Review : Shadow of the Colossus Remastered

เกมที่ผมได้ยินคำสรรเสริญมานานมากแต่เนื่องจากผมไม่มี PS2 และ PS3 เลยไม่ได้มีโอกาสสัมผัสมันสักที แต่เมื่อมีประกาศว่าจะ Remastered ลง PS4 ในงาน E3 ปีที่แล้วตอนนั้นกรี๊ดมากครับที่จะได้มีโอกาสสัมผัสเกมเทพซะที และในวันนี้เกมออกแล้วก็ได้เล่นจนจบแล้วครับมาดูกันว่าผมคิดยังไงกับเกม



เนื้อเรื่อง

เราเป็นนักรบจากชนเผ่าหนึ่งที่ได้แบกศพของคนรักของเรามาถึง “ดินแดนต้องห้าม” ที่อยู่สุดขอบโลก โดยคนรักของเรานั้นถูกบูชายัญด้วย “ชะตากรรมต้องสาป” เรานั้นได้ยินตำนานของเทพ “Dormin” ที่อยู่ในดินแดนนี้ว่ามีพลังสามารถชุบชีวิตคนตายได้เราจึงดั้นด้นมาขอความช่วยเหลือ ซึ่ง Dormin ก็ยินดีที่จะช่วยเราแต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือเราต้องสังหาร Colossus สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ 16 ตนที่ร่อนเร่อยู่ในดินแดนนี้ให้ครบ Dormin จึงจะชุบชีวิตคนรักของเราให้ เราจึงตอบตกลงและออกเริ่มปฏิบัติภารกิจทันที แต่การสังหารเหล่า Colossus เป็นความคิดที่ฉลาดจริงหรือ สุดท้ายเราจะทำสำเร็จหรือไม่อยากรู้ต้องไปเล่นเอาเองครับ

สำหรับเนื้อเรื่องนั้นถึงแม้ในช่วงแรกจะยังไม่บอกอะไรเรามากแต่เกมก็สามารถสร้างบรรยากาศ Gloomy ไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ซึ่งทุกคนก้คงรู้อยู่แล้วละครับว่า Dormin มีลับลมคมในอะไรแน่นอน ซึ่งเกมก็สามารถรักษาบรรยากาศเหล่านี้ไว้ได้ตลอดทั้งเกม จนถึงช่วงท้ายที่เกมจะเริ่มกระชากอารมณ์บีบคั้นขึ้นเรื่อยๆไปจนถึงฉากจบที่ทำมาได้สะเทือนใจจริงๆครับ ถึงแม้ว่าจะพอเดาได้อยู่แล้วก็ตามแต่เกมก็ทำอารมณ์มาได้ถึงจริงๆ ถือว่าเป็นเกมที่มีฉากจบที่ดีมากๆฉากหนึ่งเลยทีเดียวครับ และสำหรับ Lore ในเบื้องลึกสำหรับนักขุดก็สามารถมาวิเคราะห์กันได้อีกมากมายซึ่งการที่เกมไม่บอกมาตรงๆแต่ทิ้ง clue นู่นนิดนี่หน่อยไว้เรื่อยๆก็ทำให้การเสพ Lore สนุกขึ้นไปอีกครับ ด้านเนื้อเรื่องและการนำเสนอผมว่าเกมทำได้ดีมากเลยทีเดียว



