสเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 ซุ้มแม่เล้ากับอ่างก็มีเหมือนกัน คนรีเควสก็ผิดเหมือนกัน
ค้ามนุษย์เหมือนกัน และอายุ 18+ แก่แล้วก็โดนล่อลวงก็มีเยอะครับ มันต่างกันแค่ในเมืองหรือภูธร
ผมเคยดูสารคดีค้ามนุษย์ ปคม.เข้าไปช่วยนี่บางคนแก่อายุ 40-50 ก็มีครับ แฝงตัวไปซื้อบริการนี่ผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายไม่รู้ว่าจะถูกช่วยก็ยิ้มคุยให้บริการปกติ แต่พอช่วยได้ ก็ร้องไห้ดีใจ ไม่คิดว่าจะได้ชีวิตคืน
กวาดล้างค้ามนุษย์แม่ฮ่องสอนนี่ดูแล้วรบ.สนใจจริงๆ เพราะคงมองภาพรวมเรื่องการปรับเทียร์
ซุ้มแม่เล้ากับอ่าง ผิดค้าประเวณีเหมือนกันครับ คนใช้บริการ=ทำผิดกม.เหมือนกัน
ในแง่รีเควสเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 ซุ้มแม่เล้ากับอ่างก็มีเหมือนกัน คนรีเควสก็ผิดเหมือนกัน
ค้ามนุษย์เหมือนกัน และอายุ 18+ แก่แล้วก็โดนล่อลวงก็มีเยอะครับ มันต่างกันแค่ในเมืองหรือภูธร
ผมเคยดูสารคดีค้ามนุษย์ ปคม.เข้าไปช่วยนี่บางคนแก่อายุ 40-50 ก็มีครับ แฝงตัวไปซื้อบริการนี่ผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายไม่รู้ว่าจะถูกช่วยก็ยิ้มคุยให้บริการปกติ แต่พอช่วยได้ ก็ร้องไห้ดีใจ ไม่คิดว่าจะได้ชีวิตคืน
กวาดล้างค้ามนุษย์แม่ฮ่องสอนนี่ดูแล้วรบ.สนใจจริงๆ เพราะคงมองภาพรวมเรื่องการปรับเทียร์
Sun 30 Apr 2017 : 6:30PM
ผมไม่เคยลงอ่างหรือซื้อนวดพวกนี้นะ
แต่คนมันจะเอา เป็นสัญชาตญาณ ห้ามไม่ได้หรอก
ที่เราต้องหยุดและคุ้มครองคือส่งเด็กไปให้มันเอา ต่ำสุด 18 มันคงไม่ชักตายหรอก
แต่คนมันจะเอา เป็นสัญชาตญาณ ห้ามไม่ได้หรอก
ที่เราต้องหยุดและคุ้มครองคือส่งเด็กไปให้มันเอา ต่ำสุด 18 มันคงไม่ชักตายหรอก
Sun 30 Apr 2017 : 6:34PM
เด็กไทยใหญ่ ต่ำกว่า 18 น้องเค้า เต็มใจทำเองนะผมว่า
แต่มันผิด กฏหมาย ท้้งค้ามนุษย์ ฯลฯ
พวกนี้ชีวิตจริง ที่บ้านน้องเค้าลำบากกว่าเยอะ
ลูกน้องที่โรงงานผมมีคนนึง เพิ่ง 18 เมื่อกลางเดือนนี้หละ
ที่บ้านร่อน พลอย ทั้งวันได้วันละ 80 บาท กินอดๆ หยากๆ ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ แถมบ้านเมืองไม่ค่อยสงบอีก
แต่มันผิด กฏหมาย ท้้งค้ามนุษย์ ฯลฯ
พวกนี้ชีวิตจริง ที่บ้านน้องเค้าลำบากกว่าเยอะ
ลูกน้องที่โรงงานผมมีคนนึง เพิ่ง 18 เมื่อกลางเดือนนี้หละ
ที่บ้านร่อน พลอย ทั้งวันได้วันละ 80 บาท กินอดๆ หยากๆ ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ แถมบ้านเมืองไม่ค่อยสงบอีก
[Edited 1 times marcust - Last Edit 2017-04-30 18:52:09]
Sun 30 Apr 2017 : 6:45PM
toranin wrote:
ว่าละว่าต้องมีคนตอบแบบนี้
