Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
This thread is locked
สนทนาประสาการเมือง ��าค VII

<<
<
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
>
>>
Reply
Vote
# Thu 18 Jan 2018 : 4:58PM

แงบแงบ
member

Since 9/1/2007
(1143 post)
welzer wrote:
จะขึ้นค่าแรงทำเอี้ย ไรของมันอีกวะครับ แล้วจะดัน EEC ไปทำพ่องหรอ ใครจะมาค่าแรงมหาโหดแบบนี้ แพงเกือบสุดในอาเซี่ยนละ

เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้น น้ำมันก็เริ่มแพง นี่ยังจะขึ้นค่าแรงอีก กรวย

[Link]



ผมว่าแทนที่ ขึ้นค่าแรงไป คุมค่าอาหารค่าใช้จ่ายที่เป็นปัจจัย 4 ให้ มันสอดคร้องกัน ดีกว่า


# Thu 18 Jan 2018 : 5:25PM

Public_Enemy_
member

Since 2012-01-06 20:11:39
(1630 post)
พอเผยไต๋ว่าจะลงเล่นการเมืองนี่นโยบายประชานิยมมารัวๆเลย ขึ้นค่าแรงนี่เตรียมเงินเฟ้อกันได้เลย

ที่ลำบากนี่ชนชั้นกลางกับนายจ้าง สงสัยโรงงานได้ย้ายฐานการผลิตหนีกันหมด
View all 2 comments >

# Thu 18 Jan 2018 : 8:36PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
ค่าแรงนี่ขึ้นในระดับปกตินะ ไม่ได้แบบก้าวกระโดดร้อยกว่าไปเป็นวันละสามร้อย ก่อนหน้านี้ค่าแรงเคยขึ้นไปแล้ว 10 บาท ้ป็น 310 บาท (บางจว.ก็เป็น 305 บาท)

คือคราวนี้มีให้จว.ที่คราวที่แล้วไม่ได้เพิ่มให้ด้วย คราวที่แล้วที่ไม่เพิ่มก็มี 8จว. สิงห์บุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง ระนอง นราธิวาส ปัตตานี ยะลา

คราวนี้ก็เลยปรับเพิ่มเป็น 308 บาท ให้ 3 จว. คือ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา ส่วนพวก สิงห์บุรี ตรัง ระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช อยู่ในกลุ่มที่ปรับขึ้นให้เป็น 310 บาท

ถ้าดูนโยบายของรบ. แน่นอนมันก็ประชานิยมแหละ แต่อันนี้หลายคนเห็นด้วย คือวันก่อนเห็น ณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ พูดเรื่องรบ.เห็นชอบอนุมัติงบกลาง 1.5 แสนล้าน (งบเพิ่มเติมของปี 61 คนละอันกับงบปี 62 ที่ว่า 3 ล้านล้านที่กำลังทำเรื่องกันอยู่นะ)

คือรบ.นี้อัดเม็ดเงินลงไปให้ปชช.เยอะมาก งบเพิ่มเติมก็เอาไปใส่ภาคเกษตร และก็พัฒนาเศรษบกิจระดับฐานราก ก็คืออัดเงินให้สวัสดิการคนจนเพิ่ม 3 หมื่นล้าน และก็มีพัฒนาอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อย ให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงเงินทุน ฯลฯ

คือดูแล้วที่อัดเงินลงไปมากมายนี่สมคิดกะจะกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นจีดีพีจริงๆ และก้กระตุ้นการใช้จ่ายของคนในประเทศด้วย ก็คนบ่นกันว่าค้าขายไม่ดี คนไม่ยอมใช้เงินกัน ไอ้ที่เพิ่มงบกลาง +ขึ้นค่าแรง ส่วนนึงก็น่าจะมาจากเรื่องนี้แหละ

# Thu 18 Jan 2018 : 9:04PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
ที่น่าจะเป็นปัญหา ถ้าถึงเวลาก็จะเข้าลูปเดิม น่าจะเป็นเรื่องแรงงานต่างด้าว ก็จะยังคาราคาซังต่อไปเพราะมันไม่มีใครทำได้หรอก ต่อให้รบ.จี้ยังไง แล้วไม่ต้องพูดถึงพวกที่มาใหม่นะ พวกที่อยู่เก่ามีบัตรชมพูกันนี่นายจ้างก็ปวดหัวแล้ว

