This thread is locked
สนทนาประสาการเมือง ��าค VII
<<
<
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
>
>>
Reply
Vote
View all 6 comments >
Wed 15 Nov 2017 : 8:37PM
คล้ายมากจนไม่รู้เขาจะสื่อไรหรือเปล่า 55555
Like : boszuza007
Fri 17 Nov 2017 : 2:23PM
ขอรายละเอียดทั้งหมดแบบตัวเต็มเพื่อการศึกษาครับ
Fri 17 Nov 2017 : 7:30PM
Torita wrote:
เหมือนโดจิน วาดสวยดี ขอต้นทางครับ
bushinsokou wrote:
warp pls
PNA888 wrote:
ขอรายละเอียดทั้งหมดแบบตัวเต็มเพื่อการศึกษาครับ
ไม่รู้อ่า ยืมเค้ามาแปะ - -
เอาอันอื่นไปปลอบใจแทนล่ะกัน ถ้าเคยเสพแล้วก็ขออภัย
[MOSQUITONE. (Great Mosu)] - ชื่อนักวาด
[Funi Funi Lab (Tamagoro)] - ชื่อนักวาด
[Aoi Nagisa] - ชื่อนักวาด
[Condaya (Loliconder)] หรือ [Imada Ya] - ชื่อนักวาด
[Z.A.P. (Zucchini)] - ชื่อนักวาด
Studio Tar (Kyouichirou) - ชื่อนักวาด
Goban - ชื่อนักวาด
[Samidaregiri (Crowly)] - ชื่อนักวาด
[Gegera Toshikazu] - ชื่อนักวาด
[Tortoiseshell (Kinku)] - ชื่อนักวาด
[Kaniya (Kanyapyi)] - ชื่อนักวาด
[Pumpkin] Loli Bitch ~Houkago no Yagai Play~
แค่นี้ก็น่าจะพอนะ - -
[Funi Funi Lab (Tamagoro)] - ชื่อนักวาด
[Aoi Nagisa] - ชื่อนักวาด
[Condaya (Loliconder)] หรือ [Imada Ya] - ชื่อนักวาด
[Z.A.P. (Zucchini)] - ชื่อนักวาด
Studio Tar (Kyouichirou) - ชื่อนักวาด
Goban - ชื่อนักวาด
[Samidaregiri (Crowly)] - ชื่อนักวาด
[Gegera Toshikazu] - ชื่อนักวาด
[Tortoiseshell (Kinku)] - ชื่อนักวาด
[Kaniya (Kanyapyi)] - ชื่อนักวาด
[Pumpkin] Loli Bitch ~Houkago no Yagai Play~
แค่นี้ก็น่าจะพอนะ - -
Like : Torita, bushinsokou
# Wed 15 Nov 2017 : 11:40PM
ถ้าสถาบันการศึกษาคือแหล่งแบ่งชนชั้นทางวัฒนธรรมทางสังคม มันสมควรแล้วที่ต้องปรับปรุงบุคลากรของสถานศึกษา
เด็กรุ่นใหม่ทุกคนก็อยากเรียนจบมีดีกรีเหมือนคนอื่นๆ แต่ปัจจัยหลายอย่างของสภาพแวดล้อมที่เด็กรุ่นใหม่จะวาดฝันโลกสวยไม่ได้
ร้อยทั้งร้อยก็ต้องมีความอยากโดดเด่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งของโรงเรียนนั้นๆ ที่ต้องการความเป็นที่ยอมรับจากสถาบันผู้อื่น
แต่การให้คนอื่นยอมรับมันต้องมาจากความสามารถ และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนที่อยู่รอบข้าง สถาบันการศึกษาทุกวันนี้มีแต่ความเห็นแก่ตัวกันทุกเจ้า
และพอสถานศึกษาไม่อาจสร้างคุณภาพของการศึกษาขึ้นมาได้ กรรมมันก็ตกไปเป็นของนักเรียนนิสิตนักศึกษา ที่ต้องมาแบกรับภาระความเป็นหน้าเป็นตาของสถาบัน
และทางออกของสถานศึกษาเมื่อไม่ได้นักศึกษาดั่งใจคือรีไทร์ โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของครอบครัวเด็ก
ผมไม่อยากให้น้องกับหลานของผมเป็นนักศึกษาคล้อยตามเรื่องผู้ใหญ่แบบคุณไผ่ ดาวดิน และไม่ต้องการให้น้องกับหลานโดดเด่นเหมือนคุณ เนติวิทย์
สุดท้ายคำตอบสำคัญมันจะย้อนกลับมาที่ตัวเราเองว่าจะรับผิดชอบลูกหลานเราเองได้มากแค่ไหน ความพร้อมเเค่นั้นที่จะช่วยน้องกับหลานให้ผ่านจุดนี้ไปได้
สุดท้าย ใครไม่เคยรับผิดชอบคนอื่นอาจไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่ถ้าในความเป็นจริงเรานี่แหละคืออาจารย์ ที่จะสั่งสอนให้ลูกหลานสนใจเรียนได้ขนาดไหน สถาบันการศึกษาไทยเป็นแค่ทางผ่านของคำว่าฉลาดกับเขลา หากลูกหลานเราเป็นแค่เบี้ยของระบบความอยากโดดเด่นในสายราชการครับ
เด็กรุ่นใหม่ทุกคนก็อยากเรียนจบมีดีกรีเหมือนคนอื่นๆ แต่ปัจจัยหลายอย่างของสภาพแวดล้อมที่เด็กรุ่นใหม่จะวาดฝันโลกสวยไม่ได้
ร้อยทั้งร้อยก็ต้องมีความอยากโดดเด่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งของโรงเรียนนั้นๆ ที่ต้องการความเป็นที่ยอมรับจากสถาบันผู้อื่น
แต่การให้คนอื่นยอมรับมันต้องมาจากความสามารถ และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนที่อยู่รอบข้าง สถาบันการศึกษาทุกวันนี้มีแต่ความเห็นแก่ตัวกันทุกเจ้า
และพอสถานศึกษาไม่อาจสร้างคุณภาพของการศึกษาขึ้นมาได้ กรรมมันก็ตกไปเป็นของนักเรียนนิสิตนักศึกษา ที่ต้องมาแบกรับภาระความเป็นหน้าเป็นตาของสถาบัน
และทางออกของสถานศึกษาเมื่อไม่ได้นักศึกษาดั่งใจคือรีไทร์ โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของครอบครัวเด็ก
ผมไม่อยากให้น้องกับหลานของผมเป็นนักศึกษาคล้อยตามเรื่องผู้ใหญ่แบบคุณไผ่ ดาวดิน และไม่ต้องการให้น้องกับหลานโดดเด่นเหมือนคุณ เนติวิทย์
สุดท้ายคำตอบสำคัญมันจะย้อนกลับมาที่ตัวเราเองว่าจะรับผิดชอบลูกหลานเราเองได้มากแค่ไหน ความพร้อมเเค่นั้นที่จะช่วยน้องกับหลานให้ผ่านจุดนี้ไปได้
สุดท้าย ใครไม่เคยรับผิดชอบคนอื่นอาจไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่ถ้าในความเป็นจริงเรานี่แหละคืออาจารย์ ที่จะสั่งสอนให้ลูกหลานสนใจเรียนได้ขนาดไหน สถาบันการศึกษาไทยเป็นแค่ทางผ่านของคำว่าฉลาดกับเขลา หากลูกหลานเราเป็นแค่เบี้ยของระบบความอยากโดดเด่นในสายราชการครับ
# Wed 15 Nov 2017 : 11:52PM
# Fri 17 Nov 2017 : 8:30AM
วันนี้มีผลพิพากษาคดีครูจอมทรัพย์นะครับ
รอดูผลกัน
รอดูผลกัน
View all 1 comments >
Fri 17 Nov 2017 : 4:21PM
วันนี้นัดฟังคำสั่งว่าจะให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้หรือไม่ครับ(ไม่ใช่นัดฟังคำพิิพากษาเพราะคดีมันถึงที่สุดไปแล้ว)
สรุป ยกคำร้อง (ไม่ให้พิจารณาคดีใหม่)
เพราะจะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ต้องมีหลักฐานใหม่ ตามนี้
อันที่ครูจอมทรัพย์อ้างในคำร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่คืออ้างว่า "มีพยานหลักฐานใหม่" ตาม มาตรา ๕(๓) คือนายสับ วาปี ที่มาออกข่าวตอนแรกว่าเป็นคนร้ายที่ขับรถไปชนตัวจริง
แต่ต่อมาในวันนัดไต่สวน(ไต่สวนว่ามีพยานหลักฐานอะไรพอฟังว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ให้มีผลฟังว่าครูจอมทรัพย์ไม่ได้ทำผิดบ้าง) ตัวครูจอมทรัพย์กับกระทรวงยุติธรรมกลับไม่เอาตัวนายสับมาเบิกความเป็นพยาน อ้างว่าจะเน้นไปที่พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เองโดยจะเอาพยานผู้เชี่ยวชาญมาสืบว่าไม่ใช่รถคันที่ชน [Link]
พอครูจอมทรัพย์ไม่เอานายสับมาเบิกความเป็นพยาน แล้วตัวรถยนต์กับพยานปากอื่นมันก็เป็นพยานที่เคยเบิกความนำเข้าสืบในชั้นศาลก่อนหน้านี้ที่พิพากษาไปก่อนแล้ว แถมตัวพยานที่ครูเอามาเบิกความใหม่ก็เบิกความกลับไปกลับมาไม่มีความน่าเชื่อถือ จึงถือว่าครูไม่มีพยานหลักฐานใหม่มาแสดง ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
สรุปตัวครูก็ถือว่าเป็นจำเลยผู้กระทำความผิดเหมือนเดิมตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ถึงที่สุดไปก่อนแล้ว
สรุป ยกคำร้อง (ไม่ให้พิจารณาคดีใหม่)
เพราะจะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ต้องมีหลักฐานใหม่ ตามนี้
พระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. ๒๕๒๖
มาตรา ๕ คดีใดที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้บุคคลใดต้องรับโทษอาญาในคดีนั้นแล้ว อาจมีการร้องขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ได้ เมื่อปรากฏว่า
(๑) พยานบุคคลซึ่งศาลได้อาศัยเป็นหลักในการพิพากษาคดีอันถึงที่สุดนั้น ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในภายหลังแสดงว่าคำเบิกความของพยานนั้นเป็นเท็จ หรือไม่ถูกต้องตรงกับความจริง
(๒) พยานหลักฐานอื่นนอกจากพยานบุคคลตาม (๑) ซึ่งศาลได้อาศัยเป็นหลักในการพิจารณาพิพากษาคดีอันถึงที่สุดนั้น ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในภายหลังแสดงว่าเป็นพยานหลักฐานปลอมหรือเป็นเท็จ หรือไม่ถูกต้องตรงกับความจริง หรือ
