ผมยังไม่ได้เล่น BD นะ แต่เดี๋ยวซักพักว่าจะซื้อมาเล่น
ใครเคยเล่นทั้ง 2 เกมแล้ว โปรดชี้แนะ

ระบบมันคล้ายกันหลายส่วนเลยครับ
ถ้าชอบน่าจะชอบทั้งสองเกมส์
ส่วนตัวผมให้ Octopath ขึ้นหิ้งในใจไปแล้วครับชอบมากๆ
ส่วน BD2 กำลังเล่นอยู่ ระบบผสมอาชีพสนุกดี แต่ตัวละครการออกแบบโมเดล ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่

Bravely Default 2

ผมไม่ชอบระบบเนื้อเรื่องของ Octopath เล่นไงก็ไม่ชอบแบบนั้นจริงๆ Pacing Retcon อะไรอีกดีคือไม่ชอบทั้งนั้นเลยครับไอแนวๆนี้ เล่นแล้วไม่ต่อกันเลยคือมันดิสคอนเนคกันมากๆครับหลายๆช่วงในเกม ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนผมคงเฉยๆอ่ะเพราะเน้นเกมเพลย์มากกว่า แต่โตมากหน่อยเนื้อเรื่องแหม่งๆแบบนี้ผมเล่นไม่ค่อยจะจบ

octopath ม้นอารมณ์เกมส์กลวงๆ ที่องค์ประกอบดีเยี่ยม และมี การ grind lv กับ boss mechanic ที่จำเจที่สุดละ + balance พัง

octopath ถ้าให้คนเล่น jrpg บ่อยๆ เล่นไป 10-20 ชม. แรกจะบอกแมร้งโคตรดี แต่พอเล่นไปเรื่อยๆจะอารมณ์เกมส์มึงทำได้แค่นี้หรอฟะ

ิbd2 เกมส์ไม่กลวงน่ะ แต่เนื้อเรื่อง ตัวละครผมชอบภาคก่อนมากกว่า
ส่วนองค์ประกอบโดยรวมมันดีเหมือน ot แต่เรื่อง art design มันไปคนละโทน
build หลากหลาย boss ไม่น่าเบื่อ dungeon ไม่โง่สั้นสิ้นคิดแบบ ot
และจากประสบการ์ grind bd2 ช่วงท้ายเกมส์น่าจะดีไซน์มาดีกว่า ot แน่ๆละ

แต่ผมยังเล่นbd2 ไม่จบ ตอนแรกเลยไม่อยากพิมพ์เพราะกลัวเหมือน ot
แต่เท่าที่เห็นคร่าวๆ ยังไงผมก็เทไปทาง bd2 เพราะเนื้อเรื่อง gameplay ost มัน well design แบบมีระบบกว่า ot

Octopath Traveller สนุกในช่วงครึ่งแรกสำหรับผม ระบบปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านทำให้รู้สึกเหมือนได้แกะกล่องของขวัญตลอด แต่พอไล่เก็บจนพรุนทุกเมือง + หายตื่นเต้นกับงานภาพแล้ว ที่เหลือคือจืด

ทั้งแปดตัวละคร สี่บท เล่นใช้รูปแบบการดำเนินเรื่องแบบเดียวกันหมดเลย คือเข้าเมืองใหม่ > เนื้อเรื่อง > ดันเจียน > ปราบบอส > เมืองต่อไป ส่วนเนื้อเรื่องก็เหมือนเอาพล็อตเชยๆ แปดเรื่องมาเล่า ปริศนา การหักมุมไม่ได้มีความกระชากอารมณ์ ต่อให้โดนสปอยล์ก็ไม่สะทกสะท้าน ความรู้สึกผูกพันกับตัวละครก็ไม่มี เพราะพอสลับไปเล่นตัวอื่นอีกเจ็ดตัว วนกลับมาอีกทีบางทีลืมไปแล้วว่าตัวละครนี้มาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อันใด

ในขณะที่ Bravely Default (ผมเคยเล่นแค่ภาคแรกกับ Second นะ ภาคสองยังไม่ได้เล่น) เล่าเรื่องว้าวกว่ามาก หักมุมเซอร์ไพรส์คนเล่นแบบต้องร้องเฮ้ย เอ็งเล่นแบบนี้เลยเรอะ! ระบบต่อสู้ค่อนข้างโอเคสำหรับผมมากกว่า OT ที่เน้นโจมตีจุดอ่อนให้ศัตรู Staged แบบว่าชอบอะไรง่ายๆ ตรงๆ มากกว่า (Final 13 กับ Final 7 Re นี่ก็ไม่ชอบวิธีสู้แบบแซะเจาะเกราะเหมือนกัน) และความผูกพัน ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกทีมดีกว่ากันมาก เพราะพวกเขาผจญภัยด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบ

ยังยกให้ BD ครับ

ยก Octopath ให้ตรงเพลงประกอบ กับ artwork

คือทำมาดีมาก ส่วนตัวผมว่าติดหูกว่า Revo อีก ยิ่งตอนที่เปลี่ยนจากตัวธีมตัวละครก่อนสู้บอสนิ ใส่หูฟังแล้วให้อารมณ์แบบสุดๆ นี่แอบเสียดายอยู่ว่าดันไปพัฒนาต่อบนภาคมือถือ.... เพราะในนั้นเพลงใหม่ๆ ก็เพราะเหมือนกัน

ข้อเสียหนักๆ ก็การปูเนื้อเรื่อง มันดันทำมาลวกๆ ตอนจบ และไม่มีการต่อเชื่อมที่สมเหตุสมผลเท่าไร เอาจริงๆ plot เกมนี้ทำมาโคตร dark อะ แต่ดันเอาส่วนนั้นไปใส่ในไดอารี่ก่อนสู้ last boss ซะงั้น และไม่ชวนให้ตัวละครมีความสัมพันธ์กับมันเลย คือถ้าทำตรงนี้มาดีหน่อย ผมคงยกให้ดีกว่า Bravely อีก

ส่วน Bravely เนื้อเรื่องมาทำดีมาก (ไม่ถึงขั้นว้าว แต่ก็ดี) ระบบ job ทำมาหลากหลายและผสมผสานได้หลายแนวทาง ส่วน artwork 3D ผมว่าทำมาไม่ค่อยสวยเท่าไร อารมณ์เหมือนเกมมือถือยังไงไม่รู้ แต่เท่าที่เล่นมาทั้งหมด ยกให้ระบบการสู้บอสของภาคนี้ ทำมาแบบ เดาไม่ถูกเลยว่าบอสจะมาไม้ใหน จะเตรียมตัวยังไง ไม่ใช่แค่ไปปั้มเลเวลอย่างเดียว บอสทุกตัวที่เจอนิ ไม่ใช่ว่าตบธรรมดาๆ ก็ชนะ แต่นี่คือต้องคิดแล้วคิดอีกอยู่หลายตลบ อันนี้ถือว่ากำกับมาดีน่ะผมว่า

มายืนยันเรื่องบอส BD2 ครับ แต่ละตัวนี่คือแบบลูกเล่นโคตรเยอะ ต่างกับภาคแรกเลย ถ้ายิ่งไม่ฟาร์มเลเวลนี่มีหัวร้อนได้ง่ายๆ
ถ้าจะมีติก็แค่พวก Side Quest ย่อยบางอันที่ไร้สาระ + ให้ของห่วย กับโดยรวมแล้วชอบดีไซน์ตัวละครภาคแรกมากกว่า

Bravely Default 2 ผมมึนกับ world map หมุนมั่วไปหมด ต้องขยายแผนที่เดินเอาทุกที ตอนนี้ยังเล่นไม่จบแต่โดยรวมชอบมากกว่า Octopath ผมไม่ชอบที่เป็น 2D ภาพแตกเหมือนเกม 8 bit ถึง Bravely จะ 3D แตกยับเวลาต่ออก tv แต่เล่นใน nsw ภาพก็สวยน่ารักดี เนื้อเรื่อง Octopath นึกถึง FF6 แฮะ แยกเป็นคน ๆ มีเรื่องราวของตัวเองแล้วมารวมกัน แต่ Bravely มันมีเนื้อเรื่องที่มีมิติเนื้อหามากกว่า เพราะเรื่องราวเดียวกันหมด

ส่วนอื่น ๆ ผมว่า JRPG นี่ต้องยกเครื่องเรื่องระบบเควสเลยครับ หลายเควสงี่เง่าส่งของอยู่นั่น อยู่ใกล้ ๆ กันก็ไม่เดินไปคุยกันให้เราวิ่งไปคุยไปมา คือน่าจะทำระบบเควสย่อยให้เป็นเรื่องราวขยายเรื่องหลัก ทำให้เราเห็นมุมมองอีกด้านของบอสก็ได้ เกมก็มี world map แล้ว น่าจะลดข้อจำกัดการเดินทางด้วยการปิดพื้นที่ลง ให้เราสามารถเดินไปได้ไกล ๆ ทั่ว ๆ กว่านี้ แล้วใส่ monster โหด ๆ ไว้เป็นจุด ๆ เอาน่าจะดีกว่าที่ map แรกมีแต่ตัวกระจอกเวลาย้อนกลับไปวิ่งหนีเราหัวซุกหัวซุน