Review : ๙ ศาสตรา (ความพยายามอยู่ที่นี่)

กำกับ : พงศา กรศรี, ณัฐ ยศวัฒนานนท์, กันย์ พันธ์สุวรรณ

หนังอนิเมชั่นฝีมือคนไทยที่หลายท่านน่าจะเคยได้เห็นตัวอย่างและเคยได้ยินคำเล่าลือเนื่องจากกระแสแรงเหลือเกิน แน่นอนว่าเป็นอนิเมชั่นไทยผมก็มีทั้งความสนใจและความเคลือบแคลงใจเป็นธรรมดาเนื่องจากอนิเมชั่นไทยในอดีตถ้าไม่ห่วยไปเลยก็ใส่ Hidden Agenda มามากเกินจนหมดสนุก แต่ผมก็อยากให้โอกาส ๙ ศาสตรา ยิ่งได้ข่าวว่ามีต้นทุนที่สูงมากถึง 200+ ล้านบาทยิ่งน่าไปพิสูจน์ความอลังการครับ เมื่อภรรยาเห็นดีด้วยเลยเข้าไปดูมันทั้งคู่นี่เลย และเมื่อดูจบก็ขอบอกว่า สมกับทุนสร้างและความพยายามจริงๆครับ



๙ ศาสตรา เล่าถึงอาณาจักรรามเทพนครที่เคยยิ่งใหญ่ แต่ปัจจุบันกลับตกอยู่ในการครอบครองของชนเผ่ายักษ์ที่กดขี่ประชาชนในอาณาจักรอย่างโหดร้าย โดยความหวังยังไม่หมดลง เพราะมีคำทำนายว่าจะมีบุรุษที่เกิดในราศีสิงห์ผู้เชี่ยวชาญมวยไทย ใช้อาวุธที่เรียกว่า “๙ ศาสตรา” ในการปลดแอกรามเทพนครจากพวกยักษ์ ตัดมาที่หมู่บ้านนกแอ่นอันห่างไกล “อ๊อด” เด็กหนุ่มกำพร้าที่ฝึกมวยไทยมาทั้งชีวิตก็ได้รับภารกิจจากพ่อบุญธรรมของเขา ซึ่งก็คือการนำส่งอาวุธวิเศษ “๙ ศาสตรา” ไปให้ถึงมือรัชทายาทแห่งรามเทพนครที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ปราสาทนั่นเอง โดยระหว่างทางเขาก็ได้พบกับเพื่อนร่วมทางได้แก่ “วาตะ” รัชทายาทแห่งอาณาจักรวานร, “อสูรสีชาด” ยักษ์ผู้ทรยศเผ่าพันธุ์ของตนเนื่องจากหลงรักหญิงชาวมนุษย์ และ “เสี่ยวหลาน” นายหญิงแห่งกลุ่มโจรสลัดอากาศชาวหมิง อ๊อดและเพื่อนๆจะทำภารกิจนี้สำเร็จหรือไม่ ติดตามได้ใน ๙ ศาสตราครับ



