[Official Thread] Guild Wars 2 : ร่วมเล่นกับกิล Consoler Council ที่ Server Yak\'s Bend กันครับ
<<
<
1
2
3
4
5
6
>
>>
Reply
Vote
# Sun 22 Jul 2012 : 2:34AM
ทำไมถึงต้อง Guild Wars 2
ถ้าคุณเป็นนักเล่น MMORPG อยู่แล้ว แน่นอนว่าคุณควรจะลองให้ความสนใจ Guild Wars 2 ดู
แต่ถ้าคุณไม่ชอบ MMORPG คุณยิ่งต้องอ่านข้อมูล Guild Wars 2 ที่จะนำเสนอข้างล่างนี้
Feature ทำไม Guild Wars จึงต่างจากเกมออนไลน์อื่นๆ
Dynamic Content ลาก่อนการวิ่งไล่หา NPC ที่มีเครื่องหมายบนหัว รอผู้เล่นให้มารับเควส แล้วบอกใ้ห้คุณทำอะไรเดิมๆ เหมือนกับคนเล่นอื่นๆทุกคน เนื้อหาในเกม Guild Wars 2 ถูกสร้างจาก Dynamic Event ที่มีความต่อเนื่อง และ ทำให้ผู้เล่นทุกคนเห็นโลกในเกมต่างกันออกไป ตามแต่ประสบการณ์ในเกมของผู้เล่นคนนั้น คุณจะเจอศัตรูที่มีชีวิตชีวา เควสที่สมจริง ถ้าเควสบอกว่า Orc จะมาทำลายเมือง มันก็จะมาทำลายเมืองจริงๆถ้าคุณไม่พยายามที่จะไล่มันกลับไปถ้ำของมัน หากปล่อยให้มันทำลายเมือง ก็เป็นหน้าที่ของผู้เล่นที่จะต้องกู้เมืองนั้นกลับมาเช่นกัน
Active Combat ไม่มีอีกต่อไปการยืนแลกกันโจมตีทื่อๆในการต่อสู้ เราสามารถหลบการโจมตีในเกมนี้ได้ โดยเฉพาะท่าโจมตีใหญ่ๆ ของศัตรูที่ยืนชนแล้วจะทำให้เจ็บหนักเลยทีเดียว
Underwater Combat การต่อสู้ใต้น้ำที่ถูกออกแบบให้ต่างจากการต่อสู้บนบกโดยสิ้นเชิง ไม่จำเป็นต้องกังวลกับอากาศหายใจที่หมดอย่างรวดเร็วในเกมอื่นๆ เมื่อคุณลงไปใต้น้ำ คุณจะได้สกิลและอาวุธใหม่ที่ใช้ต่อสู้ใต้น้ำโดยเฉพาะทันที
No more Tank, Heal, DPS role ไม่จำเป็นว่า Class ใดคลาสหนึ่งจะทำหน้าที่ได้ หน้าทีเดียวใน Guild Wars 2 เพราะมันไม่สนุกเลยที่จำเป็นจะต้องรอ Tanker หรือ Healer สักคนให้ Log in เข้ามา เพื่อที่จะสามารถลุยใน Dungeon สุดหฤโหดได้ ใน Guild Wars 2 คุณสามารถผสมผสาน Class ใน Party ของคุณได้ตามใจต้องการ และสามารถที่จะเคลียร์ Dungeon ได้ในเวลาที่มันควรจะเป็น ตราบเท่าที่คุณมีการสื่อสารที่ดีต่อกันใน Party
No Monthly Fee ArenaNet ทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนมุมมองของเราทุกคนกับเกม MMORPG แต่เค้าก็ยังไม่คิดที่จะเก็บค่าบริการรายเดือน เพียงคุณซื้อเกมแค่ครั้งเดียว คุณจะสามารถเล่นมันได้ตลอดไป
Personal Story ในฉากสร้างตัวละคร คุณสามารถเลือกประวัติ ภูมิหลังของตัวละครของคุณได้มากมาย ตามแต่เผ่าที่เลือกที่จะเล่นซึ่งมันจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องในเกมของคุณอย่างแน่นอน ArenaNet มีเป้าหมายที่จะทำให้ตัวละครในเกม MMORPG ของเค้านั้นมีเอกลักษณ์ ไม่ใช่เพียงตัวละครที่มีแค่ค่าพลังโจมตี ป้องกัน
WvWvW PvP Guild Wars 2 มีการ PvP อยู่ 2 แบบ แบบแรกคือการ PvP ใน Arena แบบเช่นใน Guild Wars 1 และอีกแบบนึงคือ World vs World vs World คือการจับ Servers 3 Servers มาต่อสู้กันในทุกๆ 2 สัปดาห์ ให้ต่อสู้กันในแผนที่ขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุคนได้ถึง 2,000 คน ซึ่งจะมีภารกิจทั้งการ capture points, resource gathering, castle sieging และอื่นๆอีกมากมาย
Level Scaling ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเพื่อนของคุณจะเลเวลมากเกินไปจนไม่สามารถที่จะเล่นเกมด้วยกันได้ เมื่อเพื่อนที่เลเวลสูงกว่ามาเล่นกับคุณ เค้าจะถูกปรับเลเวลให้เหมาะสมกับเควสที่คุณกำลังทำอยู่เอง ทำให้คุณสามารถเล่นกับเพื่อนได้ ไม่ว่าเค้าจะเลเวลสูงแค่ไหนก็ตาม
Leveling Curve จบกันทีกับการที่ต้องเก็บ Exp มหาศาลเพื่ออัพเลเวลแต่ละเลเวล ใน Guild Wars 2 จะไม่มีการเพิ่ม Exp ที่ต้องการในแต่ละเลเวล ไม่จำเป็นต้องฆ่า Monster มหาศาลเพื่ออัพเลเวลแต่ละเลเวล ทุกเลเวลใน Guild Wars 2 ใช้เวลาเท่าๆกันในการอัพเลเวลคือเพียงไม่เกิน 90 นาทีสำหรับแต่ละเลเวล เพื่อไม่ให้ผู้เล่นที่มีเวลาเล่นน้อยต้องรู้สึกว่าตัวละครของเขาไม่มีการพัฒนาเอาซะเลย และไม่ให้ผู้เล่นรู้สึกว่าเค้าต้องฆ่าศัตรูจำนวนมหาศาลเพื่ออัพแต่ละเลเวล
Jumping ใช่แล้ว !! คุณสามารถกระโดดได้ ในเกมนี้นั้นคุณจำเป็นต้องใช้การกระโดดด้วยเพื่อที่จะสำรวจทุกซอกทุกมุมของโลกแห่ง Guild Wars 2
No more interpersonal problem คุณไม่จำเป็นต้องแย่งเก็บเลเวลกับผู้เ่ล่นอื่นๆ ไม่มีการ Kill Steal ไม่มีการแย่ง Loot item ใน Guild Wars 2 ทุกคนที่ช่วยกันทำเควสและฆ่ามอนสเตอร์ได้ Exp เต็มๆ และได้ item เต็มๆทุกคน เหมือนกับทุกคนใน Guild Wars 2 นั้นเป็น Party เดียวกัน
Not pay to win - การจ่ายมากกว่า ไม่ได้ช่วยให้คุณเก่งขึ้นใน Guild Wars 2 เช่นเดียวกันกับชุดเกราะที่ดีก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะชนะการต่อสู้ได้เสมอไป
Many item customization - ถ้าคุณไม่ชอบดีไซน์ชุดเกราะสุดหฤโหดของคุณ คุณสามารถเลือกใส่ชุดอะไรภายนอกทับกับชุดเกราะสุดโหดของคุณก็ได้ อีกทั้งยังมียาย้อมผ้านับสิบชนิดให้คุณย้อมสีชุดของคุณตามใจ และชุดเกราะของคุณเองที่จะออกมาไม่เหมือนใครอีกด้วย
Jeremy Soule in charge for music - เขาคือผู้แต่งเพลงให้ซีรี่ The Elder Scroll เช่น Skyrim นั่นเอง !! และ Guild Wars ภาคก่อนก็ได้เค้าเป็นผู้แต่งเพลงให้เช่นกัน
Huge Scale of Boss Event - การสู้บอสที่สุดจะอลังการณ์ มีทั้งนอกและในดันเจี๊ยน คุณจะได้อารมณ์การรุมสู้บอสตาม map ที่ห่างหายไปนานมาอีกครั้ง
Artwork is very beautiful !!
ถ้าคุณเป็นนักเล่น MMORPG อยู่แล้ว แน่นอนว่าคุณควรจะลองให้ความสนใจ Guild Wars 2 ดู
แต่ถ้าคุณไม่ชอบ MMORPG คุณยิ่งต้องอ่านข้อมูล Guild Wars 2 ที่จะนำเสนอข้างล่างนี้
Feature ทำไม Guild Wars จึงต่างจากเกมออนไลน์อื่นๆ
Dynamic Content ลาก่อนการวิ่งไล่หา NPC ที่มีเครื่องหมายบนหัว รอผู้เล่นให้มารับเควส แล้วบอกใ้ห้คุณทำอะไรเดิมๆ เหมือนกับคนเล่นอื่นๆทุกคน เนื้อหาในเกม Guild Wars 2 ถูกสร้างจาก Dynamic Event ที่มีความต่อเนื่อง และ ทำให้ผู้เล่นทุกคนเห็นโลกในเกมต่างกันออกไป ตามแต่ประสบการณ์ในเกมของผู้เล่นคนนั้น คุณจะเจอศัตรูที่มีชีวิตชีวา เควสที่สมจริง ถ้าเควสบอกว่า Orc จะมาทำลายเมือง มันก็จะมาทำลายเมืองจริงๆถ้าคุณไม่พยายามที่จะไล่มันกลับไปถ้ำของมัน หากปล่อยให้มันทำลายเมือง ก็เป็นหน้าที่ของผู้เล่นที่จะต้องกู้เมืองนั้นกลับมาเช่นกัน
Active Combat ไม่มีอีกต่อไปการยืนแลกกันโจมตีทื่อๆในการต่อสู้ เราสามารถหลบการโจมตีในเกมนี้ได้ โดยเฉพาะท่าโจมตีใหญ่ๆ ของศัตรูที่ยืนชนแล้วจะทำให้เจ็บหนักเลยทีเดียว
Underwater Combat การต่อสู้ใต้น้ำที่ถูกออกแบบให้ต่างจากการต่อสู้บนบกโดยสิ้นเชิง ไม่จำเป็นต้องกังวลกับอากาศหายใจที่หมดอย่างรวดเร็วในเกมอื่นๆ เมื่อคุณลงไปใต้น้ำ คุณจะได้สกิลและอาวุธใหม่ที่ใช้ต่อสู้ใต้น้ำโดยเฉพาะทันที
No more Tank, Heal, DPS role ไม่จำเป็นว่า Class ใดคลาสหนึ่งจะทำหน้าที่ได้ หน้าทีเดียวใน Guild Wars 2 เพราะมันไม่สนุกเลยที่จำเป็นจะต้องรอ Tanker หรือ Healer สักคนให้ Log in เข้ามา เพื่อที่จะสามารถลุยใน Dungeon สุดหฤโหดได้ ใน Guild Wars 2 คุณสามารถผสมผสาน Class ใน Party ของคุณได้ตามใจต้องการ และสามารถที่จะเคลียร์ Dungeon ได้ในเวลาที่มันควรจะเป็น ตราบเท่าที่คุณมีการสื่อสารที่ดีต่อกันใน Party
No Monthly Fee ArenaNet ทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนมุมมองของเราทุกคนกับเกม MMORPG แต่เค้าก็ยังไม่คิดที่จะเก็บค่าบริการรายเดือน เพียงคุณซื้อเกมแค่ครั้งเดียว คุณจะสามารถเล่นมันได้ตลอดไป
Personal Story ในฉากสร้างตัวละคร คุณสามารถเลือกประวัติ ภูมิหลังของตัวละครของคุณได้มากมาย ตามแต่เผ่าที่เลือกที่จะเล่นซึ่งมันจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องในเกมของคุณอย่างแน่นอน ArenaNet มีเป้าหมายที่จะทำให้ตัวละครในเกม MMORPG ของเค้านั้นมีเอกลักษณ์ ไม่ใช่เพียงตัวละครที่มีแค่ค่าพลังโจมตี ป้องกัน
WvWvW PvP Guild Wars 2 มีการ PvP อยู่ 2 แบบ แบบแรกคือการ PvP ใน Arena แบบเช่นใน Guild Wars 1 และอีกแบบนึงคือ World vs World vs World คือการจับ Servers 3 Servers มาต่อสู้กันในทุกๆ 2 สัปดาห์ ให้ต่อสู้กันในแผนที่ขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุคนได้ถึง 2,000 คน ซึ่งจะมีภารกิจทั้งการ capture points, resource gathering, castle sieging และอื่นๆอีกมากมาย
Level Scaling ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเพื่อนของคุณจะเลเวลมากเกินไปจนไม่สามารถที่จะเล่นเกมด้วยกันได้ เมื่อเพื่อนที่เลเวลสูงกว่ามาเล่นกับคุณ เค้าจะถูกปรับเลเวลให้เหมาะสมกับเควสที่คุณกำลังทำอยู่เอง ทำให้คุณสามารถเล่นกับเพื่อนได้ ไม่ว่าเค้าจะเลเวลสูงแค่ไหนก็ตาม
Leveling Curve จบกันทีกับการที่ต้องเก็บ Exp มหาศาลเพื่ออัพเลเวลแต่ละเลเวล ใน Guild Wars 2 จะไม่มีการเพิ่ม Exp ที่ต้องการในแต่ละเลเวล ไม่จำเป็นต้องฆ่า Monster มหาศาลเพื่ออัพเลเวลแต่ละเลเวล ทุกเลเวลใน Guild Wars 2 ใช้เวลาเท่าๆกันในการอัพเลเวลคือเพียงไม่เกิน 90 นาทีสำหรับแต่ละเลเวล เพื่อไม่ให้ผู้เล่นที่มีเวลาเล่นน้อยต้องรู้สึกว่าตัวละครของเขาไม่มีการพัฒนาเอาซะเลย และไม่ให้ผู้เล่นรู้สึกว่าเค้าต้องฆ่าศัตรูจำนวนมหาศาลเพื่ออัพแต่ละเลเวล
Jumping ใช่แล้ว !! คุณสามารถกระโดดได้ ในเกมนี้นั้นคุณจำเป็นต้องใช้การกระโดดด้วยเพื่อที่จะสำรวจทุกซอกทุกมุมของโลกแห่ง Guild Wars 2
No more interpersonal problem คุณไม่จำเป็นต้องแย่งเก็บเลเวลกับผู้เ่ล่นอื่นๆ ไม่มีการ Kill Steal ไม่มีการแย่ง Loot item ใน Guild Wars 2 ทุกคนที่ช่วยกันทำเควสและฆ่ามอนสเตอร์ได้ Exp เต็มๆ และได้ item เต็มๆทุกคน เหมือนกับทุกคนใน Guild Wars 2 นั้นเป็น Party เดียวกัน
Not pay to win - การจ่ายมากกว่า ไม่ได้ช่วยให้คุณเก่งขึ้นใน Guild Wars 2 เช่นเดียวกันกับชุดเกราะที่ดีก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะชนะการต่อสู้ได้เสมอไป
Many item customization - ถ้าคุณไม่ชอบดีไซน์ชุดเกราะสุดหฤโหดของคุณ คุณสามารถเลือกใส่ชุดอะไรภายนอกทับกับชุดเกราะสุดโหดของคุณก็ได้ อีกทั้งยังมียาย้อมผ้านับสิบชนิดให้คุณย้อมสีชุดของคุณตามใจ และชุดเกราะของคุณเองที่จะออกมาไม่เหมือนใครอีกด้วย
Jeremy Soule in charge for music - เขาคือผู้แต่งเพลงให้ซีรี่ The Elder Scroll เช่น Skyrim นั่นเอง !! และ Guild Wars ภาคก่อนก็ได้เค้าเป็นผู้แต่งเพลงให้เช่นกัน
Huge Scale of Boss Event - การสู้บอสที่สุดจะอลังการณ์ มีทั้งนอกและในดันเจี๊ยน คุณจะได้อารมณ์การรุมสู้บอสตาม map ที่ห่างหายไปนานมาอีกครั้ง
Artwork is very beautiful !!