เพราะบักห่านทรัมป์ตัวเดียว กะอีแค่ไทยได้ดุลย์การค้าสหรัฐ เล่นซะวุ่นวายกันไปหมด
View all 1 comments >

# Thu 18 Jan 2018 : 10:32PM

baezae
member

Since 22/3/2006
(14327 post)
จริง ๆ มันคือขึ้นร้อยละ ๗ ก็ไม่น่าเกลียดนะถ้าว่ากันตามตัวเลข เพราะค่าแรงขั้นต่ำมันขึ้น ๓ ปี ๕ ปีทีอยู่แล้ว ก็ว่าไปตามเงินเฟ้อ

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ตอนขึ้นเป็น ๓๐๐ ทั่วประเทศ บางจังหวัดขึ้นเกินร้อยละ ๑๐๐ ขั้นต่ำ ๆ อย่าง กทม. และภูเก็ตก็เกินร้อยละ ๑๐ ผลพวงมันยังกระทบไม่หายเลย ผู้ประกอบการหลาย ๆ เจ้าก็ยังเซอยู่ด้วยซ้ำ

ที่แน่ ๆ แรงงานต่างด้าวเข้ามามากขึ้น แรงงานไทยตกงานมากขึ้น ของแพงขึ้น และอาจจะมีกิจการอีกหลาย ๆ เจ้าเจ๊งหรือย้ายฐานไปชัวร์

# Fri 19 Jan 2018 : 9:05AM

Godzeus
member
หม้อดีตีแล้วฟิน
Since 2012-12-04 21:26:30
(4633 post)
จะบอกมุมมองของคนที่ใกล้ชิดชนชั้นแรงงานรับค่าแรงขั้นต่ำให้ฟังนะครับ

ค่าจ้างเท่าไหร่ก็ไม่พอแดรกหรอกครับ ให้500,1,000/วันก็ยังไม่พอแดรก เพราะพฤติกรรมเผาเงินพวกนี้เกินเยียวยา

เติมเงินโทรศัพท์แบบน้อยๆ 10+2,20+2 ,50+3 ,100 ไม่บวก คนที่คิดเป็นหน่อยจะเติม 100 แต่คนแถวผมเติมทีละ 10-20 เยอะมาก ทำอะไรโดนบวก 10-20% เขาไม่ได้คิด

ซื้อของก็เลือกหน่วยเล็กสุดแพงสุด สบู่,ยาสีฟัน,ยาสระผม 20-บาทจะเป็นของขายดีสุด เมื่อก่อนถ้ามียาสระผมแบบซอง 2-3บ. คือจะขายดีมาก

เหล้า,บุหรี่มันมีหน่วยเป็นซองเป็นขวด ก็ยังจะให้เขาย่อยเป็นมวน ,เป็นกั้ก ตย. บุหรี่ SMS ซองละ 60แต่พอแบ่งมวนคิดมวนละ 4 ซองนึงยี่สิบมวน

ขายซอง 60: ขายมวน 80 กำไรเพิ่มขึ้น 20 บาท
20/60 *100= กำไรเพิ่ม 33%

เหล้ากั้ก เหล้าขาว 100 /ขวด แบ่งกั้กสี่ขวด 30/กั้ก
ได้ 120บาท
ขายขวด 100: ขายกั้ก 120 กำไร 20
20/100 *100 =กำไรเพิ่ม 20%

แล้วของบางอย่างก็ซื้อแพงแบบไม่ควรชอบมากในการเอาเครดิตไปซื้อแล้วผ่อนขั้นต่ำ แต่ไม่เคยถามว่าถ้าจ่ายแต่ขั้นต่ำ กว่าจะหมดหนี้ต้องจ่ายกี่เดือน/รวมเป็นเงินเท่าไหร่ ,คิดเป็นกี่เปอร์เซนต์ของเงินต้น