Gameplay

สำหรับ Gameplay ของเกมนี้จะค่อนข้าง Minimalist หน่อยครับ ทั้งเกมจะประกอบด้วยการสังหาร Colossus ทั้ง 16 ตัว (และการเดินทางไปหามัน) แค่นั้นครับ ซึ่งถึงแม้เกมจะเป็น Open World ก็จริง แต่ก็เป็น Open World ที่ว่างเปล่า ไม่มีเมือง ไม่มีผู้คนอื่นๆเลยสมชื่อดินแดนต้องห้ามจริงๆ ดินแดนแห่งนี้จึงมีแค่ Shrine หลักของเรา Shrine จุดเซฟ สัตว์เล็กๆนิดหน่อยและก็เหล่า Colossus เท่านั้นครับ ซึ่งสำหรับเกมเมอร์บางท่านที่ชอบเกมที่มีอะไรให้ทำเยอะๆอาจจะยี้เอา แต่สำหรับผม การเดินทางไปในดินแดนอันกว้างใหญ่แต่ว่างเปล่านี้ก็ได้บรรยากาศของโลกที่ใกล้ตาย/ดินแดนต้องห้ามที่ไม่เคยมีเกมไหนให้ได้เหมือนกัน และอย่าลืมว่าเกมนี้ออกครั้งแรกในยุค PS2 ซึ่งการดีไซน์เกมแบบนี้ในสมัยนั้นก็ถือว่ามาก่อนกาลมากๆครับ

แล้วการต่อสู้กับเหล่า Colossus ล่ะเป็นยังไง ถ้าใครหวังจะให้บู๊แหลกนั้นคงจะต้องผิดหวังครับ เพราะตัวเอกของเราก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้เป็น God of War หรือแม่มดมาจากไหน มีอาวุธและตัวช่วยก็แค่ ธนู ม้า และดาบของเราเท่านั้นครับ (อาจจะมีดาบที่วิเศษหน่อยเป็นดาบแสงแต่ก็ใช้แค่ในการนำทางเท่านั้น) การสู้กับ Colossus แต่ละตัวจึงเป็นเหมือนการแก้ปริศนาใหญ่ๆหนึ่งอันมากกว่า โดย Colossus แต่ละตัวจะมีจุดอ่อนอยู่บนร่างกาย เราต้องหาวิธีให้มันเผยทางไปหาจุดอ่อนนั้นและพยายามปีนป่ายไปทำลายจุดอ่อนเหล่านั้นให้ได้ครับ ซึ่งการแก้ปริศนาก็ถือว่าทำได้สนุกใช้ได้เลย Colossus บางตัวสู้สนุกมากยังกะเราอยู่ในหนังผจญภัยดีๆเรื่องนึง แต่วิธีในการฆ่าบางตัวนี่ก็แบบ...ใครจะไปตรัสรู้วะ 5555 พอประกอบกับระบบเซฟที่ถ้าตายปุปก็สู้ใหม่สถานเดียว (ซึ่งบางทีมันนานนะครับ) ผมที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาก็เลยต้องแอบเปิดเฉลยบ้างครับ อีกข้อที่อยากติคือการควบคุมบางทีน่าหงุดหงิด ทั้งการปีนป่ายและการขี่ม้า บางทีการปีนป่ายไม่ได้ดั่งใจหรือติดบัคแล้ว Stamina หมดตกจากตัว Colossus ต้องปีนใหม่หมดนี่มีหัวร้อนกันบ้างเหมือนกันครับ แต่ก็แอบเห็นส่วนดีอยู่บ้างตรงที่การควบคุมยุ่งยากแบบนี้บางทีก็เปิดโอกาสให้ทำอะไรเท่ห์ๆบ้างเช่นการขี่ม้าที่กำลังวิ่งอยู่หนี Colossus แล้วก็ง้างธนูยิงใส่มันไปด้วย ซึ่งหาไม่ค่อยได้ในเกมอื่นๆครับ

อีกอย่างที่บางคนอาจจะยี้ก็คือเกมค่อนข้างสั้นครับ ผมเล่นจนจบ Normal ใช้เวลาประมาณ 8 ชม.เท่านั้น แต่สำหรับสายเก็บถ้วย + สายเก็บความลับนั้นก็อาจจะได้เล่นกันไปถึง 30+ ชม.เลยทีเดียวเพราะต้องจบเกมอย่างน้อย 3 รอบ มีโหมด Time Attack ฆ่า Colossus ให้ทันเวลากำหนดและไอเทมลับให้เก็บเยอะแยะทั่วทั้งดินแดนต้องห้ามแห่งนี้ครับ ใครเป็นสายเก็บครบก็อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ถ้าชอบเก็บอยู่แล้วก็อาจจะฟินก็ได้ครับ (ส่วนผมขอบาย 555)



