//เครดิต : beartai แบไต๋ [Link]

เนื่องด้วยตัวเครื่อง Playstation 5 นั้นมีการผลิตออกมาในจำนวนที่จำกัด ทำให้การขาย PS5 ต้องแบ่งออกเป็นรอบ ๆ ในแต่ละประเทศ รวมไปถึงประเทศไทยเช่นกัน โดยทุกครั้งที่จะมีการเปิดจองก็จะมีเหล่าพ่อค้าโก่งราคาที่ซื้อไปได้ก่อนเป็นจำนวนมากและนำไปขายโก่งราคาต่อ ซึ่งทำให้ชุมชนกลุ่ม Playstation ที่ต้องการเครื่อง PS5 จริง ๆ (รวมไปถึงประธาน Sony Interactive Entertainment จิม ไรอัน (Jim Ryan) ) ก็ได้แสดงความไม่พอใจกับปัญหานี้ และอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาควบคุมเรื่องการขายโก่งราคา

ในโพสต์เปิดจอง PS5 รอบล่าสุดที่ผ่านมา ก็ได้มี ส.ส. ท่านหนึ่งจากพรรคก้าวไกลชื่อว่า นาย สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตบางนาและพระโขนง (และได้สั่งจอง PS5 ออนไลน์เหมือนกันแต่ก็ไม่เคยได้เลย) ได้คอมเมนต์เสนอแก้ไขปัญหานี้ โดยจะยื่นเรื่องให้กับ กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคครับ



จากจำนวนคอมเมนต์ตอบกลับจำนวนมาก และเนื่องจากประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้ว ท่าน ส.ส. ก็ได้ทำหนังสือยื่นเรื่องนี้ให้กับประธานกมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งท่านได้ลงรูปเอกสารจากหนังสือไว้ในโพสต์หนึ่งที่ท่านขอบคุณเพจต่าง ๆ ที่นำคอมเมนต์ของท่านมาพูดถึงประเด็นนี้ครับ



ยังไงก็ตามเนื่องจาก PS5 เป็นคอนโซลใช้เล่นเกม แน่นอนว่าจะจัดอยู่ในหมวดของใช้ฟุ่มเฟือย ต่างจากการ์ดจอที่สามารถใช้งานในเรื่องอื่น ๆ ได้ (ในประเด็นการ์ดจอนี้ก็ได้มีผู้ร้องเรียนส่งประเด็นนี้ให้ท่าน ส.ส. สมเกียรติ เช่นกัน) ซึ่งคำตอบจากทาง กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร เหล่าสาวก Playstation (รวมถึงผมด้วย) ก็คงต้องรอดูกันต่อไปครับ

อ้างอิง Facebook ส.ส. สมเกียรติ ถนอมสินธุ์

ส่วนตัวผมอยากรู้เช่นกัน ว่าเปิดจองทีมีกี่เครื่องกัน? ร้านไหนได้เท่าไหร่? อะไรพวกนี่ อยากรู้ๆ

ถ้าบอกว่าได้ร้านละเจ็ดเครื่อง
แล้วจะช่วยอะไรไหมนะ
หรือถ้าบอกตามจริงจะไม่เสียเวลามากดกัน
ก็ไม่ใช่มั้ง

รอบนี้คงจะน้อยจริงๆ แหละ ไปดูเพจซื้อขาย ก็ลงขายล็อต 6 กันน้อยนะ คนนึง 1-2 เครื่องเอง (ขนาดบันเดิ้ลทีวียังเอามารีเซล )

เพราะจีนเปิดขายด้วยหรือเปล่า โควต้าเลยไปลงที่จีนซะเยอะ

ป.ล. ไม่อยากการเมือง แต่ถ้าเป็น ส.ส. พปชร ไปแจ้ง น่าจะเห็นผลมากกว่า..

แค่นั้นในกลุ่ม PS5 ก็ประนามว่างอแงแทบแย่แล้วครับ ถ้าเป็นพรรคนั้นคงคูณสองเข้าไปแหงแซะ

ผมก็สงสัยเหมือนคุณ sando ว่าบอกไปแล้วมันจะช่วยอะไรได้
แต่แอบแปลกใจคนที่บอกว่าให้บอกจำนวนเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาไปจอง นี่ตอบจริงๆ หรือเอาสะใจครับ

คิดในมุมกลับด้วยนะ ถ้านั่นคือเหตุผลจริงๆ แสดงว่า สส. ท่านนี้ กำลังบังคับให้ภาคธุรกิจเปิดเผยข้อมูลที่จะทำให้เกิดผลกระทบด้านลบกับบริษัท