ทำนองเดียวกับพวกเห็นแต่ประโยชน์ตรงหน้า แต่ลืมว่าต้องลำบากทีหลัง ใช้เงินเหมือนคนอ้วนที่บอกกินก่อนเบิร์นทีหลังนั่นแหล่ะ


เดี๋ยวมาเติมให้ต่อ

คร่าวๆคือ คิดประหยัดไม่เป็น ชอบเรื่องให้โดนดอกเบี้ย บวกค่าบริการ ชอบเป็นกลุ่มที่จะเสียเปรียบในเรื่องการเงินทุกครั้ง

สมมุติว่าเป็นเกมส์โชว์ให้คนเดินไปอยู่ในโซน A:B คนกินค่าแรงขั้นต่ำจะเดินไปโซนเสียเปรียบตลอด

ลูกหนี้: เจ้าหนี้
คนใช้บริการ: คนให้บริการ
คนพนัน: เจ้ามือ
คนโดนหลอก:คนหลอก
คนซื้อน้อยๆแต่แพง:คนซื้อเยอะเวลาลดราคา
คนใช้อารมณ์:คนใช้เหตุผล
คนที่คิดว่าเดิมๆก็ดีแล้ว:คนที่พัฒนาตัวเองตลอด

อีแบบนี้ให้ได้ค่าแรงวันละพัน มันก็ยังบ่นว่าไม่พอกินอยู่ดี

-----ถ้าคิดถึงอนาคตลูกหลานจริงๆ คงต้องปฏิรูปการศึกษาให้ ลูกหลานมันอยู่เป็น ใช้เงินเป็นก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องอื่นๆ แต่จากคิดเห็นมา 20-30 ปีผมว่าแนวโน้มคนรุ่นใหม่แย่กว่ารุ่นเก่าเยอะครับ คนรุ่นเก่าถ้าเขาไม่เข้าใจเขาจะไม่แตะ แต่คนรุ่นใหม่ชอบเฮตามกันไป พอสุดทางคือโดนเขาหลอกก็ยังไม่รู้ตัว

ตลกมันเล่นกันว่า คนสอน"ลำบากวันนี้สบายวันหน้า " แต่อีกคนตอบ "ผมไม่รู้วันหน้าหรอก แต่ถ้าผมขี้เกียจวันนี้ ผมสบายวันนี้"
[Edited 3 times Godzeus - Last Edit 2018-01-19 11:08:03]
View all 13 comments >

# Fri 19 Jan 2018 : 2:02PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
ผมว่าจริงๆแล้ว ชีวิตคนมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอก ชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

ส่วนตัวผมเฉยๆกับพวก หนังสือเศรษฐีสอนรวย, เดินตามอย่างวิกรม, สอนให้คิดรวย, แม้วดูดาวเท้าติดดิน ฯลฯ พวกเทรนเนอร์สอนใช้ชีวิต เปิดคอร์สสอนชีวิต (แต่ตัวเทรนเนอร์ยังเด็กอยู่ ยังไม่ได้ผ่านร้อนหนาว ยังไม่เคยผ่านความล้มเหลว) คือบางอย่างก็ดี แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องทำแบบนี้เท่านั้น

แต่ที่แอนตี้ที่สุดคือพวกที่มาแนว "คนไทยมันห่วย คนไทยต้องทำแบบนี้สิ ต้องเปลี่ยนการดำรงชีวิต ต้องเปลี่ยนวิธีคิด บลาๆๆ"


###############################

เรื่องแรงงาน

ที่คนไทยไม่ค่อยมีใครอยากทำ ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ ไม่อดทนนะครับ แต่คนบ้านเรามีทางเลือกและเลือกงานที่ดีกว่าได้ อย่างแรงงานประมง แกะกุ้ง อย่างแรงงานเกษตร ตัดอ้อย วัยรุ่นบ้านเราไม่ค่อยทำกันหรอกครับ มันก็เลือกไปอยู่ 7-11, ไปขับวินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมันสบายกว่า รายได้ดีกว่า อย่างขับวินบางที่ได้วันละ 2-3 พัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีนะครับ

ส่วนพวกแรงงานต่างด้าว ที่เขาทำได้ เพราะรายได้มันถือว่าเยอะสำหรับเขา ก็เหมือนที่คนไทยไปแบกหาม ไปรับจ้างขุดดินที่ตะวันออกกลาง

