Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Hacksaw Ridge (ความเชื่อของคุณแน่วแน่ขนาดไหน)
Slashmeplease at 2017-02-10 08:05:46 , Reads (4132), Comments (13) , Source :

Review : Hacksaw Ridge (ความเชื่อของคุณแน่วแน่ขนาดไหน)

ผู้กำกับ : Mel Gibson (Braveheart, The Passion of the Christ, Apocalypto)

ผลงานการกลับมากำกับของ Mel Gibson ที่หายไป 10 ปีเลยทีเดียวตั้งแต่ Apocalypto ที่หายไปนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะพายุดราม่าที่รายล้อมตัวเขาเองด้วย แต่หายไปนานแล้วก็ใช่ว่าจะฟอร์มตกครับ เขายังคงพิสูจน์ตัวเองได้ว่ายังคงเป็นผู้กำกับมากความสามารถ ไม่ว่าความเชื่อส่วนตัวจะเป็นอย่างไรก็ตาม กับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา Hacksaw Ridge ที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 รางวัลครับ



Hacksaw Ridge สร้างจากเรื่องจริงของ Desmond Doss (Andrew Garfield) หนุ่มที่โตมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนา แต่เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้น เขาก็รู้สึกว่าจะปล่อยให้ชายหนุ่มคนอื่นๆรอบตัวเขาไปสู้เสี่ยงชีวิตแล้วตัวเขาเองปลอดภัยอยู่ในแนวหลังไม่ได้ Doss จึงตัดสินใจสมัครเป็นทหาร แต่คนเคร่งศาสนาอย่างเขาก็ได้ตั้งใจไว้ว่า เขาจะทำหน้าที่เป็นแพทย์สนามเท่านั้น และปฏิเสธที่จะจับปืนหรือสังหารฆ่าศึกเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งทำให้เขาถูกเหล่าครูฝึกและเพื่อนๆทหารเกลียดขี้หน้าเป็นอย่างมาก แต่ในสนามรบ Hacksaw Ridge Doss ก็ได้พิสูจน์ให้เห็น ว่าถึงจะไม่สังหารศัตรูเลย เขาก็เป็นทหารที่ยิ่งใหญ่ได้ครับ



ผมชอบ Hacksaw Ridge มากกว่าที่คิดไว้มากเลย เพราะดูจากเทรลเลอร์แรกๆรู้สึกว่าประเด็นของหนังมันแปลกๆ และจากตัว Mel Gibson เองก็น่าจะทำหนังที่ค่อนข้าง Conservative พอสมควร แต่ป๋า Mel ก็ไม่ทิ้งลายนักทำหนังมือดีจับประเด็นประมาณนี้มาเล่าในมุมที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนซึ่งเปิดโลกมากๆสำหรับผม หนังพูดถึงคนที่ศรัทธาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแรงกล้า ซึ่งในสังคมยุคใหม่อาจมองคนพวกนี้ในแง่ลบ เป็นตัวประหลาดได้ แต่หากเขามีจิตใจที่ดี มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ ก็สามารถทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ หนังยังเป็นหนังสงครามที่ดูสนุกมีฉากดีๆหลายฉากอีกด้วย ฉากศาลทหารนี่ผมชอบมาก และมีฉากรบที่ขอบอกเลยว่าได้ทั้งความมันส์และสามารถแสดงความโหดร้ายของสงครามได้เป็นอย่างดี ซึ่งฉากรบนี้ผมว่าอาจทำได้เทียบเท่างานคลาสสิคอย่าง Saving Private Ryan เลยครับ อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบของหนังคือการบิวต์อารมณ์ ที่ถึงจะไม่ใช่อารมณ์เศร้าซึ้งแต่การแสดงความมุ่งมั่นและกล้าหาญของพระเอกก็ทำออกมาได้ดีมากจนบางฉากนี่ขนลุกและน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัวได้เลยครับ หากจะหาข้อตินั้น คงเป็นช่วงต้นของหนังที่จะออกตามสูตรหนังชีวประวัติไปสักนิด และตัวละครหญิงที่ค่อนข้างอ่อนมากถึงมากที่สุดครับ



งานภาพนั้นช่วงแรกๆยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พอฉากสงครามนี่ดีมากเลยครับ การเคลื่อนกล้องสุดยอดมากๆแสดงความโหดร้ายของสงครามได้ดีจริงๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนังก็มี Gore และฉากความรุนแรงแบบจะๆเยอะมาก คนขวัญอ่อนและเด็กๆแนะนำให้หลีกเลี่ยงครับ มาดูการแสดงกันบ้าง Andrew Garfield เล่นดีทีเดียว สีหน้าอารมณ์ผ่านหมด สำเนียงก็ทำซะเหมือนตัวจริงเลย อีกคนที่ชอบคือ Hugo Weaving ในบทพ่อพระเอก ที่ถึงจะดูเล่นใหญ่นิดๆแต่บางซีนมันก็ควรจะต้องเบอร์นี้แหละถึงจะเอาอยู่ และสามารถถ่ายทอดปัญหาของทหารผ่านศึกได้ดีมากๆครับ (เสียดายที่แกออกน้อยหน่อย)