ซุ้มแม่เล้ากับอ่าง ผิดค้าประเวณีเหมือนกันครับ คนใช้บริการ=ทำผิดกม.เหมือนกัน
ในแง่รีเควสเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 ซุ้มแม่เล้ากับอ่างก็มีเหมือนกัน คนรีเควสก็ผิดเหมือนกัน
ค้ามนุษย์เหมือนกัน และอายุ 18+ แก่แล้วก็โดนล่อลวงก็มีเยอะครับ มันต่างกันแค่ในเมืองหรือภูธร
ผมเคยดูสารคดีค้ามนุษย์ ปคม.เข้าไปช่วยนี่บางคนแก่อายุ 40-50 ก็มีครับ แฝงตัวไปซื้อบริการนี่ผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายไม่รู้ว่าจะถูกช่วยก็ยิ้มคุยให้บริการปกติ แต่พอช่วยได้ ก็ร้องไห้ดีใจ ไม่คิดว่าจะได้ชีวิตคืน
กวาดล้างค้ามนุษย์แม่ฮ่องสอนนี่ดูแล้วรบ.สนใจจริงๆ เพราะคงมองภาพรวมเรื่องการปรับเทียร์
ซุ้มแม่เล้ากับอ่าง ผิดค้าประเวณีเหมือนกันครับ คนใช้บริการ=ทำผิดกม.เหมือนกัน
ในแง่รีเควสเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 ซุ้มแม่เล้ากับอ่างก็มีเหมือนกัน คนรีเควสก็ผิดเหมือนกัน
ค้ามนุษย์เหมือนกัน และอายุ 18+ แก่แล้วก็โดนล่อลวงก็มีเยอะครับ มันต่างกันแค่ในเมืองหรือภูธร
ผมเคยดูสารคดีค้ามนุษย์ ปคม.เข้าไปช่วยนี่บางคนแก่อายุ 40-50 ก็มีครับ แฝงตัวไปซื้อบริการนี่ผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายไม่รู้ว่าจะถูกช่วยก็ยิ้มคุยให้บริการปกติ แต่พอช่วยได้ ก็ร้องไห้ดีใจ ไม่คิดว่าจะได้ชีวิตคืน
กวาดล้างค้ามนุษย์แม่ฮ่องสอนนี่ดูแล้วรบ.สนใจจริงๆ เพราะคงมองภาพรวมเรื่องการปรับเทียร์
อะไรก็กฎหมาย 555
เรื่องค้าประเวณีนี่ลองดูความเป็นจริง และประวัติศาสตร์โลกนี้ แล้วตัดสินด้วยความเป็นจริง ไม่ดัดจริตจะดีกว่ามั้ย (ประเทศไทยเมืองพุทธ 555 ควายสัสๆ)
ถ้าเต็มใจจะค้า ไม่โดนหลอก และโตพอที่จะเลือกทางชีวิต มันโอเคล่ะ
Sun 30 Apr 2017 : 7:05PM
จริงๆเรื่องแนวๆนี้ผมก็ไม่ได้ปิดอะไรนะ เรื่องเที่ยวอ่างค้ากาม
แต่กับเรื่องเด็กค้ากามอ่ะ ส่วนมากเต็มใจ ผมให้80-90%เลย ที่เหลือเรียกว่าบังคับซ้อม หรือกักขังอดอาหารให้น่วมขู่ให้มารับงาน ของพวกนี้นัวดูก็รู้แล้วว่าเต็มใจหรือเปล่า อยู่ที่คนซื้อจะไปบอกแม่เล้าป่าวว่าเด็กแม่งไม่รู้งาน ถ้าโดนฟ้องนี่เด็กซวยเลยให้สังเกตถ้าลูกค้าเดินออกมาไม่พร้อมกับกับเด็กนี่แม่เล้ารู้ทันทีว่าไม่โอเค เด็กเลยต้องรีบบอกว่าให้รอแล้วออกพร้อมกัน หรือไม่ก็ต้องทำใจตามน้ำไป
และต่างจังหวัดก็ดีเด็กที่ติดวัตถุนิยมมีเยอะมาก แล้วหลายคนเสียตัวกันตั้งแต่11-12แล้วกับแฟนวัยเดียวกันนี่แหล่ะ เข้ากูเกิ้ลพิมพ์ว่าคลิปเด็กมัธยม....กัน ก็มีให้โหลดดูกันเยอะแยะแล้วอนาคตชาติทั้งนั้น ดังนั้นตามแหล่งข่าวเยอะแยะที่ออกมาอดีตแม่เล้าบ้างหรือคนที่เคยโดนจับเรื่องจัดหา มันก็แนวๆนี้แหล่ะเด็กมาของานบ้างหรือ ลูกเล้าแนะนำเพื่อนมาทำบ้างเงินดีสุดๆ
