ที่นี่ตั้งกระทู้ถกเถียงกันเรื่องศาสนาได้รึเปล่าครับ?
<<
<
1
2
3
Reply
Vote
View all 3 comments >
Sat 23 Feb 2019 : 10:26PM
คนไม่มีศรัทธาและความเชื่อบาปบุญพระเจ้าซาตานก็เปรียบเสมือนตัวตนไร้ซึ่งจิตวิญญาณ เมื่อกายดับไปแล้วใช้หลักวิทยาศาสตร์สะสารทุกอย่างในร่างกายก็กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกมนุษย์ครับ
Sun 24 Feb 2019 : 12:02AM
คงเชื่อว่าตายแล้วก็ตายไปตามธรรมชาติครับ
ไม่มีเวียนว่ายตายเกิด
ไม่มีเวียนว่ายตายเกิด
Sun 24 Feb 2019 : 5:55PM
สู่นิพพานด้วยการไม่นับถือศาสนา ดีจัง
Like : suede, NonASD, omez17
# Sat 23 Feb 2019 : 10:22PM
Kevin4real;2475110 wrote:
First Fantasy Final;2474717 wrote:
เรื่องศาสนานี่ทำไมพระเจ้าไม่ส่งคนรักษาโรคเอดส์มาให้จบเกมเลยแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะมันมีคำสาปอยู่ ติดตามแนวทางแก้ไขได้ในเอพพิโสดอาร์ดีน หวังว่าเซียนเกมคงเข้าใจนะ
เขาส่งโรคเอดส์มาลดจำนวนมนุษย์ครับ ทุกครั้งใยประวัติศาสตร์มนุษย์มีมากไปจะมีโรคที่ไม่สามารถรักษาได้มาฆ่าคนให้ตายไป แล้วมนุษย์ต้องพิสูจน์ดับพระเจ้าว่าสามารถอยู่บนโลกนี้ได้การกาทางรักษาครับ เคยคุยกับเพื่อนที่ตอนนี้เแ็นบาทหลวงแล้วเขาบอก
Like : Kevin4real
[Edited 2 times "MnemoniC" - Last Edit 2019-02-24 13:12:36]
# Sun 24 Feb 2019 : 11:00AM
ผมมองศาสนามันเป็นเหมือนกฏ กฏหนึ่งที่สังคมสร้างขึ้นมาโดยอาศัยศรัทธานำก่อนแล้วค่อยๆแทรก วิถีชีวิตให้คนทำตาม
เรื่องของเรื่องคือสังคมมนุษย์มันก็พัฒนามาตลอด ก่อนหน้านี้ มันก็มี จารีต ประเพณ๊ ลัทธิ ความเชื่อ เป็นบรรทัดฐานให้คนเชื่อตามๆกันว่า เรื่องนี้ดีเรื่องนี้ไม่ดีอยู่แล้ว แต่การมาของศาสนา มันช่วยยกระดับสังคมได้ระดับหนึ่ง คนปกครองเขาก็มองว่า ศาสนาไหนเหมาะกับคนบ้านเขาก็ยอมให้มีอิทธิพลเข้ามา ช่วยในการปกครอง กับสร้างกฏให้สังคม
คราวนี้สมมุติ เราบอกว่าเราเสื่อมศรัทธาในศาสนา เพราะ พระเพราะบาทหลวง ทำไม่ดี ผมว่ามันเสื่อมแค่กับคนๆนั้นเท่านั้นครับ เหมือนเราเรียนรู้มาว่า การใช้ความรุนแรงไม่ดี การล่วงละเมิดทางเพศไม่ดี เราเห็นพระทำ บาทหลวงทำ เราก็แค่รู้ว่าคนทำมันไม่ดี ส่วนกฏ มันก็อยู่ทีเดิม เราเสื่อมศรัทธา "คน" เท่านั้นเอง ถ้าเราเสื่อมศรัทธาศาสนา แล้วเราทำตรงข้ามคำสอนทุกอย่าง พระเจ้าไม่ลงโทษเรา แต่ระบบอื่นๆในสังคมมันก็เล่นงานเราได้อยู้่ดี คนรอบข้างไม่คบ ตำรวจจับ ศาลสั่งจำคุกเรา
สมมุติเราคิดจะทำผิดเรื่องหนึ่งเช่น ขโมยของ ระบบในสมองเราบางคนมันอาจจะคิดที่จะขโมย แต่ไม่ได้ทำเพราะคำนวณไว้แล้วว่าไม่คุ้ม ถ้าเพราะเรากลัวบทลงโทษ มันก็แค่เหมือนเด็กกลัวไม้เรียวเท่านั้นเอง แต่คนที่ฝึกจิตใจ เรียนรู้ศาสนา จะขัดเกลาจิตตัวเอง ให้รักคนอื่น มีพื้นฐานดีขึ้น คืออาจจะแค่คิดปุ๊บว่าขโมยได้ไหม มันจะคิดต่อทันทีเลยว่าทำไม่ได้ คือมันจะตัดกระบวนการความคิดเลวๆในสมองได้ดีกว่าการตั้งกฏ รอคนทำผิดแล้วทำโทษอย่างเดียวเพราะบางคนมันก็เห็นประโยชน์ตรงหน้าทำเลวๆก่อน ไม่กลัวบทลงโทษทีหลังก็มี
ครั้งหนึ่ง ศาสนามันก็มีส่วนช่วยทำให้สังคมเจริญ โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะครับ แต่ถ้าจะเอาศาสนาล้วนๆ มานำทางชีวิตแบบ ศาสนาที่เขียนเมื่อ สองพันปีก่อน มายึดว่าคือสุดยอดในชีวิตเราผมว่าผิดนะ เราเรียนรู้แล้วเรื่องดีดีเอามาปรับใช้ดีกว่า
แต่บางส่วนของศาสนามันมาเป็นแบบ Novel เลยเพราะสอนด้วยคำพูด หรือพูดเป็นกฏฟังยากมันเผยแพร่ให้คนทั่วไปรับรู้ไม่ได้ มันเลยออกเป็นแนวนิยายซีรีย์เรื่องยาว ฝ่านยุคไปคนยุคต่อไปก็เปลี่ยน เสริมเนื้อเรื่องให้เข้ากับยุคไปเรื่อยๆ ต้องยกตัวอย่าง มีเรื่องปาฏิหารย์มาดึงดูดให้คนอ่าน คนฟัง ถ้าเราเป็นคนที่ไม่คิดว่ามันจริงตั้งแต่ต้นเราก็รู้สึกขัดความรู้สึก ว่ามันงมงาย แล้วพลอยไม่คิดจะเรียนรู้ด้านดีดีของศาสนาด้วย
เรื่องของเรื่องคือสังคมมนุษย์มันก็พัฒนามาตลอด ก่อนหน้านี้ มันก็มี จารีต ประเพณ๊ ลัทธิ ความเชื่อ เป็นบรรทัดฐานให้คนเชื่อตามๆกันว่า เรื่องนี้ดีเรื่องนี้ไม่ดีอยู่แล้ว แต่การมาของศาสนา มันช่วยยกระดับสังคมได้ระดับหนึ่ง คนปกครองเขาก็มองว่า ศาสนาไหนเหมาะกับคนบ้านเขาก็ยอมให้มีอิทธิพลเข้ามา ช่วยในการปกครอง กับสร้างกฏให้สังคม
คราวนี้สมมุติ เราบอกว่าเราเสื่อมศรัทธาในศาสนา เพราะ พระเพราะบาทหลวง ทำไม่ดี ผมว่ามันเสื่อมแค่กับคนๆนั้นเท่านั้นครับ เหมือนเราเรียนรู้มาว่า การใช้ความรุนแรงไม่ดี การล่วงละเมิดทางเพศไม่ดี เราเห็นพระทำ บาทหลวงทำ เราก็แค่รู้ว่าคนทำมันไม่ดี ส่วนกฏ มันก็อยู่ทีเดิม เราเสื่อมศรัทธา "คน" เท่านั้นเอง ถ้าเราเสื่อมศรัทธาศาสนา แล้วเราทำตรงข้ามคำสอนทุกอย่าง พระเจ้าไม่ลงโทษเรา แต่ระบบอื่นๆในสังคมมันก็เล่นงานเราได้อยู้่ดี คนรอบข้างไม่คบ ตำรวจจับ ศาลสั่งจำคุกเรา
