เอาจริง ผมว่าหลายๆคนตีความว่า turn base ต้องเป็นแบบนั่งคลิกผลัดตากันตีแหงๆเลย

ซึ่งจริงๆแบบนั้น ถ้าให้พูดละเอียดมันคือ old school turn base
และจริงๆสมัยนี้มันแตกออกไปหลายสายมาก ซึ่งเราเรียกแนวต่างๆว่า modern turn basee

ซึ่งลักษะพวกนั้นจะมีจุดที่ต่างจาก old school คือ ในระหว่างรอเทรินตีของเรา จะมีสิ่งที่ให้ผู้เล่นต้องตอบสนองด้วย
เช่น ให้กดปุ่มเพื่อลดเดเมจการโจมตีมอน, ทำอะไรสักอย่างทำให้มอนเทรินช้าลงระหว่างเล่น, นั่งหลบมอนตีระหว่างรอเกจโจมตีไรแบบนี้
ซึ่งตรงนี้ ff7re นี่คือตัวอย่าง modern turnbase ที่ดีเลย

เพราะตอนที่เรายัง build ได้ไม่ละเอียด
ตัวเกมส์มันจะเน้นให้เราบริหารเกจของตัวละครในตี้ และใช้เกจเพื่อทำเดเมจหลัก หรือ break mon
โดย sequence มันจะค่อนข้างละเอียดเลย อันนี้ผมจะยกแบบคร่าวๆ ไม่พูดแบบย่อยๆ

3 party member
turn 1 - cloud deal break dmg , tifa buff, barret tank provoke/stack mana&guage
turn 2 - cloud use all gugae to break dmg, tifa break dmg, barret break dmg >>>> mon break
turn 3 - tifa burst dmg, cloud build gugae, barret deal normal dmg
turn 4 - cloud deal burst dmg, tifa stack guage, barret stack to react mon phase 2
-
-
-
loop

---
จะเห็นว่าเกมส์จะ design มา old school เลย คือเล่นกันเป็น timing โดยใช้หลักการใช้เกจในการบังคับการเล่นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเลย

***ประเด็นคือตอนเล่น 7re คนส่วนใหญ่จะไม่สนใจจุดนี้กัน ชอบเล่นแบบ stack เกจแล้ว burst รอบเดียว
ไม่ได้กะใช้ให้ได้มีประสิทธิภาพสุด ซึ่งมันก็ไม่ผิดไรเพราะเดฟจงใจเปิดกว้างให้คนเล่น action เล่นได้นั่นแหละ
ไม่ต้องคิดมาก ตีๆไป พอมีเกจเดเมจก็ค่อยเดเมจไปเลยพวกๆๆ

และเพราะด้วยความเป็น modern ทำให้ถ้าเราเล่นไปเรื่อยๆมันจะมี build หลายสาย
จนแบบมี build จนเกมส์เป็น action แบบตีแหละค่อยรอburst จนทำให้คนชอบไปตีความมันเป็น action jrpg
ทั้งที่มันเป็นกึ่ง action ที่ใช้ระบบพัฒนาต่อยอดจาก turn base ที่ผู้เล่นต้องมารอจังหวะทำเดเมจด้วย