คือ ผมจะอัพคอมครับ แล้วผมเห็นคนเค้าคุยกันว่า 144hz มันดีอย่างนู้นอย่างนี้
ผมจะเอาไปเล่น csgo กับ dota2 งับ เกมส์ rb6 pubg ก็มีบ้าง การ์ดจอ rx 580 จะดันไหวไหมครับ
สเปคที่ผมจะอัพก็ประมาณนี้ครับ https://notebookspec.com/pc/2622175 งบประมาณ 35k+ (รวมจอ)
สเปคตอนนี้ผมใช้นี่ครับ
i5 6400
ram ddr4 4x2 8gb
vga gtx 750 ti
ตอนนี้ผมสน จอ viewsonic xg 2401 ครับ (ถ้ามีสเปคอะไรที่ดีกว่านี้ก็ช่วยแนะนำให้หน่อยครับ)
ขอบคุณงับ

ไม่จำเป็นขนาดนั้น แต่ถ้าได้ลองใช้จะกลับไปใช้ 60hz ไม่ได้อีกเลยครับ

(ถ้าเล่น fps อย่าง csgo นี่โคตรจะแนะนำเลยครับ)

ลองเทียบดูครับ



ถ้าเล่นพวก moba จะไม่ค่อยจำเป็น แต่ fps นี้ช่วยมองได้ชัดขึ้น

แต่เน้นอัฟคอมก่อนดีกว่า เล่นจอเก่าไปก่อน แล้วมีเงินค่อยซื้อจอทีหลังได้

ถ้าจะไป RX580 สบายๆครับเกมที่เล่น 120fps+ ได้แน่นอน

ถามผมนะ ถ้าแน่ะนำ เอาตัวราคาไม่เกิน 10,000 ถือว่าคุ้มอยู่

เพราะถ้าเล่นจริงจังนิดนึ่ง Rank Match ไอ้พวก 120hz 144hz มันจะทำให้เราตอบสนองไวขึ้นนิดนึ่งอยู่ละ

แล้วก็อย่างที่บอกถ้าใช้แล้วกลับไปใช้ 60hz ไม่ได้ละเน้อ มันมองออกชัดเจนเลย

ใช้ intel hd graphic ยังเปิด 144hz ได้เลยครับ ถ้าบอร์ดมีช่องต่อ displayport

หลายคนชอบคิดว่า hz สูงๆ มีดีแค่ในเกม จริงๆ เอาแค่เปิดหน้าจอ desktop ขยับเมาส์ เลื่อนหน้าต่างไปมา มันก็เห็นความต่างละครับ ไม่ต้องไปดูในเกมหรอก อย่างเวลาอ่านหน้าเว็บยาวๆ นี่เลื่อนหน้าแล้ว smooth มาก สบายตาโคตรๆ