(๓) มีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีซึ่งถ้าได้นำมาสืบในคดีอันถึงที่สุดนั้น จะแสดงว่าบุคคลผู้ต้องรับโทษอาญาโดยคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นไม่ได้กระทำความผิด
มาตรา ๕ คดีใดที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้บุคคลใดต้องรับโทษอาญาในคดีนั้นแล้ว อาจมีการร้องขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ได้ เมื่อปรากฏว่า
(๑) พยานบุคคลซึ่งศาลได้อาศัยเป็นหลักในการพิพากษาคดีอันถึงที่สุดนั้น ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในภายหลังแสดงว่าคำเบิกความของพยานนั้นเป็นเท็จ หรือไม่ถูกต้องตรงกับความจริง
(๒) พยานหลักฐานอื่นนอกจากพยานบุคคลตาม (๑) ซึ่งศาลได้อาศัยเป็นหลักในการพิจารณาพิพากษาคดีอันถึงที่สุดนั้น ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในภายหลังแสดงว่าเป็นพยานหลักฐานปลอมหรือเป็นเท็จ หรือไม่ถูกต้องตรงกับความจริง หรือ
(๓) มีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีซึ่งถ้าได้นำมาสืบในคดีอันถึงที่สุดนั้น จะแสดงว่าบุคคลผู้ต้องรับโทษอาญาโดยคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นไม่ได้กระทำความผิด
อันที่ครูจอมทรัพย์อ้างในคำร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่คืออ้างว่า "มีพยานหลักฐานใหม่" ตาม มาตรา ๕(๓) คือนายสับ วาปี ที่มาออกข่าวตอนแรกว่าเป็นคนร้ายที่ขับรถไปชนตัวจริง
แต่ต่อมาในวันนัดไต่สวน(ไต่สวนว่ามีพยานหลักฐานอะไรพอฟังว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ให้มีผลฟังว่าครูจอมทรัพย์ไม่ได้ทำผิดบ้าง) ตัวครูจอมทรัพย์กับกระทรวงยุติธรรมกลับไม่เอาตัวนายสับมาเบิกความเป็นพยาน อ้างว่าจะเน้นไปที่พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เองโดยจะเอาพยานผู้เชี่ยวชาญมาสืบว่าไม่ใช่รถคันที่ชน [Link]
พอครูจอมทรัพย์ไม่เอานายสับมาเบิกความเป็นพยาน แล้วตัวรถยนต์กับพยานปากอื่นมันก็เป็นพยานที่เคยเบิกความนำเข้าสืบในชั้นศาลก่อนหน้านี้ที่พิพากษาไปก่อนแล้ว แถมตัวพยานที่ครูเอามาเบิกความใหม่ก็เบิกความกลับไปกลับมาไม่มีความน่าเชื่อถือ จึงถือว่าครูไม่มีพยานหลักฐานใหม่มาแสดง ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
สรุปตัวครูก็ถือว่าเป็นจำเลยผู้กระทำความผิดเหมือนเดิมตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ถึงที่สุดไปก่อนแล้ว
Like : Torita
[Edited 2 times dukedick - Last Edit 2017-11-17 16:24:10]
# Fri 17 Nov 2017 : 2:26PM
ระบบการศึกษาของบ้านเราถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือแพะนั่นแล จะเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาให้ได้ผล มันต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดรวมถึงโครงสร้างของสังคมเลย
ตั้งแต่เกิด ประถม มัธยม มหาลัย การคัดคนเข้าทำงาน บลา ๆ มันไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงเนื้อหาการเรียนการสอนเท่านั้น
เหมือนกับการแก้ปัญหาการจราจร ทางแก้มี แต่สังคมรับไม่ได้ ไม่ยอมรับ หลาย ๆ อย่าง มันไม่มีทางแก้หรอก
ตั้งแต่เกิด ประถม มัธยม มหาลัย การคัดคนเข้าทำงาน บลา ๆ มันไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงเนื้อหาการเรียนการสอนเท่านั้น
เหมือนกับการแก้ปัญหาการจราจร ทางแก้มี แต่สังคมรับไม่ได้ ไม่ยอมรับ หลาย ๆ อย่าง มันไม่มีทางแก้หรอก
Like : Gg™, "MnemoniC"
View all 8 comments >
Fri 17 Nov 2017 : 2:54PM
ระดับวิทยาลัยโครงสร้างสถานศึกษายึดหลักแนวความคิดแบบรุ่นก่อตั้งสถาบัน จะมีทัศนอุดมคติที่ไม่ค่อยตามนโยบายของภาครัฐซักเท่าไหร่ คือจบมาต้องหางานทำไม่ใช่เข้าไปศึกษาหาความรู้ ไม่แปลกที่จะมีความล้าหลังและหลักสูตรที่ไม่ครอบคลุม และเรียนในสาขาอาชีพที่ไม่ได้มีความถนัดหรือชอบในสายนั้น
ปัญหาคือยังคงพยายามยัดความเป็นสถาบันใส่หัวนักศึกษา ไม่ได้สอนพัฒนาให้ความรู้เพื่อไปใช้ชีวิตในสังคม
บวกกับความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนเอกชนกับรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหาของระดับความน่าเชื่อถือสถาบัน มันก็สมควรเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งระบบการศึกษาที่เป็นช่องโหว่และบกพร่อง แต่หากไม่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นและยังใช้บรรทัดฐานเดิมๆในการสอน ส่งลูกหลานไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางออกดีที่สุดแล้ว
นี่แหละ... คือความจริงยากเรียนเก่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทุนเรียนและครอบครัวที่พร้อมส่งลูกหลานออกไป มันมีไม่ถึง 5%ของนักเรียนทั้งหมดครับ
ปัญหาคือยังคงพยายามยัดความเป็นสถาบันใส่หัวนักศึกษา ไม่ได้สอนพัฒนาให้ความรู้เพื่อไปใช้ชีวิตในสังคม
บวกกับความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนเอกชนกับรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหาของระดับความน่าเชื่อถือสถาบัน มันก็สมควรเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งระบบการศึกษาที่เป็นช่องโหว่และบกพร่อง แต่หากไม่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นและยังใช้บรรทัดฐานเดิมๆในการสอน ส่งลูกหลานไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางออกดีที่สุดแล้ว
นี่แหละ... คือความจริงยากเรียนเก่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทุนเรียนและครอบครัวที่พร้อมส่งลูกหลานออกไป มันมีไม่ถึง 5%ของนักเรียนทั้งหมดครับ
Fri 17 Nov 2017 : 3:06PM
"MnemoniC";2318327 wrote:
ระดับวิทยาลัยโครงสร้างสถานศึกษายึดหลักแนวความคิดแบบรุ่นก่อตั้งสถาบัน จะมีทัศนอุดมคติที่ไม่ค่อยตามนโยบายของภาครัฐซักเท่าไหร่ คือจบมาต้องหางานทำไม่ใช่เข้าไปศึกษาหาความรู้ ไม่แปลกที่จะมีความล้าหลังและหลักสูตรที่ไม่ครอบคลุม และเรียนในสาขาอาชีพที่ไม่ได้มีความถนัดหรือชอบในสายนั้น
ปัญหาคือยังคงพยายามยัดความเป็นสถาบันใส่หัวนักศึกษา ไม่ได้สอนพัฒนาให้ความรู้เพื่อไปใช้ชีวิตในสังคม
บวกกับความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนเอกชนกับรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหาของระดับความน่าเชื่อถือสถาบัน มันก็สมควรเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งระบบการศึกษาที่เป็นช่องโหว่และบกพร่อง แต่หากไม่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นและยังใช้บรรทัดฐานเดิมๆในการสอน ส่งลูกหลานไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางออกดีที่สุดแล้ว
นี่แหละ... คือความจริงยากเรียนเก่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทุนเรียนและครอบครัวที่พร้อมส่งลูกหลานออกไป มันมีไม่ถึง 5%ของนักเรียนทั้งหมดครับ
ปัญหาคือยังคงพยายามยัดความเป็นสถาบันใส่หัวนักศึกษา ไม่ได้สอนพัฒนาให้ความรู้เพื่อไปใช้ชีวิตในสังคม
บวกกับความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนเอกชนกับรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหาของระดับความน่าเชื่อถือสถาบัน มันก็สมควรเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งระบบการศึกษาที่เป็นช่องโหว่และบกพร่อง แต่หากไม่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นและยังใช้บรรทัดฐานเดิมๆในการสอน ส่งลูกหลานไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางออกดีที่สุดแล้ว
นี่แหละ... คือความจริงยากเรียนเก่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทุนเรียนและครอบครัวที่พร้อมส่งลูกหลานออกไป มันมีไม่ถึง 5%ของนักเรียนทั้งหมดครับ