ส่วนผม ผมไม่นิยมเด็กนะเพราะเด็กจะไม่รู้งาน+นมเล็ก เลยไม่ใช่เป้าหมายผม ใครไปกับผมบ่อยๆรู้จะดีของผมนี่นมต้อง34-38 เหอๆๆๆๆ
แต่กับเรื่องเด็กค้ากามอ่ะ ส่วนมากเต็มใจ ผมให้80-90%เลย ที่เหลือเรียกว่าบังคับซ้อม หรือกักขังอดอาหารให้น่วมขู่ให้มารับงาน ของพวกนี้นัวดูก็รู้แล้วว่าเต็มใจหรือเปล่า อยู่ที่คนซื้อจะไปบอกแม่เล้าป่าวว่าเด็กแม่งไม่รู้งาน ถ้าโดนฟ้องนี่เด็กซวยเลยให้สังเกตถ้าลูกค้าเดินออกมาไม่พร้อมกับกับเด็กนี่แม่เล้ารู้ทันทีว่าไม่โอเค เด็กเลยต้องรีบบอกว่าให้รอแล้วออกพร้อมกัน หรือไม่ก็ต้องทำใจตามน้ำไป
และต่างจังหวัดก็ดีเด็กที่ติดวัตถุนิยมมีเยอะมาก แล้วหลายคนเสียตัวกันตั้งแต่11-12แล้วกับแฟนวัยเดียวกันนี่แหล่ะ เข้ากูเกิ้ลพิมพ์ว่าคลิปเด็กมัธยม....กัน ก็มีให้โหลดดูกันเยอะแยะแล้วอนาคตชาติทั้งนั้น ดังนั้นตามแหล่งข่าวเยอะแยะที่ออกมาอดีตแม่เล้าบ้างหรือคนที่เคยโดนจับเรื่องจัดหา มันก็แนวๆนี้แหล่ะเด็กมาของานบ้างหรือ ลูกเล้าแนะนำเพื่อนมาทำบ้างเงินดีสุดๆ
ส่วนผม ผมไม่นิยมเด็กนะเพราะเด็กจะไม่รู้งาน+นมเล็ก เลยไม่ใช่เป้าหมายผม ใครไปกับผมบ่อยๆรู้จะดีของผมนี่นมต้อง34-38 เหอๆๆๆๆ
Sun 30 Apr 2017 : 7:31PM
ยังไม่เจอที่ไม่เต็มใจเลยนะ
ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่มืออาชีพ ก็นานๆรับงานที
ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่มืออาชีพ ก็นานๆรับงานที
Sun 30 Apr 2017 : 7:37PM
จะเอาแง่ไหนล่ะครับ ศีลธรรมก็ผิดไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ สังคมก็ผิด ครอบครัวก็ผิด ถ้าเอาคำพูดพวก La-la land มาใช้ก็ต้องพูดว่า "ไอ้พวกโลกสวย ถ้าเป็นคนในครอบครัวตัวเอง แม่ น้องสาว ลูกสาว จะรู้สึกยังไง"
ตอนนาตารีรูดบัตร ตอนนั้นก็มีคนโวยวายกันว่า "เฮ้ย มันค้ากามเด็ก แต่กุไปเที่ยวเอาแต่ 18+ นะ" แต่มีอีกข้อหานึงคือ ให้การส่งเสริม เห็นไหมครับว่าก็ถือเป็นการส่งเสริมคนกระทำผิด
ส่วนตัวผมก็เคยเที่ยว บ้านผมนี่อยู่เยื้องๆคาราโอเกะเลย แค่เดินข้ามถนนก็ได้ละถ้าจะเอา แน่นอนคนมาเที่ยวก็มีทั้ง ตร. พ่อค้า ครู มีทุกวงการ ผมก็ไม่ได้โลกสวยขนาดว่าซื้อกินจะต้อง=ผิด แต่มันก็ต้องยอมรับความจริงเรื่องปัญหาค้ามนุษย์ โดยเฉพาะอ่าง ซุ้มแม่เล้า และตามร.ร.ที่โทรสั่งแล้วมีคพามาดูตัว คือถ้าไซด์ไลน์อิสระ ร้านเหล้า คาราโอเกะ(บางร้าน) นักร้อง สาวเชียร์เบียร์ อาจจะปลอดค้ามนุษย์กว่า ดูกันให้ดีๆ+หญิงเต็มใจ
..ส่วนตัวผมสนับสนุนค้าประเวณีถูกกม.น่าจะทำ และต้องแก้ปัญหาค้ามนุษย์ให้เด็ดขาด (แต่เด็กต่ำกว่าเกณฑ์ยังไงมันก็มีลักลอบ สมัครใจทำเอง ซึ่งว่ากันแบบแฟร์ๆ บางคนมองว่ากินตับเด็ก ถ้าเด็กเต็มใจ=ไม่ผิด)