ข้อมูลเกี่ยวกับ Dungeon และ Loot
ตัวเกมจะเปิดตัวจะมาพร้อมกับ 8 Dungeons ได้แก่
Ascalonian Catacombs
Caudecuss Manor
Twilight Arbor
Sorrows Embrace
Citadel of Flame
Crucible of Eternity
Honor of the Waves
Arah
มี 3 ดันเจียนที่เป็นดันเจียนเลเวล 80 นอกจากนั้นเป็นเลเวลระหว่าง 30-80
ดันเจียนจะมี 2 โหมดคือ
Story Mode ที่จะง่ายกว่า และสามารถลุยผ่านได้แบบง่ายๆ หาใครมาลุยด้วยก็ได้ จากนั้นเมื่อเราสามารถเอาชนะใน Story Mode ไ้ด้ ก็จะปลดล็อค Explorable mode ขึ้นมา
Explorable Mode ใน 1 ดันเจี๊ยนจะมีทางเลือกให้ไป 3 ทาง ซึ่งแต่ละทางก็จะมีบอสที่จะเจอต่างกันออกไป ซึ่งจะยากมาก และ ต้องการการผสานงานที่ดีเพื่อที่จะสามารถผ่านมันไปได้ ดังนั้นจึงควรจะเล่นกับกลุ่มเพื่อนที่ไว้วางใจได้
Loot ในดันเจี๊ยนแบ่งออกเป็นสองแบบ
Loot จาก Boss และ Token คือเมื่อเราเข้าไปสู่ดันเจี๊ยนที่เลเวลต่ำกว่าเรา เราจะถูกทำให้เหลือเลเวลเท่ากับตัวดันเจี๊ยนนั้น ซึ่ง Boss ก็จะดรอบของที่ใช้ได้ในเลเวลนั้นๆออกมาเช่น Dungeon Ascalonian Catatomb เป็นดันเจี๊ยนเลเวล 30 ก็จะดรอบไอเทมเลเวล 30-35. แต่คุณจะได้ skin ของอาวุธและชุดเกราะมา ซึ่งจะไม่สามารถหาได้ในดันเจี๊ยนอื่นๆ ดังนั้นถึงเราจะไม่ได้ไอเทมที่แข็งแกร่งพอกับเลเวลของเรา แต่เราก็จะได้ชุดเกราะที่สามารถนำไปสวมทับกับ ชุดเกราะเดิมของเราได้ ส่วนโทเค่นก็เพื่อเอาไว้ซื้อไอเทมในระดับเดียวกันนั่นเอง(ให้ดูสวยเฉยๆ ไม่คิด Stat)
>> รูปชุดเกราะที่ดรอบจากแต่ละ Dungeons <<
Loot จาก monster ตามทาง จะตกไอเทมตามเลเวลของเรา เช่นถ้าลงไปตอนเลเวล 80 แม้จะถูกลดเลเวลเหลือ 30 เราก็จะได้ไอเทมเลเวล 80 อยู่ดี
ดังนั้นการลงดันเจี๊ยนเมื่อเราเลเวลสูงเกินไปแล้ว ก็จะมีจุดประสงค์เพื่อ ความท้าทาย ความสนุก และเพื่อไอเทมสวยๆที่สามารถเอามาใส่เป็น costume ได้นั่นเอง
และสุดท้ายนี้ ดันเจี๊ยนจะมีเฉพาะสำหรับคน 5 คนเท่านั้น นอกจากนั้นจะมี World Boss ที่จะเกิดจาก Dynamic Event ที่สามารถลุยพร้อมๆกันได้เป็น 100 คน เกมนี้จะไม่มี Raid ที่ใช้คนมากกว่า 5 คน แบบ WoW
[Edited 6 times *-*Altakung*-* - Last Edit 2012-07-26 23:51:47]
# Sun 22 Jul 2012 : 2:34AM
RACE
มนุษย์แห่ง Tyria เผ่าพันธ์ที่ถูกรุกรานอย่างหนัก กว่าสามร้อยปีที่ผ่านมา พวกเขาได้สูญเสียอณาเขตไปมากมาย ศัตรูเก่าและใหม่ รุกรานดินแดนเก่าแก่ของมนุษย์จากทุกหนแห่ง แต่เผ่ามนุษย์ก็ยังสามารถมีชีวิตรอด ปกป้องดินแดนที่เหลืออยู่ และ ยังคงสืบทอดจิตวิญญาณที่พวกเขามีอยู่มานับศตวรรษได้ เมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธ์มนุษย์ Divinity's Reach เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังที่ส่องสว่างให้แก่มนุษย์ทุกหมู่เหล่าไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลจากบ้านเกิดแค่ไหนก็ตาม วีรกรรมของพวกเขานั้นประทับอยู่ในใจของทุกเผ่าพันธ์โดยไม่อาจลบเลือนไปได้
Norn คือเผ่าที่กล้าหาญ พวกเขาดูคล้ายกับคนเถื่อน พวกเขาชอบเอะอะโวยวาย แต่มีปณิธานตั้งมั่น และ อดทน Norn คือบุคคลที่เป็นอิสระ ไม่จงรักภักดีต่อสิ่งใด พวกเขาเติบโตในป้อมปราการบนภูเขาสูง เป็นที่ซึ่งฝึกให้พวกเขามีสัมผัสที่เฉียบคม มีทั้งไหวพริบ และความแข็งแกร่ง พวกเขาได้รับการนำทางโดยจิตวิญญาณแ่ห่งสัตว์ป่า พวกเขามีอารมณ์ร้อนและฉุนเฉียวได้ง่ายแต่ง่ายกว่าที่จะทำให้พวกเขายิ้มและหัวเราะ ทุกๆวันของ Norn คือการท้าทายตัวเอง พวกเขาดื่ม กิน และ ล่า ด้วยความรื่นเริง Norn แทบไม่กลัวสิ่งใด เขาคือพวกพ้องที่ไว้ใจได้ แต่ก็เป็นศัตรูที่ไร้ความปราณี
Norn มาจากภูเขาน้ำแข็งแห่ง Far Shiverpeaks ทางเหนือของดินแดนเหล่ามนุษย์ พวกเขาสืบทอดเรื่องเล่าเกี่ยวกับ วีรบุรุษ จิตวิญญาณ และ วีรกรรมที่ฟังดูเกินจะเป็นเรื่องจริง นักรบแห่ง Norn เชื่อว่าตนเองจะคงอยู่ตลอดไปตราบเท่าที่พวกเขาได้ถูกจดจำโดยผู้ลูกหลานและชนเผ่าของเขา ซึ่งมันเป็นเวลาที่มิอาจประมาณได้ ตราบเท่าที่บทเพลงของเขายังคงได้รับการโห่ร้องอยู่
แต่แล้ว Jormag the Elder Ice Dragon ตื่นจากการหลับไหล และขึ้นมาสู่โลก ชาว Norn ได้สู้กับมันด้วยเกียรติดังที่พวกเขาเคยต่อสู้มาโดยตลอด ฮีโร่ที่กล้าหาญหาทางที่จะปราบสัตว์ร้ายในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ฮีโร่นับร้อยถูกฆ่าตาย Norn จึงต้องอพยพตัวเองออกจากบ้านเกิดของพวกเขา
วิญญาณแห่งสัตว์ป่าช่วย Norn ในการอพยพ บ้างก็ตายเพื่อปกป้องพวกเขา บ้างก็รอคอยที่จะสู้กับ Jormag และบ้างก็หายไป แต่จิตวิิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หมาป่า หมี นกกา เสือชีต้าหิมะ ได้นำพวกเขามาสู่ดินแดนที่ปลอดภัยอีกครั้ง
ชาร์แห่ง Tyria คือเผ่าพันธ์ที่มีชัยชนะเหนือเผ่าพันธ์อื่นใด ชาร์ได้อยู่รอดจากการถูกปราบปราม ถูกกดขี่ และ สงครามภายในเผ่าพันธ์ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมายึดครอง และสร้างบ้านเกิดได้อีกครั้งนึง ซึ่งก็คือป้อมปราการ Black Citadel ชาร์ได้กำจัดเหล่ามนุษย์ที่อยู่ในดินแดนของพวกเขาโดยอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน แต่ความสำเร็จของพวกเขาก็ได้ก่อปัญหาขึ้น เกิดการแบ่งแยกในหมู่ชาร์กันเอง และ มนุษย์ที่พวกเขาได้กำจัดไปก็ลุกขึ้นมาต่อกรกับพวกเขาอีกครั้งนึง
พวกเขาอาจจะไม่สูงนัก แต่เผ่าพันธ์ที่อาศัยอยู่ใต้ดินนี้ครอบครองสิ่งประดิษฐ์เวทมนย์ และ องค์ความรู้มากมายมหาศาล เหล่าผู้มีปัญญาอันน่าอัศจรรย์นี้ใช้ความรู้และความสามารถของพวกเขาไปกับเวทย์มนต์ และงานประดิษฐ์ เพื่อถือสิทธิ์การปกครองตามธรรมชาติ ในโลกของ Asura ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่จะรอดชีวิต หากแต่เป็นผู้ที่ฉลาดจึงจะมีชีวิตต่อไปไ้ด้ ในขณะที่เผ่าพันธ์อื่นๆเชื่อว่าควรจะปกครองอาณาจักรตนเองด้วยอำนาจและพลัง แต่พลังนั้นแหละที่จะบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขาเอง
ซึ่งขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ที่ทุกเผ่าพันธ์จะต้องมาคุกเข่าต่อ Asura ...
นานมาแล้ว ลึกลงไปใน Maguuma Forest ทหารผู้อ่อนล้ากับการต่อสู้ได้ปลูกเมล็ดพันธ์ประหลาด ซึ่งในหลายศตวรรษต่อมา ต้นไม้สีซีดได้เจริญเติบโตขึ้น แตกกิ่งก้านสาขาคดโค้งไปทั่วป่า และเมื่อผ่านไปอีก ยี่สิบห้าปี ดอกไม้ก็ได้เบ่งบานออกมา หน่ออ่อนแรกได้ก้าวออกมาสู่โลก และตามมาด้วยพี่น้องของพวกเขาอีกมากมาย และฤดูหลังจากที่ Sylvari เบ่งบานนั้น ตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความสงสัย และ ความอยากรู้อยากเห็นถึงจุดประสงค์ที่พวกเขากำเนิดมาบนโลกที่แปลกประหลาดใบนี้ พวกเขาถูกหล่อหลอมมาด้วยความฝันที่เลี้ยงดูก่อนที่พวกเขาจะตื่นขึ้นมา บัดนี้ Sylvari ท่องไปในดินแดน Tyria เพื่อค้นหาการผจญภัย และ หาจุดยืนพวกเขาภายในโลกใบนี้
USER INTERFACE
จะช่วยให้งงน้อยลงตอนอ่านเกี่ยวกับ Profession คับ
PROFESSION
มนุษย์แห่ง Tyria เผ่าพันธ์ที่ถูกรุกรานอย่างหนัก กว่าสามร้อยปีที่ผ่านมา พวกเขาได้สูญเสียอณาเขตไปมากมาย ศัตรูเก่าและใหม่ รุกรานดินแดนเก่าแก่ของมนุษย์จากทุกหนแห่ง แต่เผ่ามนุษย์ก็ยังสามารถมีชีวิตรอด ปกป้องดินแดนที่เหลืออยู่ และ ยังคงสืบทอดจิตวิญญาณที่พวกเขามีอยู่มานับศตวรรษได้ เมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธ์มนุษย์ Divinity's Reach เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังที่ส่องสว่างให้แก่มนุษย์ทุกหมู่เหล่าไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลจากบ้านเกิดแค่ไหนก็ตาม วีรกรรมของพวกเขานั้นประทับอยู่ในใจของทุกเผ่าพันธ์โดยไม่อาจลบเลือนไปได้
Norn คือเผ่าที่กล้าหาญ พวกเขาดูคล้ายกับคนเถื่อน พวกเขาชอบเอะอะโวยวาย แต่มีปณิธานตั้งมั่น และ อดทน Norn คือบุคคลที่เป็นอิสระ ไม่จงรักภักดีต่อสิ่งใด พวกเขาเติบโตในป้อมปราการบนภูเขาสูง เป็นที่ซึ่งฝึกให้พวกเขามีสัมผัสที่เฉียบคม มีทั้งไหวพริบ และความแข็งแกร่ง พวกเขาได้รับการนำทางโดยจิตวิญญาณแ่ห่งสัตว์ป่า พวกเขามีอารมณ์ร้อนและฉุนเฉียวได้ง่ายแต่ง่ายกว่าที่จะทำให้พวกเขายิ้มและหัวเราะ ทุกๆวันของ Norn คือการท้าทายตัวเอง พวกเขาดื่ม กิน และ ล่า ด้วยความรื่นเริง Norn แทบไม่กลัวสิ่งใด เขาคือพวกพ้องที่ไว้ใจได้ แต่ก็เป็นศัตรูที่ไร้ความปราณี
Norn มาจากภูเขาน้ำแข็งแห่ง Far Shiverpeaks ทางเหนือของดินแดนเหล่ามนุษย์ พวกเขาสืบทอดเรื่องเล่าเกี่ยวกับ วีรบุรุษ จิตวิญญาณ และ วีรกรรมที่ฟังดูเกินจะเป็นเรื่องจริง นักรบแห่ง Norn เชื่อว่าตนเองจะคงอยู่ตลอดไปตราบเท่าที่พวกเขาได้ถูกจดจำโดยผู้ลูกหลานและชนเผ่าของเขา ซึ่งมันเป็นเวลาที่มิอาจประมาณได้ ตราบเท่าที่บทเพลงของเขายังคงได้รับการโห่ร้องอยู่
แต่แล้ว Jormag the Elder Ice Dragon ตื่นจากการหลับไหล และขึ้นมาสู่โลก ชาว Norn ได้สู้กับมันด้วยเกียรติดังที่พวกเขาเคยต่อสู้มาโดยตลอด ฮีโร่ที่กล้าหาญหาทางที่จะปราบสัตว์ร้ายในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ฮีโร่นับร้อยถูกฆ่าตาย Norn จึงต้องอพยพตัวเองออกจากบ้านเกิดของพวกเขา
วิญญาณแห่งสัตว์ป่าช่วย Norn ในการอพยพ บ้างก็ตายเพื่อปกป้องพวกเขา บ้างก็รอคอยที่จะสู้กับ Jormag และบ้างก็หายไป แต่จิตวิิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หมาป่า หมี นกกา เสือชีต้าหิมะ ได้นำพวกเขามาสู่ดินแดนที่ปลอดภัยอีกครั้ง
ชาร์แห่ง Tyria คือเผ่าพันธ์ที่มีชัยชนะเหนือเผ่าพันธ์อื่นใด ชาร์ได้อยู่รอดจากการถูกปราบปราม ถูกกดขี่ และ สงครามภายในเผ่าพันธ์ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมายึดครอง และสร้างบ้านเกิดได้อีกครั้งนึง ซึ่งก็คือป้อมปราการ Black Citadel ชาร์ได้กำจัดเหล่ามนุษย์ที่อยู่ในดินแดนของพวกเขาโดยอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน แต่ความสำเร็จของพวกเขาก็ได้ก่อปัญหาขึ้น เกิดการแบ่งแยกในหมู่ชาร์กันเอง และ มนุษย์ที่พวกเขาได้กำจัดไปก็ลุกขึ้นมาต่อกรกับพวกเขาอีกครั้งนึง
พวกเขาอาจจะไม่สูงนัก แต่เผ่าพันธ์ที่อาศัยอยู่ใต้ดินนี้ครอบครองสิ่งประดิษฐ์เวทมนย์ และ องค์ความรู้มากมายมหาศาล เหล่าผู้มีปัญญาอันน่าอัศจรรย์นี้ใช้ความรู้และความสามารถของพวกเขาไปกับเวทย์มนต์ และงานประดิษฐ์ เพื่อถือสิทธิ์การปกครองตามธรรมชาติ ในโลกของ Asura ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่จะรอดชีวิต หากแต่เป็นผู้ที่ฉลาดจึงจะมีชีวิตต่อไปไ้ด้ ในขณะที่เผ่าพันธ์อื่นๆเชื่อว่าควรจะปกครองอาณาจักรตนเองด้วยอำนาจและพลัง แต่พลังนั้นแหละที่จะบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขาเอง
ซึ่งขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ที่ทุกเผ่าพันธ์จะต้องมาคุกเข่าต่อ Asura ...