แต่ต่างด้าว เดี๋ยว มิ.ย. นี้ที่รบ.ยืดให้ พอถึงวันที่ 1 ก.ค. ก็จะจับกันแหลกรานอีก ก็จะเข้าลูปเดิมแน่นอน เพราะดูท่าคงไม่สามารถพิสูจน์สัญชาติกันได้ทัน ปัญหาคือระบบทะเบียนราษฎร์ของประเทศเพื่อนบ้านเรามันห่วย มันล้าหลัง พม่างี้ ลาวงี้ คือถ้ามันทำได้มันเสร็จไปนานแล้ว ถึงตอนนั้นนายจ้างก็จะโวยกันอีก "กูก็ทำแล้วไง มันไม่ใช่ความผิดกู" (ผิดที่พม่าลาวมันทำไม่ทันโน่น) และรบ.ก็น่าจะไม่ยอม "ไม่ได้ สหรัฐจี้มา ถ้าไม่ทำก็ค้าขายกับสหรัฐไม่ได้" (ประเทศคู่ค้าอันดับ1 ที่เราได้กำไรจากมันเป็นอันดับ1 ถ้าตกลงการค้ากับมันไม่ได้ก็จะฉิบหายกันอีก) อันนี้พูดไว้เฉยๆ ทายผลล่วงหน้า อีกหกเดือนมาดูกัน

ซึ่งพวกนายจ้างที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหากัน เพราะแรงงานมันถูกต้อง มันขอโควต้าตาม MOU แต่พวกรายเล็ก พวกประมง พวกคนทั่วไป พวกที่จ้างเป็นแรงงานในบ้าน จะมีปัญหาแน่ เพราะส่วนมากเป็นแรงงานเถื่อน (ซึ่งปี 61 นี้รบ.ไม่ให้แล้ว) หรือพวกที่กำลังรอพิสูจน์สัญชาติอยู่ ก็จะทำไม่ทัน อันนี้ส่วนนึงเป็นเพราะระบบอุปถัมป์ด้วย คือนายจ้างก็อยากจับคู่กับลูกจ้าง จะเอาคนเดิมที่เคยอยู่ด้วยกัน (ซึ่งระบบใหม่มันไม่ต้องไปจับคู่ แกล้งขับรถวนออกไปนอกด่านแล้วกลับเข้ามาที่ด่าน ไปตรวจสุขภาพ ไปอบรม ต่างด้าวก็ทำเหมือนเพิ่งจะเริ่มเข้ามาทำงานในไทยเป็นวันแรก แต่มันก็จะพิสูจน์สัญชาติกันไม่ทันอยู่ดี) สุดท้ายมันก็จะเฮโลกันออกไปนอกด่านอีก ปรับ 4 แสน/ราย ใครมันจะกล้าเสี่ยงล่ะครับ ไม่มีคนงานห้างร้านก็จะปิดกันอีก แล้วสักพักรบ.ก็จะยอมอ่อนให้อีก ผ่อนออกไปให้อีก ก็เข้าลูปเดิม


##################################

เรื่องการใช้ชีวิตของคนมีรายได้น้อย การใช้จ่ายของคนมีรายได้น้อย

ในฐานะที่ผมเคยผ่านจุดนั้นมา เคยทำงานรายวันมา ผมมองว่ามันคือการหมุนเงิน ซึ่งได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ต้องชั่งน้ำหนักกันเอาเอง แต่ละคนอาจจะเลือกไม่เหมือนกัน คือสมมุติ คุณมีเงิน 5 แสน คุณต้องชั่งน้ำหนัก เลือกให้เหมาะสมกับตัวเองว่า คุณจะซื้อรถตูมเดียวเงินสด ซึ่งแบบนี้มันประหยัดราคาที่สุด หรือคุณจะเลือกผ่อนรถ แล้วเอาเงินไปหมุนทำธุรกิจ ลงทุนทำอย่างอื่น ฯลฯ คุณมีเงิน 300/วัน คุณต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม คือมันไม่มีสูตรตายตัว