สรุป : เป็นหนังที่เมสเสจเปิดโลกผมมาก และงานโปรดัคชั่นหนังสงครามทำได้ดีงามมาก คอหนังสงครามและหนังรางวัลห้ามพลาดครับ

คะแนน : 8.6/10 (A+), ชอบครับ

แสดงความคิดเห็น
1 more comments >>
ตัวละครหลักผมชอบทุกคนเลยนะ

Andrew, Teresa, Hugo นี่ท็อปฟอร์มมาก 2 คนแรกผมว่าดีสุดในชีวิตนักแสดงเลย (ยังไม่ได้ดู Silence)

ฉากแรกๆจีบกันน่ารักมาก ฉากในเต้นท์นี่โคตรฮา ขำกันทั้งโรง และฉากสงครามนี่โคตรดี ได้อารมณ์มาก น่ากลัวโคตรๆๆ เริ่มยิงกันทีนี่ดึงเราเข้าสู่สงครามจริงๆ

ข้อติของผมมีเพียงอย่างเดียวคือตอนท้ายมันเร่งรัดไปหน่อย แต่งานภาพก็ยังดีงามอยู่ดี
Like : Slashmeplease, Rajeedz
สนุกจริงครับ

ชอบตอนปูพื้นตัวละครมากพอๆกับฉากสงคราม

ช่วงที่ตัดเข้าสงครามนี้เหมือนหนังคนละเรื่องเลย

เป็น สองชั่วโมงครึ่ง ที่ผ่านไปเร็วมากๆ
ว่าแต่ลุเมลแกเลิกเหล้ายังนิ เดี๋ยวก็กลับไปเพี้ยนเหมือนเดิม เสียดายผู้กำกับดีๆ
หนังดีมากดีจนอยากให้เพิ่มช่วงท้ายจนถึงรับเหรียญไรก็ว่าไปเลย
ฮือ หนังดีมาก 2.30 แต่ดูไม่เบื่อเลย
เซงฉากรบ แอบอยากให้เพิ่ม HUD บอกชื่อตัวละครหน่อย งงไปหมดใครเป็นใคร 55+
Like : Rajeedz, Slashmeplease
หนังมันกึ่งเล่าเรื่องกึ่งใส่ความคิดผู้กำกับ เลยออกมาแบบช่วงเล่าก็เล่าจนน่าเบื่อ ช่วงฉากคิวสงครามก็กินเวลาร่วมเกือบชั่วโมง มันจะดีกว่านี้ถ้ากิ๊บสันลำดับเหตุการณ์ไม่ให้น่าเบื่อจนเกินไป
หนังครึ่งเรื่องแรกกับช่วงหลังก็ไม่ได้มีความสอดคล้องกัน นอกจากช่วงในการฝึกในค่ายทหารอันนั้นมีความเกี่ยวข้องกันบ้าง แต่พอไปถึงสมรภมูิไอ้พระเอก point break กลับดูเด่นเฉยเลย
ถ้าไม่นับรางวัลที่กิ๊บสันได้ก่อนหน้าเรื่องผู้กำกับ ยังมีหนังทหารสร้างจากเรื่องจริงดีกว่านี้อีกเยอะ

7/10 เยอะแล้ว
ไปหาอ่านเรื่องจริงมาแม่มโม้กว่าในหนังอีก....
Like : Slashmeplease
View all 2 comments >
ใช่ครับ Mel Gibson ต้องตัดบางอย่างออก เพราะกลัวคนดูจะหาว่าโม้ ทั้งๆที่เป็นเรื่องจริง
มีวีรกรรมอะไรอีกเหรอครับ
เพิ่งดูจบไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะหักคะแนนตรงไหนเป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่ผมได้ดูมาในปีนี้เลยชอบตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง
ว่าแต่จขกท.ไปโดนหนวดตั้งฉายาให้ตอนไหนนิ
View all 1 comments >
แค่ตั้งกระทู้ชวนดูคลิปเก่าแค่ปีสองปีเอง
ไปดูมาเมื่อวาน

รวมๆ ชอบเลยล่ะ ยาวแต่ไม่น่าเบื่อ

แต่ไม่มีสมาธิดูเลย ให้ตายเถอะ คงต้องไปซ้ำรอบสอง T T

-------------------------------

ส่วนตัวอยากให้ช่วงหลังยาวอีกหน่อย
Black cat;2209269 wrote:
ไปดูมาเมื่อวาน

รวมๆ ชอบเลยล่ะ ยาวแต่ไม่น่าเบื่อ

แต่ไม่มีสมาธิดูเลย ให้ตายเถอะ คงต้องไปซ้ำรอบสอง T T

-------------------------------

ส่วนตัวอยากให้ช่วงหลังยาวอีกหน่อย


ช่วงท้ายน่าจะมีรับเหรียญแล้วค่อยจบ