คือเขาประกาศแคมเปญการตลาดมาแบบนี้ ก็ต้องการให้คนมาจองกันเยอะๆ นั่นแหละ ถ้าประกาศแล้วโดนบังคับว่าต้องใส่ข้อมูลที่ลูกค้าเห็นแล้วจะไม่มาจอง สุดท้ายก็คนหาย ลูกค้าหด มันก็ทำร้ายธุรกิจสิครับ

ตอนบริษัทอื่นเปิดให้จองรถ จองมือถือรุ่นใหม่ นี่ไม่เห็นมีการบังคับให้บอกจำนวน แต่พอเป็น ps5 แล้วโดนบังคับให้บอกซะงั้น มันสองมาตรฐานหรือเปล่า ยิ่งคนที่บังคับให้บอกคือคนจองไม่ได้ แบบนี้มันเข้าข่ายแพ้แล้วชวนตีชัดๆ

ที่สำคัญ จะเอากฎหมายข้อไหนไปบังคับเขาให้บอก จริงอยู่เรื่องการบังคับให้เปิดเผยข้อมูลไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะต้องมีกฎหมายรองรับ และมักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสุขภาพ-สวัสดิภาพของประชาชน เช่น บังคับให้เกมที่มี lootbox หรือ ระบบกาชาเปิดเผยอัตราการสุ่ม เพื่อป้องกันปัญหาการพนัน หรือบังคับให้อาหารและยาเปิดเผยส่วนผสม หรือติดป้ายคำเตือน คำแนะนำ อย่าง "บริโภคแต่น้อยและออกกำลังกายเป็นประจำ" ที่เราเห็นบนห่อขนมกรุบกรอบ อันนี้พอเข้าใจได้

แต่ในกรณี ps5 การบังคับเปิดเผยข้อมูล มีเหตุผลเพียงแค่ "จะได้ไม่เสียเวลาไปจอง" แบบนี้มันแฟร์กับทางผู้ประกอบการไหมครับ จัดแคมเปญการตลาด เสียเงินไปตั้งเยอะ สุดท้ายไม่มีคนมาจองเพราะไม่มีคนอยากเสียเวลา

นี่ยังไม่นับเรื่องภาพลักษณ์ สมมติบอกจำนวนน้อยมาคงไม่พ้นคนด่า แทนที่จะโฆษณาแล้วคนสนใจสินค้ามากขึ้น กลายเป็นว่าโฆษณาแล้วมีแต่คนบอกว่าไม่ต้องไปซื้อหรอก เสียเวลา มันใช่ความผิดของโซนี่ไทยไหมที่ได้เครื่องมาน้อย พอเขาจะทำตลาดในประเทศ ก็โดนบังคับให้เปิดเผยข้อมูลที่ทำให้คนมีทัศนคติแง่ลบกับสินค้าหรือบริษัทยิ่งขึ้นไปอีก

มันต้องมีเหตุผลทางการตลาดแหละที่สินค้าอื่นๆ ไม่เปิดเผยจำนวนที่เอามาขาย ไม่งั้นก็คงบอกกันจนเป็นปกติแล้ว


สุดท้าย อยากจะถามว่าการ "เสียเวลาไปจอง" นี่มันเสียเวลาเท่าไหร่กันเชียว จองใช้เวลากี่นาที คุณเจียดเวลานั้นจากชีวิตคุณไม่ได้เลยเหรอ แน่ใจนะว่านี่คือเหตุผลจริงๆ ไม่ใช่เหตุผลที่พูดจากความแค้นที่จองไม่ได้ ถ้าคุณจองมาหลายครั้งแล้วไม่ได้ คิดว่าเสียเวลาในชีวิตมาก จะตัดสินใจเลิกจองครั้งต่อไปก็แล้วแต่คุณ แต่ไม่ใช่มาบังคับให้บริษัทเขาเปิดเผยข้อมูลที่จะกระทบการตัดสินใจของลูกค้าคนอื่นๆ แบบนี้

ถ้าทำได้ ก็ดีนะครับ

ขนาด usa ยังทำ ถือว่าไม่แปลกเลย

จะแก้โก่งราคา แต่บอกให้แจ้งจำนวนเครื่องที่ได้ เนี่ยมันไม่สอดคล้องกันน่ะ ดูยังไงก็ไม่ผ่าน

แต่ถ้าบอกว่าจำนวนเครื่องไม่เพียงพอต่อผู้บริโภค จึงอยากทราบจำนวนที่ได้มา ก็พอจะดูมีเหตุผล แต่เป็นเเหตุผลไร้สาระ
อารมณ์แค่อยากรู้ยอดเครื่องแต่ไม่ได้แก้อะไร

สิ่งที่ควรทำจริงๆคือ ตรวจสอบระบบการขายของโซนี่ และร้านที่เป็นคนได้เครื่องไปขายว่าใช้ระบบยังไง และจะแก้ไขได้ยังไงมากกว่า