จบนอกมา ไม่มีเส้นสายก็ไม่มีงานครับ เพราะทุกวันนี้ที่จบมา กว่า 8 ใน 10 จบจากที่ไหนไม่รู้ จบแบบเร่งรัดขายวุฒิ ปีเดียวจบ หลาย ๆ อย่าง มันทำให้น่าเชื่อถือน้อยลงเยอะแล้วครับตอนนี้ เพราะหลายครอบครัวที่มีเงิน แต่ลูกหลานมันไม่มีปัญญาเรียนในไทยเลยส่งไปนอก จบกะโหลกกะลาอะไรมาก็ไม่รู้
นอกจากได้ทุนหลวง ไม่ก็จบสถาบันดังแบบปรกติ ไม่ใช่คอสขายเอาเงิน แบบพวกคอสอินเตอร์ในบ้านเรา
Like : "MnemoniC"
Fri 17 Nov 2017 : 3:35PM
PNA888 wrote:
"MnemoniC";2318327 wrote:
ระดับวิทยาลัยโครงสร้างสถานศึกษายึดหลักแนวความคิดแบบรุ่นก่อตั้งสถาบัน จะมีทัศนอุดมคติที่ไม่ค่อยตามนโยบายของภาครัฐซักเท่าไหร่ คือจบมาต้องหางานทำไม่ใช่เข้าไปศึกษาหาความรู้ ไม่แปลกที่จะมีความล้าหลังและหลักสูตรที่ไม่ครอบคลุม และเรียนในสาขาอาชีพที่ไม่ได้มีความถนัดหรือชอบในสายนั้น
ปัญหาคือยังคงพยายามยัดความเป็นสถาบันใส่หัวนักศึกษา ไม่ได้สอนพัฒนาให้ความรู้เพื่อไปใช้ชีวิตในสังคม
บวกกับความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนเอกชนกับรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหาของระดับความน่าเชื่อถือสถาบัน มันก็สมควรเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งระบบการศึกษาที่เป็นช่องโหว่และบกพร่อง แต่หากไม่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นและยังใช้บรรทัดฐานเดิมๆในการสอน ส่งลูกหลานไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางออกดีที่สุดแล้ว
นี่แหละ... คือความจริงยากเรียนเก่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทุนเรียนและครอบครัวที่พร้อมส่งลูกหลานออกไป มันมีไม่ถึง 5%ของนักเรียนทั้งหมดครับ
ปัญหาคือยังคงพยายามยัดความเป็นสถาบันใส่หัวนักศึกษา ไม่ได้สอนพัฒนาให้ความรู้เพื่อไปใช้ชีวิตในสังคม
บวกกับความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนเอกชนกับรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหาของระดับความน่าเชื่อถือสถาบัน มันก็สมควรเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งระบบการศึกษาที่เป็นช่องโหว่และบกพร่อง แต่หากไม่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นและยังใช้บรรทัดฐานเดิมๆในการสอน ส่งลูกหลานไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางออกดีที่สุดแล้ว
นี่แหละ... คือความจริงยากเรียนเก่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทุนเรียนและครอบครัวที่พร้อมส่งลูกหลานออกไป มันมีไม่ถึง 5%ของนักเรียนทั้งหมดครับ
จบนอกมา ไม่มีเส้นสายก็ไม่มีงานครับ เพราะทุกวันนี้ที่จบมา กว่า 8 ใน 10 จบจากที่ไหนไม่รู้ จบแบบเร่งรัดขายวุฒิ ปีเดียวจบ หลาย ๆ อย่าง มันทำให้น่าเชื่อถือน้อยลงเยอะแล้วครับตอนนี้ เพราะหลายครอบครัวที่มีเงิน แต่ลูกหลานมันไม่มีปัญญาเรียนในไทยเลยส่งไปนอก จบกะโหลกกะลาอะไรมาก็ไม่รู้
นอกจากได้ทุนหลวง ไม่ก็จบสถาบันดังแบบปรกติ ไม่ใช่คอสขายเอาเงิน แบบพวกคอสอินเตอร์ในบ้านเรา
คือสอนให้เป็นคนดีจบไปเลือกใช้วิถีชีวิตตัวเองเลยในปัจจุบัน ยังไม่มีใครกล้าคิดออกมาเป็นรูปธรรมซักสถาบัน ถ้าอยากเป็นครูไปเรียนราชภัฏ เรียนวิทยาลัยพยาบาลเพื่ออยู่กับหมอ อยากเป็นวิศวกรเรียนมหาลัยดีๆ อยากเป็นนักการเมืองเรียนธรรมศาสตร์จุฬา
เพราะโครงสร้างมันออกแบบอย่างนี้ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์แล้ว มันเหมือนโดนบังคับให้ไปในทางที่มีให้เลือกเพียงแค่นี้ ไม่แปลกที่คนเรียนเก่งอย่างไรก็ไม่สู้เส้นสายเพื่อทำงาน เพราะหลักสูตรกับการหางานมันไม่มีความบาลานซ์กัน
แล้วยิ่งสถาบันนี้โรงเรียนนั้นเป็นแค่ทางผ่านของคนไปหางานทำ มันเลยกลายเป็นธุรกิจที่สามารถเรียกค่าบริจาคเก็บค่าหน่วยกิต ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบไม่เรียนกับเราก็ไม่ง้อเพราะสามารถออกวุฒิให้ได้
ควรปรับปรุงทั้งระบบเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แล้วการฝากงานต้องทำใจถ้าเราไม่เก่งจริงๆ เพราะสังคมไทยคือคนเห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ตัวเอง อยู่ให้เป็นเรียนให้เก่งมีบารมีซักนิดจะอยู่ได้แบบสบาย
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2017-11-18 04:40:05]
Fri 17 Nov 2017 : 4:25PM
"MnemoniC";2318359 wrote:
PNA888 wrote:
"MnemoniC";2318327 wrote:
ระดับวิทยาลัยโครงสร้างสถานศึกษายึดหลักแนวความคิดแบบรุ่นก่อตั้งสถาบัน จะมีทัศนอุดมคติที่ไม่ค่อยตามนโยบายของภาครัฐซักเท่าไหร่ คือจบมาต้องหางานทำไม่ใช่เข้าไปศึกษาหาความรู้ ไม่แปลกที่จะมีความล้าหลังและหลักสูตรที่ไม่ครอบคลุม และเรียนในสาขาอาชีพที่ไม่ได้มีความถนัดหรือชอบในสายนั้น
ปัญหาคือยังคงพยายามยัดความเป็นสถาบันใส่หัวนักศึกษา ไม่ได้สอนพัฒนาให้ความรู้เพื่อไปใช้ชีวิตในสังคม
บวกกับความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนเอกชนกับรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหาของระดับความน่าเชื่อถือสถาบัน มันก็สมควรเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งระบบการศึกษาที่เป็นช่องโหว่และบกพร่อง แต่หากไม่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นและยังใช้บรรทัดฐานเดิมๆในการสอน ส่งลูกหลานไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางออกดีที่สุดแล้ว
นี่แหละ... คือความจริงยากเรียนเก่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทุนเรียนและครอบครัวที่พร้อมส่งลูกหลานออกไป มันมีไม่ถึง 5%ของนักเรียนทั้งหมดครับ
ปัญหาคือยังคงพยายามยัดความเป็นสถาบันใส่หัวนักศึกษา ไม่ได้สอนพัฒนาให้ความรู้เพื่อไปใช้ชีวิตในสังคม
บวกกับความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนเอกชนกับรัฐบาลที่ยังเป็นปัญหาของระดับความน่าเชื่อถือสถาบัน มันก็สมควรเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งระบบการศึกษาที่เป็นช่องโหว่และบกพร่อง แต่หากไม่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นและยังใช้บรรทัดฐานเดิมๆในการสอน ส่งลูกหลานไปเรียนต่อเมืองนอกคือทางออกดีที่สุดแล้ว
นี่แหละ... คือความจริงยากเรียนเก่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทุนเรียนและครอบครัวที่พร้อมส่งลูกหลานออกไป มันมีไม่ถึง 5%ของนักเรียนทั้งหมดครับ
จบนอกมา ไม่มีเส้นสายก็ไม่มีงานครับ เพราะทุกวันนี้ที่จบมา กว่า 8 ใน 10 จบจากที่ไหนไม่รู้ จบแบบเร่งรัดขายวุฒิ ปีเดียวจบ หลาย ๆ อย่าง มันทำให้น่าเชื่อถือน้อยลงเยอะแล้วครับตอนนี้ เพราะหลายครอบครัวที่มีเงิน แต่ลูกหลานมันไม่มีปัญญาเรียนในไทยเลยส่งไปนอก จบกะโหลกกะลาอะไรมาก็ไม่รู้
นอกจากได้ทุนหลวง ไม่ก็จบสถาบันดังแบบปรกติ ไม่ใช่คอสขายเอาเงิน แบบพวกคอสอินเตอร์ในบ้านเรา
คือสอนให้เป็นคนดีจบไปเลือกใช้วิถีชีวิตตัวเองเลยในปัจจุบัน ยังไม่มีใครกล้าคิดออกมาเป็นรูปธรรมซักสถาบัน ถ้าอยากเป็นครูไปเรียนราชภัฏ เรียนวิทยาลัยพยาบาลเพื่ออยู่กับหมอ อยากเป็นวิศวกรเรียนมหาลัยดีๆ อยากเป็นนักการเมืองเรียนธรรมศาสตร์จุฬา
เพราะโครงสร้างมันออกแบบอย่างนี้ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์แล้ว มันเหมือนโดนบังคับให้ไปในทางที่มีให้เลือกเพียงแค่นี้ ไม่แปลกที่คนเรียนเก่งอย่างไรก็ไม่สู้เส้นสายเพื่อทำงาน เพราะหลักสูตรกับการหางานมันไม่มีความบาลานซ์กัน
แล้วยิ่งสถาบันนี้โรงเรียนนั้นเป็นแค่ทางผ่านของคนไปหางานทำ มันเลยกลายเป็นธุรกิจที่สามารถเรียกค่าบริจากหน่วยกิต ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบไม่เรียนกับเราก็ไม่ง้อเพราะสามารถออกวุฒิให้ได้
ควรปรับปรุงทั้งระบบเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แล้วการฝากงานต้องทำใจถ้าเราไม่เก่งจริงๆ เพราะสังคมไทยคือคนเห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ตัวเอง อยู่ให้เป็นเรียนให้เก่งมีบารมีซักนิดจะอยู่ได้แบบสบาย