เสียค่าเติมเงิน+2 บาท ผมว่ามันตีว่าทุกคนที่ทำแบบนี้ "โง่" ไม่ได้หรอกนะ เงิน 2 บาทเก็บทุกวัน ผมบอกเลยว่ามันไม่รวยหรอก จะมีเงินเก็บ 70,000 บาท ต่อปี ต้องเก็บเงินวันละ 192 บาท แต่คนที่ได้ค่าแรงได้วันละ 300 (รอบนอก ร้านเล็กๆ ลูกจ้างในบ้าน งานแม่บ้าน ได้ไม่ถึงนะครับ) และแต่ละคนมันก็มีปัจจัยอื่นๆที่ต่างกันอีก บางคนมีภาระครอบครัว บางคนมีค่าเช่าบ้าน ฯลฯ มันก็เลยมีทั้งคนที่สามารถเก็บเงินได้วันละ 100 บาท กับคนที่ไม่สามารถมีเงินเหลือเก็บถึงวันละ 100 หรือบางคนก็ไม่มีเหลือเลย

คือบางคนรายได้ 300/วัน แต่มีภาระ ค่าเทอมลูก ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเน็ต จะบอกว่าไม่ต้องเล่นเน็ต มันก็ไม่ได้ทำให้มีเงินเก็บมากขึ้น บางคนก็เลือกที่จะเสียค่าเน็ตเพื่อแลกกับความสุขในส่วนนี้ บางคนเลือกที่จะเซ็นของ แล้วเสียค่าดอก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

ปัญหาจริงๆมันจะเป็นเรื่อง "หนี้นอกระบบ" มากกว่า ซึ่งรบ.ก็ต้องแก้ปัญหาตรงนี้ด้วย


ทีนี้ปัญหาของคนทำงานรายวัน คืองานที่ทำส่วนใหญ่มันไม่สามารถก้าวหน้าในสายงานนั้นๆได้ เช่น แรงงานประมง แกะกุ้ง ค่าแรงขั้นต่ำ ทำไปอีก 5-10 ปี ก็ยังเป็นตำแหน่งแกะกุ้งอยู่เหมือนเดิม คือนอกจากงานที่ได้ค่าแรงรายวันแล้ว ก็ยังมีอีกหลายอาชีพที่เป็นแบบนี้ เช่น คนขับแท็กซี่ 10-20 ปีก็ยังขับแท็กซี่อยู่เหมือนเดิม

วิธีที่จะมีรายได้มากขึ้น รวยขึ้น คือก็ต้องไปทำอย่างอื่นเพิ่ม ต้องไปรับจ้างเพิ่ม ต้องทำโอที (ถ้างานมันมีโอทีให้ทำนะ) หรือไปหาอะไรทำเพิ่ม ซึ่งมันก็แลกกับเวลา (คนยังไงก็ต้องพัก) ซึ่งมันก็มีหลายวิธี ง่ายสุด ลัดสุด ก็คือเริ่มต้นแบบจับเสือมือเปล่า เช่น ลองไปคุยกับเจ้าของไร่ เจ้าของสวน ไปตกลงขอดูแลสวนให้เค้า ถ้าสวนลำไยก็ใส่สาร รดน้ำ ถางหญ้าให้ แลกกับการที่คุณจะได้พื้นที่ในสวนไปปลูกพืชผลฟรีๆ ปลูกกล้วย ปลูกตะไคร้ ซึ่งพวกที่ทำดีๆ รับงานโน่นนี่ เช้า-เย็นก็ไปทำงานรายวัน เย็นกับวันหยุดไปดูแลสวน จะสามารถมีบ้าน มีเงินเก็บ มีรถปิ๊กอัพขับได้แล้วนะ อันนี้ยกตัวอย่าง

คือถ้าตามสูตร "เศรษฐกิจพอเพียง" อันนี้พูดหลายรอบมาก คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า "พอเพียง=เขียม, ใช้แบบจำกัดจำเขี่ย, ประหยัด" ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ครับ ในหลวงฯก็บอกว่ามีเงินก็เอาไปซื้อ ไปใช้จ่ายหาความสุขได้ แต่ต้องไม่เวอร์เกินนะ อยากติดเน็ต อยากติดจานดาวเทียมดูบอล ท่านก็บอกว่าทำได้ คือหลักเศรษฐศาสตร์มันควรเป็นการบริหาร จัดการ การหมุนเงิน การหาวิธีใช้จ่ายให้เหมาะสมกับแต่ละคน ไม่ใช่มีแค่สมการ "ประหยัด+เขียม+เก็บเงิน=มีเงินฝาก=รวย"