อย่างที่ไปโวยวายจะให้พัทยาเลิกมีหญิงน่ะ ผมว่าไร้สาระ
ตอนนาตารีรูดบัตร ตอนนั้นก็มีคนโวยวายกันว่า "เฮ้ย มันค้ากามเด็ก แต่กุไปเที่ยวเอาแต่ 18+ นะ" แต่มีอีกข้อหานึงคือ ให้การส่งเสริม เห็นไหมครับว่าก็ถือเป็นการส่งเสริมคนกระทำผิด
ส่วนตัวผมก็เคยเที่ยว บ้านผมนี่อยู่เยื้องๆคาราโอเกะเลย แค่เดินข้ามถนนก็ได้ละถ้าจะเอา แน่นอนคนมาเที่ยวก็มีทั้ง ตร. พ่อค้า ครู มีทุกวงการ ผมก็ไม่ได้โลกสวยขนาดว่าซื้อกินจะต้อง=ผิด แต่มันก็ต้องยอมรับความจริงเรื่องปัญหาค้ามนุษย์ โดยเฉพาะอ่าง ซุ้มแม่เล้า และตามร.ร.ที่โทรสั่งแล้วมีคพามาดูตัว คือถ้าไซด์ไลน์อิสระ ร้านเหล้า คาราโอเกะ(บางร้าน) นักร้อง สาวเชียร์เบียร์ อาจจะปลอดค้ามนุษย์กว่า ดูกันให้ดีๆ+หญิงเต็มใจ
..ส่วนตัวผมสนับสนุนค้าประเวณีถูกกม.น่าจะทำ และต้องแก้ปัญหาค้ามนุษย์ให้เด็ดขาด (แต่เด็กต่ำกว่าเกณฑ์ยังไงมันก็มีลักลอบ สมัครใจทำเอง ซึ่งว่ากันแบบแฟร์ๆ บางคนมองว่ากินตับเด็ก ถ้าเด็กเต็มใจ=ไม่ผิด)
อย่างที่ไปโวยวายจะให้พัทยาเลิกมีหญิงน่ะ ผมว่าไร้สาระ
Sun 30 Apr 2017 : 7:50PM
Sukoy wrote:
toranin wrote:
ว่าละว่าต้องมีคนตอบแบบนี้
ซุ้มแม่เล้ากับอ่าง ผิดค้าประเวณีเหมือนกันครับ คนใช้บริการ=ทำผิดกม.เหมือนกัน
ในแง่รีเควสเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 ซุ้มแม่เล้ากับอ่างก็มีเหมือนกัน คนรีเควสก็ผิดเหมือนกัน
ค้ามนุษย์เหมือนกัน และอายุ 18+ แก่แล้วก็โดนล่อลวงก็มีเยอะครับ มันต่างกันแค่ในเมืองหรือภูธร
ผมเคยดูสารคดีค้ามนุษย์ ปคม.เข้าไปช่วยนี่บางคนแก่อายุ 40-50 ก็มีครับ แฝงตัวไปซื้อบริการนี่ผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายไม่รู้ว่าจะถูกช่วยก็ยิ้มคุยให้บริการปกติ แต่พอช่วยได้ ก็ร้องไห้ดีใจ ไม่คิดว่าจะได้ชีวิตคืน
กวาดล้างค้ามนุษย์แม่ฮ่องสอนนี่ดูแล้วรบ.สนใจจริงๆ เพราะคงมองภาพรวมเรื่องการปรับเทียร์
ซุ้มแม่เล้ากับอ่าง ผิดค้าประเวณีเหมือนกันครับ คนใช้บริการ=ทำผิดกม.เหมือนกัน
ในแง่รีเควสเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 ซุ้มแม่เล้ากับอ่างก็มีเหมือนกัน คนรีเควสก็ผิดเหมือนกัน
ค้ามนุษย์เหมือนกัน และอายุ 18+ แก่แล้วก็โดนล่อลวงก็มีเยอะครับ มันต่างกันแค่ในเมืองหรือภูธร
ผมเคยดูสารคดีค้ามนุษย์ ปคม.เข้าไปช่วยนี่บางคนแก่อายุ 40-50 ก็มีครับ แฝงตัวไปซื้อบริการนี่ผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายไม่รู้ว่าจะถูกช่วยก็ยิ้มคุยให้บริการปกติ แต่พอช่วยได้ ก็ร้องไห้ดีใจ ไม่คิดว่าจะได้ชีวิตคืน