สมมุติเราคิดจะทำผิดเรื่องหนึ่งเช่น ขโมยของ ระบบในสมองเราบางคนมันอาจจะคิดที่จะขโมย แต่ไม่ได้ทำเพราะคำนวณไว้แล้วว่าไม่คุ้ม ถ้าเพราะเรากลัวบทลงโทษ มันก็แค่เหมือนเด็กกลัวไม้เรียวเท่านั้นเอง แต่คนที่ฝึกจิตใจ เรียนรู้ศาสนา จะขัดเกลาจิตตัวเอง ให้รักคนอื่น มีพื้นฐานดีขึ้น คืออาจจะแค่คิดปุ๊บว่าขโมยได้ไหม มันจะคิดต่อทันทีเลยว่าทำไม่ได้ คือมันจะตัดกระบวนการความคิดเลวๆในสมองได้ดีกว่าการตั้งกฏ รอคนทำผิดแล้วทำโทษอย่างเดียวเพราะบางคนมันก็เห็นประโยชน์ตรงหน้าทำเลวๆก่อน ไม่กลัวบทลงโทษทีหลังก็มี
ครั้งหนึ่ง ศาสนามันก็มีส่วนช่วยทำให้สังคมเจริญ โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะครับ แต่ถ้าจะเอาศาสนาล้วนๆ มานำทางชีวิตแบบ ศาสนาที่เขียนเมื่อ สองพันปีก่อน มายึดว่าคือสุดยอดในชีวิตเราผมว่าผิดนะ เราเรียนรู้แล้วเรื่องดีดีเอามาปรับใช้ดีกว่า
แต่บางส่วนของศาสนามันมาเป็นแบบ Novel เลยเพราะสอนด้วยคำพูด หรือพูดเป็นกฏฟังยากมันเผยแพร่ให้คนทั่วไปรับรู้ไม่ได้ มันเลยออกเป็นแนวนิยายซีรีย์เรื่องยาว ฝ่านยุคไปคนยุคต่อไปก็เปลี่ยน เสริมเนื้อเรื่องให้เข้ากับยุคไปเรื่อยๆ ต้องยกตัวอย่าง มีเรื่องปาฏิหารย์มาดึงดูดให้คนอ่าน คนฟัง ถ้าเราเป็นคนที่ไม่คิดว่ามันจริงตั้งแต่ต้นเราก็รู้สึกขัดความรู้สึก ว่ามันงมงาย แล้วพลอยไม่คิดจะเรียนรู้ด้านดีดีของศาสนาด้วย
[Edited 2 times Godzeus - Last Edit 2019-02-24 11:07:33]
View all 4 comments >
Sun 24 Feb 2019 : 11:46AM
ผมว่า มนุษย์ดูๆไปก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารนะครับ สัตว์โลกทั่วไปไม่เห็นมันต้องมีศาสนาเลย
กวางในป่า มันไม่ต้องกังวลเรื่องอดีต หรืออนาคตเท่ามนุษย์
มนุษย์เราคิดได้ลึก นี่คือข้อได้เปรียบ ที่ทำให้บรรพบุรุษของเรา เหนือกว่าสัตว์โลกชนิดอื่น แต่พอมาถึงยุคปัจจุบัน ข้อได้เปรียบกลายเป็นเสียเปรียบ เราทุกข์ไม่ใช่เพราะโลกธรรมชาติ แต่เพราะสังคมที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองนี่ต่างหาก
การรู้จักวางแผนล่วงหน้า และจดจำอดีตได้ยาวนาน เลยกลายเป็นสิ่งเสียหาย ศาสนาหลายๆศาสนาจึงมาเน้น การอยู่กับปัจจุบัน
ซึ่งไอ้การอยู่กับปัจจุบันนี่ คนสมัยนี้ทำยาก แต่ กวางสักตัว ทำง่าย
กวางในป่า มันไม่ต้องกังวลเรื่องอดีต หรืออนาคตเท่ามนุษย์
มนุษย์เราคิดได้ลึก นี่คือข้อได้เปรียบ ที่ทำให้บรรพบุรุษของเรา เหนือกว่าสัตว์โลกชนิดอื่น แต่พอมาถึงยุคปัจจุบัน ข้อได้เปรียบกลายเป็นเสียเปรียบ เราทุกข์ไม่ใช่เพราะโลกธรรมชาติ แต่เพราะสังคมที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองนี่ต่างหาก
การรู้จักวางแผนล่วงหน้า และจดจำอดีตได้ยาวนาน เลยกลายเป็นสิ่งเสียหาย ศาสนาหลายๆศาสนาจึงมาเน้น การอยู่กับปัจจุบัน
ซึ่งไอ้การอยู่กับปัจจุบันนี่ คนสมัยนี้ทำยาก แต่ กวางสักตัว ทำง่าย
Sun 24 Feb 2019 : 11:58AM
เราก็เป็นทาสของความต้องการของร่างกายอยู่ดีครับ
หิวต้องหาของกิน เจ็บป่วยก็ต้องหายากินต้องรักษา ง่วงก็ต้องนอน แต่เพราะมันไม่ง่ายแบบ หิวก็เดินไปเด็ดผลไม้กินให้อิ่ม ป่วยแล้วหายเองได้ทุกโรค อยากนอนตรงไหนก็นอนบนถนนได้
เรายอมอยู่ในกฏ ยอมทำงานเพราะ เราคิดว่าจะได้เงินมาบำรุงร่างกายเราแค่นั้นแหล่ะ
หิวต้องหาของกิน เจ็บป่วยก็ต้องหายากินต้องรักษา ง่วงก็ต้องนอน แต่เพราะมันไม่ง่ายแบบ หิวก็เดินไปเด็ดผลไม้กินให้อิ่ม ป่วยแล้วหายเองได้ทุกโรค อยากนอนตรงไหนก็นอนบนถนนได้
เรายอมอยู่ในกฏ ยอมทำงานเพราะ เราคิดว่าจะได้เงินมาบำรุงร่างกายเราแค่นั้นแหล่ะ
Sun 24 Feb 2019 : 12:25PM
กฎหมายที่เป็นระเบียบของมนุษย์โลกก็ใช้ศาสนามาประยุกต์ใช้ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ที่กฎหมายฉบับแรกออกมาในยุคกฎหมาย 12 โต๊ะ ผมคิดว่าใครไม่ทำตามกฎหมายนั่นคือคนไม่มี ลัทธิ ศรัทธา อย่างคริสตจักร มุสลิมหรือธรรมพุทธ(ศาสนาธรรมชาติ)ก็ไม่เคยมีระบุไว้ว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด เพียงแค่ต้องเลือกศรัทธาสิ่งที่ถูกต้องที่สุดครับ
คนที่อยู่ในระเบียบข้อกฎหมายข้อบังคับจารีตประเพณี ไม่ประพฤติตนเยี่ยงสมมติเทพนั่นคือมนุษย์ที่มีประสงค์ความศรัทธาต่อพระองค์ครับ
คนที่อยู่ในระเบียบข้อกฎหมายข้อบังคับจารีตประเพณี ไม่ประพฤติตนเยี่ยงสมมติเทพนั่นคือมนุษย์ที่มีประสงค์ความศรัทธาต่อพระองค์ครับ
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2019-02-24 12:28:39]
Sun 24 Feb 2019 : 4:55PM
Rabbeo ta;2475226 wrote:
ผมว่า มนุษย์ดูๆไปก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารนะครับ สัตว์โลกทั่วไปไม่เห็นมันต้องมีศาสนาเลย
กวางในป่า มันไม่ต้องกังวลเรื่องอดีต หรืออนาคตเท่ามนุษย์
