ตอนนี้ได้งานล่ามที่ บริษัทรถยนต์ R&D แล้วครับ ขอใช้เป็นกระทู้สอบถามเลยละกัน


*******


ผมเรียนจบเอกญี่ปุ่นมาครับ ตอนนี้กำลังหางานอยู่

ตอนนี้มี N2 กับกำลังเตรียมไปสอบ TOEIC ครับ

คิดว่าพี่ๆในนี้ทำงานทางสายญี่ปุ่นกัน อยากถามว่า

1. งานไหนเติบโตกว่ากันในระยะยาว

2. งานล่ามปัจจุบันยังโอเคอยู่มั้ยครับ

หรือพี่ๆมีประสบการณ์อะไรอยากแชร์ได้เลยครับ

จบเอกญี่ปุ่นนี่ยัง N2 เลยเหรอฮะ แล้ว N1 นี่มันต้องแตกฉานระดับไหน


ผมเขียนคันจิ ทวนราว 400 ตัว N3 ไม่รู้ผมจะรอดไหม

ลองเป็นเซลก่อน ถ้าไม่ไหวก็เป็นล่าม แล้วล่าม เนี่ยฝึก ENG รอไปเลย ได้ใช้แน่ๆ

ที่ตอบแบบนี้ เพราะ เพิ่งจบ ลองเยอะๆ ไปเถอะ มีเวลาให้เลือก

ต่อให้สายไหนดีแค่ไหน ถ้าทำไปแล้วไม่ชอบยังไงก็ได้เปลี่ยนน่ะแหล่ะ

ยิ่งเปลี่ยนสายบ่อย ยิ่งรู้จักคน รู้จักโลกมากขึ้น เก็บประสบการ์ณไว้ครับ

ไม่เคยทำงานตรงสายครับ
แต่พี่ชายผมเป็น เซลล์ แกบอกเลือกทำงานที่แรกที่เขาให้งบ ฝึก บุคลิกภาพ ก่อน ผมว่างานเซลล์ต้องประสานงานกับคนเยอะกว่า ใช้ทักษะสังคมมากกว่า ถ้าจะเลือกเซลล์ก่อนก็เลือกบริษัทที่เขาเทรนด์ บุคลิค จะดีมากครับ

เซลล์ ดีกว่าครับได้ดูด หมายเลข 18 คุ้มกว่าเยอะ


ปล.ผิดงานครับ

ไม่อยู่ในสายงานทั้งคู่ ขอมองแบบคนนอกละกัน
คิดว่าเซลน่าดีกว่า ได้คอนเนคชั่นไปในตัว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทักษะที่เซลควรมีด้วย

งานล่ามมองว่าน่าจะอยู่ตัวกลางๆ ถ้าหวังเติบโตก้าวหน้าคิดว่าน่าจะช้า

เป็นเซลงานหลักรับงานล่ามงานเสริมซะเลย ฮ่าๆ

เพื่อนเคยเป็นล่ามบริษัทยาง เงินเดือนเยอะ โอทีก็เยอะตามไปด้วย
เห็นบอกส่วนใหญ่แปล อังกฤษ-ญี่ปุ่น-ไทย 3ภาษา เข้าไปก็ต้องศึกษาพวกศัพท์เฉพาะของสายงานนั้นๆอีกที
เพื่อนจบมนุษย์อิงค์แต่มันเก่งญี่ปุ่นได้ N1
ถ้าถามว่างานใหนดีกว่า
ถ้าเก่งภาษาไม่เก่งขายไปเป็นล่ามครับ
ถ้าเก่งขายได้ค่าคอมเยอะๆก็ไปเป็นเซลครับ

จบใหม่ไฟแรวลองไปฟาร์มประสบการณ์ล่ามโรงงามสักปีสองปีดูก็ได้ฮะ ถ้าได้นายเลี้ยงดีก็สบายไป
ตอนนี้ผมหนีมาทำเซลล์ รายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าคอม แต่งานสบายขึ้นเยอะไม่ต้องปวดหัวอะไรมาก

จบใหม่แนะนำให้ไปลองสนามเป็นล่ามก่อนเลยครับ ซัก 2-3 ปี ฝึกสกิลการฟัง การพูด ลองวิชา ไปดูโลกความจริงว่า ภาษาญี่ปุ่นที่แท้จริงกับภาษาญี่ปุ่นที่เรียนมาในมหาลัยมันต่างกันยังไง

