จังโก้ ผู้มากับความแค้น กลับมาอีกครั้งแล้ว !!

สวัสดีครับ นานๆที ผมจะได้โอกาสมารีวิวหนังสักครั้งนึง อิอิ แน่นอนครับ ถ้าเรื่องนั้นเป็นหนังคาวบอย คงได้เห็นกระทู้รีวิวหนังของผมโผล่มาหน้าบอร์ดแน่นอน
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาแก่ผู้อ่าน ฉะนั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ^^


เมื่อซัก ๕๐ ปีก่อน หนังคาวบอยคือ สุดยอดแห่งความนิยมของคนดูหนังทั่วโลก ... ดาราชื่อดังหลายต่อหลายคน ต่างผ่านการสวมบทบาทที่ต้อง ใส่เกือกบู๊ทติดเดือย .. หมวกโคบาล , คาดเข็มขัดพร้อยไปด้วยสายลูกปืนและซองเหน็บ ปืนลูกโม่ .. พวกเขาเหล่านั้นสร้างความสุขให้กับเหล่าคนดู ด้วยลีลาการจัดการเหล่าร้ายอันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของหนังประเภทนี้ .. นั่น คือ การ "ดวลปืน" กลางตะวัน บนถนนลูกรังที่ปูเต็มไปด้วยสีแดงเถือกของดินแดง ...



" จังโก้ " คือหนังคาวบอยที่ฉีกเอกลักษณ์ดังกล่าวออกไปซะสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดฉากยิงแบบวินาศสันตะโร การทวงแค้น ความโหดร้าย การทรมาน ป่าเถื่อน ตัวเอกที่มีเอกลักษณ์แบกโลกศพสีดำ ไปมาทุกๆที่ๆเขาไป ยิ่งทำให้คาเรคเตอร์นี้ต้องถูกจดจำไปอีกนานเท่านาน


แน่นอนครับ เมื่อผมเห็นภาพยนตร์เรื่องนี้ ถูกนำมาตีความใหม่ ในชื่อเดียวกัน โดยฝีมือผู้กำกับที่คอหนังยุคนี้ที่ไม่มีใครในโลกไม่รู้จักอย่าง Quentin Tarantino ผมก็รู้สึกเหมือน เจออาหารที่มีรสเผ็ดอยู่แล้ว แต่ก็ถูกเติมไปด้วยความเผ็ดที่ร้อนแรงเข้าไปอีกมันจะเป็นเช่นไรกัน



Django Unchained ตลอดทั้งเรื่องเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของ Quentin ครับ ทั้งตลกร้าย ความรุนแรง บทสนทนาที่แฝงไปด้วยความหมาย ถึงแม้จะยาวนานแต่กลับรู้สึกน่าติดตาม จุดที่น่าเบื่อกลับถูกแทนที่ด้วยเหตุการณ์ที่น่าสนใจแบบไม่ทันตั้งตัว และที่ขาดไม่ได้คือ มุมกล้อง Close up หน้าตัวละครสุดเชย ( ฮา ) ตลอดทั้งเรื่องถูกเติมเต็มไปด้วยสิ่งเหล่านี้ ถ้าจะให้ยกภาพยนตร์เรื่องที่พอจะใกล้เคียงได้ ความรู้สึกของผมเหมือนกับได้ดู Inglourious Basterds เวอร์ชั่นหนังคาวบอยทันที ตัวภาพยนตร์เน้นประเด็นการเหยียดผิวสี และการค้าทาสในยุคนั้นอยู่พอสมควร แน่นอนครับเรื่องราวเหล่านี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับภาพยนตร์คาวบอยมาก่อน ถือว่าน่าสนใจอยู่ทีเดียวว่าจะเรื่องราวจะออกมาในรูปแบบไหน ( แต่ที่เมืองนอกเป็นเรื่องราวใหญ่โตครับ แต่เป็นอย่างไรลองไปหาอ่านดูนะครับผม )