กวาดล้างค้ามนุษย์แม่ฮ่องสอนนี่ดูแล้วรบ.สนใจจริงๆ เพราะคงมองภาพรวมเรื่องการปรับเทียร์
อะไรก็กฎหมาย 555
เรื่องค้าประเวณีนี่ลองดูความเป็นจริง และประวัติศาสตร์โลกนี้ แล้วตัดสินด้วยความเป็นจริง ไม่ดัดจริตจะดีกว่ามั้ย (ประเทศไทยเมืองพุทธ 555 ควายสัสๆ)
ถ้าเต็มใจจะค้า ไม่โดนหลอก และโตพอที่จะเลือกทางชีวิต มันโอเคล่ะ
เด็ก ๆ แทบไม่มีใครเต็มใจหรอกครับ นอกจากโดนซ้ำแล้ว ซ้ำอีกจนชาชินไปแ้ว ถามชูวิทย์ดู
Sun 30 Apr 2017 : 8:06PM
อ่างมันมีไซด์ไลน์อายุต่ำให้คนใหญ่คนโตรีเควส เพราะงั้นผมถึงบอกไง ปัญหาชนชั้นกลาง มองว่าของตัวเองไม่ผิด เป็นเรื่องธรรมดา แต่อันอื่นมองว่าผิด ไปแซะเค้างู้นงี้ เอิ่ม..
เรื่องค้าประเวณีนี้มันกว้าง ต้องยอมรับความจริงกัน ส่วนไหนมันผิด ส่วนไหนมันสามารถยอมรับได้ ไม่งั้นก็มือถือสากปากถือศีล
ผมถีงบอกงานขึ้นปีใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ งานเลี๊ยงแถวบ้านผมนี่วงดนตรี ตกดึกมันแก้ผ้าหมด ตอนไปอยู่ป่าไม้นี่พวกสาวดอยก็ลงมาทำงานร้านอาหาร แต่ตอนนั้นผมไม่เคยซื้อนะ ไปนั่งจีบ 2-3คืนแล้วพามากินตับเลย ตอนอยู่ห้างนี่ก็เอาแต่พวก BA เครื่องสำอาง ฯลฯ
แต่ปัญหาค้ามนุษย์นี่มันเหี้ย และควรยกขึ้นมาแก้ไข +กวาดล้าง ส่วนตัวผมสนับสนุนนะกวาดล้างอ่าง ซุ้มแม่เล้า ส่วนตัวผมสนับสนุนให้ทำให้เป็นเรื่องถูกกม. ควบคุมได้ แต่บ้านเราต้องยอมรับว่ามันไปจุดนั้นยาก และตัวผู้หญิงก็คงไม่อยากมีประวัติ อันนี้ก็อีกประเด็น แต่อันนี้เอาพวกที่มีค้ามนุษย์ก่อน
เรื่องค้าประเวณีนี้มันกว้าง ต้องยอมรับความจริงกัน ส่วนไหนมันผิด ส่วนไหนมันสามารถยอมรับได้ ไม่งั้นก็มือถือสากปากถือศีล
ผมถีงบอกงานขึ้นปีใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ งานเลี๊ยงแถวบ้านผมนี่วงดนตรี ตกดึกมันแก้ผ้าหมด ตอนไปอยู่ป่าไม้นี่พวกสาวดอยก็ลงมาทำงานร้านอาหาร แต่ตอนนั้นผมไม่เคยซื้อนะ ไปนั่งจีบ 2-3คืนแล้วพามากินตับเลย ตอนอยู่ห้างนี่ก็เอาแต่พวก BA เครื่องสำอาง ฯลฯ
แต่ปัญหาค้ามนุษย์นี่มันเหี้ย และควรยกขึ้นมาแก้ไข +กวาดล้าง ส่วนตัวผมสนับสนุนนะกวาดล้างอ่าง ซุ้มแม่เล้า ส่วนตัวผมสนับสนุนให้ทำให้เป็นเรื่องถูกกม. ควบคุมได้ แต่บ้านเราต้องยอมรับว่ามันไปจุดนั้นยาก และตัวผู้หญิงก็คงไม่อยากมีประวัติ อันนี้ก็อีกประเด็น แต่อันนี้เอาพวกที่มีค้ามนุษย์ก่อน
Sun 30 Apr 2017 : 8:18PM
โอเคว่าเด็กอะ ถึงมันจะอยากมีผัว อยากจะสำส่อน ไม่อยากจะเรียน
แต่ 99% (assume เอง) มันคงไม่มีใครอยากจะให้ลุง ๆ น้า ๆ คนแปลกหน้ามาปล้ำทุกวัน ๆ แน่
ปัญหาเยอะแยะจิปาถะ มากกว่าไอ้คำที่ว่า "ได้เงินเร็ว" แม่เล้าหรือพ่อแม่ที่ขายลูกกินคงเก็บไปหมดแล้วมั้ง?