ระบบ SME บ้านเราก็เหมือนกับระบบการกู้ทุนนั่นแหละครับ คนมีไอเดียดี ไม่ใช่ว่าจะกู้ได้
สิ่งแรกคือ ไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีคนค้ำ
สิ่งที่สองสำคัญกว่าสิ่งแรก คือผู้ให้กู้ไม่มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่ผู้กู้นำเสนอ ดังนั้นถ้าไอเดียใหม่เกิน ล้ำเกิน ก็อาจจะไม่ผ่าน เวลากู้ ผู้กู้จึงควรหาวิธีการง่าย ๆ เพื่ออธิบายถึงภาพรวมของธุรกิจตัวเอง และเน้นเรื่องการได้ทุนคืนเพื่อนำมาจ่าให้กับธนาคาร
สิ่งที่สาม คนที่ไม่มีเส้นสายเลยจะขาดโอกาศในทางการตลาดพอสมควร อาศัยเป็นกระแสให้ดังยากมากกกก เพราะสื่อบ้านเราเน้นแต่คนที่มีกระแสเท่านั้นเพื่อที่สื่อของตนจะขายได้ คนอ่านเยอะ จะได้มีโฆษณา แต่ขนาดาราเอง หรือลูกหลานคนรวยเปิดร้านก็ยังเจ๊งเพียบ
เหนือกว่าทั้งสามสิ่ง คือ อาการเห่อหมอย อยากเป็นนายตัวเอง อยากเป้นวัยรุ่นพันล้าน ร้อยล้าน ตามหนังสือตอแหลทั้งหลาย พวกนั้นเกือบทั้งหมดเป็นธุรกิจครอบครัวครับ ไอ้หนุ่มน้อย สาวน้อย เป็นแค่ตัวแทนเฉย ๆ มาถึงไม่เคยทำงาน ไม่เคยล้ม สำเร็จเลยนี่ฝันไปละครับ
หลายกิจการเจ๊ง เพราะ คุณไม่เคยทำงานเลย ไม่เคยเป็นลูกจ้าง เชื่อว่าไอเดียชั้นดีสุดขายได้แน่ ปัญหาตอนนี้คือ ระบบบ้านเรา ศึกษาเพื่อจบทำงานตรงสายก็ไม่เวิร์ค ไอ้จะเตรียมความพร้อมเพื่อให้เขาเป็นผู้ประกอบการที่ดีก็ไม่เวิร์คอีก
บอกตรง ๆ ผมเองยังไม่รู้ว่าถ้าจะแก้ปัญหากันจริง ๆ เอาแค่เริ่มจะเริ่มตรงไหนดี 555
Like : "MnemoniC"
Fri 17 Nov 2017 : 4:53PM
ยิ่งเรียนสูงอัตราการว่างงานยิ่งสูงตามจริงๆครับ
กราฟระดับการศึกษาของคนตกงานเดือนมกราคม 59-60
ก็คือส่วนมากไปเรียนแล้วกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านไม่ได้ต่อสายงานที่ตัวเองเรียน อัตราการแข่งขันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆกับเรียนแล้วตกงานในปัจจุบัน
สุดท้ายการศึกษายิ่งน้อย%ตกงานก็ยิ่งต่ำ ส่วนคนเก่งไม่จริงเข้าสภาสูบภาษีประชาชนต่อไป
กราฟระดับการศึกษาของคนตกงานเดือนมกราคม 59-60
ก็คือส่วนมากไปเรียนแล้วกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านไม่ได้ต่อสายงานที่ตัวเองเรียน อัตราการแข่งขันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆกับเรียนแล้วตกงานในปัจจุบัน
สุดท้ายการศึกษายิ่งน้อย%ตกงานก็ยิ่งต่ำ ส่วนคนเก่งไม่จริงเข้าสภาสูบภาษีประชาชนต่อไป
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2017-11-17 16:56:51]
Fri 17 Nov 2017 : 10:15PM
ถ้าเอาในทางกฎหมายระดับอุดมศึกษาที่เป็นพระราชบัญญัติของมหาลัย
อย่างธรรมศาสตร์ปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2531 มี ๕๙ มาตรา จุฬาปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2551 มี ๘๖ มาตรา มหิดลปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2550 มี ๘๔ มาตรา ส่วนมหาวิทยาลัยขอนแก่นปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2558 และน่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ปรับปรุงกฎหมายล่าสุดแล้ว ได้ท่านประยุทธ์รับสนองพระบรมราชโองการซะด้วย มี ๘๕ มาตรา
หรือในส่วนของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2542 มี ๗๖ มาตรา
ด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยมันสำคัญตรงที่อธิการบดี ครู อาจารย์ นิสิต จะมีสิทธิในการจัดการปัญหาของสถาบันด้วยตัวเอง เพราะถูกคุ้มครองโดยกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว
จึงสามารถจัดตั้งทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเสรีโดยมีพระราชบัญญัติคุ้มครอง รวมถึงสามารถมีสภานักศึกษาจากการเลือกตั้งของนักศึกษากันเอง และสามารถจัดหาแต่งตั้งบุคลากรลูกจ้างของมหาลัยได้อิสระเช่นกัน
ปัญหาคือ อย่างกรณีคุณ เนติวิทย์ ที่มีคดีกับทางมหาวิทยาลัย กฎหมายตัวบทมาตรามันคุ้มครองนักศึกษามากกว่าอาจารย์ เมื่อเทียบกับพฤติกรรมของคุณ เนติวิทย์
หรืออย่างบางมหาวิทยาลัยที่โยกย้ายอาจารย์กันแบบมั่วซั่ว ไปเป็นตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้ในมหาวิทยาลัย เพื่อนั่งในตำแหน่งในฐานะลูกจ้างของมหาวิทยาลัย ล้วนแล้วมาจากข้อกฎหมายที่อ่อนแอต่อสถานการณ์ปัจจุบันทั้งสิ้น
มันสมควรแล้วครับที่ต้องรื้อทั้งระบบการศึกษาไทยครับ เพื่อให้ครูและนักเรียนมีข้อระเบียบร่วมกันแบบไม่ล้ำเส้นหรือก้าวก่ายกัน
อย่างธรรมศาสตร์ปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2531 มี ๕๙ มาตรา จุฬาปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2551 มี ๘๖ มาตรา มหิดลปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2550 มี ๘๔ มาตรา ส่วนมหาวิทยาลัยขอนแก่นปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2558 และน่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ปรับปรุงกฎหมายล่าสุดแล้ว ได้ท่านประยุทธ์รับสนองพระบรมราชโองการซะด้วย มี ๘๕ มาตรา
หรือในส่วนของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปรับปรุงกฎหมายล่าสุดปี 2542 มี ๗๖ มาตรา
ด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยมันสำคัญตรงที่อธิการบดี ครู อาจารย์ นิสิต จะมีสิทธิในการจัดการปัญหาของสถาบันด้วยตัวเอง เพราะถูกคุ้มครองโดยกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว
จึงสามารถจัดตั้งทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเสรีโดยมีพระราชบัญญัติคุ้มครอง รวมถึงสามารถมีสภานักศึกษาจากการเลือกตั้งของนักศึกษากันเอง และสามารถจัดหาแต่งตั้งบุคลากรลูกจ้างของมหาลัยได้อิสระเช่นกัน
ปัญหาคือ อย่างกรณีคุณ เนติวิทย์ ที่มีคดีกับทางมหาวิทยาลัย กฎหมายตัวบทมาตรามันคุ้มครองนักศึกษามากกว่าอาจารย์ เมื่อเทียบกับพฤติกรรมของคุณ เนติวิทย์
หรืออย่างบางมหาวิทยาลัยที่โยกย้ายอาจารย์กันแบบมั่วซั่ว ไปเป็นตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้ในมหาวิทยาลัย เพื่อนั่งในตำแหน่งในฐานะลูกจ้างของมหาวิทยาลัย ล้วนแล้วมาจากข้อกฎหมายที่อ่อนแอต่อสถานการณ์ปัจจุบันทั้งสิ้น
มันสมควรแล้วครับที่ต้องรื้อทั้งระบบการศึกษาไทยครับ เพื่อให้ครูและนักเรียนมีข้อระเบียบร่วมกันแบบไม่ล้ำเส้นหรือก้าวก่ายกัน
Fri 17 Nov 2017 : 11:35PM
ผมงงและข้องใจนะว่าการแก้ระบบการศึกษาให้ก้าวหน้า ให้เปลี่ยนไป มันเป็นเรื่องที่ยอมระบไม่ได้ตรงไหน ตรงที่ให้เปลี่ยนการใช้อำนาจนิยมกดหัวเด็กมาเป็นวิธีการใช้จิตวิทยาให้เด็กคิดเป็น เอาตัวรอดเป็น ไม่กดหัวเด็กเกินไปรึฮะ
Like : "MnemoniC"
Sat 18 Nov 2017 : 12:03AM
boszuza007 wrote:
ผมงงและข้องใจนะว่าการแก้ระบบการศึกษาให้ก้าวหน้า ให้เปลี่ยนไป มันเป็นเรื่องที่ยอมระบไม่ได้ตรงไหน ตรงที่ให้เปลี่ยนการใช้อำนาจนิยมกดหัวเด็กมาเป็นวิธีการใช้จิตวิทยาให้เด็กคิดเป็น เอาตัวรอดเป็น ไม่กดหัวเด็กเกินไปรึฮะ
ผมจะยกตัวอย่างบางระบบโครงสร้างที่สมควรแก้ไขแต่ทำไม่ได้ เวลาเข้าเรียนของระดับประถมและมัธยมคือก่อนเวลา ๐๘.๐๐ น. ใน กทม.หรือตามโรงเรียนในเมืองใหญ่ จะเกิดปัญหาแออัดรถติดมากมายจนนักเรียนเอง ต้องปรับตัวเดินทางเร็วกว่าคนที่เรียนอยู่โรงเรียนไม่มีปัญหาการเดินทาง ทำให้เวลาที่ใช้ในการศึกษาต่อวันมันมากกว่าที่กฎหมายกำหนด คือเสียเวลาไปกับการเดินทาง
แต่คือมันแก้ไม่ได้ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง แม้เอาคนที่เรียนแบบไม่มีปัญหาการเดินทางมาหักล้าง มันก็ยังไม่เอื้อที่จะขยายเวลาในการเดินทางให้ แต่ระดับสายอาชีพหรือมหาวิทยาลัยจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
เปลี่ยนระบบให้การศึกษาก้าวหน้าให้เด็กคิดเป็น เอาตัวรอดเป็นมันไม่ดีเหรอ?