และ ๙ ศาสตรา ก็ทำสำเร็จ กลายเป็นหนึ่งในอนิเมชั่นสายเลือดไทยที่ผมคิดว่าดีที่สุดเลยครับ โดยจุดแข็งของ ๙ ศาสตรา อยู่ที่แนวของเรื่องที่จะออกเป็นแอคชั่นแฟนตาซีผจญภัย อารมณ์ว่าให้เด็กผู้ชายดู ซึ่งส่วนของการผจญภัยนี้ทำได้สนุกลงตัวดีจริงๆ ตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ต้นจนจบโดยแทบจะไม่มีจุดที่เราคิดว่ามันเนือยหรือเป็น Filler อยู่เลย ฉากต่อสู้ก็ทำได้มันส์ดีจริงๆ เร้าใจตลอดเวลาเพราะตัวร้ายของเราไม่ได้ง่อยเหมือนตัวร้ายบางเรื่อง (ซึ่งเป็นปัญหาที่แม้แต่หนังฝรั่งก็เป็น) แต่ทุกการต่อสู้นั้นรู้สึกว่ามันคับขันทุกๆฉากเลยแม้ว่าจะสู้กับลูกกระจ๊อกก็ตามครับ หนังยังมีตัวละครที่น่าสนใจอีกด้วย มีปมศีลธรรมที่ถึงแม้มันจะ Cliché นิดๆแต่มันก็สร้างความลึกให้ตัวละครได้ดีทีเดียวครับ เอาจริงเรื่องของบทสนทนาที่ตงิดๆในบางฉากและความ Cliché ในบางสถานการณ์นี้แหละที่เป็นจุดอ่อนของบท แต่หากมองว่าหนังเน้นในบทที่เข้าใจง่ายไม่จำเป็นต้องมีเมสเสจที่ลึกซึ้งอะไร พยุงหนังให้ “สนุกตลอดรอดฝั่ง” ก็พอ ก็ถือว่าหนังทำได้สำเร็จนะครับ มุกตลกที่ผมกลัวจะแป้กกระจาย (จากในเทรลเลอร์) พอมาอยู่ในหนังจริงๆมันก็พอยิ้มได้น่ะ ไม่เฟลมากมายเท่าไหร่ครับ (อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบคือหนังใส่เรื่องของความรักชาติ การอนุรักษ์วัฒนธรรมมาได้อย่างแนบเนียน ไม่รู้สึกว่าโดนยัดเยียดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่อนิเมชั่นไทยควรศึกษาไว้ให้หนักๆเลยครับ)



เรื่องงานภาพนั้น ถือว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์อนิเมชั่นไทยแล้วครับ ถึงแม้ในฉากบู๊บางตอนจะฉับไวไปนิด ดูไม่ทันในบางฉาก แต่ตัวงานโดยรวมถือว่าผ่านฉลุย มีทัศนียภาพที่สวยงาม มีการออกแบบตัวละครที่มีทั้งความเท่ห์ ความสวย ความน่าเกรงขาม แน่นอนว่ามันเทียบงานทุนสร้างเป็นพันล้าน + โคตรเซียนอย่าง Pixar ไม่ได้แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวที่ถูกทางอนาคตไกลแน่นอนครับ (และงานที่ออกมานี้มันก้เอาไปโชว์ไปขายชาวต่างชาติได้ไม่เคอะเขินเลย) เพลงประกอบของ Slot Machine เพลง “ท้า” นั้นถือว่าพอใช้ได้ ถึงแม้ว่าจะชอบเพลง “รุ้ง” ที่อยู่ในเทรลเลอร์มากกว่าก็ตาม แต่ที่เซอร์ไพรส์จริงๆคืองาน Score ที่ทำได้อลังการมาก ยิ่งเพลงตอนสู้บอสใหญ่ที่เป็นออเคสตร้าจัดเต็มแบบโอ้ววว งานฮอลลีวู้ดชัดๆครับ งานพากยืเสียงสำหรับผมก็โอเคเลยครับ ยังปรับปรุงได้อีกแต่ก็ถือว่าไม่ Cringy แบบบางเรื่อง

สรุป : นี่เป็นก้าวที่มาถูกทางมากๆของอนิเมชั่นไทย ทั้งสนุก ตื่นเต้น มีตัวละครที่ดี งานโปรดัคชั่นก็ไม่อายใครเลยทั้งด้านภาพและเสียง ถือว่าความพยายามของทีมงานได้มาโชว์อยู่ที่นี่แล้ว แล้วคุณล่ะ จะหยิบยื่นความสำเร็จให้พวกเขาด้วยการสนับสนุนหนังของพวกเขาอย่างถูกลิขสิทธิ์หรือไม่ครับ

คะแนน : 8/10 (A) ชอบครับ

ว่าจะไปดูซ้ำอยู่

บอสใหญ่ กาก เหมือน Mavel ไหมครับ

ทำไมไม่มีโรงหนังทำท็อปเปอร์จากเรื่องนี้ขายบนแก้วน้ำอัดลมนะ

แม่จะเหมาให้หมดทุกตัวเลย!!.. ชอบจริงๆ ว่าจะไปดูอีกสักรอบด้วย