อย่าทำให้โสเภนีเด็กถือเป็นเรื่องปกติดีกว่าครับ อนาคตของชาติควรไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ส่วนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว อยากทำก็ทำ
แต่ 99% (assume เอง) มันคงไม่มีใครอยากจะให้ลุง ๆ น้า ๆ คนแปลกหน้ามาปล้ำทุกวัน ๆ แน่
ปัญหาเยอะแยะจิปาถะ มากกว่าไอ้คำที่ว่า "ได้เงินเร็ว" แม่เล้าหรือพ่อแม่ที่ขายลูกกินคงเก็บไปหมดแล้วมั้ง?
อย่าทำให้โสเภนีเด็กถือเป็นเรื่องปกติดีกว่าครับ อนาคตของชาติควรไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ส่วนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว อยากทำก็ทำ
Like : marcust, toranin
[Edited 1 times Kanann - Last Edit 2017-04-30 20:19:12]
Sun 30 Apr 2017 : 10:13PM
เอาประเด็นเด็กก่อน คือมันหลายประเด็น
1. ค้าประเวณี
2. ค้ามนุษย์ ล่อลวง ส่งเสริม (คนละประเด็นนะ)
*3. ละเมิดเด็ก (นี่ก็อีกประเด็นนะ และต้องเข้าใจว่า ล่อลวง ค้ามนุษย์นี่ไม่เกี่ยวกับอายุ 18+ แก่ 30-40 ก็ถูกล่อลวง บังคับขู่เข็ญได้ ไม่ใช่เฉพาะเด็ก)
######################################################
เด็กนี่มันต่างจากสมัยก่อน สมัยก่อน"ตกเขียว" สมัยนี้เต็มใจ สมัครใจ
ทีนี้กินเด็กนี่มันกว้างนะ บางคนมองว่ากินตับเด็ก=ไม่ผิดถ้าเด็กเต็มใจ แล้วมันมีแบบผูกข้อมือ อย่างหมีเปรม ซึ่งหลายคนในภาคอีสาน หรือภาคเหนือบ้านผมมองกันว่าเป็นเรื่องธรรมดา ยอมรับได้ คือแบบเลี้ยงดูส่งเสียค่าเล่าเรียนก็มี
คือกินเด็กนี่มันมีทุกประเทศแหละ อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่นก็มี ญี่ปุ่นนี่รบ.มันมองว่าเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 โดนล่อลวงเยอะ
.
แต่ของบ้านเรามันค่อนข้างเปิดเผยกันเลย คนยอมรับกันได้ด้วย ดูบ้านนี้สิแก่ 60+ มีเมียเป็นเด็ก ม.3 มันก็กินเด็กนะ มันผิด แต่ช่างมันเถอะ เรื่องของมัน ประมาณนี้
คือมันเป็นปัญหาเรื่อง "ค่านิยม" ปัญหา "บรรทัดฐานทางสังคม" ในเมื่อหลายคนยอมรับกันได้
กม.ถึงพยายามคุ้มครองเด็ก คือต่อให้เด็กเต็มใจก็ผิด "พรากผู้เยาว์" ไม่ว่าเด็กจะเต็มใจเอง หรือถูกบังคับขู่เข็ญ ก็มีความผิดต้ โทษจำคุก 3-15 ปี แต่มันก็หลบเลี่ยง หาวิธีกินตับเด็กกัน คือขนาดมีกม.นะยังเอาไม่อยู่ ถ้าไม่มีกม.นี่เละเทะกว่านี้ (ญี่ปุ่นยังเอาไม่อยู่)
1. ค้าประเวณี
2. ค้ามนุษย์ ล่อลวง ส่งเสริม (คนละประเด็นนะ)
*3. ละเมิดเด็ก (นี่ก็อีกประเด็นนะ และต้องเข้าใจว่า ล่อลวง ค้ามนุษย์นี่ไม่เกี่ยวกับอายุ 18+ แก่ 30-40 ก็ถูกล่อลวง บังคับขู่เข็ญได้ ไม่ใช่เฉพาะเด็ก)
######################################################
เด็กนี่มันต่างจากสมัยก่อน สมัยก่อน"ตกเขียว" สมัยนี้เต็มใจ สมัครใจ