นานมาแล้ว ลึกลงไปใน Maguuma Forest ทหารผู้อ่อนล้ากับการต่อสู้ได้ปลูกเมล็ดพันธ์ประหลาด ซึ่งในหลายศตวรรษต่อมา ต้นไม้สีซีดได้เจริญเติบโตขึ้น แตกกิ่งก้านสาขาคดโค้งไปทั่วป่า และเมื่อผ่านไปอีก ยี่สิบห้าปี ดอกไม้ก็ได้เบ่งบานออกมา หน่ออ่อนแรกได้ก้าวออกมาสู่โลก และตามมาด้วยพี่น้องของพวกเขาอีกมากมาย และฤดูหลังจากที่ Sylvari เบ่งบานนั้น ตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความสงสัย และ ความอยากรู้อยากเห็นถึงจุดประสงค์ที่พวกเขากำเนิดมาบนโลกที่แปลกประหลาดใบนี้ พวกเขาถูกหล่อหลอมมาด้วยความฝันที่เลี้ยงดูก่อนที่พวกเขาจะตื่นขึ้นมา บัดนี้ Sylvari ท่องไปในดินแดน Tyria เพื่อค้นหาการผจญภัย และ หาจุดยืนพวกเขาภายในโลกใบนี้
USER INTERFACE
จะช่วยให้งงน้อยลงตอนอ่านเกี่ยวกับ Profession คับ
PROFESSION
Elementalist สามารถควบคุมพลังธรรมชาติแห่งการทำลายล้าง สร้าง ไฟ ลม ดิน และ น้ำ ให้ทำตามคำสั่งของเธอ จุดอ่อนของเธอคือพลังป้องกันทางกายภาพ แต่ทดแทนมาด้วยความสามารถในการโจมตีเป้าหมายเดียวอย่างรุนแรง กำจัดศัตรูก่อนที่มันจะเข้ามาถึงตัวเธอได้ นอกจากเวทย์ทำลายล้างแล้ว เธอยังมีเวทย์มนต์ที่มีความสามารถอื่นๆอีกมากมายหลายชนิด Elementalist จึงเป็นศัตรูที่ยากจะกำราบได้
แทนที่จะเปลี่ยนอาวุธไปมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง Elementalist สามารถปรับตัวกับภัยใกล้ตัวโดย ปรับธาตุของตัวเองไปตามใจต้องการ เมื่อ Elementalist ปรับตัวเข้าสู้ธาตุ ธาตุนึง เธอจะได้รับโบนัสที่จะคอยเพิ่มพลังให้กับเธอ
ด้วยการปรับตัวเป็นธาตุไฟ Elementalist สามารถเผาศัตรูทีละหลายๆตัวได้โดนการเปลี่ยนพื้นเป็นทะเลเพลิง หรือ เรียกฝนของหินภูเขาไฟจากท้องฟ้าลงมาได้ ทำให้ Elementalist สามารถฆ่าศัตรูได้ทีละหลายๆตัว นอกจากนั้นการปรับเป็นธาตุไฟ ทำให้ศัตรูที่กล้ามาโจมตีเธอนั้นโดนไฟเผาผลาญจนมอดไหม้อีกด้วย
เมื่อปรับตัวเป็นธาตุอากาศ Elementalist สามารถใช้พลังจากลม และ สายฟ้า เพื่อโจมตีศัตรูอย่างรุนแรงทีละตัวๆ เธอสามารถเสกสายฟ้าลูกใหญ่ออกจากปลายนิ้วของเธอ และ เนรมิตรแสงสว่างที่จะทำให้ศัตรูของเธอตาพร่ามัว เมื่อ Elementalist ปรับสู่ธาตุลม ศัตรูที่อยู่ใกล้เธอจะโดนโจมตีด้วยสายฟ้า
การปรับเป็นธาตุน้ำอาจจะไม่มีพลังโจมตีที่รุนแรงดังเช่น ธาตุอากาศ หรือ ธาตุไฟ แต่ธาตุน้ำนั้นสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของศัตรูได้อย่างง่ายดาย เช่นการสร้างพื้นน้ำแข็งอันแสนลื่น หรือ แช่แข็งศัตรูสักตัวนึง ธาตุน้ำนั้นทำให้ Elementalist แน่ใจว่าการนั้นเธอจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอ เมื่อเธอปรับเข้าสู่ธาตุน้ำ จะทำให้ผู้เ่ล่นอื่นที่อยู่ใกล้เธอได้รับการ Heal อย่างต่อเนื่อง
ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด Elementalist สามารถจัดการได้โดยใช้พลังป้องกันจากธาตุดิน เธอสามารถดึงพื้นดินมาป้องกันตัวเธอได้ สามารถเปลี่ยนผิวหนังให้กลายเป็นหินได้ ทำให้ศัตรูของเธอเสียศูนย์ด้วยแผ่นดินไหว และ ทำลายศัตรูด้วยการปะทุของภูเขาไฟ การปรับเข้าสู่ธาตุดินจะทำใ้ห้เธอได้พลังป้องกันทางเวทมนต์มา
Elementalists มี Special Spell ดังนี้
GlyphsThese arcane spells สามารถ เสริมพลัง หรือ เปลี่ยนแปลงพลังธรรมชาติของ Elementalist ซึ่งเธอสามารถใช้ Glyph of Elemental เพื่อเพิ่มพลังโจมตี ระยะโจมตี และ ระยะเวลา ของสกิลของเธอได้
Signetsจะให้ Effect ติดตัว Elementalist แต่เธอสามารถจะใช้สกิลนี้อีกทีเพื่อทำให้ผลของ Effect นั้นรุนแรงกว่าเดิมได้ เช่น Elementalist ที่สวม Signet of Earth อยู่จะเพิ่มพลังป้องกันของเธอ แต่เมื่อเธอใช้ Signet of Earth จะทำให้เกิดคลื่นทางพื้นดินและ Stun ศัตรูที่อยู่ใกล้ๆเธอ
Conjure Spells-การใช้ Conjure Spells จะทำให้ Elementalist สามารถสร้างไอเึ้ทม หรืออาวุธขึ้นมาได้ ซึ่งเธอและสมาชิกใน Party สามารถใช้มันได้
Area SpellsElementalist สามารถร่ายมนต์อันตรายที่สร้างความสับสนให้แก่ศัตรูในสนามรบได้ เช่นยิงไฟลาวาออกไปข้างหน้าของเธอ หรือ สร้างกำแพงไฟที่เผาผลาญศัตรูที่กล้าเดินผ่านเข้ามา
Attunements
Elementalist มี Attunement ของ 4 ธาตุ ที่เธอสามารถจะเปลี่ยนไปมาได้ เมื่อเธอเปลี่ยน Attunement จะทำให้สกิลทั้ง 5 ทางด้านซ้ายของเธอเปลี่ยนไป ซึ่งสกิลที่ได้จะขึ้นอยู่กับธาตุ และ อาวุธ ของเธอ ดังนั้น Wizard ที่เลือกธาตุไฟเหมือนกัน ก็จะมีสกิลต่างกันถ้าเลือกใส่อาวุธที่ต่างกัน Attunement ทำงานเหมือนสกิลธรรมดาที่เมื่อกดเปลี่ยนแล้วจะได้ Effect ของ ธาตุ นั้นๆมา
Attunement คือรูปแต่ละธาตุที่อยู่ด้านบน
Weapons
Main Hand: Scepter and Dagger
Two Handed: Staff
Off Hand: Dagger and Focus
Aquatic: Trident
แทนที่จะเปลี่ยนอาวุธไปมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง Elementalist สามารถปรับตัวกับภัยใกล้ตัวโดย ปรับธาตุของตัวเองไปตามใจต้องการ เมื่อ Elementalist ปรับตัวเข้าสู้ธาตุ ธาตุนึง เธอจะได้รับโบนัสที่จะคอยเพิ่มพลังให้กับเธอ
ด้วยการปรับตัวเป็นธาตุไฟ Elementalist สามารถเผาศัตรูทีละหลายๆตัวได้โดนการเปลี่ยนพื้นเป็นทะเลเพลิง หรือ เรียกฝนของหินภูเขาไฟจากท้องฟ้าลงมาได้ ทำให้ Elementalist สามารถฆ่าศัตรูได้ทีละหลายๆตัว นอกจากนั้นการปรับเป็นธาตุไฟ ทำให้ศัตรูที่กล้ามาโจมตีเธอนั้นโดนไฟเผาผลาญจนมอดไหม้อีกด้วย
เมื่อปรับตัวเป็นธาตุอากาศ Elementalist สามารถใช้พลังจากลม และ สายฟ้า เพื่อโจมตีศัตรูอย่างรุนแรงทีละตัวๆ เธอสามารถเสกสายฟ้าลูกใหญ่ออกจากปลายนิ้วของเธอ และ เนรมิตรแสงสว่างที่จะทำให้ศัตรูของเธอตาพร่ามัว เมื่อ Elementalist ปรับสู่ธาตุลม ศัตรูที่อยู่ใกล้เธอจะโดนโจมตีด้วยสายฟ้า
การปรับเป็นธาตุน้ำอาจจะไม่มีพลังโจมตีที่รุนแรงดังเช่น ธาตุอากาศ หรือ ธาตุไฟ แต่ธาตุน้ำนั้นสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของศัตรูได้อย่างง่ายดาย เช่นการสร้างพื้นน้ำแข็งอันแสนลื่น หรือ แช่แข็งศัตรูสักตัวนึง ธาตุน้ำนั้นทำให้ Elementalist แน่ใจว่าการนั้นเธอจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอ เมื่อเธอปรับเข้าสู่ธาตุน้ำ จะทำให้ผู้เ่ล่นอื่นที่อยู่ใกล้เธอได้รับการ Heal อย่างต่อเนื่อง
ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด Elementalist สามารถจัดการได้โดยใช้พลังป้องกันจากธาตุดิน เธอสามารถดึงพื้นดินมาป้องกันตัวเธอได้ สามารถเปลี่ยนผิวหนังให้กลายเป็นหินได้ ทำให้ศัตรูของเธอเสียศูนย์ด้วยแผ่นดินไหว และ ทำลายศัตรูด้วยการปะทุของภูเขาไฟ การปรับเข้าสู่ธาตุดินจะทำใ้ห้เธอได้พลังป้องกันทางเวทมนต์มา
Elementalists มี Special Spell ดังนี้
GlyphsThese arcane spells สามารถ เสริมพลัง หรือ เปลี่ยนแปลงพลังธรรมชาติของ Elementalist ซึ่งเธอสามารถใช้ Glyph of Elemental เพื่อเพิ่มพลังโจมตี ระยะโจมตี และ ระยะเวลา ของสกิลของเธอได้
Signetsจะให้ Effect ติดตัว Elementalist แต่เธอสามารถจะใช้สกิลนี้อีกทีเพื่อทำให้ผลของ Effect นั้นรุนแรงกว่าเดิมได้ เช่น Elementalist ที่สวม Signet of Earth อยู่จะเพิ่มพลังป้องกันของเธอ แต่เมื่อเธอใช้ Signet of Earth จะทำให้เกิดคลื่นทางพื้นดินและ Stun ศัตรูที่อยู่ใกล้ๆเธอ
Conjure Spells-การใช้ Conjure Spells จะทำให้ Elementalist สามารถสร้างไอเึ้ทม หรืออาวุธขึ้นมาได้ ซึ่งเธอและสมาชิกใน Party สามารถใช้มันได้
Area SpellsElementalist สามารถร่ายมนต์อันตรายที่สร้างความสับสนให้แก่ศัตรูในสนามรบได้ เช่นยิงไฟลาวาออกไปข้างหน้าของเธอ หรือ สร้างกำแพงไฟที่เผาผลาญศัตรูที่กล้าเดินผ่านเข้ามา
Attunements
Elementalist มี Attunement ของ 4 ธาตุ ที่เธอสามารถจะเปลี่ยนไปมาได้ เมื่อเธอเปลี่ยน Attunement จะทำให้สกิลทั้ง 5 ทางด้านซ้ายของเธอเปลี่ยนไป ซึ่งสกิลที่ได้จะขึ้นอยู่กับธาตุ และ อาวุธ ของเธอ ดังนั้น Wizard ที่เลือกธาตุไฟเหมือนกัน ก็จะมีสกิลต่างกันถ้าเลือกใส่อาวุธที่ต่างกัน Attunement ทำงานเหมือนสกิลธรรมดาที่เมื่อกดเปลี่ยนแล้วจะได้ Effect ของ ธาตุ นั้นๆมา
Attunement คือรูปแต่ละธาตุที่อยู่ด้านบน
Weapons
Main Hand: Scepter and Dagger
Two Handed: Staff
Off Hand: Dagger and Focus
Aquatic: Trident
Warrior คือผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ เขาพึ่งพอความเร็ว ความแข็งแกร่ง ความทนทาน และ เกราะอันแสนหนัก เพื่อที่จะอยู่รอดได้ในสนามรบ เขาสามารถทนทานการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าในสนามรบระหว่างที่ร่างกายหลั่งอะดรีนาลีน เพื่อเป็นพลังในการคว้าชัยชนะในสนามรบ
อะดรีนาลีนทำให้ Warrior แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งหนักหน่วงยิ่งขึ้น และเป็นพลังงานในการใช้ burst skill ต่อไป อาวุธแ่ต่ละชนิดมี burst skill เป็นของตัวมันเอง ซึ่ง Warrior สามารถใช้ได้โดยทุ่มอะดรีนาลีนทั้งหมดไปกับการโจมตี Warrior สามารถใช้ burst skill ตอนไหนก็ได้ แต่ยิ่งมีอะดรีนาลีนมากเท่าไหร่ ผลที่ตามมาก็จะยิ่งมากตามขึ้นเท่านั้น burst skill บางอันอาจจะทำให้ศัตรูติดสถานะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ในขณะมีอะดรีนาลีนมาขึ้น แต่ burst skill บางอันอาจจะเพียงแค่เพิ่มพลังโจมตีให้มากขึ้นเท่านั้น
อาวุธทุกชนิดมีความสามารถต่างกัน ใช้ในหน้าที่ต่างกัน เพื่อให้ Warrior สามารถเลือกที่จะใช้อาวุธไปตามสไตล์การเล่นของตัวเอง เขาสามารถเลือกที่จะใช้ดาบ หรือ คทากับโล่ หรือกับ warhorn หรือ dual wield ก็ได้ แต่หน้าที่หลักของ Warrior นั้นมักถูกกำหนดด้วยการใช้อาวุธสองมือ
Warrior ผู้ใช้ดาบมือเดียว นั้นคล่องแคล่วและรวดเร็ว เขาโจมตีศัตรูอย่างรวดเร็วเมื่อเขาพุ่งเข้าไปหาด้วยสกิล Savage Leap
Warrior ผู้ใช้ขวาน สามารถเพิ่มอะดรีนาลีนได้อย่างรวดเร็ว และโจมตีศัตรูได้อย่างรุนแรง
Warrior ผู้ใช้ค้อน สามารถทุบศัตรูของเขา และ พื้นเป็นการโจมตีที่ทำให้กลุ่มศัตรูเสียหลักได้
Warrior ผู้ใช้คทา สามารถรบกวนศัตรูของเขาด้วยการ Stun ที่รุนแรง และโจมตีไปที่จุดอ่อนได้ ทำให้พวกมันกลัวที่จะต้องต่อสู้กับ Warrior ต่อไป
Warrior ผู้ใช้ดาบใหญ่ ใช้น้ำหนักของเขาในการกวาดล้างศัตรูเป็นกลุ่มในการต่อสู้ในสนามรบ
Warrior ผู้ใช้ธนู สามารถใช้ธนูไฟเพื่อสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้