# Fri 19 Jan 2018 : 2:12PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)


[Link]




[Link]


ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน [Link]


เผื่อใครอยากอ่าน อยากฟัง

# Fri 19 Jan 2018 : 2:31PM

baezae
member

Since 22/3/2006
(14327 post)
ปัญหาคนไทยเลือกงานนี่ผมก็ว่าแปลกดี ถ้าเป็นตำแหน่งเดียวกัน คนไทยจะคาดหวังว่าต้องได้ค่าแรงมากกว่าคนต่างด้าว

เคยจ้างคนงานที่บ้าน พม่า/กะเหรี่ยง เดือนละ 8000-12000 คนไทยจะเอา 15000 เป็นขั้นต่ำ

คำถามคือ แรงงานไทยมีอะไรเหนือกว่า? ทำงานได้พอ ๆ กัน คนต่างด้าวก็สื่อสารภาษาไทยได้เป็นส่วนมาก แถมบางคนพูดภาษาอังกฤษได้ดีพอควรด้วยซ้ำไป (มีแบบจบ ป ตรีด้วย)

แรงงานไทยบอก 300 ใช้ไม่พอ แรงงานลาวใกล้ ๆ บ้านมีเหลือส่งกลับลาว

งง
View all 2 comments >

# Fri 19 Jan 2018 : 3:56PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
ออ มีอีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกันคือ ต้นทุนการศึกษา ของบ้านเรามันสูงมาก ใครมีลูกมีหลานจะเข้าใจ ค่าใช้จ่าย ค่าเรียนพิเศษ โน่นนี่ รายจ่ายมันเป็นเงินเยอะมาก

เวลาพูดถึงเรื่องการประสบความสำเร็จในชีวิต ก็มักจะมีคนพูดเรื่องนี้ คือบวกลบคูณหาร พ่อแม่บางคนบอกไม่คุ้ม

# Fri 19 Jan 2018 : 8:22PM

Godzeus
member
หม้อดีตีแล้วฟิน
Since 2012-12-04 21:26:30
(4633 post)
ผมบอกไว้ก่อนนะว่า เมนท์ก่อนที่ได้ถูกใจไปเยอะมันเป็นความรู้สึกมุมมองผมซึ่ง ถ้าใครมีมุมมองอื่นก็แถลงแบบทรนินได้เพราะเราต้องการความเห็นที่หลากหลาย มากกว่าที่จะมาแสดงความเห็นแล้วมาบอกว่าของตัวเองถูกที่สุดแย้งไม่ได้

เราถกกันเพื่อจะได้มุมมองใหม่ๆ แล้วจะได้เอามาวิเคราะห์ปรับใช้กันครับ

เรื่องที่บอกต้องปรับการศึกษา ก็มีคนบอกว่าไม่จำเป็นด้วย เราก็ว่ากันไป คือผมได้แนวคิดจากพ่อแม่ ผมก็ทำแบบนี้ แต่พ่อแม่คนอื่นเขาอาจจะสอนกันแบบอื่นก็ได้ แต่ที่สำคัญคืออยากให้มารวมหัวกันพูดหลายแง่ คนฟังจะได้เลือกเองว่าทำยังไงดีสุดสำหรับเขา