แต่แม้จะเป็นเนื้อเรื่องที่เขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด ตัวหนังยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ จังโก้ คนเดิม ( ที่ไม่แบกโลง ) และเคารพตัวภาพยนตร์ฉบับดั้งเดิมอยู่อย่างครบถ้วน ซึ่งถ้าใครเคยดู จังโก้ เวอร์ชั่นแรกมาก่อน คงจะฮาเงิบ ในหลายๆฉาก ที่ถูกนำมาล้อเลียนกันอย่างสนุกสนาน และแน่นอนไม่ใช่แค่เรื่อง จังโก้ เรื่องเดียวที่ถูกหยิบมา เท่าที่ผมนับได้มีประมาณไม่ต่ำกว่าสิบเรื่อง ที่คัดมาเน้นๆและเอามาบรรจุไว้ในเรื่องนี้ครับ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นยังยกเพลงประกอบฉาก ที่เป็นเพลงคันทรี่ และเพลงหนังคาวบอยในยุคนู้น มาให้ฟังกันให้หายคิดถึงกันไปเลยทีเดียว ( แค่เปิดเรื่องมาก็ทำผมขนลุกไปแล้ว )

เรื่องฝีมือการแสดง บอกตรงๆครับ ผมยกเครดิตให้ทีมเขียนบทจริงๆ เรื่องนี้ทำเอาผมแทบไม่รู้ว่าใครเป็นตัวเอก ใครเป็นตัวรองกันแน่ แถมนักแสดงแต่ละคนนี่ระดับดาราโคตรแม่เหล็ก ทั้ง Jamie Foxx , Leonardo DiCaprio , Christoph Waltz สลับกันเด่น หักเหลี่ยมเฉือนคมกันอยู่ 3 คนเนี่ยล่ะ เพราะทุกคนมีวิถี มีเป้าหมายเป็นของตนเอง จึงทำให้ทุกตัวละครไม่แย่งบทกันเอง แต่ขึ้นอยู่กับมุมกล้องครับ ว่าจะ โคลสอัพ ไปที่ใคร ( ฮา )

สรุปถ้าคุณชอบหนังแนว ตลกร้าย เรื่องราวการแก้แค้น แอคชั่นเลือดสาด ความฮา การหักเหลี่ยมเฉือนคมสไตล์หนังคาวบอย หรือจะเป็นแฟนหนังป๋า เควนติน แฟนหนังคาวบอย ขอให้ไปดูได้เลยครับ ไม่มีผิดหวังแน่นอน หนังมีครบทุกรสชาติดังที่กล่าวมาทุกประการครับ

จัดไป Rank S Condition Green ครับ

ปล. ใครจะพาลูกพาหลานไปดูไม่แนะนำนะครับ และ ด้วยความยาวของหนังอยู่ที่ 165 นาที แนะนำให้ทำธุระส่วนตัวก่อนเข้าชมนะครับผม

ขา Wild　Arms　ต้องดูสินะ ไม่พลาดแน่นอน

สุดยอดครับ

รอเก็บ blu-ray ครับเรื่องนี้

เรื่องนี้เป็นหนัง Rebuild นะครับ ตัวหนังให้ความเคารพกับตัวต้นฉบับอยู่ค่อนข้างมาก แถมส่วนใหญ่จะเป็นฉากฮาซะด้วย 555 ใครดู Django ภาคปี 1966 มาก่อนจะได้อรรถรสในการับชมมากขึ้นคับ

เทพ

อืม น่าสนใจ

จะไปดูพรุ่งนี้ วันหยุดพอดี พักผ่อน ร่างกาย กับ สมองบ้าง

เคยดูภาคต้นฉบับมาแล้ว ภาคนี้ยังไม่ดู รอเก็บ BD เลยทีเดียว
ต้นฉบับถ้ามาดูในยุคนี้ หลายคนที่ดูหนังมาไม่นาน อาจจะเฉยๆกับเทคนิคภาพสมัยก่อน แต่ผมว่าตัวต้นฉบับเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆเลย พระเอกลากโลงศพ ที่ไม่รู้มีอะไรข้างใน จะเอาไว้เก็บศพศัตรูคู่แค้น หรือเก็บเผื่อตัวเอง พอเฉลยปุ๊บ แหม่...สุดตีนจริงๆ