Review : Tomb Raider 2018

กำกับ : Roar Uthaug (The Wave)

อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่หาญกล้าจะมาลบล้างคำสาปของหนังจากเกมอีกเรื่องหนึ่ง ที่คราวนี้เป็นงานรีบูทของหนังจากเกมที่ได้ชื่อว่าเข้าท่าที่สุดแล้วคือ Tomb Raider (ถึงแม้ว่าภาค 2 จะแป้กสนิทก็ตาม) แล้ว Tomb Raider reboot นี้จะสามารถทำลายคำสาปได้หรือไม่มาดูกันครับ (ผมเคยเล่นเกมเวอร์ชั่นปี 2013 ส่วน Rise of the Tomb Raider ยังไม่เคยเล่นครับ)



Tomb Raider เล่าถึง Lara Croft (Alicia Vikander) ผู้สืบทอดกลุ่มธุรกิจตระกูล Croft อันมีมูลค่ามหาศาล แต่เธอยังไม่สามารถรับมรดกได้เพราะยังไม่อาจทำใจเซ็นรับรองว่าพ่อของเธอได้เสียชีวิตจากการออกผจญภัยตามหาตำนาน “ฮิมิโกะ” เจ้าหญิงปีศาจของญี่ปุ่น และเมื่อเธอได้พบกับเบาะแสของสถานที่ที่พ่อของเธอหายตัวไป เธอจึงเริ่มออกเดินทางตามรอยพ่อของเธอทันที แต่การเดินทางนี้อาจจะมีอันตรายและมีความชั่วร้ายที่เธอยังไม่เคยสัมผัสอยู่เบื้องหลังก็เป็นได้ และมันอาจจะปลุกสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของตระกูล Croft ให้ตื่นขึ้น!!!



ซึ่งสำหรับผม Tomb Raider เวอร์ชั่นนี้ก็ยังไม่สามารถลบล้างคำสาปของหนังจากเกมลงได้ครับ เอาจริงผมค่อนข้างผิดหวังกะหนังพอสมควรนะ ปัญหาของผมที่มีต่อหนัง มีทั้งการดำเนินเรื่องในช่วงแรกที่แสนจะอืดอาดยืดยาด มีฉากที่ไม่จำเป็นเต็มไปหมดครับ ผมนี่หาวแล้วหาวอีก กว่าจะได้เริ่มผจญภัยกันจริงๆจังๆก็ปาเข้าไปครึ่งเรื่อง หากจะบอกว่าเพื่อ build character แต่ผมก็เชื่อว่ายังทำให้รวบรัดกว่านี้ได้ครับ ส่วนพอเข้าครึ่งหลังที่เริ่มผจญภัยจริงจัง หนังก็กระเตื้องขึ้นมาหน่อยครับ แต่พวกฉากบู๊ต่างๆก็ยังทำได้ค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรขึ้นมาเลย ความตลกก็มีน้อย มีมาทีก็แค่หึๆแค่นั้นครับ สำหรับแฟนเกม หนังมีนู่นนิดนี่หน่อยที่เป็น Nod ให้กับเวอร์ชั่นเกมอยู่บ้าง จริงๆพล็อตหลักก็บิดมาจากเกมปี 2013 แต่เห็นแล้วมันก็ไม่ได้มีความว้าวอะไรครับ ก็แค่ “อืม นี่มาจากเกม” แค่นั้น และในช่วงท้ายสุดที่กลายเป็นการแก้ปริศนาในสุสาน มันก็ทำมาพอดูได้นะ แต่คิดว่าดีกว่านี้ได้ (อย่างตอนเปิดประตูหน้าสุดนี่ ทำเป็นปริศนาที่คนดูเข้าใจด้วยได้นี่จะดีมาก) ถ้าเป็นเรื่องการแก้ปริศนาในสุสานนี่ผมว่าต้นฉบับอย่าง Indiana Jones โดยเฉพาะภาค 3 นี่ทำได้ดีกว่ามากครับ อะชมนิดนึงก็ได้ เรื่องตำนานฮิมิโกะ พอเฉลยออกมาแล้วก็บิดไปจากเกมได้เก๋ดี แต่ก็แค่นั้นครับไม่สามารถเซฟหนังได้



งานภาพก็ได้ตามมาตรฐานครับ ไม่มีอะไรว้าวไปกว่านั้น การแสดง สงสาร Vikander เลย ผมว่านางทำได้ดีนะ ทั้งการทุ่มให้ฉากบู๊และซีนอารมณ์ ไม่ทิ้งลายเจ้าของออสการ์ครับ แต่องค์ประกอบอื่นของหนังไม่เอื้อจริงๆ และนักแสดงอื่นก้ไม่เอื้อด้วย ส่วนดนตรีประกอบ...ไม่มีตัวตนเลยอะ ผิดหวังกับ JunkieXL นะในเรื่องนี้ครับ

สรุป : ช่วงแรกน่าเบื่อมากกกกกกกกกกกกก ช่วงหลังกระเตื้องขึ้นมาแต่ก็ยังทำได้ธรรมดาอยู่ดี ผมว่าหนังเหมาะแค่สำหรับแฟนเกมไปดูมากกว่านะ

คะแนน : 6.8/10 (C+) ไม่ชอบครับ