ตัวจอมันเป็น endpoint เพราะฉะนั้นถึง endpoint รองรับก็จริง แต่ตัว source ก็ต้องทำให้ถึงเกณฑ์ด้วย
จอ 144Hz แต่ตัว source เช่น เกมการ์ดจอปั่นได้แค่ 60fps ยังไงก็แสดงผลแค่ 60fps แบบ unique frame(เฟรมแท้ๆ)
เพราะนอกนั้นมันเป็นแสดงซ้ำหมด ฉะนั้นเลือกจอก็ให้เลือกตามที่ source มีพลังแค่ไหน แต่ถามว่า
ยิ่ง refresh rate สูงดีกว่าไหม ดีกว่าชัวร์ แต่จะให้ดีกว่านั้นให้หาจอ Freesync v2(AMD) หรือ GSync(Nvidia)
.
เพราะจอปกติทั่วไปมันเป็น Fixed Refresh Rate แต่จอ Freesync, GSync เป็น Variable Refresh Rate ต่างกันยังไง
จอ Fixed Refresh Rate
ตามชื่อ คือ Fixed ไว้แล้ว เช่นจอ 60Hz จะรีเฟรชหน้าจอ(Refresh Cycle)ทุกๆ 1000ms/60hz = 16.6ms
ซึ่งในกรณีไม่เปิด v-sync เฟรมที่เรนเดอร์จะถูกเขียนทับลงมาที่ตัว Frame Buffer(ตัวเก็บภาพเพื่อไปแสดงผล) เรื่อยๆ
(เช่น เฟรม1 กำลังแสดงผล, เฟรม2 กำลังเรนเดอร์ก็จะเขียนทับลงไปเรื่อยๆ แต่อาจจะยังได้แค่ครึ่งเดียว ดันถึงรอบรีเฟรชซะแล้ว ภาพที่ถูกแสดงผลเลยกลายเป็น ครึ่งนึงของ เฟรม2 อีกครึ่งนึงของ เฟรม1 ภาพขาด)
ผลคือจะเกิดภาพขาด(Screen Tearing) มากวนใจเล่นๆ ถ้าหากเฟรมเรนเดอร์ออกมาไม่ได้จังหวะกับรอบรีเฟรช
พอเกิด tearing ปุ๊ปรำคาญ เปิด v-sync ซึ่งมันจะพยายาม sync การเรนเดอร์ให้สัมพันธ์กับรอบรีเฟรชของตัวจอ
กรณีเปิด v-sync ตัว tearing จะหายไป เหมือนจะดีแต่โลกความจริงไม่หรูขนาดนั้น เพราะบางเฟรมมันก็ยังเรนเดอร์
ไม่ทันรอบรีเฟรชอยู่ดี ทำให้เฟรมไหนที่ไม่ทัน ก็ต้องรออีกรอบรีเฟรชนึงส่งผลให้เกิดปัญหาใหม่คือ input lag
น่ารำคาญกว่าอีก ใครเล่น Doom ลอง ปิด-เปิด limit fps เทียบดูเลย จะรู้ซึ้งในพระธรรม
.
จอ Variable Refresh Rate แก้ได้หมด เพราะพี่แกจะรีเฟรชภาพใหม่ต่อเมื่อมีเฟรมใหม่ทั้งเฟรมเข้ามาจริงๆ
ซึ่งทำให้ไม่เกิด Screen Tearing ส่งผลให้เราไม่ต้องเปิด v-sync ซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องเจอ input lag เล่นๆ
.
สรุปนะ ถ้าอยากได้จอดีๆจริงๆ หาจอ Freesync v2, GSync มาใช้ แต่ติดแพงหน่อยนะบอกไว้ก่อน
ซึ่ง GSync ค่อนข้างจะดีกว่านะเอาจริงๆ เพราะเท่าที่เห็นแบบ Practical ส่วนใหญ่จะมี operating window
กว้างกว่า Freesync v2 เช่น Freesync v2 อาจจะทำงานที่ 40Hz-100Hz หมายความว่า การทำงานแบบ
Variable Refresh Rate จะทำงานถ้าหาก source อยู่ในช่วง 25ms(40fps)-10ms(100fps)
แต่ GSync จะได้ที่ 33.3ms(30fps)-6.9ms(144fps) ต่ำกว่าหรือมากกว่าจะทำงานแบบ fixed เหมือนจอธรรมดา
ถ้าไม่จับพวกนี้ ผมว่าน่าจะเน้นไปที่ image quality ดีกว่า หาจอดีๆ refresh rate ไม่ต้องถึงขนาด 144Hz ก็ได้
คิดภาพนะจอ 144Hz จะมี refresh cycle อยู่ที่ 1000/144 = 6.95ms เท่านั้น ถ้าตัว source ท่านไม่แข็งแกร่งพอ
ที่จะเรนเดอร์เฟรมออกมาภายใน 6.95ms ท่านก็จะเจอกับภาพขาดเล่นๆ หรือ เปิด v-sync เจอ input lag เล่นๆ
.
ปอลิง จะเห็นได้ว่า ผมเขียนเป็น 33.3ms(30fps) อันนี้คือ frame time (เวลาที่เฟรมนั้นใช้เรนเดอร์)
ที่ผมใช้เป็น ms เพราะว่า โลกความจริงอุปกรณ์พวกนี้ มันทำงานกันในสเกลเวลาระดับนี้หรือต่ำกว่า
คำว่า fps เป็นแค่ค่าเฉลี่ยใน 1 วินาทีเท่านั้น ทำให้เอามาใช้อ้างอิงกับพวก realtime rendering หรือ เกม ไม่ได้
.
edited
ปอลิง 2 ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเกมด้วย บางเกมมีวิธีคล้ายๆ v-sync ทำมาในเกมเลย แต่ก็ไม่ถึงขั้น ideal แบบ freesync,gsync