เราต้องการสังคมอุดมปัญญา มากกว่าพื้นที่แสดงอัตตาว่าตัวเองเก่งสุด คิดเลิศสุด

เรื่องค่าแรง ผมเป็นฝ่ายที่เลือกให้คนไทยได้มากกว่า เวลาเนื้องานเท่ากันครับ เพราะ ต้างด้าวเขาเป็นคนอื่นเขาเลือกมาทำงานในไทยเพราะคิดว่าไทยให้อะไรมากกว่าที่บ้านเขา (ไม่ได้คิดถึงขนาดว่าต้องได้ค่าแรงเท่าคนไทย,ที่อ้างว่าทำเท่ากันได้เท่ากัน มันเป็นการพูดให้ตัวเองได้ประโยชน์แค่นั้น) แต่ถ้าเกิดวิกฤติ ศก.,สงคราม จนเขาทำงานไม่ได้ เขาก็กลับบ้านเกิดเขาไม่มาลำบากกับเรานี่นา แต่คนไทยยังต้องส่งลูกหลานไปเสี่ยงตายไปรบ ไปเป็นทหารปกป้องสิ่งที่เป็นของเรา

เอาเป็นว่าตอนนี้บ้านเราสบาย ต่างด้าวเขาแค่เข้ามาอยู่ชั่วคราวเอาแรงงานแลกเป็นค่าจ้าง Win-win แต่ถ้ามีวิกฤติ เขาไม่Win เขาหนีได้ แต่คนไทยก็ต้องทนอยู่ เสียสละมากกว่า ก็ควรได้ค่าแรงมากกว่าในเรื่องนี้

ถ้าต่างด้าวคนไหนบอกอยากได้เท่าคนไทยก็ให้มันเซ็นว่าถ้ามีสงครามมันต้องไปเกณฑ์ทหาร,ส่งลูกชายที่อายุในเกณฑ์ ไปรบเสี่ยงเหมือนคนไทยสิ้ ซึ่งกองทัพคงไม่ยอมเพราะขาดเอกภาพ
[Edited 3 times Godzeus - Last Edit 2018-01-19 20:38:03]

# Fri 19 Jan 2018 : 8:54PM

kirari
member

Since 16/8/2006
(401 post)
เห็นว่ามีแววจะได้เลือกตั้งปี 62 กันซะแล้ว ยังไม่ทันพ้นเดือนแรก

# Sat 20 Jan 2018 : 12:03AM

Pharmacy
member

Since 2016-08-06 11:49:14
(558 post)
ดูท่าไม่อยากออกหรอก
หาเรื่องพูดไปเรื่อย

# Sat 20 Jan 2018 : 7:27AM

Sukoy
member

Since 24/6/2005
(15463 post)
ทัศนคติของคนระดับรากหญ้า กับคนที่ประสบความสำเร็จ

อันนี้คนเขียน (ray dalio) เป็น hedge fund manager ความรวยอยู่ใระดับตระกูล cp รวมกันหมด

ผลลัพธ์ขั้นที่ 2 โดย ANONTAWONG MARUKPITAK
[Link]
[Link]

ผลลัพธ์ขั้นที่ 2

ตอนนี้ผมกำลังอ่านหนังสือ Principles ของ Ray Dalio อยู่ครับ

เป็นหนังสือที่คุณรวิศ หาญอุตสาหะ CEO ของศรีจันทร์บอกว่ามันคือหนังสือที่ดีที่สุดที่เขาได้อ่านในปีที่ผ่านมา

ช่วงนี้ผมจึงอาจจะมีพูดถึงเนื้อหาที่มาจากหนังสือเล่มนี้บ่อยหน่อยนะครับ

เค้าว่ากันว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามแต่ มันจะมีผลลัพธ์ขั้นที่หนึ่ง (first-order consequence) และผลลัพธ์ขั้นที่สองเสมอ (second-order consequence)

ผลลัพธ์ขั้นที่ 1 คือผลลัพธ์ที่เห็นกันจะจะ ตรงไปตรงมา ส่วนผลลัพธ์ขั้นที่ 2 คือสิ่งที่จะตามมาในภายหลัง และบางทีก็มีผลลัพธ์ขั้นที่ 3 ที่ตามมาหลังจากนั้นอีก

ยกตัวอย่างเช่น

การกระทำ – ยกเวต
ผลลัพธ์ขั้นที่ 1 – ปวดกล้ามเนื้อ ระบมไปทั้งตัว
ผลลัพธ์ขั้นที่ 2 – กล้ามเนื้อแข็งแรง ร่างกายบึกบึน
ผลลัพธ์ขั้นที่ 3 – มีความมั่นใจมากขึ้น มีสาวๆ (หรือหนุ่มๆ) มาติดพันมากขึ้น