ทีนี้กินเด็กนี่มันกว้างนะ บางคนมองว่ากินตับเด็ก=ไม่ผิดถ้าเด็กเต็มใจ แล้วมันมีแบบผูกข้อมือ อย่างหมีเปรม ซึ่งหลายคนในภาคอีสาน หรือภาคเหนือบ้านผมมองกันว่าเป็นเรื่องธรรมดา ยอมรับได้ คือแบบเลี้ยงดูส่งเสียค่าเล่าเรียนก็มี
คือกินเด็กนี่มันมีทุกประเทศแหละ อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่นก็มี ญี่ปุ่นนี่รบ.มันมองว่าเด็กอายุต่ำกว่า 16-18 โดนล่อลวงเยอะ
เยาวชนญี่ปุ่นตกเป็นเหยื่อทางเพศสูงเป็นประวัติการณ์[Link]
ญี่ปุ่นผลิตเคสป้องกัน ‘เด็กติดมือถือ’
ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นระบุว่า เด็กญี่ปุ่นตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น เช่นถูกล่อลวงผ่านโซเชียลมีเดียไปลวนลามทางเพศ ปีที่แล้วมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ตกเป็นเหยื่อรวม 1,736 คน สูงกว่าปี 2551 ที่สำนักงานเริ่มเก็บข้อมูลถึงสองเท่า ในจำนวนนี้กว่า 86% ถูกลวงผ่านสมาร์ทโฟน ที่หลายคนเล่นอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด [Link]
ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นระบุว่า เด็กญี่ปุ่นตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น เช่นถูกล่อลวงผ่านโซเชียลมีเดียไปลวนลามทางเพศ ปีที่แล้วมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ตกเป็นเหยื่อรวม 1,736 คน สูงกว่าปี 2551 ที่สำนักงานเริ่มเก็บข้อมูลถึงสองเท่า ในจำนวนนี้กว่า 86% ถูกลวงผ่านสมาร์ทโฟน ที่หลายคนเล่นอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด [Link]
.
แต่ของบ้านเรามันค่อนข้างเปิดเผยกันเลย คนยอมรับกันได้ด้วย ดูบ้านนี้สิแก่ 60+ มีเมียเป็นเด็ก ม.3 มันก็กินเด็กนะ มันผิด แต่ช่างมันเถอะ เรื่องของมัน ประมาณนี้
คือมันเป็นปัญหาเรื่อง "ค่านิยม" ปัญหา "บรรทัดฐานทางสังคม" ในเมื่อหลายคนยอมรับกันได้
กม.ถึงพยายามคุ้มครองเด็ก คือต่อให้เด็กเต็มใจก็ผิด "พรากผู้เยาว์" ไม่ว่าเด็กจะเต็มใจเอง หรือถูกบังคับขู่เข็ญ ก็มีความผิดต้ โทษจำคุก 3-15 ปี แต่มันก็หลบเลี่ยง หาวิธีกินตับเด็กกัน คือขนาดมีกม.นะยังเอาไม่อยู่ ถ้าไม่มีกม.นี่เละเทะกว่านี้ (ญี่ปุ่นยังเอาไม่อยู่)
[Edited 1 times toranin - Last Edit 2017-04-30 22:13:55]
Sun 30 Apr 2017 : 10:23PM
อ้อ ลืม กินเด็กนี่มีอีกประเด็นนึง คือ เด็กไม่สวยนะครับ
คือมันไม่ใช่ว่าต้อง ขาว สวย หุ่นนางแบบ นะครับ (งั้นมันก็ไปเอาพริตตี้ นักร้อง ก็ได้)
อีกเคสนึงรายการเจาะใจ สัญญา-ดำรง สมัยสว.กินเด็ก เคยเอาเด็กมาสัมภาษณ์ ออกอากาศ แต่ทำสตูมืดๆ ปิดหน้าตาเด็ก สัญญาพูดเลย "ขอโทษนะ ผมไม่ได้ดูถูกนะ แต่คือสภาพแบบนี้ ผอมๆแห้งๆ ตัวเล็ก ผิวดำ และก็ไม่สวยเลย แบบนี้มันก็ยัง...ได้ลงเรอะ ?"
