มันผิดยังไงหรอครับ อ่านแล้ว งง

ร ล

ก็เหมือน เบจิต้า เวจิต้า แหละครับ เราเลือกที่เขียน/อ่านตามสำเนียงญี่ปุ่น เพราะงั้นใช้ คาคาล็อต มันก็ไม่ได้ผิดหรอก

ภาษาญี่ปุ่นเขียน カカロット ตัว ロ มันไม่แยก L R อยู่แล้ว
แล้วฉบับลิขสิทธิ์ภาษาไทยก็เขียน คาคาล็อต (ใครจะไปรู้ว่าชื่อมันมาจากแครอท)

ปกติการ์ตูนญี่ปุ่นบ้านเราจะเทียบจากเสียงญี่ปุ่นก่อน
ซึ่งมีข้อจำกัดในการเทียบเสียงภาษาอื่นค่อนข้างเยอะ
อย่าง ベジータ บ้านเราก็อ่านตามญี่ปุ่นว่าเบจิต้า มีใครเรียกเวจิต้าไหม?
เชื่อได้เลยว่าถ้าในเกมเขียนเวจิต้า มีคนด่าแน่นอน

ข้องใจเหมือนกันเลยไปรื้อตัว Movie มาดู

โกจิต้าของ Dex
Battle of God (จำชื่อค่ายไม่ได้)

[Link]
[Link]

ส่วนตัวมังกะของเนชั่นน่าจะใช้ ล มั้ง ผมเองก็ลืมไปละ ไม่มีหนังสืออยู่กับตัว

jump force ไม่แย่นะ

จั้มฟอชระบบสู้ดีครับ โรสเตอร์ก็ดี แต่อย่างอื่นแย่หมด

เคยทำแบบการ์ดบน nds ยอดขายแย่มากเลยครับ

ล่าสุดก็มีแบบการ์ดนะครับ แต่เป็นแบบเกมการ์ดต่อสู้แบบการ์ดตัวละคร

ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปครับ ทำแบบนั้นเขาคงมองว่าคงขายยากหละ

มันไม่มีกฎตายตัวแบบนั้นนะ อัศเจรีย์ถ้าต้องการจะสื่อว่าตกใจมากจะใส่มากกว่า 2 ตัวก็ได้ (หลาย ๆ ครั้งผมก็ใส่ !?!!!? เพื่อต้องการสื่อว่าทั้งแปลกใจและสงสัย)
ส่วนจุดนี้ก็แล้วแต่เลย ไม่มีข้อกำหนดเช่นกันว่าต้องใส่แค่ 3 จุด ถ้าต้องการสื่อถึงการทิ้งช่วงยาวนานกว่าก็สามารถใส่มากกว่า 3 จุดได้ โดยส่วนตัวผมว่าซับแปลดี ภาษาลื่นหู ไม่ติดขัด การใช้เครื่องหมายต่าง ๆ ทั้งอัศเจรืย์หรือจุดก็ไม่ได้ขัดหูขัดตาอะไร เข้าใจว่าต้องการสื่อให้ภาษาดูมีมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่ประโยคบรรยาย

อย่างที่ข้างบนบอก เรื่องนี้ไม่มีกฎตายตัว โดยเฉพาะงานแนวสร้างสรรค์ เครื่องหมายพวกนี้มันสื่ออารมณ์ ความหมายในตัว คนเล่นเกม rpg บ่อยๆ น่าจะเคยเห็น (ยิ่งสมัยที่ไม่มีพากย์เสียง ใช้แค่ตัวอักษรอย่างเดียว) บางครั้งเค้าก็ใช้ .................................................... ยาวๆ แบบนี้ เพื่อแสดงว่าตัวละครกำลังคิดอยู่ หรือ ?!?! ทั้งตกใจทั้งสับสน

ทำให้เวลาอ่านมันดูมีมิติครับ แบบ ตกใจ, ตกใจมาก, ตะโกน, ตกใจ สงสัย เรื่องปกติครับ ภาษาอ่านถ้าไม่ใส่ลูกเล่นมันจะเรียบไม่มีอารมณ์เหมือนเวลาให้กูเกิ้ลแปลภาษาอ่านน่ะครับ ส่วนตัวเกมภาษาไทยผมโอเคมากๆละ แค่อยากได้ font สวยๆ นิดนึง ^^

อันนี้เชื่อว่าต้นฉบับมีมาแค่ไหน คนแปลก็ใส่ไปแค่นั้นครับ

ที่มันออกบ่อยๆ ก็แค่ช่วงบูโดไค เท่านั้นแหละครับ
ภาคแรกมันดันขายดี แล้วก็ออกมาเรื่อยๆ จนตอนหลังมันเริ่มตัน ความนิยมเลยตกลง (ตอนภาค เทนไคชิ) แล้วก็ทิ้งช่วงไป

ส่วนภาค db fighterz นี่ไม่เกี่ยวกับภาคพวกนั้นเลย เพราะคนทำคือ arc system work ที่ทำ guilty gear เป็นเกมแนว fighting จริงจังเลย จนกระทั่งได้เป็นเกมหลักในงาน evo ที่ถือเป็นงานโอลิมปิคของเกม fighting

ส่วนตัวล่าสุดนี่ น่าจะมาจากการที่กระแส db มันกลับมา ทั้งจากเมะ dbs กับเกม fighterz บันแหนมเลยทำออกมาครับ

Edited อ่อลืม มันมี battle of z ที่มาเกาะกระแสหนัง battle of god (เกมเละ) แล้วก็ xenoverse (ค่อนข้างโอเค แต่ภาค 2 โดนบ่นว่าไม่ต่างจากภาคแรกเท่าไหร่) ที่คล้ายๆ เกม online มากกว่า

น่าจะฟ้อน มาตรฐานมั้ง อ่านง่าย ถึงไม่สวยแต่อ่านง่ายมั้ง 55555