มนุษย์เราคิดได้ลึก นี่คือข้อได้เปรียบ ที่ทำให้บรรพบุรุษของเรา เหนือกว่าสัตว์โลกชนิดอื่น แต่พอมาถึงยุคปัจจุบัน ข้อได้เปรียบกลายเป็นเสียเปรียบ เราทุกข์ไม่ใช่เพราะโลกธรรมชาติ แต่เพราะสังคมที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองนี่ต่างหาก
การรู้จักวางแผนล่วงหน้า และจดจำอดีตได้ยาวนาน เลยกลายเป็นสิ่งเสียหาย ศาสนาหลายๆศาสนาจึงมาเน้น การอยู่กับปัจจุบัน
ซึ่งไอ้การอยู่กับปัจจุบันนี่ คนสมัยนี้ทำยาก แต่ กวางสักตัว ทำง่าย
กวางในป่า มันไม่ต้องกังวลเรื่องอดีต หรืออนาคตเท่ามนุษย์
มนุษย์เราคิดได้ลึก นี่คือข้อได้เปรียบ ที่ทำให้บรรพบุรุษของเรา เหนือกว่าสัตว์โลกชนิดอื่น แต่พอมาถึงยุคปัจจุบัน ข้อได้เปรียบกลายเป็นเสียเปรียบ เราทุกข์ไม่ใช่เพราะโลกธรรมชาติ แต่เพราะสังคมที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองนี่ต่างหาก
การรู้จักวางแผนล่วงหน้า และจดจำอดีตได้ยาวนาน เลยกลายเป็นสิ่งเสียหาย ศาสนาหลายๆศาสนาจึงมาเน้น การอยู่กับปัจจุบัน
ซึ่งไอ้การอยู่กับปัจจุบันนี่ คนสมัยนี้ทำยาก แต่ กวางสักตัว ทำง่าย
มนุษย์มันฉลาดไงฉลาดจนเจ้าเล่ห์ คนที่เรียนเก่ง มีความรู้บางคนเอาเปรียบคนอื่น ถึงต้องมีกฏหมายไม่เหมือนสัตว์ IQไม่ต่างกันมากนักเลยไม่ต้องมีกฏอะไรมาก
# Sun 24 Feb 2019 : 11:31AM
beastguy wrote:
คนที่ไม่นับถือศาสนาตายแล้วไปไหน
ไม่ทราบครับ
5555 บอกตามตรง ไม่รู้จริงๆ
ผมก็สงสัยว่า แล้วมนุษย์ยุคหินก่อนที่จะมีศาสนา ล่ะ เขาตายแล้วไปไหน
แล้วมนุษย์อีเล็คตรัส ที่อยู่บนโลกมาก่อนตั้ง2ล้านปี ล่ะ? เซเปี้ยน อย่างพวกเรา ยังอยู่ยังไม่ถึงเศษเสี้ยว ของอีเล็คตรัสด้วยซ้ำ
# Sun 24 Feb 2019 : 2:12PM
การเล่นเกมกดเป็นการเพิ่มพลังวิญญาณจริงมั้ย เหมาะสำหรับคนประเภทไหนเหรอ เตรียมพร้อมสำหรับโลกหลังความตาย ศาสนาจะช่วยคนพวกนี้ได้อย่างไร เช่นอย่างจขพรู้สึกกำลังเจอภพภูมิปืศาจ อสูร อยู่
ปีศาจพวกชอบขี้โม้ ใช้เสียงดัง มีพลังจิต ใช้ข่มอสูรอีกที เป็นหัวหน้าอสูรอะ
อสูรจะบ้าพลังกายเป็นหลัก ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ ชอบทำลายข้าวของ
อาชีพพระมีไว้ปราบคนพวกนี้ก็เหลือน้อยที่รู้จริง อาจต้องตกนรกไปอีกนานเลย ทำบุญไม่ขึ้น ไม่รู้ไปไหนหมด
ปีศาจพวกชอบขี้โม้ ใช้เสียงดัง มีพลังจิต ใช้ข่มอสูรอีกที เป็นหัวหน้าอสูรอะ
อสูรจะบ้าพลังกายเป็นหลัก ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ ชอบทำลายข้าวของ
อาชีพพระมีไว้ปราบคนพวกนี้ก็เหลือน้อยที่รู้จริง อาจต้องตกนรกไปอีกนานเลย ทำบุญไม่ขึ้น ไม่รู้ไปไหนหมด
[Edited 2 times First Fantasy Final - Last Edit 2019-02-24 14:32:49]
View all 5 comments >
Sun 24 Feb 2019 : 4:20PM
กฎแห่งกรรมตามพุทธศาสนา"กัมมุนา วัตตติโลโก" สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม ทั้งหมดคือสิ่งที่เราได้กระทำทางกาย วาจา ใจ(กายกรรม, วจีกรรมและมโนกรรม)ผลลัพธ์จะปรากฏเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คนเล่นเกม, เล่นการพนัน, เล่นกีฬาหรืออะไรก็แล้วเป็นวิถีของการดำเนินชีวิตตัวเอง บุญบาปคุณโทษต่างๆไม่มีใครตอบได้แม้แต่จะเป็นผู้ตรัสรู้อย่างพระพุทธเจ้า ก็ยังนิยามให้สร้างบุญเพื่อขึ้นสวรรค์ละเว้นการสร้างบาปไปชดใช้กรรมในอเวจี
ยานิ กโรติ ปุริโส ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ
ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ รุหเต ผลํ
“บุคคลทำกรรมใด ย่อมมองเห็นกรรมนั้นในตน
ผู้ทำกรรมดีย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่วย่อมได้ผลชั่ว
บุคคลหว่านพืชเช่นใด ผลย่อมงอกขึ้นเช่นนั้น”
ยานิ กโรติ ปุริโส ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ
ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ รุหเต ผลํ
“บุคคลทำกรรมใด ย่อมมองเห็นกรรมนั้นในตน
ผู้ทำกรรมดีย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่วย่อมได้ผลชั่ว
บุคคลหว่านพืชเช่นใด ผลย่อมงอกขึ้นเช่นนั้น”
Sun 24 Feb 2019 : 7:43PM
วิธีแก้ภพภูมิปีศาจกับอสูรนะต้องจับปีศาจเป็นหัวหน้างานอะ ส่วนอสูรเอาไปใช้แรงงานให้หมด แต่ยุคนี้จะสร้างอะไรละ เมคกะโปรเจคก็ไม่ค่อยมี ทนๆ เอาหน่อย ยุค 5g แล้วเขาใช้หุ่นยนต์
Mon 25 Feb 2019 : 12:02PM
เหมือนสำนวนคุ้นๆแฮะ ใช่ปิกาจูบ้ากาวรึเปล่าครับ?
ที่สมัยก่อนชอบตั้งกระทู้บ่นว่าโดนเพื่อนเตะเก้าอี้จากด้านหลังน่ะ
ที่สมัยก่อนชอบตั้งกระทู้บ่นว่าโดนเพื่อนเตะเก้าอี้จากด้านหลังน่ะ
Like : suede
Mon 25 Feb 2019 : 3:54PM
เป็นร่างอวตารเจ้าแม่มาอีกที มาดีแล้วคราวนี้ ไม่เกรียน
Sun 3 Mar 2019 : 1:43PM
palerider wrote:
เหมือนสำนวนคุ้นๆแฮะ ใช่ปิกาจูบ้ากาวรึเปล่าครับ?