ตอบ ก็ดูโครงสร้างคร่าวๆที่ผมเกริ่นข้างต้น การศึกษาเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กเป็นทางผ่านเพื่อขอแลกวุฒิไปทำงาน และรูปแบบมันยังไม่มีส่วนไหนที่นักเรียน จะมีความคิดเห็นมากพอไปเสนอผู้ใหญ่ครับ
*อีดิท* นักศึกษาในระดับปัญญาชนหรืออุดมศึกษามีค่าเฉลี่ยต่อการจบหลักสูตรการศึกษาที่ 400,000 บาทต่อคน(บวกลบตามสาขาวิชาด้วยโดยเฉพาะแพทย์กับเภสัช)
400,000 บาทซักพันคนก็เป็นเงินหลายร้อยล้านแล้ว
400,000 × 1,000 = 400,000,000
พอจะเห็นระบบที่มันแก้ไขไม่ได้มั้ยครับ
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2017-11-18 00:21:28]
# Fri 17 Nov 2017 : 4:05PM
พูดถึงแก้ปัญหาจราจร
นี่ถ้าแก้ไขโดยจำกัดให้ครอบครัวนึงมีรถได้แค่1คัน
ถ้าครอบครัวไหนมีรถมากกว่า1คัน
ก็จับคิดภาษีแพงๆ และหาที่จอดเองด้วย
รถสาธารณะก็อัพเกรดให้ดูดีหน่อย(ท่าจะยากมาก)
จะว่าไปเรื่องรถล้นถนนบ้านเรามันก็เรื้อรังแล้ว
ยิ่งเจอนโยบายรถคันแรกก็ยิ่งล่มจมกันใหญ่
ทำยังไงก็ไม่ไหวอะครับ กับสังคมที่เน้นปริมาณ
กับนโยบายจานด่วนลูบหน้าปะจมูกอยู่แบบนี้
ต่อให้เป็นทักกี้แอนด์เดอะแก๊งก็แก้ไม่ได้หรอก -3-/
นี่ถ้าแก้ไขโดยจำกัดให้ครอบครัวนึงมีรถได้แค่1คัน
ถ้าครอบครัวไหนมีรถมากกว่า1คัน
ก็จับคิดภาษีแพงๆ และหาที่จอดเองด้วย
รถสาธารณะก็อัพเกรดให้ดูดีหน่อย(ท่าจะยากมาก)
จะว่าไปเรื่องรถล้นถนนบ้านเรามันก็เรื้อรังแล้ว
ยิ่งเจอนโยบายรถคันแรกก็ยิ่งล่มจมกันใหญ่
ทำยังไงก็ไม่ไหวอะครับ กับสังคมที่เน้นปริมาณ
กับนโยบายจานด่วนลูบหน้าปะจมูกอยู่แบบนี้
ต่อให้เป็นทักกี้แอนด์เดอะแก๊งก็แก้ไม่ได้หรอก -3-/
View all 4 comments >
Fri 17 Nov 2017 : 4:27PM
ไม่ได้ บ้านชั้นหลายคน ไม่ได้ เพราะเรื่องความปลอดภัย ไม่ได้ ทำงั้นบริษัทขายรถเจ๊ง ต้องโล๊ะพนักงาน
ไม่ได้ ไปทำให้ระบบขนส่งมวลชนดีเลิสก่อนไป๊
รอฟังพวกนี้ได้เลย
อย่างที่เขียนไปละฮะ ชาติหน้าก็แก้ไม่ได้
ไม่ได้ ไปทำให้ระบบขนส่งมวลชนดีเลิสก่อนไป๊
รอฟังพวกนี้ได้เลย
อย่างที่เขียนไปละฮะ ชาติหน้าก็แก้ไม่ได้
Fri 17 Nov 2017 : 11:38PM
หลักผมว่าจะแก้ได้จริงๆมีวิธีการกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นให้คนกลับไปทำงานที่บ้านใครบ้านมัน เพราะจะให้ไปโละผังเมืองโละถนนคงสายเกินไปแล้ว ทางที่ดีไม่กระจายความเจริญ ก็ปรับเรื่องรถสาธารณะ รถโดยสารแหละผมว่า
Like : CH@Dow, "MnemoniC"
Fri 17 Nov 2017 : 11:58PM
เรื่องกระจายความเจริญ
ผมเคยคุยกับพี่คนนึงสมัยอยู่มหาลัยนะ
ผมก็แอบคิดเหมือนกันว่าอย่างภาคอีสานนี่
พื้นที่ก็เยอะ แถมส่วนใหญ่ก็แห้งแล้ง
ทำไมไม่เอาความเจริญไปลงตรงนั้นบ้าง
ผมเคยคุยกับพี่คนนึงสมัยอยู่มหาลัยนะ
ผมก็แอบคิดเหมือนกันว่าอย่างภาคอีสานนี่
พื้นที่ก็เยอะ แถมส่วนใหญ่ก็แห้งแล้ง
ทำไมไม่เอาความเจริญไปลงตรงนั้นบ้าง
Sat 18 Nov 2017 : 9:08PM
หรือไม่ก็แก้ที่ปลายเหตุด้วยการทำถนนที่เป็นทางระบายเพิ่ม ตัดทางระบายรถถ้าไม่ได้ก็มาโฟกัสเรื่องระบบขนส่งมวลชน
# Fri 17 Nov 2017 : 4:34PM
เรื่องรถ นี่อย่างแรกคือขอให้ยืนยันที่จอดก่อนซื้อจะได้ไหม. แถวบ้านมีคนทำรถตู้มันจอดจองฝั่งบ้านผมไปแล้วสองคัน
# Fri 17 Nov 2017 : 4:45PM
ครูจอมทรัพย์ ดราม่ายืดยาว ส่วนใหญ่จะด่าศาลกับตำรวจ
วันนี้เจอศาลยกคำร้องรื้อฟื้นคดี
ผมอ่านเจอสาเหตุแรก ผมอุทานในใจเลย เออ สม
คือ ครูอาจจะไม่ได้ชนจริงรึป่าวไม่รู้ แต่ นายสับที่เป็นพยานสำคัญที่ให้ศาลตกลงให้รื้อไต่สวนใหม่
นายสับ ไปศาล แต่ไม่ได้เบิกพยาน เพราะผลพิสูจพบแล้ว นายสับ ไม่ได้ขับ วันนั้นอยู่ที่อื่นแถมรถโดนขายไปก่อนแล้วอีก
ตายน้ำตื้นจร้า คิดไม่ซื่อ ก็ตายแบบนี้แหละ ศาลก็โดนด่าฟรีตามสูตรเหมือนคดีเก็บเห็นที่ตอแหลว่าหูไม่ดีเลยยอมรับ
วันนี้เจอศาลยกคำร้องรื้อฟื้นคดี
ผมอ่านเจอสาเหตุแรก ผมอุทานในใจเลย เออ สม
คือ ครูอาจจะไม่ได้ชนจริงรึป่าวไม่รู้ แต่ นายสับที่เป็นพยานสำคัญที่ให้ศาลตกลงให้รื้อไต่สวนใหม่
นายสับ ไปศาล แต่ไม่ได้เบิกพยาน เพราะผลพิสูจพบแล้ว นายสับ ไม่ได้ขับ วันนั้นอยู่ที่อื่นแถมรถโดนขายไปก่อนแล้วอีก
ตายน้ำตื้นจร้า คิดไม่ซื่อ ก็ตายแบบนี้แหละ ศาลก็โดนด่าฟรีตามสูตรเหมือนคดีเก็บเห็นที่ตอแหลว่าหูไม่ดีเลยยอมรับ
# Fri 17 Nov 2017 : 4:53PM
เห็นด้วยเลย เรื่องรถควรจะต้องมีที่จอดเนี่ย แถวบ้านผมเนี่ยคนบ้านเอื้ออาทรนี่รถใหญ่ ๆ ทั้งนั่น บางคนก็มีรถหลายคันอาศัยไปจอดตามลานเอา ในหมู่บ้านก็เอาไปจอดหน้าบ้านคนอื่นเค้าอีก
ส่วนเรื่องขนส่งมวลชนต้องปรับปรุงมันต้องทำควบคู่กันนะผมว่า ไม่งั้นมันก็ไร้เหตุผลไปหน่อยที่จะให้คนต้องเปลี่ยนวิธีชีวิตไปลำบากมาก ๆ (ไม่ใช่ลำบากนิดหน่อย) กับการใช้บริการสาธารณะ
คนในเมืองอาจจะรู้สึกว่ามันลำบากตรงไหนว่ะ แต่คนอยู่นอกเมืองหน่อยนี่ น่าจะเข้าใจกับการเจอรถสองแถวแน่นเอียด ขาดระยะทุก ๆ 1 ชั่วโมง ถนนอันมืดมิดและปรับปรุงอย่างไม่มีกำหนดแล้วเสร็จ รถโบกไม่รู้จัก ไม่เข้าไป โดนเททิ้งหน้าปากซอย และอีกสารพัดเหตุผลที่โดนบังคับให้ต้องซื้อรถใช้
อีกส่วนหนึ่งก็เรื่องระเบียบวินัยแหละ รถติด รถเกิดอุบัิตเหตุเพราะวินัยจารจรบ้านเรามันโครตกากถึงกากมาก คนใช้รถก็นิสัยไม่ดีเยอะ แช่ซ้ายผ่านตลอดบ้าง ปาดไม่เปิดไฟเลี้ยว ขับช้าในเลนขับเร็ว มอเตอร์ไซด์จองเลน ย้อนศร วิ่งบนทางเท้า และอีกสารพัดที่เห็นกันจนชินตา
ถ้าแก้อย่างแรกไม่ได้อย่างน้อย ช่วยกวดขันเรื่องวินัยและการขับขี่อย่างถูกต้องให้ได้ ปัญหามันก็น่าจะลดลงหน่อยนึงนะ
ส่วนเรื่องขนส่งมวลชนต้องปรับปรุงมันต้องทำควบคู่กันนะผมว่า ไม่งั้นมันก็ไร้เหตุผลไปหน่อยที่จะให้คนต้องเปลี่ยนวิธีชีวิตไปลำบากมาก ๆ (ไม่ใช่ลำบากนิดหน่อย) กับการใช้บริการสาธารณะ
คนในเมืองอาจจะรู้สึกว่ามันลำบากตรงไหนว่ะ แต่คนอยู่นอกเมืองหน่อยนี่ น่าจะเข้าใจกับการเจอรถสองแถวแน่นเอียด ขาดระยะทุก ๆ 1 ชั่วโมง ถนนอันมืดมิดและปรับปรุงอย่างไม่มีกำหนดแล้วเสร็จ รถโบกไม่รู้จัก ไม่เข้าไป โดนเททิ้งหน้าปากซอย และอีกสารพัดเหตุผลที่โดนบังคับให้ต้องซื้อรถใช้
อีกส่วนหนึ่งก็เรื่องระเบียบวินัยแหละ รถติด รถเกิดอุบัิตเหตุเพราะวินัยจารจรบ้านเรามันโครตกากถึงกากมาก คนใช้รถก็นิสัยไม่ดีเยอะ แช่ซ้ายผ่านตลอดบ้าง ปาดไม่เปิดไฟเลี้ยว ขับช้าในเลนขับเร็ว มอเตอร์ไซด์จองเลน ย้อนศร วิ่งบนทางเท้า และอีกสารพัดที่เห็นกันจนชินตา
ถ้าแก้อย่างแรกไม่ได้อย่างน้อย ช่วยกวดขันเรื่องวินัยและการขับขี่อย่างถูกต้องให้ได้ ปัญหามันก็น่าจะลดลงหน่อยนึงนะ
# Fri 17 Nov 2017 : 5:12PM
ที่ผมสงสัยเรื่องขับรถนะ เคยเจอพวกกะบะขนของที่ขับ40/ชม. แล้วแช่ขวาเนี้ยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขามีคนสอนกันผิดหรือเปล่า หรือมันมีเหตุผลล้ำลึกที่เขาไม่เคยบอกเราก็ไม่รู้.