จริงๆจำนวนเครื่องเนี่ย ร้านย่อยเขาอยากรู้กว่าคนซื้ออีก
เพราะเขามีค่าใช้จ่าย ถ้าเขามีเครืองขายน้อยแผ่นก็ขายไม่ออกเพราะคนมีเครื่องน้อย จะเอากำไรที่ไหนไปจ่ายค่าเช่าค่าพนักงาน
แต่จะรู้กันเฉพาะเจ้าของร้านหรือพนักงานของแต่ละร้านคุยกันเองเท่านั้นถึงจะรู้ว่าได้เท่าไหร่กันบ้าง

แล้วก็จะคิดกันว่าแล้วมันมีร้านไหนได้โควต้าเยอะกว่าป่าว จะได้ร้องเรียนว่าไม่ยุติธรรม
แต่ตรงนี้โซนี่ไม่บอกว่าแต่ละร้านได้เท่าไหร่ และไม่บอกจำนวนรวมด้วย

อยากได้จนตัวสั่นริกๆเบย

อันนี้คือ จองลมแล้วไม่ได้ซักที หรือป่าว

บอกแกทำเรื่องการ์ดจอด้วยสิ อยากได้ 3060 ราคาปกติสักใบ

ทำเรื่องให้ sony ขายจอยราคาถูกๆด้วยสิ
ของ ps4 1200-1400 ,. ps5 โดดมา 2000 อะไรเนี้ย

ถึงยึ่นเรื่องไปก็ไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะไม่มีกฏหมายรองรับ

ส่วนตัวคิดว่าช่วง 2-3 รอบหลังคงจำนวนน้อยมากๆ เพราะมีการไปเปิดตลาดที่จีนด้วย แต่ก็ดีไปอย่าง เท่ากับยืดเวลาของ ps4 ไปอีกย่างน้อย 1-2 ปี ประหยัดค่าใช้จ่ายไปอีก

จำนวนของในสตอกจริงๆก็บอกก็ได้นะ แฟร์ๆดีออก

ส่วนพวกรีเซลทำอะไรไม่ได้มาก ได้แค่ด่ากับอย่าไปซื้อมัน


..อย่ามาบอกว่าห้ามด่าพ่อค้ารีเซลนะ...ผมคิดว่าคนที่ไม่ได้เครื่องสักทีก็มีสิทธิ์จะด่าเข้าด่าเย็นจนกว่าเขาจะได้ของราคาปกติแหละ

อันนี้คือคุยกับเพื่อนแล้วยังไม่ได้ข้อสรุป ขอมาคุยในนี้ต่อละกัน

คือ มีหลายท่านมากๆ ที่พูดประมาณว่า reseller เนี่ย ทำให้ขายเกมไม่ได้ ผมมาคิดในประเด็นนี้ คือ reseller ก็ไม่ได้ซื้อเครื่องไปดองใส่โหลไว้นะ แต่เอามาขายต่อแล้วถ้าดูตามกระแสมันก็ขายต่อได้เรื่อยๆ ด้วย ผมเลยคุยว่า ตกลงเครื่องมันก็ไปถึงมือคนเล่นเกมไม่ใช่เหรอ แต่ถึงแบบราคาแพงกว่าปกติมาก

ซึ่งพอวกกลับมาที่ ทำไมถึงมีการคิดกันว่า reseller ทำให้ขายเกมไม่ได้ ที่สัญนิตฐานไว้คือว่า

คนเราอาจมีงบ 30000 อะไรแบบนี้ แล้วหากซื้อเครื่องได้ที่ 17000 เงินจะเหลือพอซื้อเกมอีก 13000 แต่พอต้องซื้อเครื่องในราคา 28000 เงินที่เหลือซื้อเกมอาจจะเหลือแค่ 2000

ซึ่งมุมนี้ผมก็ยังไม่ buy นะ เพราะว่า ถ้าลงทุนซื้อเครื่องเกมมาแล้ว 28000 ก็น่าจะยอมควักเพิ่มเพื่อซื้อเกมกันอยู่แล้ว

อันนี้ผมอยากรู้ความคิดของท่านอื่นๆ ว่าคิดเห็นยังไงต่อประเด็นนี้นะขอถามแบบเปิดๆ ไว้ เพราะผมว่าถ้าเครื่องที่ขาย 100% ออกไป 90-95% น่าจะถึงมือคนเล่นเกมนะ แต่ถึงด้วยราคาเท่าไหร่ไม่รู้

คำว่า reseller ทำให้ขายเกมไม่ได้ มันไม่เคลียร์ไงไม่รู้

อ่อไม่ได้สนับสนุนนะ แต่อยากได้เหตุผลที่ทำให้ผมยอมรับในประเด็นนี้ได้แค่นั่นครับ ก็เลยมาลองสอบถามความเห็นทุกท่านดู