ที่สมัยก่อนชอบตั้งกระทู้บ่นว่าโดนเพื่อนเตะเก้าอี้จากด้านหลังน่ะ
ที่สมัยก่อนชอบตั้งกระทู้บ่นว่าโดนเพื่อนเตะเก้าอี้จากด้านหลังน่ะ
อาม บาส ภูมิ โตส ป่าว
Like : palerider
# Sun 24 Feb 2019 : 7:03PM
คนไม่ได้นับถือศาสนาตาแล้วก็แค่หยุดคิด นั่นแหล่ะครับ มันก็เหมือนเจ้าชายนิทรานอนเป็นผัก กลไกร่างกายยังทำงานแต่สมองหยุดทำงาน ก็นับว่าตายไปแล้ว
# Sun 24 Feb 2019 : 7:41PM
"ศาสนาเก่าแก่มีนับ 1000 พระเจ้าหลาย 1000 องค์
แต่มีแค่ศาสนาของคุณเท่านั้นที่จริง ศาสนาอื่นเป็นจินตนาการไร้สาระ"
-
เคยอ่านจากที่ไหนมาซักทีผมลืมแล้ว
แต่มีแค่ศาสนาของคุณเท่านั้นที่จริง ศาสนาอื่นเป็นจินตนาการไร้สาระ"
-
เคยอ่านจากที่ไหนมาซักทีผมลืมแล้ว
View all 2 comments >
Sun 24 Feb 2019 : 7:59PM
ศาสนาอวยตัวเองสินะคือศาสนาที่แท้จริง
Mon 25 Feb 2019 : 10:52AM
ฝรั่ง สำรวจไปทั่วโลกในยุคล่าอาณานิคม เจอศาสนาหลายศาสนามาก
เพื่อจัดการกับความหลากหลายของศาสนา มีนักวิชาการตะวันตกชื่อ โจเซฟ แคมเบล เอาตำนาน เรื่องเล่า และศาสนาทั่วโลกมาเปรียบเทียบกันและกรั่นกรองออกมาเป็นหนังสือชื่อ "ผู้กล้า1000หน้า"The Hero with a Thousand Faces เสียดายไม่มีแปลเป็นไทย
สรุปง่ายๆคือ เรื่องเล่าแต่ละศาสนา จริงๆมันก็มีโครงเรื่องคล้ายๆกันนั้นแหละ ซึ่งนำไปสู่ทฤษฎี Monomyth ของเขาที่ว่า ทุกตำนานศาสนา คือการแสดงออกของ สิ่งเดียวกัน แต่เพียงแสดงออกคนละชื่อ คนละใบหน้า
โดยเขาเรียกสิ่งที่มีร่วมกันนี้ว่า "ต้นแบบ" (archetyp)
คาร์ล จุง Carl Jung เสนอว่ามันเกิดจาก จิตใต้สำนึกร่วมหมู่ของมนุษย์ (unconscious collective)
เช่นภาพของชายชรา ทรงความรู้ ที่มีอยู่ในทุกเทพตำนาน เรื่องเล่า นิทาน
ภาพของ ปีศาจ ภาพของเทวดา ภาพของแสงสว่าง
การแบ่งนรกสวรรค์ออกเป็นชั้นๆ เหมือนกับสภาพจิตใจที่แบ่งออกเป็นชั้นๆ จิตสำนึก จิตไร้สำนึก จิตใต้สำนึก
เพื่อจัดการกับความหลากหลายของศาสนา มีนักวิชาการตะวันตกชื่อ โจเซฟ แคมเบล เอาตำนาน เรื่องเล่า และศาสนาทั่วโลกมาเปรียบเทียบกันและกรั่นกรองออกมาเป็นหนังสือชื่อ "ผู้กล้า1000หน้า"The Hero with a Thousand Faces เสียดายไม่มีแปลเป็นไทย
สรุปง่ายๆคือ เรื่องเล่าแต่ละศาสนา จริงๆมันก็มีโครงเรื่องคล้ายๆกันนั้นแหละ ซึ่งนำไปสู่ทฤษฎี Monomyth ของเขาที่ว่า ทุกตำนานศาสนา คือการแสดงออกของ สิ่งเดียวกัน แต่เพียงแสดงออกคนละชื่อ คนละใบหน้า
โดยเขาเรียกสิ่งที่มีร่วมกันนี้ว่า "ต้นแบบ" (archetyp)
คาร์ล จุง Carl Jung เสนอว่ามันเกิดจาก จิตใต้สำนึกร่วมหมู่ของมนุษย์ (unconscious collective)
เช่นภาพของชายชรา ทรงความรู้ ที่มีอยู่ในทุกเทพตำนาน เรื่องเล่า นิทาน
ภาพของ ปีศาจ ภาพของเทวดา ภาพของแสงสว่าง
การแบ่งนรกสวรรค์ออกเป็นชั้นๆ เหมือนกับสภาพจิตใจที่แบ่งออกเป็นชั้นๆ จิตสำนึก จิตไร้สำนึก จิตใต้สำนึก
[Edited 1 times Rabbeo ta - Last Edit 2019-02-25 10:54:59]
# Sun 24 Feb 2019 : 7:50PM
"MnemoniC";2475118 wrote:
Kevin4real;2475110 wrote:
First Fantasy Final;2474717 wrote:
เรื่องศาสนานี่ทำไมพระเจ้าไม่ส่งคนรักษาโรคเอดส์มาให้จบเกมเลยแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะมันมีคำสาปอยู่ ติดตามแนวทางแก้ไขได้ในเอพพิโสดอาร์ดีน หวังว่าเซียนเกมคงเข้าใจนะ
เขาส่งโรคเอดส์มาลดจำนวนมนุษย์ครับ ทุกครั้งใยประวัติศาสตร์มนุษย์มีมากไปจะมีโรคที่ไม่สามารถรักษาได้มาฆ่าคนให้ตายไป แล้วมนุษย์ต้องพิสูจน์ดับพระเจ้าว่าสามารถอยู่บนโลกนี้ได้การกาทางรักษาครับ เคยคุยกับเพื่อนที่ตอนนี้เแ็นบาทหลวงแล้วเขาบอก
แทนที่จะอยู่ 80 ปี 40 ก็แย่แล้ว สุขภาพทรุดโทรม ไหนว่าจะกลับมาครั้งที่ 2 ไง อีกกี่ปีเนี่ย โดนพี่คลาวไล่กลับไปแล้วรึไง
# Mon 25 Feb 2019 : 10:59AM
First Fantasy Final;2475366 wrote:
"MnemoniC";2475118 wrote:
Kevin4real;2475110 wrote:
First Fantasy Final;2474717 wrote:
เรื่องศาสนานี่ทำไมพระเจ้าไม่ส่งคนรักษาโรคเอดส์มาให้จบเกมเลยแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะมันมีคำสาปอยู่ ติดตามแนวทางแก้ไขได้ในเอพพิโสดอาร์ดีน หวังว่าเซียนเกมคงเข้าใจนะ
เขาส่งโรคเอดส์มาลดจำนวนมนุษย์ครับ ทุกครั้งใยประวัติศาสตร์มนุษย์มีมากไปจะมีโรคที่ไม่สามารถรักษาได้มาฆ่าคนให้ตายไป แล้วมนุษย์ต้องพิสูจน์ดับพระเจ้าว่าสามารถอยู่บนโลกนี้ได้การกาทางรักษาครับ เคยคุยกับเพื่อนที่ตอนนี้เแ็นบาทหลวงแล้วเขาบอก
แทนที่จะอยู่ 80 ปี 40 ก็แย่แล้ว สุขภาพทรุดโทรม ไหนว่าจะกลับมาครั้งที่ 2 ไง อีกกี่ปีเนี่ย โดนพี่คลาวไล่กลับไปแล้วรึไง
หมายถึง jesus รึเปล่าครับ? ที่ว่าจะกลับมาครั้งที่2
View all 2 comments >
Mon 25 Feb 2019 : 3:56PM
อยากรู้กลับชาติมาเกิดยัง
Mon 25 Feb 2019 : 7:44PM
ถ้ามองแบบพุทธหรือคริสต์ ผมไม่ทราบนะ
แต่ผมมีมุมมองของตัวเองในแบบที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก
ผมว่า jesus กลับมาแล้ว แต่jesus ที่ผมพูดถึงไม่ใช่ ตัวคนเป็นๆแบบที่เข้าใจกันนะ ไม่ใช่เหาะลงมาจากฟ้า อะไรแบบนั้น
แต่ ผมมองว่า เหตุการณ์สำคัญๆในbible มันคือ การเล่าโดยอ้างอิงกับความรู้ทางโหราศาสตร์ (ดวงดาว)มากกว่า
พูดง่ายๆ มันคือความเชื่อที่ว่า ดวงดาวคือเทพเจ้าที่แท้จริง ที่ดลบันดาลทุกสิ่งในโลกเราจริงๆ
แต่ผมมีมุมมองของตัวเองในแบบที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก
ผมว่า jesus กลับมาแล้ว แต่jesus ที่ผมพูดถึงไม่ใช่ ตัวคนเป็นๆแบบที่เข้าใจกันนะ ไม่ใช่เหาะลงมาจากฟ้า อะไรแบบนั้น
แต่ ผมมองว่า เหตุการณ์สำคัญๆในbible มันคือ การเล่าโดยอ้างอิงกับความรู้ทางโหราศาสตร์ (ดวงดาว)มากกว่า
พูดง่ายๆ มันคือความเชื่อที่ว่า ดวงดาวคือเทพเจ้าที่แท้จริง ที่ดลบันดาลทุกสิ่งในโลกเราจริงๆ
# Mon 25 Feb 2019 : 3:46PM
มองแบบวิทยาศาสตร์
มนุษย์เกิดมาแต่แรก ยังสื่อสารเป็นประโยคไม่ได้ จนพัฒนากล่องเสียง ลิ้น ส้รางชื่อของสิ่งของต่างๆตามที่ออกเสียงได้ ผ่านมาหลายร้อยเจน สืบทอดภาษาจนเป็น ภาษาประจำเผ่า เมื่อเริ่มมีภาษาก็เริ่มมีการเขียน และสร้างสัญญาลักษณ์
ดูจากช่วงเวลาการเกิด
ยุคเทพเจ้า , ฮินดู พุทธ เป็นยุคแรกของศาสนา แต่ทุกศาสนาในยุคนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบคำถามในสิ่งที่ตัวเองตอบไม่ได้ เช่นสายฟ้า ไฟ โรคต่างๆ การให้กำเนิด สภาพแวดล้อม ดวงดาว ทำให้มีเทพเจ้าแทนเรื่องต่างๆ
พุทธที่มาที่หลัง น่าจะเกิดจากกลุ่มที่ไม่ชอบแนวคิด เทพเจ้าของฮินดู แนวทางเลยตรงข้ามกันไป เน้นไปที่คำสอนกับการฝึกตนในศิลที่ยึดถือ
ยุคยิว อิสลาม คริส เกิดในช่วงโรมมันเป็นใหญ่ ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าถูกทำลายจนแทบสูญหาย เป็นช่วงที่ไม่มีศาสนาอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เป็นสังคมแบบรีพลับพลิคระบบชนชั้นมากำหนดชะชีวิตแทนศาสนา มีการค้าทาสมากมาย มีชนชั้นชัดเจน
เมื่อถึงจุดเสื่อมโรมันรบกันเองภายในกว่าเน่าเฟะสะสม จนเกิดผู้ให้กำเนินศาสนา ที่พยายามถ่ายทอดความคิด เรื่องเพื่อนมนุษย์ และการให้อภัย เวลาผ่านไปศาสนาก็แตกแยก ไปตามชนชั้นอีก ชั้นชันสูงนำศาสนาคริสไปใช้ในการคุมอำนาจจนสามารถควบคุมชั้นปกครองได้ ศาสนาอิสลาก็แยกไปทางตะวันออกกลาง และเปอร์เซีย ที่ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าในทะเลทราย เกิดแนวคิดศาสนาเดียวกันคือพีน้องกัน สุดท้ายยิว เกิดจากกลุ่มชันชั้นค้าขาย แนวคิดทางศาสนายังเน้นที่รักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง
เมื่อศาสนาคริสถูกชันชั้นสูงใช้เป็นเครื่องมือ ทำให้โรมันล้มสลายช้าๆ จนมาถึงยุคกองทัพจากเอเชีย ที่ซึ่งไร้ศาสนา
ไร้อารยธรรม เป็นเพียงชนเผ่าขี่มา มาบุกถล่มโรบ และเปอร์เซีย แต่ด้วยเป็นกลุ่มไร้อารยธรรมทำให้เข้ามายึดครองแล้ว
สุดท้ายก็รับศาสนาจากเมืองท้องถื่นไป และแตกแยก และโดนกลื่นไปที่สุด
ศาสนาพุทธ ที่ต้องเอาตัวรอดจากการครอบงำของศาสนาฮินดูมานาน ได้ขยายไปทางจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เอเชียใต้ ก่อนที่จะล้มสลาย ของการมาแทนทีของศาสนาอิสลาม จากการทีกองทัพเปอร์เซีย และ กองทัพหลานๆเจงกิสข่านที่รับศาสนาอิสลามเข้าไป ก็ไปเบิกบานที่ จีนและญี่ปุ่น ไทย พม่า แต่ก็แยกเป็นหลายนิกาย
สรุปผมไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง มีแต่มนุษย์ที่เป็นยอดคนที่สามารถตั้งหลักการ สร้างแนวคิด เป็นนักจูงใจ จำทำให้เกิดสาวกมากมาย ถ้าส่งนักพูดปลุกระดมยุคนี้ย้อนกลับไป น่าจะเกิดขึ้นอีกหลายศาสนา
แต่ใช่ว่าศาสนาจะไม่ดี แต่หลักคิดในหลายๆศาสนา มันถูกพัฒนามาหลายพันปี ผนวกกับจิตวิทยาของมนุษย์ ทำให้มนุษย์ยังต้องมีศาสนา เพื่อใช้ตอบคำถามที่หาคำตอบไม่ได้
ผมเลยรับหลักการ ของพุทธ และให้ความเคารพพระพุทธเจ้า ในฐานนะผู้คิดค้นแนวคิด ไม่ใช่ในฐานนะพระเจ้าที่ไว้อ้อนวอนขอในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือสวดมนต์บูชาพระเพื่อขึ่้นสวรรค์ แต่รับหลักการในการมีชีวิตให้มีความทุกน้อยที่สุด
พิมไปมาแล้วมันมือ 555 มโนล้วนๆๆ แคอยากพิมเอามันนะ ว่างๆ อยุ่
มนุษย์เกิดมาแต่แรก ยังสื่อสารเป็นประโยคไม่ได้ จนพัฒนากล่องเสียง ลิ้น ส้รางชื่อของสิ่งของต่างๆตามที่ออกเสียงได้ ผ่านมาหลายร้อยเจน สืบทอดภาษาจนเป็น ภาษาประจำเผ่า เมื่อเริ่มมีภาษาก็เริ่มมีการเขียน และสร้างสัญญาลักษณ์
ดูจากช่วงเวลาการเกิด
ยุคเทพเจ้า , ฮินดู พุทธ เป็นยุคแรกของศาสนา แต่ทุกศาสนาในยุคนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบคำถามในสิ่งที่ตัวเองตอบไม่ได้ เช่นสายฟ้า ไฟ โรคต่างๆ การให้กำเนิด สภาพแวดล้อม ดวงดาว ทำให้มีเทพเจ้าแทนเรื่องต่างๆ
พุทธที่มาที่หลัง น่าจะเกิดจากกลุ่มที่ไม่ชอบแนวคิด เทพเจ้าของฮินดู แนวทางเลยตรงข้ามกันไป เน้นไปที่คำสอนกับการฝึกตนในศิลที่ยึดถือ
ยุคยิว อิสลาม คริส เกิดในช่วงโรมมันเป็นใหญ่ ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าถูกทำลายจนแทบสูญหาย เป็นช่วงที่ไม่มีศาสนาอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เป็นสังคมแบบรีพลับพลิคระบบชนชั้นมากำหนดชะชีวิตแทนศาสนา มีการค้าทาสมากมาย มีชนชั้นชัดเจน
เมื่อถึงจุดเสื่อมโรมันรบกันเองภายในกว่าเน่าเฟะสะสม จนเกิดผู้ให้กำเนินศาสนา ที่พยายามถ่ายทอดความคิด เรื่องเพื่อนมนุษย์ และการให้อภัย เวลาผ่านไปศาสนาก็แตกแยก ไปตามชนชั้นอีก ชั้นชันสูงนำศาสนาคริสไปใช้ในการคุมอำนาจจนสามารถควบคุมชั้นปกครองได้ ศาสนาอิสลาก็แยกไปทางตะวันออกกลาง และเปอร์เซีย ที่ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าในทะเลทราย เกิดแนวคิดศาสนาเดียวกันคือพีน้องกัน สุดท้ายยิว เกิดจากกลุ่มชันชั้นค้าขาย แนวคิดทางศาสนายังเน้นที่รักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง
เมื่อศาสนาคริสถูกชันชั้นสูงใช้เป็นเครื่องมือ ทำให้โรมันล้มสลายช้าๆ จนมาถึงยุคกองทัพจากเอเชีย ที่ซึ่งไร้ศาสนา
ไร้อารยธรรม เป็นเพียงชนเผ่าขี่มา มาบุกถล่มโรบ และเปอร์เซีย แต่ด้วยเป็นกลุ่มไร้อารยธรรมทำให้เข้ามายึดครองแล้ว
สุดท้ายก็รับศาสนาจากเมืองท้องถื่นไป และแตกแยก และโดนกลื่นไปที่สุด
ศาสนาพุทธ ที่ต้องเอาตัวรอดจากการครอบงำของศาสนาฮินดูมานาน ได้ขยายไปทางจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เอเชียใต้ ก่อนที่จะล้มสลาย ของการมาแทนทีของศาสนาอิสลาม จากการทีกองทัพเปอร์เซีย และ กองทัพหลานๆเจงกิสข่านที่รับศาสนาอิสลามเข้าไป ก็ไปเบิกบานที่ จีนและญี่ปุ่น ไทย พม่า แต่ก็แยกเป็นหลายนิกาย
สรุปผมไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง มีแต่มนุษย์ที่เป็นยอดคนที่สามารถตั้งหลักการ สร้างแนวคิด เป็นนักจูงใจ จำทำให้เกิดสาวกมากมาย ถ้าส่งนักพูดปลุกระดมยุคนี้ย้อนกลับไป น่าจะเกิดขึ้นอีกหลายศาสนา
แต่ใช่ว่าศาสนาจะไม่ดี แต่หลักคิดในหลายๆศาสนา มันถูกพัฒนามาหลายพันปี ผนวกกับจิตวิทยาของมนุษย์ ทำให้มนุษย์ยังต้องมีศาสนา เพื่อใช้ตอบคำถามที่หาคำตอบไม่ได้
ผมเลยรับหลักการ ของพุทธ และให้ความเคารพพระพุทธเจ้า ในฐานนะผู้คิดค้นแนวคิด ไม่ใช่ในฐานนะพระเจ้าที่ไว้อ้อนวอนขอในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือสวดมนต์บูชาพระเพื่อขึ่้นสวรรค์ แต่รับหลักการในการมีชีวิตให้มีความทุกน้อยที่สุด
พิมไปมาแล้วมันมือ 555 มโนล้วนๆๆ แคอยากพิมเอามันนะ ว่างๆ อยุ่
Like : Kevin4real, MansheckSHootter, suede
[Edited 1 times Lovely45 - Last Edit 2019-02-25 15:46:39]
View all 1 comments >
Mon 25 Feb 2019 : 7:38PM
ยุคยิว อิสลาม คริส เกิดในช่วงโรมมันเป็นใหญ่ ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าถูกทำลายจนแทบสูญหาย เป็นช่วงที่ไม่มีศาสนาอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เป็นสังคมแบบรีพลับพลิคระบบชนชั้นมากำหนดชะชีวิตแทนศาสนา มีการค้าทาสมากมาย มีชนชั้นชัดเจน
ศาสนายิว มีมาก่อนอาณาจักรโรมันอีกนะครับ เก่าแก่มาก ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าของกรีกก็มีมาก่อนโรมันตั้งนานแล้ว ความเชื่อเรื่องเทพเจ้ากรีกไม่ได้หายไปไหน แค่ถูกโรมันเอาไปเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโฉมไปเท่านั้นเอง ศาสนากรีก และโรมัน รวมทั้งศาสนาท้องถิ่นหรือ Pagan ล้วนมี เทพหลายองค์ ไม่เหมือน ศาสนาของยิวที่เน้นพระเจ้าองค์เดียว
ผมมองว่า สาเหตุที่แท้จริงส่วนหนึ่งที่ ศาสนายุคแรกมีเทพหลายองค์แต่ไปๆมาๆ มักจะกลายมาเป็นศาสนาแบบ เอกเทวนิยม ก็เพราะ มีความต้องการเอกภาพในการปกครองจักรวรรดิขนาดใหญ่ ในอียิปต์สมัยฟาโรห์ อาคานาเตน ก็มีความพยายามจะสร้างเทพองค์เดียว คือ Aten แล้วบังคับให้ทั้งอียิปต์มาบูชาเทพองค์ใหม่นี้ แต่กลุ่มนักบวชไม่เอาด้วย สุดท้ายฟาโรห์คนนี้และเทพองค์ใหม่ก็ถูกลบออกไป
โรมันรับศาสนาคริสต์ ส่วนหนึ่งก็เพราะ ต้องการเอกภาพ ต้องการเทพองค์เดียว ปกครองทั้งหมด โดยไม่ต้องไปอ้างอิงกับ พื้นที่ท้องถิ่น เช่นเทพแห่งขุนเขา ก็มีระยะอยู่ภูเขาลูกๆหนึ่ง แต่พระเจ้าแบบคริสต์ครอบคลุมทั้งจักรวาล ไม่มีขอบเขต ชนชาติพ่อค้าแบบยิว อาหรับ เขาต้องเร่ร่อนไปหลายๆพื้นที่ เขาต้องการเทพที่อยู่ทุกที่ ไม่ใช่อ้างอิงกับท้องถิ่นใดทิ้งถิ่นหนึ่ง เทพของพวกนี้ถึงต้องเป็นหนึ่งเดียว และคลุมทุกที่ หรือจะมองว่า มันดูยิ่งใหญ่กว่า ทำให้ สาวก รวมตัวกันได้ดีกว่าก็ได้
[Edited 1 times Rabbeo ta - Last Edit 2019-02-25 19:39:42]
View all 2 comments >
Sun 3 Mar 2019 : 4:44PM
ทำไมต้องคิดว่าบวชคือการทดแทนพระคุณ บางคนบวชพ่อแม่ต้องเดือดร้อนไปกู้เงินมา บางคนบวชแล้วสึกมาไม่ทำงานทำการสร้างปัญหาให้พ่อแม่อีก
Like : "MnemoniC"
Mon 4 Mar 2019 : 3:43AM
Kevin4real;2477830 wrote:
ทำไมต้องคิดว่าบวชคือการทดแทนพระคุณ บางคนบวชพ่อแม่ต้องเดือดร้อนไปกู้เงินมา บางคนบวชแล้วสึกมาไม่ทำงานทำการสร้างปัญหาให้พ่อแม่อีก
# Tue 26 Feb 2019 : 1:37PM
จขกท เรียนปรัชญาหรือปล่าวฮับรู้เยอะจุง
View all 1 comments >
# Sun 3 Mar 2019 : 2:00PM
Rabbeo ta;2475215 wrote:
beastguy wrote:
คนที่ไม่นับถือศาสนาตายแล้วไปไหน
ไม่ทราบครับ
5555 บอกตามตรง ไม่รู้จริงๆ
ผมก็สงสัยว่า แล้วมนุษย์ยุคหินก่อนที่จะมีศาสนา ล่ะ เขาตายแล้วไปไหน
แล้วมนุษย์อีเล็คตรัส ที่อยู่บนโลกมาก่อนตั้ง2ล้านปี ล่ะ? เซเปี้ยน อย่างพวกเรา ยังอยู่ยังไม่ถึงเศษเสี้ยว ของอีเล็คตรัสด้วยซ้ำ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่านับถือศาสนา
แต่ผมมองว่า ทุกคนบนโลกเมื่อตายแล้วก็ไปที่เดียวกันหมด ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร หรือไม่นับถือศาสนาอะไรเลยก็ตาม เพียงแต่ที่ๆ นั้นยังไม่มีใครสามารถรู้หรือสรุปได้ว่าไปไหน แต่อาจจะมีบางศาสนาที่ตรงกับความเป็นจริงก็ได้ แต่ไม่มีใครรู้จริงๆ
ผมไม่คิดว่าเพียงแค่การเลือกนับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แล้วเราจะสามารถตายแล้วไปสู่จุดที่ศาสนานั้นกำหนดได้หรอก งี้ถ้าผมอยากให้เวลาตายแล้วได้เกิดชาติใหม่ ผมก็แค่นับถือศาสนาพุทธก็ได้แล้วสิ? หรือถ้ากลัวตกนรกก็ไม่ต้องนับถือศาสนา ก็ไม่ต้องตกนรกแล้ว? มันดูง่ายไปอ่ะ...