ถ้าเกมที่เล่นอยู่เป็นแนว FPS ก็แนะนำเลยครับ เพราะมันต้องส่ายจอไปมาบ่อยมากๆ ส่วนเกมแนวอื่นๆที่ไม่ใช่ FPS ก็มองข้ามๆไปก็ได้ เพราะแทบไม่เห็นผลเท่าไหร่

แล้วก็ นอกจากสุขภาพตาแล้ว ยังส่งผลต่อแพ้ชนะในเกมได้ด้วย พวกโปร FPS ทุกคนจะใช้จอ 144Hz กันหมด

ส่วนตัวไม่ได้หวังอะไรมากับ 144 เพราะใช้ 60 ก็โอเคมากอยู่แล้ว RX580 ก็ว่าแรงพอควรแต่หามือ1 ราคาเปิดตัวยาก พยายามหา ต่ำกว่า หมื่น แต่แนะนำใช้ของจอเขียวดีกว่า

สำหรับผมจำเป็นมาก ทั้ง 144hz และ gsync แต่ตอนนี้มองว่า 2k 16:9 ไม่ค่อยพอใช้แล้ว กำลังรอจังหวะดีๆเปลี่ยนเป็น 21:9 อยู่

ข้อความรู้อีกที144hมันไม่มีประโยชน์กับPS4เลยใช่ไหมครับเพราะผมเล่นพวกFPSเป็นหลักในPS4

สั้นๆคือ จอ 144hz มันลื่นและดีกว่าทุกประการแต่ต้องมีการ์ดจอที่แรงพอจะปั่น fps ในเกมให้ได้ 144 จะเทพสุดแต่แค่ขยับเมาส์ไปมาหน้าเดสท็อปก็เห็นผลแล้ว

ส่วน PS4 X1 NS ตัดไปได้เลยเพราะส่วนใหญ่รันที่ 30fps บัยยยยย

ผมเล่น Ranked ทั้งสองเกม คิดว่าจอมีก็ดี แต่ไม่มีก็ได้ เพราะต้องใช้ฝีมือบวกประสบการณ์ในการไต่อันดับมากกว่า

กำลังจะหาจอคอมใหม่พอดีครับ ระหว่าง BenQ กับ ViewSonic อันไหนดีกว่ากันครับ จะเอามาใช้เล่นเกมในคอมและเล่นเกมใน Ps4 ด้วยครับ ขอบคุณครับ

อยากได้จอที่เป้น GSynce อ่ะติดที่ราคามันแรงมากเลยอะครับ

ขอเกาะกระทู้หน่อย รบกวนสอบถามเป็นความรู้เพิ่มเติมครับว่า ความถี่ 60hz กับเฟรมเรต 60 FPS นี่มันคือตัวเดียวกันไหมครับ

แล้วถ้า Hardware เราถึง เฟรตเรตกับความถี่ก็สูงขึ้นไปได้เรื่อยๆ ไม่เกี่ยวกับ software ใช่ไหมครับ

เช่นถ้าเราเล่นเกม DQ บน PS4 ได้ 30 FPS แต่พอไปเล่นบนเวอร์ชั่น PC ถ้าเครื่องแรงก็ปั่นไปได้ถึง 120 - 240 FPS หรือมากกว่าได้ใช่ไหมครับ