Warrior สามารถใช้ Rifle เพื่อลากศัตรูเข้ามาหา หรือ จัดการศัตรูที่กำลังจะหนีไปได้
Warriors have a number of special skill types:
Stancesกดใช้เพื่อการตั้งท่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ของ Warrior เช่น Berserker's Stance จะใช้ energy ของ Warrior เพื่อแลกกับการฟื้นค่าอะดรีนาลีน ซึ่งคุณสามารถเลือกที่จะปิด Berserker's Stance ตอนไหนก็ได้
Chainsชุดสกิล 3 สกิลที่อยู่ในปุ่มสกิลเดียวกัน chain จะเริ่มต้นเมื่อคุณโจมตีศัตรูของคุณ เช่น สกิล Sever Artery, Gash, and Final Thrust ทั้งสามสกิลจะอยู่ในปุ่มเดียวกัน ทำให้คุณจะได้สกิลของอาวุธเป็นพิเศษให้อีก 2 สกิล
BannersWarrior เรียกธงลงบนสนามรบเพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้แก่พรรคพวกของเขา ธงนี้สามารถหยิบและถือไปรอบๆได้ หรือ จะปักมันไว้เฉยๆก็ได้ ซึ่งธงนี้จะทำให้พรรคพวกในบริเวณนั้นมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
Shoutsการตะโกนเป็นสกิลที่ส่งผลในพื้นที่กว้างและช่วยบัฟให้แก่พรรคพวกของเรา ในขณะที่ทำให้ศัตรูอ่อนแอลง Warrior สามารถตะโกนเพื่อลดพลังป้องกันของศัตรู หรือตะโกนเพื่อขู่ให้ศัตรูหนีไปได้
Charge Skillsบางสกิลสามารถที่จะกดค้างไว้เพื่อเพิ่มพลังโจมตีของมันได้ เช่นคทามีสกิล Obliterate ที่สามารถชาจได้สี่ระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะมีพลังทำลายแตกต่างกัน
Weapons
A warrior can use nine different weapons. He can combine any of the nine weapons available to him in 19 different ways. The warrior weapons are:
Main Hand: Sword, Axe, Mace
Offhand: Shield, Warhorn, Sword, Axe, Mace
Two-Handed: Greatsword, Hammer, Longbow, Rifle
Aquatic: Spear and Harpoon
Warrior สามารถเปลี่ยนอาวุธที่เขาถือไปมาได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการในการต่อสู้นั้นๆ แต่การเปลี่ยนอาวุธนั้นทำให้มี cooldown เพื่อป้องกันการเปลี่ยนอาวุธไปมา อย่างไรก็ตาม Warrior สามารถเลือก trait ที่ทำให้ cooldown นี้หายไปได้ ทำให้สามารถต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น และในระหว่างที่ยังไม่มีการต่อสู้ Warrior สามารถปรับแต่งชุดอาวุธของเขาได้ตามต้องการ ก่อนที่จะเข้าสู่สนามรบ
Adrenaline
Warrior เริ่มต่อสู้โดยปราศจากอะดรีนาลีน แต่ adrenaline จะค่อยๆเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาโจมตี Warrior มีอะดรีนาลีนอยู่สามระดับที่สามารถจะเติมเต็มได้ ซึ่งในแต่ละระดับนั้นจะทำให้ burst skill ที่ปล่อยออกมามีความแตกต่างกันไป
Burst skill ใช้อะดรีนาลีนของ Warrior ทั้งหมด อาวุธแต่ละชนิดมี Burst skill เป็นของตัวเองซึ่งจะรุนแรงยิ่งขึ้นตามระดับของอะดรีนาลีนที่มี ซึ่งอาจจะรุนแรงขึ้นจากการเพิ่มเดเมจ หรือเพิ่มสถานะผิดปกติ หรือเพิ่มเวลาที่ติดสถานะนั้น หรือ เพิ่มระยะเวลาของสกิลก็ได้
อะดรีนาลีนทำให้ Warrior แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งหนักหน่วงยิ่งขึ้น และเป็นพลังงานในการใช้ burst skill ต่อไป อาวุธแ่ต่ละชนิดมี burst skill เป็นของตัวมันเอง ซึ่ง Warrior สามารถใช้ได้โดยทุ่มอะดรีนาลีนทั้งหมดไปกับการโจมตี Warrior สามารถใช้ burst skill ตอนไหนก็ได้ แต่ยิ่งมีอะดรีนาลีนมากเท่าไหร่ ผลที่ตามมาก็จะยิ่งมากตามขึ้นเท่านั้น burst skill บางอันอาจจะทำให้ศัตรูติดสถานะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ในขณะมีอะดรีนาลีนมาขึ้น แต่ burst skill บางอันอาจจะเพียงแค่เพิ่มพลังโจมตีให้มากขึ้นเท่านั้น
อาวุธทุกชนิดมีความสามารถต่างกัน ใช้ในหน้าที่ต่างกัน เพื่อให้ Warrior สามารถเลือกที่จะใช้อาวุธไปตามสไตล์การเล่นของตัวเอง เขาสามารถเลือกที่จะใช้ดาบ หรือ คทากับโล่ หรือกับ warhorn หรือ dual wield ก็ได้ แต่หน้าที่หลักของ Warrior นั้นมักถูกกำหนดด้วยการใช้อาวุธสองมือ
Warrior ผู้ใช้ดาบมือเดียว นั้นคล่องแคล่วและรวดเร็ว เขาโจมตีศัตรูอย่างรวดเร็วเมื่อเขาพุ่งเข้าไปหาด้วยสกิล Savage Leap
Warrior ผู้ใช้ขวาน สามารถเพิ่มอะดรีนาลีนได้อย่างรวดเร็ว และโจมตีศัตรูได้อย่างรุนแรง
Warrior ผู้ใช้ค้อน สามารถทุบศัตรูของเขา และ พื้นเป็นการโจมตีที่ทำให้กลุ่มศัตรูเสียหลักได้
Warrior ผู้ใช้คทา สามารถรบกวนศัตรูของเขาด้วยการ Stun ที่รุนแรง และโจมตีไปที่จุดอ่อนได้ ทำให้พวกมันกลัวที่จะต้องต่อสู้กับ Warrior ต่อไป
Warrior ผู้ใช้ดาบใหญ่ ใช้น้ำหนักของเขาในการกวาดล้างศัตรูเป็นกลุ่มในการต่อสู้ในสนามรบ
Warrior ผู้ใช้ธนู สามารถใช้ธนูไฟเพื่อสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้
Warrior สามารถใช้ Rifle เพื่อลากศัตรูเข้ามาหา หรือ จัดการศัตรูที่กำลังจะหนีไปได้
Warriors have a number of special skill types:
Stancesกดใช้เพื่อการตั้งท่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ของ Warrior เช่น Berserker's Stance จะใช้ energy ของ Warrior เพื่อแลกกับการฟื้นค่าอะดรีนาลีน ซึ่งคุณสามารถเลือกที่จะปิด Berserker's Stance ตอนไหนก็ได้
Chainsชุดสกิล 3 สกิลที่อยู่ในปุ่มสกิลเดียวกัน chain จะเริ่มต้นเมื่อคุณโจมตีศัตรูของคุณ เช่น สกิล Sever Artery, Gash, and Final Thrust ทั้งสามสกิลจะอยู่ในปุ่มเดียวกัน ทำให้คุณจะได้สกิลของอาวุธเป็นพิเศษให้อีก 2 สกิล
BannersWarrior เรียกธงลงบนสนามรบเพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้แก่พรรคพวกของเขา ธงนี้สามารถหยิบและถือไปรอบๆได้ หรือ จะปักมันไว้เฉยๆก็ได้ ซึ่งธงนี้จะทำให้พรรคพวกในบริเวณนั้นมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
Shoutsการตะโกนเป็นสกิลที่ส่งผลในพื้นที่กว้างและช่วยบัฟให้แก่พรรคพวกของเรา ในขณะที่ทำให้ศัตรูอ่อนแอลง Warrior สามารถตะโกนเพื่อลดพลังป้องกันของศัตรู หรือตะโกนเพื่อขู่ให้ศัตรูหนีไปได้
Charge Skillsบางสกิลสามารถที่จะกดค้างไว้เพื่อเพิ่มพลังโจมตีของมันได้ เช่นคทามีสกิล Obliterate ที่สามารถชาจได้สี่ระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะมีพลังทำลายแตกต่างกัน
Weapons
A warrior can use nine different weapons. He can combine any of the nine weapons available to him in 19 different ways. The warrior weapons are:
Main Hand: Sword, Axe, Mace
Offhand: Shield, Warhorn, Sword, Axe, Mace
Two-Handed: Greatsword, Hammer, Longbow, Rifle
Aquatic: Spear and Harpoon
Warrior สามารถเปลี่ยนอาวุธที่เขาถือไปมาได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการในการต่อสู้นั้นๆ แต่การเปลี่ยนอาวุธนั้นทำให้มี cooldown เพื่อป้องกันการเปลี่ยนอาวุธไปมา อย่างไรก็ตาม Warrior สามารถเลือก trait ที่ทำให้ cooldown นี้หายไปได้ ทำให้สามารถต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น และในระหว่างที่ยังไม่มีการต่อสู้ Warrior สามารถปรับแต่งชุดอาวุธของเขาได้ตามต้องการ ก่อนที่จะเข้าสู่สนามรบ
Adrenaline
Warrior เริ่มต่อสู้โดยปราศจากอะดรีนาลีน แต่ adrenaline จะค่อยๆเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาโจมตี Warrior มีอะดรีนาลีนอยู่สามระดับที่สามารถจะเติมเต็มได้ ซึ่งในแต่ละระดับนั้นจะทำให้ burst skill ที่ปล่อยออกมามีความแตกต่างกันไป
Burst skill ใช้อะดรีนาลีนของ Warrior ทั้งหมด อาวุธแต่ละชนิดมี Burst skill เป็นของตัวเองซึ่งจะรุนแรงยิ่งขึ้นตามระดับของอะดรีนาลีนที่มี ซึ่งอาจจะรุนแรงขึ้นจากการเพิ่มเดเมจ หรือเพิ่มสถานะผิดปกติ หรือเพิ่มเวลาที่ติดสถานะนั้น หรือ เพิ่มระยะเวลาของสกิลก็ได้
Ranger คือ ผู้ที่มีความสามารถสารพัดด้าน และ ทำได้ดีในทุกๆด้าน อาวุธของเขาคือดวงตาที่เฉียบคม มือที่เล็งมั่นคง และ พลังของธรรมชาติ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะไกล Ranger มีสัตว์เลี้ยงที่ไว้ใจได้คอยทำตามคำสั่ง Ranger สามารถปรับวิธีการต่อสู้ไปตามความแข็งแกร่ง และจุดอ่อนแอของศัตรูได้ทุกรูปแบบ
Ranger มีเพื่อนเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา เป็นเพื่อนร่วมทางที่ซื่อสัตว์ที่สุด Ranger สามารถกล่อมสัตว์ให้เป็นมิตรกับเขา และสร้างพันธะเพื่อต่อสู้ร่วมกันได้ เขาสามารถเรียกสัตว์เลี้ยงช่วยสู้ได้มากที่สุดถึงทีละ สามตัว แต่ในเวลาปกติสัตว์เลี้ยงตัวเดียวเท่านั้นที่จะอยู่เป็นเพื่อนร่วมทางเราได้ตลอดเวลา ค่าสถานะต่างๆของสัตว์เลี้ยงนั้นขึ้นอยู่กับเลเวลของผู้เล่นเอง
สัตว์เลี้ยงสามารถจับได้โดยสื่อสารกับสัตว์ตัวอ่อนของสปีชี่ที่เราต้องการจะจับ ใน Tyria นั้นมีหลายสปีชี่ที่เราสามารถจะจับมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ เช่น bears, moas, devourers, and sharks และยิ่งคุณผจญภัยไปกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะพัฒนาตัวตนของมันให้มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น และ คุณยังสามารถเซทให้มันใช้อบิลิตี้ที่เหมาะกับสไตล์การเล่นของคุณได้อีกด้วย
การต่อสู้ของ Ranger นั้นต่างกับอาชีพอื่น เพราะ Ranger ต้องบริหารทั้งสกิลตัวเอง และ สกิลของสัตว์เลี้ยง ซึ่งสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถตั้งลักษณะการโจมตีได้เช่นเป็นแบบ Passive หรือ Aggressive นอกจากนี้ Ranger ยังสามารถสั่งการสัตว์เลี้ยงให้ โจมตี หนี หรือว่า ให้อยู่เฉยๆ ได้อีกด้วย
Rangers have a number of special skill types:
Traps--กับดักเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับ Ranger ซึ่งเมื่อใช้แล้วจะวางกับดักนั้นในตำแหน่งที่ Ranger ยืนอยู่ เมื่อศัตรูเข้ามาในรัศมีของกับดัก มันก็จะทำงาน เช่น Spike Trap จะทำให้ศัตรูเดินช้าและเลือดออกเมื่อเดินผ่านมันมา Trap จะสามารถใช้งานได้ตราบเท่าที่ Ranger ยังยืนอยู่ใกล้ๆกับกับดักนั้น Ranger สามารถวางกับดักได้ทีละหลายอัน แต่ไม่สามารถวางกับดักชนิดเดียวกันซ้ำกัน
Spirits--Ranger สามารถเรียกวิญญาณออกมาและส่งผลต่อแอเรียบริเวณนั้นๆได้ เช่น Sun Spirit จะเพิ่มเดเมจธาตุไฟให้แก่การโจมตีของพรรคพวกของเรา Spirit จะออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ และจะหายไปเมื่อ Ranger อยู่ไกลเกินไป Spirit สามารถโดนโจมตีได้จากศัตรูและถูกทำลายได้ Ranger ไม่สามารถมี Spirit ชนิดเดียวกันซ้ำกันได้ในเวลาเดียวกัน