View all 6 comments >
Sun 3 Mar 2019 : 2:53PM
ไม่นับถือศาสนา สามารถเขียนลงในบัตรประชาชนได้ไหมว่าไม่นับถือศาสนา
Like : "MnemoniC"
Sun 3 Mar 2019 : 6:25PM
Kevin4real;2477812 wrote:
ไม่นับถือศาสนา สามารถเขียนลงในบัตรประชาชนได้ไหมว่าไม่นับถือศาสนา
Like : Kevin4real
Sun 3 Mar 2019 : 10:45PM
Kevin4real;2477812 wrote:
ไม่นับถือศาสนา สามารถเขียนลงในบัตรประชาชนได้ไหมว่าไม่นับถือศาสนา
คุ้นๆ ว่าเมื่อหลายปีก่อนผมเคยเห็นในแบบฟอร์มตอนทำบัตรมันมีให้เลือกได้ว่าจะให้ระบุศาสนาในบัตร ปชช. ด้วยไหม
แต่ผมก็ให้ระบุไปว่าเป็นพุทธอ่ะ ขี้เกียจโดนบางคนตั้งคำถาม ก็ใส่ๆ ปัดความรำคาญไป ยังไงก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว
Sun 3 Mar 2019 : 11:41PM
KuNa wrote:
Kevin4real;2477812 wrote:
ไม่นับถือศาสนา สามารถเขียนลงในบัตรประชาชนได้ไหมว่าไม่นับถือศาสนา
คุ้นๆ ว่าเมื่อหลายปีก่อนผมเคยเห็นในแบบฟอร์มตอนทำบัตรมันมีให้เลือกได้ว่าจะให้ระบุศาสนาในบัตร ปชช. ด้วยไหม
แต่ผมก็ให้ระบุไปว่าเป็นพุทธอ่ะ ขี้เกียจโดนบางคนตั้งคำถาม ก็ใส่ๆ ปัดความรำคาญไป ยังไงก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว
Like : Kevin4real
Mon 4 Mar 2019 : 9:33AM
"MnemoniC";2477844 wrote:
Kevin4real;2477812 wrote:
ไม่นับถือศาสนา สามารถเขียนลงในบัตรประชาชนได้ไหมว่าไม่นับถือศาสนา
แล้วที่แชร์ว่านับถือศาสนาเบคอน เจไดแบบนี้ไม่จริงใช่ไหม
Like : "MnemoniC"
Mon 4 Mar 2019 : 10:28AM
Kevin4real;2478002 wrote:
"MnemoniC";2477844 wrote:
Kevin4real;2477812 wrote:
ไม่นับถือศาสนา สามารถเขียนลงในบัตรประชาชนได้ไหมว่าไม่นับถือศาสนา
แล้วที่แชร์ว่านับถือศาสนาเบคอน เจไดแบบนี้ไม่จริงใช่ไหม
1.ศาสนาอิสลาม มีพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการศาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลาม พ.ศ.๒๔๘๘
2.ศาสนาคริสต์ พระมหากษัตริย์ ทรงให้ความอุปถัมภ์ นิกายคาทอลิก และนิกายโปรเตสแต้นท์มาช้านาน
3.ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู
4.ศาสนาซิกข์
5.ศาสนาพุทธ (ศาสนาประจำชาติ)
ตามกฤษฎีกาก็มี 5 ศาสนาแต่ในบัตรประชาชนผมเห็นมีแค่ 3 เองคือ มุสลิม(อิสลาม), คริสต์แล้วก็พุทธครับ
# Sun 3 Mar 2019 : 11:02PM
ไม่ค่อยอะไรมาก กับศาสนา.
แต่ทุกวันนี้วันๆอยู่ๆก็ยังกลัวตาย
วันๆก็ใช้ชีวิตแบบว่าลืมไปว่าสักวันจะต้องตายอยู่เลยครับ
และก็แอบเชื่อว่ามีโลกหน้ารอเราอยู่
แต่ทุกวันนี้วันๆอยู่ๆก็ยังกลัวตาย
วันๆก็ใช้ชีวิตแบบว่าลืมไปว่าสักวันจะต้องตายอยู่เลยครับ
และก็แอบเชื่อว่ามีโลกหน้ารอเราอยู่
Like : "MnemoniC"
View all 2 comments >
Sun 3 Mar 2019 : 11:33PM
ใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่าไม่เบียดเบียนผู้อื่นเพื่อความสุขของตน รู้จักขอบเขตกฎหมายและกฎแห่งกรรมช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกเมื่อมีโอกาส หากเรารู้จักพอเพียงพออยู่พอกินไม่แสวงหาความทุกข์ใส่ตนไม่สร้างความเดือดร้อน เมื่อดวงจิตของเราได้ดับสูญสลายไปแม้จะมีภพหน้าหรือไม่อย่างน้อยๆภพนี้เราเป็นคนดีแล้วครับ
Like : taekun, numnimman
Mon 4 Mar 2019 : 8:15PM
"MnemoniC";2477927 wrote:
ใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่าไม่เบียดเบียนผู้อื่นเพื่อความสุขของตน รู้จักขอบเขตกฎหมายและกฎแห่งกรรมช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกเมื่อมีโอกาส หากเรารู้จักพอเพียงพออยู่พอกินไม่แสวงหาความทุกข์ใส่ตนไม่สร้างความเดือดร้อน เมื่อดวงจิตของเราได้ดับสูญสลายไปแม้จะมีภพหน้าหรือไม่อย่างน้อยๆภพนี้เราเป็นคนดีแล้วครับ
แต่ก่อนผมก็เชื่อแบบนี้นะ เอาเป็นว่า ผมไม่ว่ามันถูก แต่ผมก็ไม่ว่ามันผิดแล้วกัน
แค่อยากลองให้คิดดูให้ละเอียดๆกว่าเดิม ว่าคำสอนพวกนี้มันเป็นจริงได้แค่ไหน ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่นิยาย
ถ้าแค่ทำดีได้ดี แล้วทุกอย่างจะดี มันคงไม่มีปัญหามากมายในโลกเราเยอะแยะแบบทุกวันนี้หรอก
คงเคยได้ยินสุภาษิตว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำดีได้ชั่วมีถมไป" ใช่ไหม?