แถวบ้านเจอบ่อยจนแทบจะบอกว่าวิ่งเลนกลาง อาจจะเร็วกว่าเลนขวา. พูดถึงกรณีถนนสถาพดีทั้งสองเลนนะ
แถวบ้านเจอบ่อยจนแทบจะบอกว่าวิ่งเลนกลาง อาจจะเร็วกว่าเลนขวา. พูดถึงกรณีถนนสถาพดีทั้งสองเลนนะ
# Fri 17 Nov 2017 : 11:42PM
พูดถึงเรื่องการจราจรนะครับ ผมชอบแบบอุดรหรือพวกนครพนม หลักๆคืออุดรในส่วนของเมือง คือมีความเจริญพอเหมาะ ไม่เจริญมากไปและน้อยไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองกรุงเทพนิดเดียว แถมไปไหนมาไหนง่ายรถไม่ติดมากจนเกินไป
# Sat 18 Nov 2017 : 1:26PM
เรื่องแก้ปัญหาจราจร นี่ผมเคยคิดเล่นๆตอนขับรถอยู่นะว่า น่าจะทำสามล้อตุ๊กๆเนี่ยให้มันเป็นรถส่วนตัวมาขายซะเลย
คือ 4 ล้อมันใหญ่เกิน แล้วแต่ละคันก็นั่งกันคนสองคน ยิ่งยุคใหม่คนมีลูกกันน้อยลง นั่งกันไม่เต็มอยู่แล้ว มันเปลืองพื้นที่ถนน
เอารูปแบบรถตุ๊กๆไปปรับปรุง ทำโครงทำหลังคาทำเบาะอะไรให้แข็งแรงขึ้น ให้มันเป็นรถยนต์ส่วนตัวแทนรถเก๋งไปเลย แล้ววิ่งได้เต็มที่แค่ 80 ก็พอ เอามาวิ่งเฉพาะในกรุงเทพ
เอาถนนเดิมๆในกรุงเทพ 3 เลน รถเก๋งปกติวิ่ง 3 คัน ถ้าเปลี่ยนมาเป็นตุ๊กๆคงยัดได้สัก 4-5 คัน หรือไปหาซิกแซกในซอยเล็กๆยังสะดวกด้วย น่าจะช่วยให้รถติดน้อยลงกว่าเดิมเยอะ กฏหมาย ใบขับขี่อะไรก็มีรถตุ๊กๆวิ่งอยู่แล้วไม่น่ามีปัญหามาก
คือ 4 ล้อมันใหญ่เกิน แล้วแต่ละคันก็นั่งกันคนสองคน ยิ่งยุคใหม่คนมีลูกกันน้อยลง นั่งกันไม่เต็มอยู่แล้ว มันเปลืองพื้นที่ถนน
เอารูปแบบรถตุ๊กๆไปปรับปรุง ทำโครงทำหลังคาทำเบาะอะไรให้แข็งแรงขึ้น ให้มันเป็นรถยนต์ส่วนตัวแทนรถเก๋งไปเลย แล้ววิ่งได้เต็มที่แค่ 80 ก็พอ เอามาวิ่งเฉพาะในกรุงเทพ
เอาถนนเดิมๆในกรุงเทพ 3 เลน รถเก๋งปกติวิ่ง 3 คัน ถ้าเปลี่ยนมาเป็นตุ๊กๆคงยัดได้สัก 4-5 คัน หรือไปหาซิกแซกในซอยเล็กๆยังสะดวกด้วย น่าจะช่วยให้รถติดน้อยลงกว่าเดิมเยอะ กฏหมาย ใบขับขี่อะไรก็มีรถตุ๊กๆวิ่งอยู่แล้วไม่น่ามีปัญหามาก
View all 3 comments >
Mon 20 Nov 2017 : 10:27AM
สำหรับคนไทย รถยนต์เป็นตัวแทนของ ความหล่อ ความ Successful ของคนครับ
บางคนรถไฟฟ้าอยู่หน้าบ้าน ก็ยังขับรถไปทำงานในเมือง เพราะมันดูดีดูหล่อ เดี๋ยวนี้จะจีบหญิง ไม่มีรถไปรับไปส่งนี่โคตรเสียเปรียบ
เพราะฉะนั้นจะให้ลดตัวมานั่งตุ๊กๆตีบวก น่าจะยากครับ
บางคนรถไฟฟ้าอยู่หน้าบ้าน ก็ยังขับรถไปทำงานในเมือง เพราะมันดูดีดูหล่อ เดี๋ยวนี้จะจีบหญิง ไม่มีรถไปรับไปส่งนี่โคตรเสียเปรียบ
เพราะฉะนั้นจะให้ลดตัวมานั่งตุ๊กๆตีบวก น่าจะยากครับ
Like : k9advance, CH@Dow
Wed 22 Nov 2017 : 12:40PM
ลืมเรื่องเทรนด์งี่เง่าอันนึงของบ้านเราเลย
ที่ว่า "มีรถ=เป็นคนมีฐานะ"
จริงๆต่อให้รถสาธารณะทำดีขึ้นแค่ไหน
แต่ตราบเท่าที่พี่ไทยยังคงยึดขนบนี้
ก็คงวนเวียนกับปัญหารถเยอะ+รถติด
ต่อไปอีกยาวละครับพี่น้อ~ง
ส่วนตัวคิดว่าใบขับขี่อาจจะจำเป็นนะ
แต่พอคิดว่ามีใบขับขี่แล้วต้องมีรถละมันก็...
ที่ว่า "มีรถ=เป็นคนมีฐานะ"
จริงๆต่อให้รถสาธารณะทำดีขึ้นแค่ไหน
แต่ตราบเท่าที่พี่ไทยยังคงยึดขนบนี้
ก็คงวนเวียนกับปัญหารถเยอะ+รถติด
ต่อไปอีกยาวละครับพี่น้อ~ง
ส่วนตัวคิดว่าใบขับขี่อาจจะจำเป็นนะ
แต่พอคิดว่ามีใบขับขี่แล้วต้องมีรถละมันก็...
Wed 22 Nov 2017 : 1:48PM
แถวบ้านผม รถสาธารณะมันเข้าไม่ถึงครับ มีรถส่วนตัวมันก็สะดวกดีนะ ญาติอายุเยอะแล้วป่วยไปหาหมอ ก็ต้องออกรถไปกัน ถ้าให้แกไปตากแดดรอรถไปหาหมอ กลับมาอาจจะป่วยเพิ่มด้วย
แต่ส่วนตัวผมไม่อยากมีรถเอง ค่าบำรุงรักษามันสูงกว่าความสะดวกที่ได้ แต่ขัดคนที่บ้านไม่ได้
แต่ส่วนตัวผมไม่อยากมีรถเอง ค่าบำรุงรักษามันสูงกว่าความสะดวกที่ได้ แต่ขัดคนที่บ้านไม่ได้
# Mon 20 Nov 2017 : 6:30PM
ติเตียน
เข่าทรุด
2 คำนี้มีที่มาอย่างไรหรือครับ
View all 1 comments >
Mon 20 Nov 2017 : 7:35PM
1.มาจากข่าวหลุดแชทที่เข้าข่าย 112 ที่เป็นข่าวดัง ซึ่งระบุว่าแม้บทสนทนาเจ้าตัวไม่ได้พิมเอง แต่เป็นคู่สนทนาแต่ก็ไม่ทำอะไรเหมือนกีบว่าก็คุยเรื่องนี้เป็นปกติ ก็โดนไปด้วย คนด็เลยล้อว่าถ้าเจอแบบนี้ต้องแสดงท่าทีปฎิเสธ ตำรวจที่ให้ข่าวใช้คำว่า ติเตียน คนเลยเอาคำนี้มาล้อ
2. มาจากเรื่องเล่า น่าจะเป็นเรื่องแต่ง แต่แชร์กันมานานหลายปี ประมาณว่า พอคนๆนึงเห็นว่าใครในรถก็ตกใจถึงกีบเข่าทรุด ก้มกราบแทบไม่ทัน คนฟัง/อ่านแล้วคงรู้สึกหมั่นไส้รึอะไรซักอย่างเลยเอามา กระแนะกระแหน ว่าเจอแบบนั้นแบบนี้เดี๋ยวก็เข่าทรุด บางคนก็จะกวนกว่าอีกเอารูป ซีอุส และวงที่เข่าไรงี้
2. มาจากเรื่องเล่า น่าจะเป็นเรื่องแต่ง แต่แชร์กันมานานหลายปี ประมาณว่า พอคนๆนึงเห็นว่าใครในรถก็ตกใจถึงกีบเข่าทรุด ก้มกราบแทบไม่ทัน คนฟัง/อ่านแล้วคงรู้สึกหมั่นไส้รึอะไรซักอย่างเลยเอามา กระแนะกระแหน ว่าเจอแบบนั้นแบบนี้เดี๋ยวก็เข่าทรุด บางคนก็จะกวนกว่าอีกเอารูป ซีอุส และวงที่เข่าไรงี้
Like : kirari
# Mon 20 Nov 2017 : 8:12PM
แล้วคำว่า
งูหนิ้งหน่อง
อสุจู้ด
สองคำนี้มีที่มายังไงเหรอครับ ?
งูหนิ้งหน่อง
อสุจู้ด
สองคำนี้มีที่มายังไงเหรอครับ ?