แล้วหลังจากนั้นอยากไปทำอะไรต่อค่อยคิดอีกทีครับ

ถามว่าเป็นล่ามมีโอกาสเติบโตได้ไหม ก็พอมีแต่น้อยครับ แต่เงินเดือนนี่โตไวมาก

ผมจบเอกภาษาอังกฤษมาครับ
ตอนจบทีแรกก็คิดอยู่ระหว่างล่ามกับนักข่าว แต่ดันได้งานเป็นเซลดีลกับลูกค้าต่างประเทศ ทีนี้แหละแม่มได้ใช้ทั้งทักษะภาษาเพราะต้องแปลให้โรงงานกับลูกค้าเข้าใจกัน ส่วนเรื่องเซลก็ต้องเรียนรู้ไปครับ

ตามที่ท่านบนๆบอก เรามองงานขายในมุมไหน บางคนคิดว่างานขายคือการไปขอเงินชาวบ้านเค้า ถ้ามองแบบนี้อาจจะยังไม่เหมาะกับการเป็นเซลครับ

ถ้าเป็นล่าม เอาแบบปั่นค่าประสบการณ์เลยก็แนะนำให้เป็นล่ามโรงงานครับ เพราะ
1. มีรุ่นพี่ล่ามคอยช่วยสอนงาน และคำศัพท์ให้ อีกทั้งเราได้เรียนรู้การทำงานจริงด้วย
2. เงินเดือนไปไวอยู่ เพราะจบใหม่ได้ N2 เดี๋ยวนี้มีให้เห็นเยอะขึ้น แต่ถ้าตัวเราเองสามารถฟังพูดอ่านเขียนได้จริง มันก็จะได้เยอะมากขึ้นด้วย
3. บางบริษัท ประชุมเยอะ ใช้ล่ามแปลประชุมรัวๆ ได้ฝึกมาก ถามตัวเองด้วยว่าเจอประชุมแบบนั้นเราไหวไหม (เพราะประชุมมันโครตน่าเบื่อ แล้วล่ามต้องเข้าเยอะมาก เพราะต้องเข้าไปแปล)

ถ้าเป็นเซล เราก็ต้องถามบริษัทนั้นเพิ่มเติมด้วยเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบ เคยเห็นบางคนเป็นเซลล์กึ่งล่าม
คือมากับนายที่เป็นคนญี่ปุ่น และก็คอยซัพพอร์ตเรื่องเอกสาร เรื่องจดเนื้อหางาน แล้วเอามาสรุปประเด็นในทีม

เซลล์ต้องใช้ทักษะเรื่องมนุษยชนหรือความเข้าใจด้านจิตวิทยาพอสมควรในการสื่อสารกับลูกค้า ส่วนล่ามใช้ความสามารถด้านอ่านเขียนพูดและแปลความเข้าใจของศัพท์ให้ออก ถ้าถามถึงความยากง่ายด้านอาชีพล่ามจะเป็นอาชีพที่ตรงความสามารถของคุณเรนนี่-เดวิลมากกว่า หากถามถึงคำตอบว่าอาชีพที่น่าจะประสบความสำเร็จและพัฒนาเร็วที่สุดก็ต้องเป็นเซลล์ครับ

ถ้าเอาแบบไปสุดสายไม่กะเปลี่ยนสายงาน

ล่ามช่วงต้นๆ กลางๆ อาชีพ เงินเดือนน่าเยอะกว่า เห็นคุยๆกันที่ 40-80k แต่ถ้าไม่เปลี่ยนสาย หรือพัฒนาตัวเอง หาความรู้ด้านอื่นๆด้วย ผมว่าก็จะตันแค่นั้น

เซลล์ ที่เคยทำงานด้วยจะเป็นพวก key account,
ถ้าอยู่บริษัทใหญ่ๆต่างชาติ จะเริ่ม ราวๆ 40-60k พอเริ่มดู account รายใหญ่ๆ หรือกรุ๊ปใหญ่ๆ ก็อาจจะแตะๆ 100k (แต่ก็ต้องมีความสามารถระดับนึง) ทีนี้สายเซลล์จะไปได้ไกลตอนขึ้นเป็นพวก sales director จะแตะๆ 150-200k สบายๆ งานก็หาง่ายกว่าด้วยครับ ซื้อตัวกันเยอะมาก

ตัดสินใจไปสมัครล่ามแล้วครับ ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ

อยากได้เงินเดือนสตาร์ทเยอะๆ -> เป็นล่ามครับ
อยากฝึกสกิลการติดต่อสื่อสารเยอะๆ+ได้คอนเน็คชั่น -> เป็นเซลส์ครับ

เงินเดือนเซลส์ภาษาญี่ปุ่นจะแซงล่ามภาษาญี่ปุ่นตอนประมาณประสบการณ์ 3-5 ปีขึ้นไปครับ
เพราะบุคลากรน้อย ตลาดต้องการ

งานทั้งสองอย่าง ถ้าบุคลิกดี ภาษาดี ได้เปรียบคนอื่นมากๆครับ