ในการ์ตูนเรื่องBerserk มีประโยคหนึ่งสะกิดใจมาก "ถ้าแค่ชนะแล้วจะได้มาละก็ คนเราไม่ต้องลำบากกันหรอก"
ในเกม under tale มีอีกประโยคที่น่าคิด "ออกไปโลกข้างนอกแล้วระวังตัวด้วย มันมีflowey มากมายข้างนอกนั้น และไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะแก้ไขได้ด้วยการทำดีด้วย"
ในโลกของวีดีโอเกมส์ ซึ่งก็ไม่ต่างจากในโลกของนิยาย หรือโลกของนามธรรม ตัวละครไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าถูกทำดีด้วยก็จะดีตอบ แค่นั้นเอง แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มันไม่ใช่แบบนั้น ในโลกแห่งความเป็นจริง มันกฎกติกาอีกอย่าง มันกลายเป็นโลกที่ อ้างความดีบังหน้าเพื่อทำเรื่องเลวร้าย มันเป็นโลกที่ตัวโกงทุกตัวสู้เพื่อความดี เพราะว่า การอ้างความดีมันให้ประสิทธิภาพเยอะที่สุดในการอยู่รอด
เลโอนาโด ดาร์วินชี เคยบอกไว้ว่า "Our life come from death" ชีวิตเรามาจากความตาย ถ้าแปลให้สละสลวยหน่อยก็ ชีวิตของเราทุกคนล้วนมาจากการแตกสลายของชีวิตอื่นๆทั้งสิ้น เราเดินเหยียบแมลงกี่ตัว ตบยุงกี่ตัว กินเนื้อไปกี่ชิ้น เพื่อเผาผลาญย่อยกลายเป็นพลังงาน เราใช้พลังเท่าไหร่เพื่อแยกอะตอมออกมา รถที่เราขับ ไฟฟ้าที่เราใช้ ต้นไม้กี่ต้นที่ถูกตัดทำลาย กี่ชีวิตที่ถูกไล่ที่เพื่อเราจะได้สร้างบ้าน ถ้าไดโนเสาร์ไม่ตายหมด มนุษย์ก็เกิดมาไม่ได้ เหมือนกับสิ่งใหม่จะมาได้ต้องรื้อสิ่งเก่าออกก่อน
ในโลกทุกวันนี้ การทำใจให้สบาย ก็แทบจะไม่ต่างจากการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับปัญหาทุกอย่างในโลกเรา เพราะปัญหามันเยอะเหลือเกิน ทุกคนอยากให้คนอื่นได้ดี พอทุกคนได้ดี มนุษย์ก็มีจำนวนเยอะเกินไป จนสิ่งมีชีวิตอื่นๆในโลกย่ำแย่ไปตามๆกัน ทุกอย่างมาจากความปราถนาดีทั้งนั้น เช่น อยากให้ทุกคนติดต่อกันสะดวกขึ้น เลยสร้างมือถือขึ้นมา แล้วทีนี้ ความเป็นส่วนตัวก็หายไป เจ้านายโทรมาตามได้ที่บ้านทุกที่ทุกเวลา สร้างรองเท้าให้คนเดินได้ดีขึ้น แล้วคนเราก็กลายเป็นโรคเท้าแบน เพราะโครงสร้างเท้าอ่อนแอถูกคัดเลือกไว้ สร้างยารักษาโรค แล้วเชื้อโรคก็ดื้อยาหนักกว่าเดิม โรคอ้วน โรคเบาหวาน ก็ไม่ได้เกิดจากความปราถนาดีพวกนี้เหรอ
# Mon 4 Mar 2019 : 7:56PM
KuNa wrote:
Rabbeo ta;2475215 wrote:
beastguy wrote:
คนที่ไม่นับถือศาสนาตายแล้วไปไหน
ไม่ทราบครับ
5555 บอกตามตรง ไม่รู้จริงๆ
ผมก็สงสัยว่า แล้วมนุษย์ยุคหินก่อนที่จะมีศาสนา ล่ะ เขาตายแล้วไปไหน
แล้วมนุษย์อีเล็คตรัส ที่อยู่บนโลกมาก่อนตั้ง2ล้านปี ล่ะ? เซเปี้ยน อย่างพวกเรา ยังอยู่ยังไม่ถึงเศษเสี้ยว ของอีเล็คตรัสด้วยซ้ำ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่านับถือศาสนา
แต่ผมมองว่า ทุกคนบนโลกเมื่อตายแล้วก็ไปที่เดียวกันหมด ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร หรือไม่นับถือศาสนาอะไรเลยก็ตาม เพียงแต่ที่ๆ นั้นยังไม่มีใครสามารถรู้หรือสรุปได้ว่าไปไหน แต่อาจจะมีบางศาสนาที่ตรงกับความเป็นจริงก็ได้ แต่ไม่มีใครรู้จริงๆ
ผมไม่คิดว่าเพียงแค่การเลือกนับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แล้วเราจะสามารถตายแล้วไปสู่จุดที่ศาสนานั้นกำหนดได้หรอก งี้ถ้าผมอยากให้เวลาตายแล้วได้เกิดชาติใหม่ ผมก็แค่นับถือศาสนาพุทธก็ได้แล้วสิ? หรือถ้ากลัวตกนรกก็ไม่ต้องนับถือศาสนา ก็ไม่ต้องตกนรกแล้ว? มันดูง่ายไปอ่ะ...
ยังไม่มีใครสรุปได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ยืนยันตรงกันทุกชนชาติ ทุกภาษาและกาลเวลา คือ เรื่องการระลึกชาติได้ ของเด็กเกิดใหม่ มีทุกชาติ ไม่ว่าจะฝรั่ง อินเดีย เอเชีย ชนเผ่า ที่ไม่ได้นับถือศาสนาสมัยใหม่ ก็มีความเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด พวกเด็กที่อ้างว่าระลึกชาติได้ หลายคน พอไปพิสูจน์ก็สามารถบอกทุกอย่างได้ถูกต้อง จะอธิบายเรื่องนี้ยังไงครับ? แต่ก่อนยุโรปก็เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด เพลโตก็เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด แม้จะต่างกันออกไปบ้าง เช่น เขาเชื่อวิญญาณไปเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตระดับล่างก่อนแล้วค่อยๆมาเกิดในชั้นที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ผู้ศรัทธาศาสนาคริสต์ยุคแรกๆอย่าง Origen ก็เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด แม้จะถูกมองว่านอกรีตไปในภายหลัง
สำหรับผมที่ศึกษาเรื่องพวกนี้มาเยอะ มีสอง-สามอย่างที่ เป็นสากล คือ การระลึกชาติ และ พลังของดวงดาวต่อชะตาชีวิต (โหราศาสตร์) และการถูกผีสิง-ไล่ผี (เทพลง มารลง ผีลง พระเจ้าลง บรรพบุรุษลง คนรู้จักลง หรืออะไรก็แล้วแต่)
สุดท้ายแล้ว แนวทางที่ฟังได้ที่สุดของผมคือ แนวจิตวิทยาสาย คาร์ล จุง
<<
<
1
2
3
Reply
Vote
Popular Thread
1 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 2015-04-20 14:37:03
(622 post)