# Wed 22 Nov 2017 : 12:10PM
สับ วาปี ไหมล่ะคุณ
งานนี้มียาวกว่าเดิม
โดยเวลา 09.50 น. นายสับ วาปี ได้เดินทางมอบมอบตัวและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกล่าวว่า ตนเต็มใจมามอบตัวในวันนี้ โดยไม่มีใครบังคับขู่เข็ญ สาเหตุในคดีครูจอมทรัพย์ไม่เป็นความจริง หลอกลวง กรณีนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง รับปากจะให้เงินจำนวน 4 00,000 บาท เพื่อให้รับผิดแทน แต่ก็ไม่ได้เงินจำนวนดังกล่าว เพื่อให้รับสารภาพกับพนักงานสอบสวน สภ.นาโดน ว่า รถของตนชนคนตาย แต่ความจริงแล้วตนไม่ได้ชน
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_642134
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_642134
งานนี้มียาวกว่าเดิม
Like : dukedick
[Edited 1 times Ramza - Last Edit 2017-11-22 12:11:14]
View all 8 comments >
Wed 22 Nov 2017 : 12:29PM
เคสนี้ จากการสืบพยานในศาล ตามคำพิพากษา มันค่อนข้างชัดว่าแม่งหาแพะมารับ เพราะหลักฐานฝั่งครูห่วยแตกมาก และฝั่งตำรวจหาพยานมาค้านแต่ละคนหนักแน่นมากๆ โดยเฉพาะเรื่องรถที่อ้างว่าเอาไปชน มันไม่ได้อยู่กับนายสับ มาเป็นชาติแล้ว
หาเรื่องแท้ๆ อะไรเป็นเหตุจูงใจให้ครูและเพื่อนมาทำแบบนี้หว่า มีคนจ้างวานทำเพื่อจะดิสเครดิตศาล และตำรวจ หรือแค่อยากจะได้บำนาญ
โง่สัสๆ งานนี้ ติดคุกเพิ่มไปอีกหลายตัว
หาเรื่องแท้ๆ อะไรเป็นเหตุจูงใจให้ครูและเพื่อนมาทำแบบนี้หว่า มีคนจ้างวานทำเพื่อจะดิสเครดิตศาล และตำรวจ หรือแค่อยากจะได้บำนาญ
โง่สัสๆ งานนี้ ติดคุกเพิ่มไปอีกหลายตัว
Wed 22 Nov 2017 : 1:26PM
พี่มาร์ค พิตบูล ออกตัวฟรีไปเลยงานนี้
แต่งานนี้เหมือนแกจะรู้ตั้งแต่วันแรกที่ศาลตัดสินละ
แต่งานนี้เหมือนแกจะรู้ตั้งแต่วันแรกที่ศาลตัดสินละ
Wed 22 Nov 2017 : 1:43PM
ต้องแยกเป็นประเด็นครับ
1. แรกเริ่มมานี่คนที่อยู่ฝั่ง ครูจอมทรัพย์ จะเชื่อว่ารถครูจอมทรัพย์ มันไม่มีรอยชน, วันเกิดเหตุ ครูจอมทรัพย์ไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ ประเด็นคือถ้าพิสูจน์ไม่ได้เลยว่า รถที่ครูจอมทรัพย์มีในครอบครอง ไม่ได้ชน มันจะจบแค่นี้ ครูไม่ผิด
2. คราวนี้ติดคุกไปแล้ว สิทธ์ ราชการทั้งหลายแหล่มันก็โดนตัดหมด ครูจะยื่นให้รื้อคดีเพราะ เหตุศักศรี หรือผลประโยชน์ หน้าที่การงาน ย่อมเป็นไปได้ คนทั่วไปก็ต้องเรียกร้องบ้าง
3. ถ้าครู ไม่ผิด ติดคุกฟรี แต่ไปเอาคนมารับแทน มีหลักฐานปลอม อะไรแบบนี้ เป็นสิ่งที่คนจะดิ้นรนก็ไม่แปลกหรอก แต่มันผิดวิธีตัังแต่ตอน สร้างหลักฐานปลอมแล้ว
ปัญหาคือ ตอนนี้ศาลเชื่อว่า ตำรวจส่งหลักฐานไปว่า รถ, คน ครูจอมทรัพย์ไปอยู่ในที่เกิดเหตุ, และเชื่อว่ารถมีรอยชน ,เทียบสีโดยผู้เชี่ยวชาญด้วยนะ
แต่นายสับ นี่ มีรถแต่ เคยบอกหรือเปล่าว่า ขับรถไม่เป็น ถ้าเป็นแบบนี้แม่งแปลกโคตรๆ ขับไม่เป็นแล้วเคยเป็นเจ้าของรถเนี้ยนะ
* ประเด็นสำคัญคือ ไอ้รถเจ้าปัญหานี้ มันพิสูจน์ได้เป๊ะๆ เลยไหมว่าเคยไปชนจักยานคันนั้นไหม
ถ้าไม่ชน=ไม่ผิด ,ถ้าชนต้องสืบอีกว่าใครขับ
1. แรกเริ่มมานี่คนที่อยู่ฝั่ง ครูจอมทรัพย์ จะเชื่อว่ารถครูจอมทรัพย์ มันไม่มีรอยชน, วันเกิดเหตุ ครูจอมทรัพย์ไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ ประเด็นคือถ้าพิสูจน์ไม่ได้เลยว่า รถที่ครูจอมทรัพย์มีในครอบครอง ไม่ได้ชน มันจะจบแค่นี้ ครูไม่ผิด
2. คราวนี้ติดคุกไปแล้ว สิทธ์ ราชการทั้งหลายแหล่มันก็โดนตัดหมด ครูจะยื่นให้รื้อคดีเพราะ เหตุศักศรี หรือผลประโยชน์ หน้าที่การงาน ย่อมเป็นไปได้ คนทั่วไปก็ต้องเรียกร้องบ้าง
3. ถ้าครู ไม่ผิด ติดคุกฟรี แต่ไปเอาคนมารับแทน มีหลักฐานปลอม อะไรแบบนี้ เป็นสิ่งที่คนจะดิ้นรนก็ไม่แปลกหรอก แต่มันผิดวิธีตัังแต่ตอน สร้างหลักฐานปลอมแล้ว
ปัญหาคือ ตอนนี้ศาลเชื่อว่า ตำรวจส่งหลักฐานไปว่า รถ, คน ครูจอมทรัพย์ไปอยู่ในที่เกิดเหตุ, และเชื่อว่ารถมีรอยชน ,เทียบสีโดยผู้เชี่ยวชาญด้วยนะ
แต่นายสับ นี่ มีรถแต่ เคยบอกหรือเปล่าว่า ขับรถไม่เป็น ถ้าเป็นแบบนี้แม่งแปลกโคตรๆ ขับไม่เป็นแล้วเคยเป็นเจ้าของรถเนี้ยนะ
* ประเด็นสำคัญคือ ไอ้รถเจ้าปัญหานี้ มันพิสูจน์ได้เป๊ะๆ เลยไหมว่าเคยไปชนจักยานคันนั้นไหม
ถ้าไม่ชน=ไม่ผิด ,ถ้าชนต้องสืบอีกว่าใครขับ
[Edited 1 times Godzeus - Last Edit 2017-11-22 13:50:39]
Wed 22 Nov 2017 : 1:59PM
รถที่นายสับอ้างว่าเอาไปชน ตอนนี้ขายเป็นซากไปนานแล้ว คงหามาพิสูจน์อะไรไม่ได้แล้ว
แต่ที่ศาลไม่เชื่อคำกล่าวอ้างทั้งหมด เพราะในช่วงเกิดเหตุรถคันนี้ก็อยู่ในการครอบครองของผู้อื่น ไม่ใช่นายสับ รถถูกขายไปโดยไม่ได้โอนทะเบียนก่อนหน้าหลายปี คนที่ขายและบุคคลที่เอารถไปใช้ก็มาเป็นพยานให้ฝั่งตำรวจ แถมมีหลักฐานการซื้อประกันโดนคนครอบครองรถอีกด้วย
แต่ที่ศาลไม่เชื่อคำกล่าวอ้างทั้งหมด เพราะในช่วงเกิดเหตุรถคันนี้ก็อยู่ในการครอบครองของผู้อื่น ไม่ใช่นายสับ รถถูกขายไปโดยไม่ได้โอนทะเบียนก่อนหน้าหลายปี คนที่ขายและบุคคลที่เอารถไปใช้ก็มาเป็นพยานให้ฝั่งตำรวจ แถมมีหลักฐานการซื้อประกันโดนคนครอบครองรถอีกด้วย
Wed 22 Nov 2017 : 2:23PM
ผลประโยชน์จากการรื้อคดีก็เยอะอยู่นะครับ
เงินเดือนข้าราชการย้อนหลัง
สิทธิ์บำนาญและสวัสดิการข้าราชการ
ค่าทำขวัญจากตำรวจอีก
ผมว่าหลายเงินอยู่เหมือนกัน
แต่เรื่องนี้แสดงให้เห็นเหมือนกันว่าเครดิตตำรวจในสายตาประชาชนมันติดลบอยู่ พอมีเรื่องที่ทำให้ตำรวจดูไม่ดีคนก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่ไตร่ตรองกันเลย คราวนี้สื่อก็ออกตัวแรงด้วยแหละมั้ง กนกกับพุทธะนี่ออกตัวแรงมากเอามาออกอากาศตั้งหลายรอบ ไม่รู้ตอนนี้เป็นไง
เงินเดือนข้าราชการย้อนหลัง
สิทธิ์บำนาญและสวัสดิการข้าราชการ
ค่าทำขวัญจากตำรวจอีก
ผมว่าหลายเงินอยู่เหมือนกัน
แต่เรื่องนี้แสดงให้เห็นเหมือนกันว่าเครดิตตำรวจในสายตาประชาชนมันติดลบอยู่ พอมีเรื่องที่ทำให้ตำรวจดูไม่ดีคนก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่ไตร่ตรองกันเลย คราวนี้สื่อก็ออกตัวแรงด้วยแหละมั้ง กนกกับพุทธะนี่ออกตัวแรงมากเอามาออกอากาศตั้งหลายรอบ ไม่รู้ตอนนี้เป็นไง
Wed 22 Nov 2017 : 4:23PM
Godzeus wrote:
ต้องแยกเป็นประเด็นครับ
1. แรกเริ่มมานี่คนที่อยู่ฝั่ง ครูจอมทรัพย์ จะเชื่อว่ารถครูจอมทรัพย์ มันไม่มีรอยชน, วันเกิดเหตุ ครูจอมทรัพย์ไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ ประเด็นคือถ้าพิสูจน์ไม่ได้เลยว่า รถที่ครูจอมทรัพย์มีในครอบครอง ไม่ได้ชน มันจะจบแค่นี้ ครูไม่ผิด
2. คราวนี้ติดคุกไปแล้ว สิทธ์ ราชการทั้งหลายแหล่มันก็โดนตัดหมด ครูจะยื่นให้รื้อคดีเพราะ เหตุศักศรี หรือผลประโยชน์ หน้าที่การงาน ย่อมเป็นไปได้ คนทั่วไปก็ต้องเรียกร้องบ้าง
