เป็นแทบจะทุกเกมผมลองดูจนตาแหกแล้วว่ายังไงมันก็คนละความรู้สึกอยู่ดีที่(เกมเดียวกันผมมีทั้งสองแพลทฟอร์ม)ต่อให้ตัวเลขเฟรมเรตขึ้น 30 นิ่งๆ(ทั้ง fps และ frametime)ก็ไม่สมูทเท่า console อยู่ดี
ผมลองมาแทบจะทุกที่ผมรู้จักแล้วทั้ง
- ตัวเลือกจำกัดเฟรมเรตภายในเกม + v-sync (ผลออกมาแย่สุดแล้ว ได้ 30fps นิ่งแต่ frametime แกร่งไปมา)
- ใช้ RTSS จำกัดเฟรมเรต + v-sync (อันนี้ผลออกมาดีขึ้นเยอะ 30fps นิ่ง framtime เกือบนิ่งมีแกร่งเล็กน้อย)
- ใช้ Nvidia framerate limiter + v-sync (อันนี้ได้ผลเหมื่อน RTSS แต่ยุ่งยากกว่าเพราะต้องเทียวปรับใน Nvidia panel)
- ใช้ Nvidia adaptive half refresh rate + v-sync (อันนี้ให้ผลดีที่สุด)
- ใช้ monitor 30hz + จำกัดเฟรมเรต + v-sync (อันนี้ยังไม่ลองและอาจจะไม่ได้ลอง เดี่ยวนี้คงหาไม่ได้แล้วจอ 30hz)
ปกติถ้า lock เฉยๆโดยไม่มีอะไรเพิ่มก็อย่างที่บอกไปข้างต้นคือมันได้แหละ 30fps แต่ framtine มันจะแกว่ง
ที่ว่ามาทั้งหมดทำได้ดีที่สุดคือเกือบลื่นเท่า console แต่ไม่มีทางเหมื่อน console เป๊ะๆ จะมีแค่ไม่กี่เกมหรอกที่ทำได้ เช่นเกมที่พอทมาจาก sony อย่าง Days gone(ยังไม่ได้ลองเองอีกแหละแต่คิดว่าคงมีตัวเลือกให้ปรับได้ รอผู้รู้มาตอบ) ท่านใดมีวิธีอื่นนอกจากที่ว่ามาก็รบกวนด้วยครับ

คลิบนี้มีตัวอย่างเปรียบเทียบจากเกม Witcher 3 และข้อมูลที่น่าสนใจ



ส่วนตัวผมมีทั้ง PC ที่สามารถเล่นเกมที่ 60fps+ ได้และ PS4 pro บางคนอาจจะบอกว่าจะอยากเล่น 30fps ไปทำใมถ้าเล่นที่เฟรมเรตที่สูงกว่าได้
ก็ใช่แหละ 60 มันลื่นกว่ามันก็เล่นได้ดีกว่า แต่ผมว่า 30 เองมันก็มีเสน่มีความงามในแบบของมันนะตอนเล่นแบบ single player ยกตัวอย่างพวก particle effect(ฝนตก หิมะตก ควันระเบิด) ที่ 60 เรามองเห็นมันนะแต่มันจะแสดงขึ้นมาแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ 30 มันจะหายช้ากว่าจึงเน้นเห็นชัดกว่า สวยไปอีกแบบนะ หรืออีกเหตุผลซึ่งน่าจะเป็นหลายคนคือปรับสุดแล้วไปไม่ถึง 60 เช่นผมเองเคยเล่นเกมอย่าง Cyberpunk 2077 ถ้าปรับสุด+RT จะเล่นได้ที่ 45fps - 55fps ที่ 1080p ถ้าปิด RT จะได้ 75fps - 85fps ก็เลยอยากปรับสุดเปิดหมด lock 30fps แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

ที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้จะบอกหรือโน้มน้าวใครว่า 30fps ดีกว่า 60 fps นะครับ ผมเองก็ไม่ได้บ้าจะเล่นแต่ 30fps หรอก ก็เล่น 60fps เป็นหลักอยู่แล้ว มีแค่บ้างอารมอยากเล่น 30 fps บ้างก็เปิดๆปิดๆประมานนั้น