การกระทำ – แบ่งเงิน 15% ทุกเดือนเอาไว้ซื้อกองทุน LTF
ผลลัพธ์ขั้นที่ 1 – มีเงินจับจ่ายน้อยลง ต้องเก็บตังค์นานขึ้นเพื่อซื้อมือถือใหม่
ผลลัพธ์ขั้นที่ 2 – มีเงินก้อน ประหยัดภาษีได้ปีละหลายหมื่นบาท
ผลลัพธ์ขั้นที่ 3 – เก็บเงินครบล้านได้เร็วกว่าที่คิด

การกระทำ – สูบบุหรี่
ผลลัพธ์ขั้นที่ 1 – คลายเครียด ได้เมาธ์มอยกับเพื่อน
ผลลัพธ์ขั้นที่ 2 – ปากมีกลิ่น เปลืองตังค์
ผลลัพธ์ขั้นที่ 3 – มะเร็ง

การกระทำ – กินของหวาน
ผลลัพธ์ขั้นที่ 1 – อร่อย ฟิน ได้ถ่ายรูปอวดเพื่อน
ผลลัพธ์ขั้นที่ 2 – น้ำหนักเพิ่มขึ้น เงินในกระเป๋าลดลง
ผลลัพธ์ขั้นที่ 3 – น้ำตาลในเลือดสูง

การกระทำ – รถปาดหน้าเลยปาดหน้ากลับ
ผลลัพธ์ขั้นที่ 1 – สะใจ
ผลลัพธ์ขั้นที่ 2 – เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ผลลัพธ์ขั้นที่ 3 – ทะเลาะเบาะแว้งติดคุกติดตาราง

ถ้าผลลัพธ์ขั้นที่ 1 เป็นบวก ผลลัพธ์ขั้นที่ 2 & 3 มักจะเป็นลบ

ถ้าผลลัพธ์ขั้นที่ 1 เป็นลบ ผลลัพธ์ขั้นที่ 2 & 3 มักจะเป็นบวก

คนที่ไม่ประสบความสำเร็จคือคนที่ให้น้ำหนักกับผลลัพธ์ขั้นที่ 1 มากไป และให้น้ำหนักกับผลลัพธ์ขั้นที่ 2 น้อยไป

พอลองฝึกวิ่งแล้วปวดน่อง หรือคุมอาหารแล้วทรมานตอนดึก เขาก็เลยล้มเลิกเอาง่ายๆ เพราะใจดันไปจดจ่อกับผลลัพธ์ขั้นที่ 1 จนลืมนึกถึงผลลัพธ์ขั้นที่ 2

ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่เข้าใจว่าแม้ผลลัพธ์ขั้นที่ 1 ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ก็พร้อมจะยอมทนเพราะผลลัพธ์ขั้นที่ 2 มันคุ้มค่า

สูตรความสำเร็จในชีวิตจึงอาจเรียบง่ายกว่าที่คิด

นั่นคือ ถ้าอยากมีชีวิตที่ดี ให้ใส่ใจกับผลลัพธ์ขั้นที่ 2 ให้มากๆ ครับ



[Edited 3 times Sukoy - Last Edit 2018-01-20 08:26:52]
View all 3 comments >

# Sat 20 Jan 2018 : 11:23AM

RedRaven
member

Since 30/9/2006
(-16108 post)
เจาะ ศก หลังจากนี่ โดย พ่อหมอกับ จอนวิญญู



วิเคราะห์ว่า




แล้วก็เริ่มมีข่าวตั้งแต่ ต้นปีแล้วนะ ว่า เลือกตั้งอาจจะต้นปี 62 แทน ไม่รู้ว่า พวกนักเมืองเดิม จะยอมไหม
ดูที่ท่า เคืองตั้งแต่ ตั้งกฏ โคตรเสียเปรียบ ตั้งแต่ปลายปี ที่แล้วละ
หวังว่าปี 61 คงราบรื่นนะ
[Edited 3 times RedRaven - Last Edit 2018-01-20 11:36:36]

<<
<
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
>
>>
Reply
Vote




4 online users
Logged In :