3. ถ้าครู ไม่ผิด ติดคุกฟรี แต่ไปเอาคนมารับแทน มีหลักฐานปลอม อะไรแบบนี้ เป็นสิ่งที่คนจะดิ้นรนก็ไม่แปลกหรอก แต่มันผิดวิธีตัังแต่ตอน สร้างหลักฐานปลอมแล้ว
ปัญหาคือ ตอนนี้ศาลเชื่อว่า ตำรวจส่งหลักฐานไปว่า รถ, คน ครูจอมทรัพย์ไปอยู่ในที่เกิดเหตุ, และเชื่อว่ารถมีรอยชน ,เทียบสีโดยผู้เชี่ยวชาญด้วยนะ
แต่นายสับ นี่ มีรถแต่ เคยบอกหรือเปล่าว่า ขับรถไม่เป็น ถ้าเป็นแบบนี้แม่งแปลกโคตรๆ ขับไม่เป็นแล้วเคยเป็นเจ้าของรถเนี้ยนะ
* ประเด็นสำคัญคือ ไอ้รถเจ้าปัญหานี้ มันพิสูจน์ได้เป๊ะๆ เลยไหมว่าเคยไปชนจักยานคันนั้นไหม
ถ้าไม่ชน=ไม่ผิด ,ถ้าชนต้องสืบอีกว่าใครขับ
1. แรกเริ่มมานี่คนที่อยู่ฝั่ง ครูจอมทรัพย์ จะเชื่อว่ารถครูจอมทรัพย์ มันไม่มีรอยชน, วันเกิดเหตุ ครูจอมทรัพย์ไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ ประเด็นคือถ้าพิสูจน์ไม่ได้เลยว่า รถที่ครูจอมทรัพย์มีในครอบครอง ไม่ได้ชน มันจะจบแค่นี้ ครูไม่ผิด
2. คราวนี้ติดคุกไปแล้ว สิทธ์ ราชการทั้งหลายแหล่มันก็โดนตัดหมด ครูจะยื่นให้รื้อคดีเพราะ เหตุศักศรี หรือผลประโยชน์ หน้าที่การงาน ย่อมเป็นไปได้ คนทั่วไปก็ต้องเรียกร้องบ้าง
3. ถ้าครู ไม่ผิด ติดคุกฟรี แต่ไปเอาคนมารับแทน มีหลักฐานปลอม อะไรแบบนี้ เป็นสิ่งที่คนจะดิ้นรนก็ไม่แปลกหรอก แต่มันผิดวิธีตัังแต่ตอน สร้างหลักฐานปลอมแล้ว
ปัญหาคือ ตอนนี้ศาลเชื่อว่า ตำรวจส่งหลักฐานไปว่า รถ, คน ครูจอมทรัพย์ไปอยู่ในที่เกิดเหตุ, และเชื่อว่ารถมีรอยชน ,เทียบสีโดยผู้เชี่ยวชาญด้วยนะ
แต่นายสับ นี่ มีรถแต่ เคยบอกหรือเปล่าว่า ขับรถไม่เป็น ถ้าเป็นแบบนี้แม่งแปลกโคตรๆ ขับไม่เป็นแล้วเคยเป็นเจ้าของรถเนี้ยนะ
* ประเด็นสำคัญคือ ไอ้รถเจ้าปัญหานี้ มันพิสูจน์ได้เป๊ะๆ เลยไหมว่าเคยไปชนจักยานคันนั้นไหม
ถ้าไม่ชน=ไม่ผิด ,ถ้าชนต้องสืบอีกว่าใครขับ
ปัญหาคือ มันตายตั้งแต่ข้อแรกและครับ
ครูพิสูจไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ที่อื่น ณ วันเกิดเหตุ ตอนให้การกล่าวอ้างลอยว่ามีพยานเป็นสิบปาก ว่าตอนนั่นไปนั่นไปนี่ร้านโน้นร้านนี้แต่ตอนเบิกพยานจริงๆดันมีแค่ญาติ2คนมายืนยันซึ่งมันน้ำหนักน้อยอยู่แล้ว เพราะรถที่ชนมันเป็นรถคนนั้นตามหลักฐาน
ไอ้คนที่ขับไม่เป็นคืออีกคนที่มามอบตัวก่อนนายสับครับ และตำรวจสืบได้ว่ามันขับไม่เป็นตำรวจยิางมั่นใจว่าครูแน่ๆเพราะมีการจัดหาแพะมารับผิดแทน และนายสับค่อยโผล่ตอนศาลสุดท้ายพร้อมคำกล่าวอ้างว่ามีรถอีกคัน แต่ก็นั่นแหละฝั่งตำรวจกะ อัยการเขารู้อยู่+กันพิรุธพยานฝั่งครูที่ให้การไม่ตรงกันเลยทั้ง3ครั้ง
ไอ้ที่หน้าแหกยิ่งกว่าครูก็คือ คนของกระทรวงยุติธรรม ถึงขนาดเอารถที่เชื่อว่าชนไปตรวจมีลงมีลอยมีการซ่อมมั่นใจเต็มที่ พอตอนขึ้นศาลรื้อคดีดันถอดหลักฐานนี้ออกเพราะ คนของกระทรวงยุติธรรมรุ้และว่านายสับไม่ได้ครองรถ และ ตอนนั้นรถคนนี้อยู่ที่อื่น
Wed 22 Nov 2017 : 4:47PM
Godzeus wrote:
ต้องแยกเป็นประเด็นครับ
1. แรกเริ่มมานี่คนที่อยู่ฝั่ง ครูจอมทรัพย์ จะเชื่อว่ารถครูจอมทรัพย์ มันไม่มีรอยชน, วันเกิดเหตุ ครูจอมทรัพย์ไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ ประเด็นคือถ้าพิสูจน์ไม่ได้เลยว่า รถที่ครูจอมทรัพย์มีในครอบครอง ไม่ได้ชน มันจะจบแค่นี้ ครูไม่ผิด
2. คราวนี้ติดคุกไปแล้ว สิทธ์ ราชการทั้งหลายแหล่มันก็โดนตัดหมด ครูจะยื่นให้รื้อคดีเพราะ เหตุศักศรี หรือผลประโยชน์ หน้าที่การงาน ย่อมเป็นไปได้ คนทั่วไปก็ต้องเรียกร้องบ้าง
3. ถ้าครู ไม่ผิด ติดคุกฟรี แต่ไปเอาคนมารับแทน มีหลักฐานปลอม อะไรแบบนี้ เป็นสิ่งที่คนจะดิ้นรนก็ไม่แปลกหรอก แต่มันผิดวิธีตัังแต่ตอน สร้างหลักฐานปลอมแล้ว
ปัญหาคือ ตอนนี้ศาลเชื่อว่า ตำรวจส่งหลักฐานไปว่า รถ, คน ครูจอมทรัพย์ไปอยู่ในที่เกิดเหตุ, และเชื่อว่ารถมีรอยชน ,เทียบสีโดยผู้เชี่ยวชาญด้วยนะ
แต่นายสับ นี่ มีรถแต่ เคยบอกหรือเปล่าว่า ขับรถไม่เป็น ถ้าเป็นแบบนี้แม่งแปลกโคตรๆ ขับไม่เป็นแล้วเคยเป็นเจ้าของรถเนี้ยนะ
* ประเด็นสำคัญคือ ไอ้รถเจ้าปัญหานี้ มันพิสูจน์ได้เป๊ะๆ เลยไหมว่าเคยไปชนจักยานคันนั้นไหม
ถ้าไม่ชน=ไม่ผิด ,ถ้าชนต้องสืบอีกว่าใครขับ
1. แรกเริ่มมานี่คนที่อยู่ฝั่ง ครูจอมทรัพย์ จะเชื่อว่ารถครูจอมทรัพย์ มันไม่มีรอยชน, วันเกิดเหตุ ครูจอมทรัพย์ไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ ประเด็นคือถ้าพิสูจน์ไม่ได้เลยว่า รถที่ครูจอมทรัพย์มีในครอบครอง ไม่ได้ชน มันจะจบแค่นี้ ครูไม่ผิด
2. คราวนี้ติดคุกไปแล้ว สิทธ์ ราชการทั้งหลายแหล่มันก็โดนตัดหมด ครูจะยื่นให้รื้อคดีเพราะ เหตุศักศรี หรือผลประโยชน์ หน้าที่การงาน ย่อมเป็นไปได้ คนทั่วไปก็ต้องเรียกร้องบ้าง
3. ถ้าครู ไม่ผิด ติดคุกฟรี แต่ไปเอาคนมารับแทน มีหลักฐานปลอม อะไรแบบนี้ เป็นสิ่งที่คนจะดิ้นรนก็ไม่แปลกหรอก แต่มันผิดวิธีตัังแต่ตอน สร้างหลักฐานปลอมแล้ว
ปัญหาคือ ตอนนี้ศาลเชื่อว่า ตำรวจส่งหลักฐานไปว่า รถ, คน ครูจอมทรัพย์ไปอยู่ในที่เกิดเหตุ, และเชื่อว่ารถมีรอยชน ,เทียบสีโดยผู้เชี่ยวชาญด้วยนะ
แต่นายสับ นี่ มีรถแต่ เคยบอกหรือเปล่าว่า ขับรถไม่เป็น ถ้าเป็นแบบนี้แม่งแปลกโคตรๆ ขับไม่เป็นแล้วเคยเป็นเจ้าของรถเนี้ยนะ
* ประเด็นสำคัญคือ ไอ้รถเจ้าปัญหานี้ มันพิสูจน์ได้เป๊ะๆ เลยไหมว่าเคยไปชนจักยานคันนั้นไหม
ถ้าไม่ชน=ไม่ผิด ,ถ้าชนต้องสืบอีกว่าใครขับ
เรื่องสภาพรถครูนะ
กรมการขนส่งทางบก ได้ให้ข้อมูลว่าครูจอมทรัพย์แจ้งมาว่าทำป้ายทะเบียนรถยนต์หายจึงทำป้ายทะเบียนขึ้นมาใหม่และนำมาสวม ก่อนส่งให้ พ.ต.อ.ดุษฎี นำไปให้ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี ตรวจสอบซึ่งความจริงแล้วเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นคนละป้ายกับเมื่อ12 ปีที่แล้ว หากดูจากภาพจะเห็นว่ารูน๊อตบริเวณตัวเลขทะเบียนนั้นไม่ตรงกัน ขณะที่ทาง บริษัทโตโยต้า ได้ให้คำตอบตนเกี่ยวกับรอยชนด้านหน้าซ้ายหายไปว่ามีความเป็นไปได้รถอาจมีการเฉี่ยวชนแล้วเจ้าของรถอาจไปเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนรถดังนั้นรถกระบะคันดังกล่าวได้มีการสวมทะเบียนและเปลี่ยนชิ้นส่วนของรถใหม่
[Link]
Thu 23 Nov 2017 : 11:45AM
ตอนนี้ครูจอมทรัพย์โดนแจ้งเอาผิดจริงๆละ กำลังให้นายสับวาปีให้การและจำลองเหตุการณ์อยู่
[Edited 1 times bushinsokou - Last Edit 2017-11-23 11:53:44]
<<
<
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
>
>>
Reply
Vote
Popular Thread
2 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 2013-09-14 16:42:21
(6388 post)