Weapons
A ranger is mostly a master of ranged weapons, however, he can use sword or greatsword in melee combat. The ranger weapons are:
Main Hand: Sword, Axe
Off Hand: Axe, Dagger, Torch, Warhorn
Two-Handed: Greatsword, Longbow, Shortbow
Aquatic: Spear and Harpoon
Slotting and Swapping Pets
Ranger สามารถมีสัตว์เลี้ยงได้ทั้งหมด 4 slot สอง slot สำหรับสัตว์เลี้ยงบนบก และอีกสอง slot สำหรับสัตว์เลี้ยงในน้ำ สัตว์ที่อยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำจะอยู่ได้ทั้งสอง slot คุณสามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเปลี่ยนระหว่างสัตว์เลี้ยงสองชนิดระหว่างการต่อสู้ได้ ซึ่งสามารถใช้ได้ในเวลาที่สัตว์เลี้ยงของคุณโดนจัดการอีกด้วย ทำให้ Ranger เรียกสัตว์เลี้ยงออกมาใหม่ได้ทันทีเมื่อสัตว์เลี้ยงถูกปราบลง หรือ อยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงออกมาใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงนั้นจะมี Cooldown ซึ่ง Cooldown จะนานขึ้นถ้าสัตว์เลี้ยงที่ใช้อยู่นั้นถูกจัดการลงระหว่างการเปลี่ยนสัตว์เลี้ยง ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่ถูกจัดการจะกลับมาพร้อมกับ HP เต็มเมื่อถูกเปลี่ยนกลับมาใช้อีกครั้งนึง สัตว์เลี้ยงใน Guild Wars 2 นั้นมีเอกลักษณ์ และสามารถเติมเต็มในหน้าที่ต่างๆได้ อย่างลื่นไหล และ ปรับเข้ากับระบบการต่อสู้ในเกมได้เป็นอย่างดี
Pet Controls
เราสามารถตั้งท่าเตรียมตัวของสัตว์เลี้ยงได้ 2 แบบ (2 stances) คือ active และ passive เมื่อตั้งแบบ active สัตว์เลี้ยงจะช่วยคุณต่อสู้เมื่อคุณเริ่มการต่อสู้ขึ้น แต่ถ้าคุณตั้งเป็นแบบ passive สัตวเลี้ยงจะไม่ทำอะไรจนกว่าคุณจะออกคำสั่งกับมันโดยตรง ซึ่งคุณจะสามารถเปลี่ยนนะหว่าง 2 stances นี้ได้โดยการกด F3 นอกจากนี้คุณยังสามารถกด F1 เพื่อให้สัตว์เลี้ยงโจมตีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้ ทำให้คุณสามรถควบคุมสัตว์เลี้ยงได้อย่างละเอียดมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากในสถานการณ์ต่อสู้ที่ยากลำบาก
Species and Families
สัตว์เลี้ยงจะไม่มีเลเวลของตัวมันเอง แต่มันจะเซทเลเวลตาม Ranger ที่เป็นผู้จับมันมา Status และ Ability ของสัตวเลี้ยงจะถูกกำหนดโดย Species ของมันสัตว์เลี้ยงทุกตัวจะมี Species ของตัวเอง และแต่ละ Specie ก็จะมี Family ของมันเอง เช่น Snow Leopard คือ Species ที่อยู่ใน Family Feline(สัตว์จำพวกแมว) เมื่อเราจับสัตว์เลี้ยง Species นั้นๆได้เราก็จะได้สิทธิที่จะเชทสัตว์เลี้ยงนั้นใน pet slot ของเราเมื่อไหร่ก็ได้ในขณะที่ไม่อยู่ในการต่อสู้ ใน Guild Wars 2 Ranger เพียงคนเดียวสามารถรวบรวม และ ใช้สัตว์เลี้ยงทุกชนิดในเกมได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมาเก็บเลเวลของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นๆใหม่ หรือกลัวว่าจะไม่มีที่เก็บสัตว์เีลี้ยง
ทุกๆ Family จะมีสกิลพื้นฐานสามสกิลหลักที่บ่งบอกความเป็น family นั้นๆ เช่น Bears ที่ถึกกว่าสัตว์อื่นๆ Drakes ที่สามารถทำเดเมจ AoE ได้ และ Devourers ที่สามารถโจมตีระยะไกลได้ ฯลฯ ซึ่งสกิลพวกนี้จะใช้โดยอัติโนมัติโดยสัตว์เลี้ยงเอง และทุกๆ Species ใน Family จะมีสกิลเฉพาะของตัวเองอีก หนึ่งสกิล เช่น Polar Bears มีสกิล Icy Roar ที่สามารถแช่แข็งศัตรูได้ ขณะที่ Brown Bear มีสกิล Roar ที่ช่วยลบ debuff ได้ โดยสกิลนี้จะมี cooldown และสามารถใช้ได้โดยการกด F2
Ranger มีเพื่อนเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา เป็นเพื่อนร่วมทางที่ซื่อสัตว์ที่สุด Ranger สามารถกล่อมสัตว์ให้เป็นมิตรกับเขา และสร้างพันธะเพื่อต่อสู้ร่วมกันได้ เขาสามารถเรียกสัตว์เลี้ยงช่วยสู้ได้มากที่สุดถึงทีละ สามตัว แต่ในเวลาปกติสัตว์เลี้ยงตัวเดียวเท่านั้นที่จะอยู่เป็นเพื่อนร่วมทางเราได้ตลอดเวลา ค่าสถานะต่างๆของสัตว์เลี้ยงนั้นขึ้นอยู่กับเลเวลของผู้เล่นเอง
สัตว์เลี้ยงสามารถจับได้โดยสื่อสารกับสัตว์ตัวอ่อนของสปีชี่ที่เราต้องการจะจับ ใน Tyria นั้นมีหลายสปีชี่ที่เราสามารถจะจับมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ เช่น bears, moas, devourers, and sharks และยิ่งคุณผจญภัยไปกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะพัฒนาตัวตนของมันให้มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น และ คุณยังสามารถเซทให้มันใช้อบิลิตี้ที่เหมาะกับสไตล์การเล่นของคุณได้อีกด้วย
การต่อสู้ของ Ranger นั้นต่างกับอาชีพอื่น เพราะ Ranger ต้องบริหารทั้งสกิลตัวเอง และ สกิลของสัตว์เลี้ยง ซึ่งสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถตั้งลักษณะการโจมตีได้เช่นเป็นแบบ Passive หรือ Aggressive นอกจากนี้ Ranger ยังสามารถสั่งการสัตว์เลี้ยงให้ โจมตี หนี หรือว่า ให้อยู่เฉยๆ ได้อีกด้วย
Rangers have a number of special skill types:
Traps--กับดักเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับ Ranger ซึ่งเมื่อใช้แล้วจะวางกับดักนั้นในตำแหน่งที่ Ranger ยืนอยู่ เมื่อศัตรูเข้ามาในรัศมีของกับดัก มันก็จะทำงาน เช่น Spike Trap จะทำให้ศัตรูเดินช้าและเลือดออกเมื่อเดินผ่านมันมา Trap จะสามารถใช้งานได้ตราบเท่าที่ Ranger ยังยืนอยู่ใกล้ๆกับกับดักนั้น Ranger สามารถวางกับดักได้ทีละหลายอัน แต่ไม่สามารถวางกับดักชนิดเดียวกันซ้ำกัน
Spirits--Ranger สามารถเรียกวิญญาณออกมาและส่งผลต่อแอเรียบริเวณนั้นๆได้ เช่น Sun Spirit จะเพิ่มเดเมจธาตุไฟให้แก่การโจมตีของพรรคพวกของเรา Spirit จะออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ และจะหายไปเมื่อ Ranger อยู่ไกลเกินไป Spirit สามารถโดนโจมตีได้จากศัตรูและถูกทำลายได้ Ranger ไม่สามารถมี Spirit ชนิดเดียวกันซ้ำกันได้ในเวลาเดียวกัน
Weapons
A ranger is mostly a master of ranged weapons, however, he can use sword or greatsword in melee combat. The ranger weapons are:
Main Hand: Sword, Axe
Off Hand: Axe, Dagger, Torch, Warhorn
Two-Handed: Greatsword, Longbow, Shortbow
Aquatic: Spear and Harpoon
Slotting and Swapping Pets
Ranger สามารถมีสัตว์เลี้ยงได้ทั้งหมด 4 slot สอง slot สำหรับสัตว์เลี้ยงบนบก และอีกสอง slot สำหรับสัตว์เลี้ยงในน้ำ สัตว์ที่อยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำจะอยู่ได้ทั้งสอง slot คุณสามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเปลี่ยนระหว่างสัตว์เลี้ยงสองชนิดระหว่างการต่อสู้ได้ ซึ่งสามารถใช้ได้ในเวลาที่สัตว์เลี้ยงของคุณโดนจัดการอีกด้วย ทำให้ Ranger เรียกสัตว์เลี้ยงออกมาใหม่ได้ทันทีเมื่อสัตว์เลี้ยงถูกปราบลง หรือ อยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงออกมาใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงนั้นจะมี Cooldown ซึ่ง Cooldown จะนานขึ้นถ้าสัตว์เลี้ยงที่ใช้อยู่นั้นถูกจัดการลงระหว่างการเปลี่ยนสัตว์เลี้ยง ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่ถูกจัดการจะกลับมาพร้อมกับ HP เต็มเมื่อถูกเปลี่ยนกลับมาใช้อีกครั้งนึง สัตว์เลี้ยงใน Guild Wars 2 นั้นมีเอกลักษณ์ และสามารถเติมเต็มในหน้าที่ต่างๆได้ อย่างลื่นไหล และ ปรับเข้ากับระบบการต่อสู้ในเกมได้เป็นอย่างดี
Pet Controls
เราสามารถตั้งท่าเตรียมตัวของสัตว์เลี้ยงได้ 2 แบบ (2 stances) คือ active และ passive เมื่อตั้งแบบ active สัตว์เลี้ยงจะช่วยคุณต่อสู้เมื่อคุณเริ่มการต่อสู้ขึ้น แต่ถ้าคุณตั้งเป็นแบบ passive สัตวเลี้ยงจะไม่ทำอะไรจนกว่าคุณจะออกคำสั่งกับมันโดยตรง ซึ่งคุณจะสามารถเปลี่ยนนะหว่าง 2 stances นี้ได้โดยการกด F3 นอกจากนี้คุณยังสามารถกด F1 เพื่อให้สัตว์เลี้ยงโจมตีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้ ทำให้คุณสามรถควบคุมสัตว์เลี้ยงได้อย่างละเอียดมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากในสถานการณ์ต่อสู้ที่ยากลำบาก
Species and Families
สัตว์เลี้ยงจะไม่มีเลเวลของตัวมันเอง แต่มันจะเซทเลเวลตาม Ranger ที่เป็นผู้จับมันมา Status และ Ability ของสัตวเลี้ยงจะถูกกำหนดโดย Species ของมันสัตว์เลี้ยงทุกตัวจะมี Species ของตัวเอง และแต่ละ Specie ก็จะมี Family ของมันเอง เช่น Snow Leopard คือ Species ที่อยู่ใน Family Feline(สัตว์จำพวกแมว) เมื่อเราจับสัตว์เลี้ยง Species นั้นๆได้เราก็จะได้สิทธิที่จะเชทสัตว์เลี้ยงนั้นใน pet slot ของเราเมื่อไหร่ก็ได้ในขณะที่ไม่อยู่ในการต่อสู้ ใน Guild Wars 2 Ranger เพียงคนเดียวสามารถรวบรวม และ ใช้สัตว์เลี้ยงทุกชนิดในเกมได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมาเก็บเลเวลของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นๆใหม่ หรือกลัวว่าจะไม่มีที่เก็บสัตว์เีลี้ยง
ทุกๆ Family จะมีสกิลพื้นฐานสามสกิลหลักที่บ่งบอกความเป็น family นั้นๆ เช่น Bears ที่ถึกกว่าสัตว์อื่นๆ Drakes ที่สามารถทำเดเมจ AoE ได้ และ Devourers ที่สามารถโจมตีระยะไกลได้ ฯลฯ ซึ่งสกิลพวกนี้จะใช้โดยอัติโนมัติโดยสัตว์เลี้ยงเอง และทุกๆ Species ใน Family จะมีสกิลเฉพาะของตัวเองอีก หนึ่งสกิล เช่น Polar Bears มีสกิล Icy Roar ที่สามารถแช่แข็งศัตรูได้ ขณะที่ Brown Bear มีสกิล Roar ที่ช่วยลบ debuff ได้ โดยสกิลนี้จะมี cooldown และสามารถใช้ได้โดยการกด F2
Necromancer คือ ผู้ฝึกฝนศาสตร์มืด สามารถเรียกคนตายมาเพื่อช่วยต่อสู้ และดูดกลืนเลือดเนื้อของศัตรูได้ Necromancer รับใช้พลังจากชีวิต ซึ่งทำให้เขาสามารถที่จะอยู่เหนือความตาย และ ช่วยพรรคพวกจากหุบเหวแห่งความตายได้
Necromancer มีพลังจากความตายและการย่อยสลายของชีวิต Life force คือพลังงานที่ Necromancer ใช้เพื่อยืดชีวิตของตัวเองออกไป โดน Necromancer จะได้พลังงาน Life force จากการโจมตี และ ฆ่าศัตรู และเมื่อ Necromancer โดนโจมตีจนหมดพลัง แทนที่เขาจะ ล้มลง Necromancer จะใช้อบิลิตี้ Death Shroud โดยอัติโนมัิติทันที ทำให้สามารถต่อสู้ต่อไปได้จนกว่า Life force ของเขาจะหมดลง
Necromancers have a unique set of special skills:
WellsWell คือสกิลต่อเนื่องที่ทำให้ Necromancer สามารถควบคุมพื้นดินรอบๆตัวเขาได้ โดยจะมีผลกับศัตรูที่อยู่ในระยะของสกิล เช่นสกิล Well of Blood ทำให้พรรคพวกที่อยู่รอบๆได้ฟื้นพลัง Necromancer สามารถมีใช้ Well ได้ทีละชนิดเท่านั้น
MinionsNecromancer เรียกทาสรับใช้อันเดท เพื่อโจมตีศัตรู และทำตามคำสั่งของเขา Minion ทุกตัวจะมีสกิลเฉพาะตัว ซึ่งจะทำลาย Minion ตัวที่เรียกมานั้นเพื่อและกับ effect ที่ทรงพลังสำหรับ Necromancer เช่น สกิล Summon Blood Fiend ที่สร้าง Minion ที่ Heal ผู้ใช้เวลามันโจมตี หลังจากที่ Necromancer เรียก Blood Fiend ออกมา สกิลจะเปลี่ยนเป็น Taste of Death ที่เมื่อใช้แล้วจะทำลาย Blood Fiend เพื่อให้ Necromancer ได้ัรับการฟื้น HP อย่างมหาศาล
MarksNecromancer สามารถสร้างตราประทับไว้บนพื้นดิน ทำให้เกิด effect หลากหลายอย่างที่ทรงพลังได้ เช่น Mark of Blood จะทำความเสียหายแก่คู่ต่อสู้ ขณะเดียวกันก็จะฟื้นพลังชีวิตให้พรรคพวกของเรา Mark จะสามารถใช้ได้ที่ละชนิดในเวลาเดียวกันเท่านั้น
Fearเป็นสถานะผิดปกติที่ Necromancer สามารถใช้ได้เพียงอาชีพเดียวเท่านั้น Fear ทำให้ศัตรูหนีจาก Necromancer ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่นสกิล Doom ทำให้ Necromancer ฝังความกลัวเข้าไปในจิตใจของศัตรูได้
Weapons
When outfitting himself for combat, the necromancer can choose from the following weapons. The necromancer weapons are:
Main Hand: Axe, Dagger, Scepter
Off Hand: Dagger, Focus, Warhorn
Two-Handed: Staff
Aquatic: Spear and Trident
Life Force
Life force คือ พลังงานที่ใช้โดยอาชีพ Necromancer เมื่อเขาสามารถรวบรวม Life force ได้ถึงจุดๆหนึ่ง Necromancer สามารถใช้ Death Shroud ได้คือการเข้าสู่ร่างวิญญาณและทิ้งกายเนื้อไว้เบื้องหลัง อาวุธทุกชนิดมีสกิลที่จะทำให้ Necromancer ได้ Life force มาใช้ และเขาจะได้ Life force มาขึ้นเมื่อมีการตายของศัตรูในระยะใกล้ๆ และยังมีบางสกิลที่สามารถเพิ่ม Life force ได้อย่างรวดเร็วเช่น Ghost Armor ที่จะเปลี่ยนความเสียหายที่ได้รับไปเป็น Life force ได้
Death Shroud
Death Shroud คืออบิลิตี้พิเศษ ที่สามารถใช้ได้โดย Necromancer ซึ่งจะเปลี่ยน Life force เป็นหลอด HP อีกอันนึง โดยแทนที่ Necromancer จะล้มลงเมื่อ HP หมด เขาจะใช้ Death Shroud โดยอัติโนมัติ และเข้าสู่ร่างวิญญาณ เมื่อเข้าสู่ภาวะ Death Shroud Necromancer จะมีสกิลพิเศษมาให้ใช้เพิ่มขึ้นอีก ตัวอย่างเช่น Necromancer สามารถเรียก Shadow fiend ซึ่งเป็น Minion ที่เรียกได้ในภาวะ Death Shroud เท่านั้น ด้วยสกิล Death Shroud นั้น ทำให้ Necromancer เป็นอาชีพที่ฆ่าได้ยากที่สุดอาชีพหนึ่งใน Guild Wars 2 เลยทีเดียว
Necromancer มีพลังจากความตายและการย่อยสลายของชีวิต Life force คือพลังงานที่ Necromancer ใช้เพื่อยืดชีวิตของตัวเองออกไป โดน Necromancer จะได้พลังงาน Life force จากการโจมตี และ ฆ่าศัตรู และเมื่อ Necromancer โดนโจมตีจนหมดพลัง แทนที่เขาจะ ล้มลง Necromancer จะใช้อบิลิตี้ Death Shroud โดยอัติโนมัิติทันที ทำให้สามารถต่อสู้ต่อไปได้จนกว่า Life force ของเขาจะหมดลง
Necromancers have a unique set of special skills:
WellsWell คือสกิลต่อเนื่องที่ทำให้ Necromancer สามารถควบคุมพื้นดินรอบๆตัวเขาได้ โดยจะมีผลกับศัตรูที่อยู่ในระยะของสกิล เช่นสกิล Well of Blood ทำให้พรรคพวกที่อยู่รอบๆได้ฟื้นพลัง Necromancer สามารถมีใช้ Well ได้ทีละชนิดเท่านั้น
MinionsNecromancer เรียกทาสรับใช้อันเดท เพื่อโจมตีศัตรู และทำตามคำสั่งของเขา Minion ทุกตัวจะมีสกิลเฉพาะตัว ซึ่งจะทำลาย Minion ตัวที่เรียกมานั้นเพื่อและกับ effect ที่ทรงพลังสำหรับ Necromancer เช่น สกิล Summon Blood Fiend ที่สร้าง Minion ที่ Heal ผู้ใช้เวลามันโจมตี หลังจากที่ Necromancer เรียก Blood Fiend ออกมา สกิลจะเปลี่ยนเป็น Taste of Death ที่เมื่อใช้แล้วจะทำลาย Blood Fiend เพื่อให้ Necromancer ได้ัรับการฟื้น HP อย่างมหาศาล
MarksNecromancer สามารถสร้างตราประทับไว้บนพื้นดิน ทำให้เกิด effect หลากหลายอย่างที่ทรงพลังได้ เช่น Mark of Blood จะทำความเสียหายแก่คู่ต่อสู้ ขณะเดียวกันก็จะฟื้นพลังชีวิตให้พรรคพวกของเรา Mark จะสามารถใช้ได้ที่ละชนิดในเวลาเดียวกันเท่านั้น
Fearเป็นสถานะผิดปกติที่ Necromancer สามารถใช้ได้เพียงอาชีพเดียวเท่านั้น Fear ทำให้ศัตรูหนีจาก Necromancer ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่นสกิล Doom ทำให้ Necromancer ฝังความกลัวเข้าไปในจิตใจของศัตรูได้
Weapons
When outfitting himself for combat, the necromancer can choose from the following weapons. The necromancer weapons are:
Main Hand: Axe, Dagger, Scepter
Off Hand: Dagger, Focus, Warhorn
Two-Handed: Staff
Aquatic: Spear and Trident
Life Force
Life force คือ พลังงานที่ใช้โดยอาชีพ Necromancer เมื่อเขาสามารถรวบรวม Life force ได้ถึงจุดๆหนึ่ง Necromancer สามารถใช้ Death Shroud ได้คือการเข้าสู่ร่างวิญญาณและทิ้งกายเนื้อไว้เบื้องหลัง อาวุธทุกชนิดมีสกิลที่จะทำให้ Necromancer ได้ Life force มาใช้ และเขาจะได้ Life force มาขึ้นเมื่อมีการตายของศัตรูในระยะใกล้ๆ และยังมีบางสกิลที่สามารถเพิ่ม Life force ได้อย่างรวดเร็วเช่น Ghost Armor ที่จะเปลี่ยนความเสียหายที่ได้รับไปเป็น Life force ได้
Death Shroud
Death Shroud คืออบิลิตี้พิเศษ ที่สามารถใช้ได้โดย Necromancer ซึ่งจะเปลี่ยน Life force เป็นหลอด HP อีกอันนึง โดยแทนที่ Necromancer จะล้มลงเมื่อ HP หมด เขาจะใช้ Death Shroud โดยอัติโนมัติ และเข้าสู่ร่างวิญญาณ เมื่อเข้าสู่ภาวะ Death Shroud Necromancer จะมีสกิลพิเศษมาให้ใช้เพิ่มขึ้นอีก ตัวอย่างเช่น Necromancer สามารถเรียก Shadow fiend ซึ่งเป็น Minion ที่เรียกได้ในภาวะ Death Shroud เท่านั้น ด้วยสกิล Death Shroud นั้น ทำให้ Necromancer เป็นอาชีพที่ฆ่าได้ยากที่สุดอาชีพหนึ่งใน Guild Wars 2 เลยทีเดียว
Guardian คือนักสู้ผู้เสียสละ ผู้ใช้พลังอันบริสุทธิ์เพื่อโจมตีศัตรู และ ปกป้องพวกพ้อง อาวุธของเขาคือไม้เท้า และ ค้อนสองมือที่โจมตีได้อย่างหนักหน่วง Guardian ที่แท้จริงคือนักวางแผนที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรที่จะเสียสละตัวเองเพื่อที่จะปกป้องพวกพ้อง และนำชัยชนะมาให้ได้
Guardian ทุกคนมีสกิลติดตัวหลายสกิล ซึ่งเขาสามารถที่จะส่งผ่านพลังของสกิลเหล่านี้ไปยังพวกพ้องได้ ทำให้ Guardian เป็นนักสู้ที่สนับสนุนพวกพ้องได้เป็นอย่างดี ทั้งในการบุกโจมตี หรือการป้องกันก็ตาม
Guardian มีพลังบริสุืทธิ์สามประการที่เพิ่มพลังของเขาในการต่อสู้ พลังแห่งความยุติธรรม(Justice)ช่วยให้เขาเผาผลาญศัตรูได้ในการโจมตี พลังแห่งความกล้าหาญ(Courage)ช่วยให้เขาสามารถปัดป้องการโจมตีอันรุนแรงของศัตรูได้ สุดท้ายคือพลังแห่งความมุ่งมั่น(Resolve)ที่ทำให้ Guardian สามารถฟื้นพลังได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เขาสามารถบุกเข้าไปในสถานการณ์อันตรายและมีชีวิตรอดกลับมาได้
Guardians also have a number of special skill types:
Spirit WeaponsGuardian สามารถสร้างอาวุธวิญญาณขึ้นมาสู้เคียงข้างเขาได้ในเวลาจำกัด Spirit Weapon จะไม่โดนโจมตีโดยศัตรู และสามารถที่จะสั่งให้โจมตีอย่างรุนแรงก่อนจะหายไปได้ เช่น Hammer of Wisdon สามารถเสกขึ้นมาต่อสู้ และ Guardian สามารถสั่งให้โจมตีให้ศัตรูล้มลงได้ ซึ่งการโจมตีนี้จะทำ Spirit Weapon นั้นหายไป
SymbolsGuardian วางสัญลักษณ์ลงบนพื้น ซึ่งจะทำความเสียหายแก่ศัตรู หรือทำให้พรรคพวกได้รับผลของสกิล Symbol จะอยู่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีและจะหายไป ดังเช่น Symbol of Faith คือการโจมตีด้วยค้อน และสร้างสัญลักษณ์ลงบนพื้นดินชั่วคราว ซึ่งช่วยให้พรรคพวกมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้น
Wardsคือการประทับตราลงบนพื้น ซึ่งจะทำให้ศัตรูไม่สามารถผ่านมาได้ แต่อนุญาติให้พวกพ้องของเราผ่านไปได้ เช่น Guardian ที่ใช้ Staff เป็นอาวุธ สามารถสร้าง Line of Warding ข้างหน้าเขาเพื่อไม่ให้ศัตรูเข้ามาถึงตัวได้
AegisGuardians ฝึกฝนจนสามารถใช้ Aegis ได้ ซึ่งได้มาจากพลังแห่งความกล้าหาญ ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีครั้งถัดไปได้หนึ่งครั้ง
Weapons
The guardian can choose from a mixture of melee and magical weapons. The guardian weapons are:
Main Hand: Mace, Scepter, Sword
Off Hand: Focus, Shield, Torch
Two-Handed: Greatsword, Hammer, Staff
Aquatic: Spear and Trident
Virtues
Guardian มีพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเป็นอบิลิตี้ คือ Justice ,Courage, และ Resolve ซึ่งจะทำให้เขามีสกิลติดตัวในการต่อสู้ ซึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์นี้สามารถเรียกใช้และจะออกมาเป็นพลังที่รุนแรงกว่าเดิมได้ แต่จะทำให้สกิลติดตัวที่มีอยู่หายไประยะเวลาหนึ่ง พลังศักดิ์สิืทธิ์ของ Guardian ได้แก่
Justiceทุกๆการโจมตี 5 ครั้ง Guardian จะทำเผาไหม้ศัตรูด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ การใช้สกิลนี้ทำให้การโจมตีครั้งถัดไปของพรรคพวกที่อยู่รอบๆ เผาไหม้ศัตรูได้เช่นกัน แต่จะทำให้สกิลใช้ไม่ได้ไป 30 วินาที ซึ่งสกิลติดตัวก็จะใช้ไม่ได้ด้วย
Courageทุกๆสามสิบวินาที Guardian จะได้ Aegis ที่จะป้องกันการโจมตีครั้งถัดไป การใช้สกิลนี้ทำให้พรรคพวกที่อยู่รอบๆทุกคนได้ Aegis แต่จะทำให้สกิลใช้ไม่ได้ไป 120 วินาที รวมทั้งสกิลติดตัวก็จะใช้ไม่ได้ด้วย
Resolveฟื้น HP ของ Guardian ใช้สกิลนี้จะทำให้ลบสถานะผิดปกติออกไป และ ฟื้นเลือดให้กับพรรคพวกของเรา ซึ่งทำให้ใช้สกิลไม่ได้ และ ผลของสกิลติดตัวหายไปเป็นเวลา 120 วินาที
Guardian ทุกคนมีสกิลติดตัวหลายสกิล ซึ่งเขาสามารถที่จะส่งผ่านพลังของสกิลเหล่านี้ไปยังพวกพ้องได้ ทำให้ Guardian เป็นนักสู้ที่สนับสนุนพวกพ้องได้เป็นอย่างดี ทั้งในการบุกโจมตี หรือการป้องกันก็ตาม