คือมันไม่ใช่ว่าต้อง ขาว สวย หุ่นนางแบบ นะครับ (งั้นมันก็ไปเอาพริตตี้ นักร้อง ก็ได้)
อีกเคสนึงรายการเจาะใจ สัญญา-ดำรง สมัยสว.กินเด็ก เคยเอาเด็กมาสัมภาษณ์ ออกอากาศ แต่ทำสตูมืดๆ ปิดหน้าตาเด็ก สัญญาพูดเลย "ขอโทษนะ ผมไม่ได้ดูถูกนะ แต่คือสภาพแบบนี้ ผอมๆแห้งๆ ตัวเล็ก ผิวดำ และก็ไม่สวยเลย แบบนี้มันก็ยัง...ได้ลงเรอะ ?"
# Sun 30 Apr 2017 : 8:48PM
เรื่องเต็มใจหรือเปล่า ไม่ต้องถามนะฮะ มีหมดแหล่ะ แล้วบอก 10% ซ้อมบังคับ. เอาเป็นว่างวดนี้มากันสิบคน มีคนนึงไม่ยอม แล้วแม่เล้าจับไปฝึกงาน ห้าคนรวด ถามว่าอีกเก้าคน จะยอมไหม? เมื่อก่อนมีข่าวบ่อยนะเด็กหนีกลับบ้าน. มีนักเลงมาตาม ถ้าไม่กลับ พ่อแม่ก็จ่ายค่าตัวคืนมา.
มีรายการ พ่อแม่ไปเบิกเพิ่มแล้วลงบัญชีลูกด้วยนะ. พ่อแม่มา แม่เล้ามันก็พูดว่าดูแลดีแต่งตัวแต่งหน้าสวยๆ ดูสิ่เงินที่เด็กมันหาได้แม่เล้าก็เก็บใส่บัญชีให้พ่อแม่มาเบิกเอาไป. เด็กคนไหนมีขาใหญ่,ขาประจำ แม่เล้ายิ่งอยากให้พ่อแม่มาเบิกเพิ่ม เด็กจะได้อยู่ไปนานๆ.
ถ้าจะได้ออกมาคือ ไม่สด,หรือติดโรคแล้วนั่นแหล่ะ
มีรายการ พ่อแม่ไปเบิกเพิ่มแล้วลงบัญชีลูกด้วยนะ. พ่อแม่มา แม่เล้ามันก็พูดว่าดูแลดีแต่งตัวแต่งหน้าสวยๆ ดูสิ่เงินที่เด็กมันหาได้แม่เล้าก็เก็บใส่บัญชีให้พ่อแม่มาเบิกเอาไป. เด็กคนไหนมีขาใหญ่,ขาประจำ แม่เล้ายิ่งอยากให้พ่อแม่มาเบิกเพิ่ม เด็กจะได้อยู่ไปนานๆ.
ถ้าจะได้ออกมาคือ ไม่สด,หรือติดโรคแล้วนั่นแหล่ะ
# Sun 30 Apr 2017 : 10:52PM
ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลส มีความอยากในกาม
ค้ามนุษย์ก็ยังคงมีต่อไป แก้ไม่ได้หรอก
ความดีนั้นแค่ชั่วพริบตา ความชั่วนั้นยืนยง เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้
ค้ามนุษย์ก็ยังคงมีต่อไป แก้ไม่ได้หรอก
ความดีนั้นแค่ชั่วพริบตา ความชั่วนั้นยืนยง เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้
# Sun 30 Apr 2017 : 11:00PM
Nekokung wrote:
ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลส มีความอยากในกาม
ค้ามนุษย์ก็ยังคงมีต่อไป แก้ไม่ได้หรอก
ความดีนั้นแค่ชั่วพริบตา ความชั่วนั้นยืนยง เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้
ค้ามนุษย์ก็ยังคงมีต่อไป แก้ไม่ได้หรอก
ความดีนั้นแค่ชั่วพริบตา ความชั่วนั้นยืนยง เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้
สับสนชีวิตละครับ
"ค้ามนุษย์" กับ "ค้าประเวณี +ปี้กาม" มันคนละเรื่องกันนะครับ คนละประเด็นเลย
ค้าประเวณีจะถูกกม. หรือจะแอบทำ แอบกิน แอบซื้อ หลิ่วตา เมืองพุทธ อันนั้นก็อีกเรื่อง
แต่ค้ามนุษย์ คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ต้องแก้ไข ไม่ว่าจะล่อลวง บังคับมาให้บริการทางการเพศ หรือใช้แรงงานเยี่ยงทาส ฯลฯ
เค๊!
<<
<
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
>
>>
Reply
Vote
Related Thread
Popular Thread
1 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 19/8/2008
(10420 post)