มีแบรนด์อื่นดีกว่า อาจจะในราคาที่ถูกกว่าด้วย แต่ว่าทีวีแต่ละรุ่นแอบมีข้อดีข้อด้อยจุกๆจิกๆต่างกัน ส่วน Sony รุ่น mid range แบบที่ว่ามาก็พอไหวมั้ง ถ้าตามรีวิวมันไม่ได้ดีเด่นไปด้านไหนด้านนึง
ถ้าเป็นผมไม่ Samsung Neo QLED มี QN90A 50"(ของปีที่แล้ว) ก็ LG C1 48"
- QN90A ถูกสุดอยู่ 24k ได้ เป็น mini led สว่างมากในคอนเทนท์ HDR, สีเยอะ color volume เยอะ, เสียอย่างนึงเวลาเปิดฟีเจอร์ HGiG ที่ควรเปิดสำหรับเล่นเกม(เพื่อให้ตัวทีวีไม่ต้องทำ Tone Mapping และไปใช้ Tone Mapping ที่เกมทำเองแทนเนี่ย) มันไม่ยอมปิด Tone Mapping ไปจริงๆ เวลาจะ calibrate brightness/darkness ในเกมหรือใน Symtem เครื่องเกมเนี่ย ต้องไปอิงตามจากคนที่เขามีเครื่องมือในการวัดความสว่างเอา เช่น ช่อง HDTVtest บน Youtube, ไม่งั้นถ้าเราทำตามที่เกมหรือระบบบอกมาตรงๆเลยเนี่ย ภาพมันจะสว่างไปจนสีซีด ไม่ก็มือไปจนรายละเอียดจม
- C1 เป็น OLED ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่สว่างไม่เท่าแค่นั้นเอง เจอถูกสุดก็ 30k ต้นๆ รอตอนช่วงมีคูปองลดราคาใน nocnoc อาจได้ถูกกว่านี้(ผมเคยเจอ 28-29k)

อีกอย่างคือพวก LCD panel ถ้าเปิด Game Mode พวก Image Processing มันจะตัดทิ้งไปเยอะ รวมถึง Local Dimming ด้วย ทำให้ภาพมันจะไม่สวยเหมือน Movie Mode
ิีอีกอย่าง VRR จะแอบมีจุกจิกๆกับ LCD เพราะมันจะไม่ต้องรอ refresh cycle ของจอที่ตายตัว คือภาพมาตอนไหนก็ต้องแสดงเลยอ่ะ ทำให้ไม่เหลือเวลาให้ทีวีทำ Image Processing + Local Dimming เลยทำงานได้ไม่เต็มที่ (เป็นที่มาว่าทำไม Sony ดึงเชงไม่ยอมให้ VRR มานานขนาดนี้ แบรนด์เขา Image Processing นี่ที่ 1 แหละ เข้าใจได้ว่าไม่อยากให้ภาพลักษณ์แบรนด์มันเสีย) ภาพก็จะยิ่งไม่ดีไปอีก
ถ้ามีไว้เล่นเกมด้วย มึงบแนะนำ OLED ครับ ณ ตอนนี้

ใช้ได้ครับ มันเป็นรุ่นยอดนิยมแหละครับ

ติดตรงที่ว่ามันอยู่ช่วงเปลี่ยนรุ่น ราคาถ้าหาซื้อแยกมันจะถูกกว่าซื้อพร้อมเครื่องเล็กน้อย 2-3 พันน่าจะมีให้เห็นหรือมากกว่านั้น โปรก็ตามเวปซื้อของออนไลน์ยอดนิยมครับ

รุ่นอื่นดีกว่าในราคาใกล้ๆ กัน

ปีสองปีที่แล้ว รุ่นนี้ดีมากเลยครับ (ปัจจุบันอาจจะดีอยู่ ในเรทราคาของโซนี่อ่ะนะครับ ถถ)
แต่ปีนี้อยากให้ลองมอง oled รุ่นใหม่ๆ ไปเลย หรือ 8k มากกว่าครับ

มันต้องแยกแบบนี้ครับ

1. ในฐานะ TV ของ Sony มันดีครับ เพราะเป็น Android TV ที่ครบ Download แอป Streaming ได้หมดทุกเจ้าไม่เหมือนกับแบรนด์อื่นอย่างเช่น Samsung ที่ใช้ OS ของตัวเอง (แม้แต่ Apple TV ก็โหลดได้) และคุณภาพของ Sony ที่ค่อนข้างทน

2. แต่ก็แน่นอนว่ามันคือ Sony ดังนั้นในแง่ของราคามันค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับฟังชั่นที่ได้มา พูดง่ายๆ คือหากจ่ายในราคาเท่ากัน แบรนด์อื่นอย่าง Samsung จะได้ของที่มีคุณสมบัติที่ดีกว่า

3. รุ่น TV ที่เอามาขายพ่วงมันเป็นรุ่นของปี 2020 (ถ้าจำเลขรุ่นไม่ผิด) ซึ่งเทคโนโลยีมันก็ตกตามเวลาที่ผ่านไป