การนำเสนอ กราฟิกและเพลงประกอบ

ตัวเกมนั้นมีการปรับปรุงกราฟิกจากเวอร์ชั่น PS2, PS3 ขึ้นมาเยอะมากๆครับ กราฟิกนั้นถือว่าสู้กับเกมสมัยนี้ได้อย่างสบาย ถึงแม้ว่าความละเอียด ด้านเทคนิคอะไรต่างๆจะสู้พวกเกมที่มีกราฟิกระดับเทพอย่าง Horizon อะไรพวกนี้ไม่ได้ก็ตาม แต่สิ่งที่ขับให้งานภาพมันงามสุดๆก็คืองาน Art Direction ครับ โดยเฉพาะโลกของเกม ดินแดนต้องห้ามอันกว้างใหญ่นี้แหละครับ ถึงแม้ว่ามันจะว่างเปล่าก็ตามแต่ก็ออกแบบมาได้อย่างสวยงามมีชีวิตชีวามากๆ คือสามารถเชื่อได้เลยว่ามีสถานที่นี้อยู่จริงๆ พวกตัว Colossus ต่างๆก็ออกแบบมาได้สวยงาม ลึกลับ และดูอลังการมาก รายละเอียดก็สวยงามดีมากครับ ขนมาเป็นขนเลยทีเดียว 555

ดนตรีประกอบก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เกมนี้ทำได้ดีมาก โดยถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขนาดมีเพลงประจำบอสทุกตัวแบบ Dark Souls แต่เพลงประกอบการสู้เฟสต่างๆก็ทำได้ไพเราะและได้อารมณ์ของการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่อลังการดีจริงๆครับ อีกทั้งเพลงประกอบฉากคัทซีนเนื้อเรื่องต่างๆก็สามารถเสริมให้ฉากนั้นมีอารมณ์สะเทือนใจมากขึ้น ถือว่างาน OST ของเกมนี้ทำได้ดีมากๆ เล่นจบแล้วยังต้องไปหาฟังซ้ำๆเลยครับ





สรุป : ถึงแม้ Gameplay อาจจะออก Minimalist ไปหน่อย เกมสั้นอีกตังหากบางคนอาจจะคิดว่าไม่คุ้ม แต่สำหรับผมประสบการณ์ที่ได้มามันคุ้มค่าครับ เนื้อเรื่องที่แสนจะสะเทือนใจ อาร์ตไดและ OST ที่สุดยอดทำให้ได้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในเกมอื่นๆทั่วไป หากทุนทรัพย์อำนวยก็อยากจะให้ได้ลองกันครับ

คะแนน : 8.5/10 (A+) ชอบครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
ส่วนตัวผมก็เป็นแฟนอิโก้อยู่บ้าง ชอบเกมเพลย์แบบนี้ละครับ โลกกว้างๆมันรู้สึกเคว้งคว้างดีมันทำให้เราอินกับบรรยากาศ และสนุกกับปรัชญาความเดียวดายของเกมครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ :)

ส่วนตัว Pre-ordered มาตั้งแต่ก่อนออกและเล่นตั้งแต่วันแรก
ซึ่งความเห็นส่วนตัวก็คือดีล่ะครับ แต่ด้วยความที่มันว่างเปล่ามากๆ (ถึงแม้จะรู้อยู่แล้ว) ก็พาลทำให้แอบเซ็งเหมือนกันซึ่งก็ปาเข้าไปจะ 2 อาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เล่นต่อ แต่อื่นๆ เห็นด้วยครับ ไว้ทำใจได้แล้วจะเล่นอีกสักทีตามเนื้อเรื่อง

ปล. ผมเล่นรอบนี้รอบแรกนะ

ผ่านps2มา ยืนยันเลยว่ารีมาได้ดีมาก ประทับใจทั้ง2เวอร์ชั่น
ที่ลุ้นคือนึกว่าจะมีอะไรเพิ่มให้ให้เชื่อมโยงจักรวาลนี้ได้บ้าง

ก็อ่านะ... เพิ่มถังไม้ในถ้ำกลางป่ามาหนึ่งใบ

ผมเพิ่งได้มาวันนี้เลยโชคยังดีที่ร้านไปเจอยังมีเสื้อ แถมอยู่ใครอยู่เชียงใหม่ทักมาได้ครับเดี๋ยวผมบอกให้ผมเห็นเสื้อขนาด M เหลือสามตัวส่วน XL เหลือตัวเดียว เกมนี้ผมเล่นไม่จบสมัย PS3 เพราะช่วงนั้นยอมรับว่าไม่ชินกับภาพกับความเคลื่อนไหวของตัวละครเลยพาลเล่นไม่สนุก แต่ของ PS4 สวยงาม

ขี่ม้ายิงธนูมันแปลกยังไง หลายเกมก็ทำได้นี่นา

ขนพริ้วว่าเมพแล้ว เจอ 60fps เข้าไปอีก
โคตรเมพพ

ไม่ชอบอยู่ 3 อย่างโครคหงุดหงิดมาก
1. มุมกล้อง
2. การบังคับม้าขณะขี่
3. การวิ่งและกระโดดของพระเอก

สำหรับท่านๆที่ไม่ชอบการบังคับม้าของเกมนี้ ผมอยากให้มองมุมกลับหน่อยว่าการขี้ม้าเกมนี้เหมือนเราบังคับสิ่งมีชีวิตเลยนะครับ (ถึงแม้บางทีมันะบั๊กเอ๋อไปหน่อยก็เหอะนะ) เกมอื่นๆนี่ขี้ม้าเหมือนขี่มอเตอร์ไซค์

เล่นเกมมานานหลายปีเกมนี้เป็นเกมแรกเลยนะที่ผมให้ตัวเอกขี้ม้าแล้วสัมผัสได้ริงๆว่าขี่ม้าของริงมันยากยังงี้ไหมเนี่ย

ผมชอบเกมสั้นๆนะ แต่ต้องเป็นเกมที่พลิกแพลงรูปแบบการเล่นได้หลายแบบ เช่น Contra, Mario, Rockman, ResidentEvil นี่ก็ถือว่าเกมสั้นทั้งนั้น แต่ถ้าเกมสั้นแล้วจำกัดว่าต้อง"ทำอย่างนี้เท่านั้น" อันนี้ก็อาจจะน่าเบื่อไปจนได้แค่เสพงาน Art รอบเดียวจบ

ยังไม่มีเวลาเลย แต่ไม่พลาดแน่
สำหรับค่ายนี้ ประสบการณ์สำคัญ
เหนือความยาวหรือการเล่นซ้ำ
ต่อให้รอบเดียวแต่ถ้าสะเทือนไปถึงวิญญานก็คุ้ม

ไม่มีเกมไหนให้ความรู้สึกของการต่อสู้
กับสิ่งที่ใหญ่กว่าเรา โบราณ และลึกลับน่าค้นหา
ได้อย่างเกมนี้อีกแล้ว

ps4= Remake

ps3= Remaster

ตอนแรกๆ ก็หงุดหงิดกับการบังคับ ทั้งปีน ทั้งม้า

แต่พอรู้จังหวะของเกมแล้วปรับตัวได้ ก็โอเคอยู่นะ

ตอนนี้เก็ย time attack ครบละ เล่นอีก 2-3 เก็บแพลตสบายๆ

PS4 นี่ ผมรู้สึกว่าท้าโง่ขึ้นรึเปล่าครับ?

ถามนิดนึง เหรียญ แย้ แอปเปิ้ล นี่เริ่มเก็บได้ตอนไหนครับ ฆ่าไป 4 ตัวแล้ว ยังไม่เห็นซักชิ้นเลย 5555

ตอน ps3 จำได้ว่าต้องเล่นมากกว่า 5 รอบเพื่อถ้วย max stamina ไม่รู้ไปพลาดตรงไหน