ดังนั้น หากไม่ซีเรียสเรื่องเทคโนโลยีที่ล้าไป 1-2 ปี ราคาของชุดเซ็ตนี้มันก็พอจะกัดฟันซื้อได้ครับ (ผมใช้ TV Sony มาตลอด)
แต่ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ซื้อเพราะผมยอมจ่ายแพงกว่าอีกหน่อยเพื่อให้ได้ TV รุ่นของปีนี้ดีกว่า เพราะ TV รุ่นใหม่ๆ มันจะวางขายราวๆ ครึ่งปีหลังนี้แล้วครับ

ถ้ามีที่วางพอ เอา 65 เลยครับ

ถ้าซีเรียสเรื่องภาพ และช่องต่อ hdmi 4k 120hz
แนะนำให้รอ lg c2 เพราะ hdmi เค้าวิ่งเต็ม 48 gb
ต่อภาพสูงสุดแบบ 12 bit full rgb 4.4.4 ได้

แต่ถ้าไม่ซีเรียส c1 ก็เพียงพอแล้ว
เพราะได้ถึง 4k 60hz ที่ 40gb
ต่อภาพแบบสูงสุดได้แบบ 12 bit ycbcr 4.2.0

ตอนผมซื้อ c1 มาแล้ว ถึงค่อยมาศึกษาเรื่องนี้
แอบเฟลนิดนึง เพราะผมใช้ต่อคอมดูละครกับเมะเป็นหลัก แต่ก็ยังโอเค เพราะเวป rtings เค้าบอกว่า 4.2.0 คือมาตรฐานภาพสำหรับดูรายการทีวี หนัง ละคร กีฬา

แต่เราซื้อทีวีใหม่อ่ะเนอะ ในใจก็อยากได้พอร์ต hdmi ให้มันสุดไปเลย รองรับอนาคต ที่ไม่รู้ว่าอายุทีวี oled มันจะอยู่ถึงรึเปล่า

*เติมนิด c1 ก็ต่อ 12 bit full rgb 4.4.4 ได้นะ
แต่จะได้แค่ 30hz ซึ่งผมก็เลยเลือกต่อแบบ 12 bit ycbcr 4.2.0 60hz แต่ดูออกเลยแหละ ว่าความสดของสีมันดรอบลงนิดนึง อารมณ์ประมาณ จากดูสีทีวีสดๆที่บ้าน แล้วไปดูสีภาพหนังในโรงหนังที่มันดรอบลงมา แต่มันสมจริงอ่ะ

*เติม2 มาย้ำว่า "อารมณ์ประมาณ" นะ ถ้าเอาเครื่องไม้เครื่องมือมาวัดกันจริงๆ ความต่างของภาพ มันอาจจะไม่ได้มากถึงขนาดนั้นก็ได้ ผมก็ประชาชนคนธรรมดานี่แหละ ไม่ได้มีเครื่องมือวัดคุณภาพของภาพอะไร อาศัยประสบการณ์จริง ซื้อเอง ลองเอง เจ็บเอง เจ้า c1 ที่เพิ่งซื้อมานี่ ก็หวังว่ามันจะอยู่ได้ซักประมาณ 7 ปีเหมือน bravia เครื่องเดิมก็หรูแล้ว

ที่ผมกดแพคพร้อมทีวีมาตั้งแต่ช่วงสิ้นปี

จัดเถอะครับ ตัว TV เอง ใช้งานดีไม่ได้แย่เลย TV ตกรุ่นจริงแต่ถามว่าเราที่ไม่ได้เป็นโปร TV แยกออกรึเปล่า

แต่แลกกับมีเกม ps5 เล่น และไม่ต้องแย่งกดทุกเดือนๆ ผมไม่เคยเสียใจเลยที่กดซื้อมา

มาตรฐานหนัง BD จะเป็น HDR10 4:2:0 ครับ
ส่วน Dolby Vision อันนี้ถ้าเป็นหนังนะ HDMI2.1 ไม่ Full Bandwidth ไม่เป็นปัญหาเพราะ framerate มัน 24 48 เอง ซึ่งแบนด์วิธรู้สึกจะพอ 4:4:4 (RGB)
ส่วนเรื่องเกมตอนนี้มีแค่ Series X ที่รองรับ Dolby Vision แต่ตัว Series X เองถ้าจำไม่ผิดก็ปล่อยสัญญาณได้แค่ 40Gbps ส่วน PS5 ปล่อยแค่ 32Gbps (แต่เห็นว่า HDMI chipset เป็นตัวรองรับได้เต็ม 48Gbps)
อีกอย่าง ตาคนเซนส์ซิทีฟกับ chroma subsampling น้อยมาก ถ้าไม่ซีเรียสก็ไม่ต้องกังวล
Dolby Vision ยังมีเรื่องแบบ player led หรือ tv led อีกซึ่งก็มีความแตกต่างกันอยู่เท่าที่มีคนเทียบกัน แล้ว DV นี่ค่อนข้างไม่ strict เท่าไหร่แล้วนะ ว่าต้องเป็น 12bit รู้สึกตอนนี้จะใช้กันแค่ 10bit กันอยู่มั้ง หลักๆคือจะใช้เพื่อ Dynamic Metadata เพื่อใช้ Tone Mapping กันซะมากกว่า