Guardian มีพลังบริสุืทธิ์สามประการที่เพิ่มพลังของเขาในการต่อสู้ พลังแห่งความยุติธรรม(Justice)ช่วยให้เขาเผาผลาญศัตรูได้ในการโจมตี พลังแห่งความกล้าหาญ(Courage)ช่วยให้เขาสามารถปัดป้องการโจมตีอันรุนแรงของศัตรูได้ สุดท้ายคือพลังแห่งความมุ่งมั่น(Resolve)ที่ทำให้ Guardian สามารถฟื้นพลังได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เขาสามารถบุกเข้าไปในสถานการณ์อันตรายและมีชีวิตรอดกลับมาได้
Guardians also have a number of special skill types:
Spirit WeaponsGuardian สามารถสร้างอาวุธวิญญาณขึ้นมาสู้เคียงข้างเขาได้ในเวลาจำกัด Spirit Weapon จะไม่โดนโจมตีโดยศัตรู และสามารถที่จะสั่งให้โจมตีอย่างรุนแรงก่อนจะหายไปได้ เช่น Hammer of Wisdon สามารถเสกขึ้นมาต่อสู้ และ Guardian สามารถสั่งให้โจมตีให้ศัตรูล้มลงได้ ซึ่งการโจมตีนี้จะทำ Spirit Weapon นั้นหายไป
SymbolsGuardian วางสัญลักษณ์ลงบนพื้น ซึ่งจะทำความเสียหายแก่ศัตรู หรือทำให้พรรคพวกได้รับผลของสกิล Symbol จะอยู่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีและจะหายไป ดังเช่น Symbol of Faith คือการโจมตีด้วยค้อน และสร้างสัญลักษณ์ลงบนพื้นดินชั่วคราว ซึ่งช่วยให้พรรคพวกมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้น
Wardsคือการประทับตราลงบนพื้น ซึ่งจะทำให้ศัตรูไม่สามารถผ่านมาได้ แต่อนุญาติให้พวกพ้องของเราผ่านไปได้ เช่น Guardian ที่ใช้ Staff เป็นอาวุธ สามารถสร้าง Line of Warding ข้างหน้าเขาเพื่อไม่ให้ศัตรูเข้ามาถึงตัวได้
AegisGuardians ฝึกฝนจนสามารถใช้ Aegis ได้ ซึ่งได้มาจากพลังแห่งความกล้าหาญ ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีครั้งถัดไปได้หนึ่งครั้ง
Weapons
The guardian can choose from a mixture of melee and magical weapons. The guardian weapons are:
Main Hand: Mace, Scepter, Sword
Off Hand: Focus, Shield, Torch
Two-Handed: Greatsword, Hammer, Staff
Aquatic: Spear and Trident
Virtues
Guardian มีพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเป็นอบิลิตี้ คือ Justice ,Courage, และ Resolve ซึ่งจะทำให้เขามีสกิลติดตัวในการต่อสู้ ซึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์นี้สามารถเรียกใช้และจะออกมาเป็นพลังที่รุนแรงกว่าเดิมได้ แต่จะทำให้สกิลติดตัวที่มีอยู่หายไประยะเวลาหนึ่ง พลังศักดิ์สิืทธิ์ของ Guardian ได้แก่
Justiceทุกๆการโจมตี 5 ครั้ง Guardian จะทำเผาไหม้ศัตรูด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ การใช้สกิลนี้ทำให้การโจมตีครั้งถัดไปของพรรคพวกที่อยู่รอบๆ เผาไหม้ศัตรูได้เช่นกัน แต่จะทำให้สกิลใช้ไม่ได้ไป 30 วินาที ซึ่งสกิลติดตัวก็จะใช้ไม่ได้ด้วย
Courageทุกๆสามสิบวินาที Guardian จะได้ Aegis ที่จะป้องกันการโจมตีครั้งถัดไป การใช้สกิลนี้ทำให้พรรคพวกที่อยู่รอบๆทุกคนได้ Aegis แต่จะทำให้สกิลใช้ไม่ได้ไป 120 วินาที รวมทั้งสกิลติดตัวก็จะใช้ไม่ได้ด้วย
Resolveฟื้น HP ของ Guardian ใช้สกิลนี้จะทำให้ลบสถานะผิดปกติออกไป และ ฟื้นเลือดให้กับพรรคพวกของเรา ซึ่งทำให้ใช้สกิลไม่ได้ และ ผลของสกิลติดตัวหายไปเป็นเวลา 120 วินาที
ผู้เชี่ยวชาญการล่องหน และสร้างความประหลาดใจ Thief คืออันตรายร้ายกาจในการต่อสู้ตัวต่อตัว โดยเฉพาะเมื่อศัตรูของเขาไม่ทันได้ระมัดระวังตัว Thief มีเกราะที่บางและ HP ที่น้อยแต่มีความเร็ว และการหลบหลีกมาทดแทน เขาสามารถที่จะเดินไปในเงามืด หายตัวไปในอากาษ หรือ ขโมยไอเทมจากศัตรูและใช้มันเป็นอาวุธได้ หากคิดจะเป็นศัตรูกับ Thief ก็ควรระวังข้างหลังเอาไว้ให้ดี
ในขณะที่อาชีพอื่นๆ ต้องรอ Cooldown ของสกิลที่ใช้ในการต่อสู้ Thief ใช้ทรัพยากรที่เรียกว่า Initiative โดย Thief มี Initiative 10 points ที่สามารถใช้ได้ และจะฟื้นขึ้นทีละ 1 point ทุกๆ 1 วินาที โดยสกิลของอาวุธจะมี initiative ในการเรียกใช้ และ ไม่มี Cooldown ในการใช้สกิล ดังนั้น Thief จึงสามารถใช้สกิลเดียวกันติดๆกันได้ ทำให้ Thief มีทางเลือกในการต่อสู้มากมาย และสามารถโจมตีต่อเนื่องอย่างรุนแรงได้ในเวลาอันรวดเร็ว
Thief มีสกิลพิเศษที่เรียกว่า Steal ซึ่งจะสร้างอาวุธจากสิ่งแวดล้อมขึ้นมาตามศัตรูที่เราขโมยอาวุธมา เช่น ถ้าขโมยจาก moa bird Thief อาจจะได้ handful of feathers ซึ่งสามารถใช้ทำให้ศัตรูรอบๆติดสถานะตาบอดได้
เมื่อใช้อาวุธมือเดียวสองชิ้น (main hand and off-hand weapon) สกิลที่ Thief ได้จะต่างจากอาชีพอื่นๆ โดย Thief จะได้ 2 สกิลจากอาวุธ main hand และได้อีก 2 สกิลจากอาวุธ off-hand แต่จะได้สกิลสุดท้ายที่เรียกว่า Dual Skill ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าอาวุธที่ใส่ทั้งสองมือนั้นเป็นอะไร เช่น ถ้า Thief ใส่มีดสั้นทั้งสองมือจะได้ Dual Skill คือ Leaping Death Blossom แต่ถ้า Thief ถือ มีดสั้น กับ ปืนสั้น จะได้ Dual Skill เป็น Shadow Shot
Thieves มี special skill หลายชนิดดังนี้:
StealthThief สามารถล่องหนไปในเงามืด ทำให้พวกเขาหายไปจากสายตาของศัตรูได้ เมื่ออยู่ในโหมด Stealth Thief ยังสามารถโดนความเสียหายได้ซึ่งจะทำให้เขาถูกมองเห็นในระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อ Thief โจมตีจะทำให้เขาออกจากสภาวะล่องหนนี้ได้
Shadow SteppingThief สามารถเข้าและออกจากการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ทักษะ Shadow Stepping สกิลนี้ทำให้เขาหายไปจากที่ๆนึงและโผล่ในที่ๆนึงอย่างรวดเร็วโดยการเดินทางข้ามผ่านไปในเงามืด
TrapsThief สามารถใช้กับดักเพื่อซุ่มโจมตีศัตรูที่ไม่รู้ตัว หรือ ใช้ในการคุมพื้นที่ได้ เช่น Shadow Trap คือกับดักที่วางลงบนพื้น และทำให้ Thief เข้าสู่ภาวะ Stealth และเมื่อศัตรูมาดหยียบกับดัก Thief ก็จะใช้ Shadow Stepping ไปที่ตำแหน่งของ Trap ทันที
Weapons
The thief has a mixture of melee and ranged weapons. The thief weapons are:
Main Hand: Sword, Dagger, and Pistol
Off Hand: Dagger and Pistol
Two-Handed: Shortbow
Aquatic: Spear and Harpoon
Initiative
Initiative คือทรัพยากรในการใช้สกิลของ Thief Thief มี Initiative 10 points ที่จะฟื้นทีละ 1 ทุกๆวินาทีทั้งในและนอกการต่อสู้ Skill ที่ 1 บน Skill bar จะเป็นสกิลที่ไม่เสีย Initiative แต่สกิลอื่นจะเรียกใช้โดยการเสีย Initiave เสมอ โดยจะสกิลพวกนี้จะไม่มี Cooldown แต่สกิล Heal , Utility และ Elite skill ของ Thief นั้นไม่จำเป็นต้องเสียค่า Initiative ในการเรียกใช้ แต่จะมี Cooldown เหมือนสกิลปกติ
Stealing
Thief มีสกิลพิเศษคือการขโมย ซึ่งสามารถใช้กับศัตรูได้ ซึ่งสกิล Steal นี้ไม่ได้ขโมยไอเทมจริงๆจากศัตรู แต่เป็นการสร้างอาวุธขึ้นมา โดยอาวุธที่ได้นี้ขึ้นอยู่กับลักษณะศัตรูที่ใช้สกิลใส่ด้วย โดยการ Steal จะไม่ทำให้สถานะ Stealth หายไป (คุณจะไม่มีทางได้ไอเทมเพิ่มในช่องเก็บของเมื่อใช้สกิลนี้ แต่สิ่งที่ได้คือไอเทมที่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ได้ในทันที)
Dual Skills
คือสกิลพิเศษที่อยู่ใน slot ที่ 3 ของ Thief ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอาวุธที่สวมใส่อยู่ัทั้งสองมือโดยการสลับอาวุธที่ถือทั้งสองมือก็ทำให้ Dual Skill เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยถ้าใส่ Pistol ไว้ใน Main hand และ Dagger ไว้ใน Off hand จะได้ Dual Skill คือ Shadow Strike แต่ถ้าใส่ Dagger ไว้ที่ Main hand และ Pistol ที่ Off hand จะได้ Shadow Shot เป็น Dual Skill
Stealth
การหายตัวมีระยะเวลาจำกัดในการใช้ ซึ่งมีการหายตัวหลายลักษณะ และ สามารถถูกตรวจจับได้หลายวิธี ปกติแล้ว Thief จะเสียสภาวะ Stealth เมื่อใช้ท่าโจมตี แต่ Stealth บางชนิดก็หายเมื่อเพียงแค่เคลื่อนไหว ในระหว่าง Stealth Thief ยังคงสามารถได้รับความเสียหาย และ จะทำให้ศัตรูมองเห็นในระหว่างได้รับความเสียหายอีกด้วย
Shadow Stepping
คือสกิลเทเลพอทที่ใช้โดย Thief เพื่อเข้าและออกจากการต่อสู้ Thief สามารถใช้ Shadow Step ต่อเมื่อเขาสามารถเดินโดยปกติได้เท่านั้น (ใช้ไม่ได้เมื่อ Stun หรือ Snare) และไม่สามารถใช้เพื่อทะลุผ่านทางที่ปิดเอาไว้ได้
ในขณะที่อาชีพอื่นๆ ต้องรอ Cooldown ของสกิลที่ใช้ในการต่อสู้ Thief ใช้ทรัพยากรที่เรียกว่า Initiative โดย Thief มี Initiative 10 points ที่สามารถใช้ได้ และจะฟื้นขึ้นทีละ 1 point ทุกๆ 1 วินาที โดยสกิลของอาวุธจะมี initiative ในการเรียกใช้ และ ไม่มี Cooldown ในการใช้สกิล ดังนั้น Thief จึงสามารถใช้สกิลเดียวกันติดๆกันได้ ทำให้ Thief มีทางเลือกในการต่อสู้มากมาย และสามารถโจมตีต่อเนื่องอย่างรุนแรงได้ในเวลาอันรวดเร็ว
Thief มีสกิลพิเศษที่เรียกว่า Steal ซึ่งจะสร้างอาวุธจากสิ่งแวดล้อมขึ้นมาตามศัตรูที่เราขโมยอาวุธมา เช่น ถ้าขโมยจาก moa bird Thief อาจจะได้ handful of feathers ซึ่งสามารถใช้ทำให้ศัตรูรอบๆติดสถานะตาบอดได้
เมื่อใช้อาวุธมือเดียวสองชิ้น (main hand and off-hand weapon) สกิลที่ Thief ได้จะต่างจากอาชีพอื่นๆ โดย Thief จะได้ 2 สกิลจากอาวุธ main hand และได้อีก 2 สกิลจากอาวุธ off-hand แต่จะได้สกิลสุดท้ายที่เรียกว่า Dual Skill ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าอาวุธที่ใส่ทั้งสองมือนั้นเป็นอะไร เช่น ถ้า Thief ใส่มีดสั้นทั้งสองมือจะได้ Dual Skill คือ Leaping Death Blossom แต่ถ้า Thief ถือ มีดสั้น กับ ปืนสั้น จะได้ Dual Skill เป็น Shadow Shot
Thieves มี special skill หลายชนิดดังนี้:
StealthThief สามารถล่องหนไปในเงามืด ทำให้พวกเขาหายไปจากสายตาของศัตรูได้ เมื่ออยู่ในโหมด Stealth Thief ยังสามารถโดนความเสียหายได้ซึ่งจะทำให้เขาถูกมองเห็นในระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อ Thief โจมตีจะทำให้เขาออกจากสภาวะล่องหนนี้ได้
Shadow SteppingThief สามารถเข้าและออกจากการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ทักษะ Shadow Stepping สกิลนี้ทำให้เขาหายไปจากที่ๆนึงและโผล่ในที่ๆนึงอย่างรวดเร็วโดยการเดินทางข้ามผ่านไปในเงามืด
TrapsThief สามารถใช้กับดักเพื่อซุ่มโจมตีศัตรูที่ไม่รู้ตัว หรือ ใช้ในการคุมพื้นที่ได้ เช่น Shadow Trap คือกับดักที่วางลงบนพื้น และทำให้ Thief เข้าสู่ภาวะ Stealth และเมื่อศัตรูมาดหยียบกับดัก Thief ก็จะใช้ Shadow Stepping ไปที่ตำแหน่งของ Trap ทันที
Weapons
The thief has a mixture of melee and ranged weapons. The thief weapons are:
Main Hand: Sword, Dagger, and Pistol
Off Hand: Dagger and Pistol
Two-Handed: Shortbow
Aquatic: Spear and Harpoon
Initiative
Initiative คือทรัพยากรในการใช้สกิลของ Thief Thief มี Initiative 10 points ที่จะฟื้นทีละ 1 ทุกๆวินาทีทั้งในและนอกการต่อสู้ Skill ที่ 1 บน Skill bar จะเป็นสกิลที่ไม่เสีย Initiative แต่สกิลอื่นจะเรียกใช้โดยการเสีย Initiave เสมอ โดยจะสกิลพวกนี้จะไม่มี Cooldown แต่สกิล Heal , Utility และ Elite skill ของ Thief นั้นไม่จำเป็นต้องเสียค่า Initiative ในการเรียกใช้ แต่จะมี Cooldown เหมือนสกิลปกติ
Stealing
Thief มีสกิลพิเศษคือการขโมย ซึ่งสามารถใช้กับศัตรูได้ ซึ่งสกิล Steal นี้ไม่ได้ขโมยไอเทมจริงๆจากศัตรู แต่เป็นการสร้างอาวุธขึ้นมา โดยอาวุธที่ได้นี้ขึ้นอยู่กับลักษณะศัตรูที่ใช้สกิลใส่ด้วย โดยการ Steal จะไม่ทำให้สถานะ Stealth หายไป (คุณจะไม่มีทางได้ไอเทมเพิ่มในช่องเก็บของเมื่อใช้สกิลนี้ แต่สิ่งที่ได้คือไอเทมที่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ได้ในทันที)
Dual Skills
คือสกิลพิเศษที่อยู่ใน slot ที่ 3 ของ Thief ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอาวุธที่สวมใส่อยู่ัทั้งสองมือโดยการสลับอาวุธที่ถือทั้งสองมือก็ทำให้ Dual Skill เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยถ้าใส่ Pistol ไว้ใน Main hand และ Dagger ไว้ใน Off hand จะได้ Dual Skill คือ Shadow Strike แต่ถ้าใส่ Dagger ไว้ที่ Main hand และ Pistol ที่ Off hand จะได้ Shadow Shot เป็น Dual Skill
Stealth
การหายตัวมีระยะเวลาจำกัดในการใช้ ซึ่งมีการหายตัวหลายลักษณะ และ สามารถถูกตรวจจับได้หลายวิธี ปกติแล้ว Thief จะเสียสภาวะ Stealth เมื่อใช้ท่าโจมตี แต่ Stealth บางชนิดก็หายเมื่อเพียงแค่เคลื่อนไหว ในระหว่าง Stealth Thief ยังคงสามารถได้รับความเสียหาย และ จะทำให้ศัตรูมองเห็นในระหว่างได้รับความเสียหายอีกด้วย
Shadow Stepping
คือสกิลเทเลพอทที่ใช้โดย Thief เพื่อเข้าและออกจากการต่อสู้ Thief สามารถใช้ Shadow Step ต่อเมื่อเขาสามารถเดินโดยปกติได้เท่านั้น (ใช้ไม่ได้เมื่อ Stun หรือ Snare) และไม่สามารถใช้เพื่อทะลุผ่านทางที่ปิดเอาไว้ได้
ผู้เชี่ยวชาญการสร้างต่อสู้โดยเครื่องจักรกล Engineer สามารถสร้างระเบิด อุปกรณ์พกพา ยาเคมี และ อาวุธภาคพื้นดินได้มากมาย เขาสามารถยึดครองพื้นที่โดยการวางป้อมปืน ช่วยสนับสนุนพรรคพวกด้วยการเสริมพลังยุทโธปกรณ์ หรือ ทำลายศัตรูเป็นวงกว้างด้วย กับระเบิด ลูกระเบิด และระเบิดมือ
เช่นเดียวกับ elementalit Engineer ใช้อาวุธทีละเซทเดียว แต่เขาสามารถปรับปรุงอาวุธได้โดยการใส่ชุดอุปกรณ์คุณสมบัติพิเศษ และ ชุดอุปกรณ์การรักษาเข้าไปได้ ชุดอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้ Engineer มีสกิลพิเศษในอาวุธ และ สามารถพกสกิลพิเศษเก็บไว้กับตัวได้มากมายและนำมาเปลี่ยนกับชุดอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ตอนไหนก็ได้ (ชุดอุปกรณ์ไม่ใช่ไอเทมแต่เป็น utility skill ที่อยู่ในช่อง 6-9 ซึ่งเลือกมาใช้ได้อย่างอิสระ)
Weapon Kitsคือสกิลที่จะใส่อาวุธชนิดใหม่ให้กับ Engineer เมื่อเรียกใช้ เช่น flamethrower kit จะสร้าง short-range AOE weapon ที่ Engineer สามารถใช้จัดการศัตรูได้ โดย flamethrower จะมีสกิลเช่น Immolate ที่จะสร้างความเสียหายกับศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ Air Blast ที่จะป้องกันการโจมตีระยะไกล และ Backdraft ที่จะดูดศัตรูเข้ามาในระยะการโจมตีอันรุนแรงของ flamethrower
Backpack Kitsเมื่อเรียกใช้งาน จะสวมใส่ backpack ที่จะมาแทนที่สกิลของ Engineer ด้วยสกิลใหม่ เช่น bomb kit ที่จะใส่ backpack ให้ Engineer สามารถวางระเบิดได้หลายลักษณะเช่น ระเบิดควัน ระเบิดแรงกระแทก และ ระเบิดไฟ เป็นต้น
TurretsEngineer สามารถวางป้อมปืนได้ ป้อมปืนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แต่จะช่วยป้องกันและควบคุมบริเวณนั้นไม่ให้ศัตรูเข้ามาได้ เมื่อ turret ถูกวางลง สกิลวาง turret นั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นเวอชั่น overcharged เช่น เมื่อ Engineer วาง Thumper Turret ซึ่งจะสร้างความเสียหายเป็น AoE จากนั้นเรีบกใช้สกิลในเวอชั่น overcharge อีกครั้งนึงจะทำให้เกิดการโจมตีรุนแรงที่จะทำให้ศัตรูๆใกล้ล้มลงได้ Engineer สามารถเก็บและเคลื่อนย้าย turret ได้ ซึ่งในระหว่างนี้จะทำให้ไม่สามารถใช้สกิล overcharge ได้ และจะมี cooldown สักพักนึงก่อนที่จะวาง turret ได้อีกครั้งนึง turret สามารถวางชนิดซ้ำกันได้ทีละหนึ่งอันเท่านั้น
Tool BeltTool belt ของ Engineer คือสกิลพิเศษที่อยู่ด้านบนแถบสกิลอาวุธ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถของสกิล heal และ สกิลอเนกประสงค์ของ Engineer Tool belt สามารถเพิ่มสกิลทำลายตัวเองให้แก่ turret ได้ หรือ จุดชนวนการระเิบิดให้กับระเบิดได้ เมื่อจับคู่กับ Grenade kit tool belt จะช่วยให้โจมตีด้วยระเบิดอย่างต่อเนื่องได้ และเมื่อใช้คู่กับ Med kit tool belt จะเพิ่มสกิลฮีลตัวเองให้ด้วย
ซึ่ง Tool belt จะช่วยเพิ่มสกิลกดใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพของทุกๆสกิลที่อยู่ในสล็อต 6-9 ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเซทสกิลสล็อต 6-9 ไว้โดย
6 : Elixir H
7 : Flamethrower
8 : Slick Shoes
9 : Rocket Boots
คุณจะได้สกิลดังต่อไปนี้ใน Tool belt
F1 : Throw Elixir H : สกิลที่โยน Elixir H ลงบนพื้น ทำให้พรรคพวกได้รับ buff แบบสุ่ม
F2 - Incendiary Ammo: การโจมตีสามครั้งถัดไป ทำให้ติดสถานะ Burning
F3 Super Speed: ทำให้วิ่งเร็วขึ้นอย่างมากในระยะเวลาสั้นๆ
F4 Rocket Kick: การเตะที่ทำเดเมจธาตุไฟเป็น AoE
ซึ่งสกิลบน Tool belt จะเปลี่ยนไปตามสกิลที่คุณเซทไว้ใน Skill bar เลข 6-9
Weapons
Main Hand: Pistol
Off Hand: Pistol, Shield
Two-Handed: Rifle
Aquatic: Harpoon
Backpack Kits
Tool Kit
Grenade Kit
Bomb Kit
Mine Kit
Med Kit
Weapon Kits
Flamethrower
Elixir Gun
Turrets
Rifle Turret
Thumper Turret
Net Turret
Flame Turret
Healing Turret
เช่นเดียวกับ elementalit Engineer ใช้อาวุธทีละเซทเดียว แต่เขาสามารถปรับปรุงอาวุธได้โดยการใส่ชุดอุปกรณ์คุณสมบัติพิเศษ และ ชุดอุปกรณ์การรักษาเข้าไปได้ ชุดอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้ Engineer มีสกิลพิเศษในอาวุธ และ สามารถพกสกิลพิเศษเก็บไว้กับตัวได้มากมายและนำมาเปลี่ยนกับชุดอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ตอนไหนก็ได้ (ชุดอุปกรณ์ไม่ใช่ไอเทมแต่เป็น utility skill ที่อยู่ในช่อง 6-9 ซึ่งเลือกมาใช้ได้อย่างอิสระ)
Weapon Kitsคือสกิลที่จะใส่อาวุธชนิดใหม่ให้กับ Engineer เมื่อเรียกใช้ เช่น flamethrower kit จะสร้าง short-range AOE weapon ที่ Engineer สามารถใช้จัดการศัตรูได้ โดย flamethrower จะมีสกิลเช่น Immolate ที่จะสร้างความเสียหายกับศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ Air Blast ที่จะป้องกันการโจมตีระยะไกล และ Backdraft ที่จะดูดศัตรูเข้ามาในระยะการโจมตีอันรุนแรงของ flamethrower
Backpack Kitsเมื่อเรียกใช้งาน จะสวมใส่ backpack ที่จะมาแทนที่สกิลของ Engineer ด้วยสกิลใหม่ เช่น bomb kit ที่จะใส่ backpack ให้ Engineer สามารถวางระเบิดได้หลายลักษณะเช่น ระเบิดควัน ระเบิดแรงกระแทก และ ระเบิดไฟ เป็นต้น
TurretsEngineer สามารถวางป้อมปืนได้ ป้อมปืนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แต่จะช่วยป้องกันและควบคุมบริเวณนั้นไม่ให้ศัตรูเข้ามาได้ เมื่อ turret ถูกวางลง สกิลวาง turret นั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นเวอชั่น overcharged เช่น เมื่อ Engineer วาง Thumper Turret ซึ่งจะสร้างความเสียหายเป็น AoE จากนั้นเรีบกใช้สกิลในเวอชั่น overcharge อีกครั้งนึงจะทำให้เกิดการโจมตีรุนแรงที่จะทำให้ศัตรูๆใกล้ล้มลงได้ Engineer สามารถเก็บและเคลื่อนย้าย turret ได้ ซึ่งในระหว่างนี้จะทำให้ไม่สามารถใช้สกิล overcharge ได้ และจะมี cooldown สักพักนึงก่อนที่จะวาง turret ได้อีกครั้งนึง turret สามารถวางชนิดซ้ำกันได้ทีละหนึ่งอันเท่านั้น
Tool BeltTool belt ของ Engineer คือสกิลพิเศษที่อยู่ด้านบนแถบสกิลอาวุธ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถของสกิล heal และ สกิลอเนกประสงค์ของ Engineer Tool belt สามารถเพิ่มสกิลทำลายตัวเองให้แก่ turret ได้ หรือ จุดชนวนการระเิบิดให้กับระเบิดได้ เมื่อจับคู่กับ Grenade kit tool belt จะช่วยให้โจมตีด้วยระเบิดอย่างต่อเนื่องได้ และเมื่อใช้คู่กับ Med kit tool belt จะเพิ่มสกิลฮีลตัวเองให้ด้วย
ซึ่ง Tool belt จะช่วยเพิ่มสกิลกดใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพของทุกๆสกิลที่อยู่ในสล็อต 6-9 ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเซทสกิลสล็อต 6-9 ไว้โดย
6 : Elixir H
7 : Flamethrower
8 : Slick Shoes
9 : Rocket Boots
คุณจะได้สกิลดังต่อไปนี้ใน Tool belt
F1 : Throw Elixir H : สกิลที่โยน Elixir H ลงบนพื้น ทำให้พรรคพวกได้รับ buff แบบสุ่ม
F2 - Incendiary Ammo: การโจมตีสามครั้งถัดไป ทำให้ติดสถานะ Burning
F3 Super Speed: ทำให้วิ่งเร็วขึ้นอย่างมากในระยะเวลาสั้นๆ
F4 Rocket Kick: การเตะที่ทำเดเมจธาตุไฟเป็น AoE
ซึ่งสกิลบน Tool belt จะเปลี่ยนไปตามสกิลที่คุณเซทไว้ใน Skill bar เลข 6-9
Weapons
Main Hand: Pistol
Off Hand: Pistol, Shield
Two-Handed: Rifle
Aquatic: Harpoon
Backpack Kits
Tool Kit
Grenade Kit
Bomb Kit
Mine Kit
Med Kit
Weapon Kits
Flamethrower
Elixir Gun
Turrets
Rifle Turret
Thumper Turret
Net Turret
Flame Turret
Healing Turret
Mesmer คือ นักสู้ผู้ใช้เวทมนต์ เขาจะพึ่งพาการตบตาและความสับสนในการจัดการกับศัตรู ความลังเลคือมิตรที่ดีที่สุดของ Mesmer เขาใช้ภาพลวงตาเพื่อทำให้ศัตรูไขว้เขว เขาจะไม่ต่อสู้อย่างซึ่งๆหน้า แต่จะใช้พลังเวทมนต์ และ กลยุทธ์ เพื่อที่จะต่อสู้อย่างได้เปรียบ เมื่อใดที่คุณรู้ตัวว่า Mesmer กำลังทำหลอกคุณอยู่ ภาพลวงตาที่เห็นก็จะเริ่มแตกออก และ ค่อยๆเลือนหายไป จากนั้นคุณก็จะตระหนักว่าคุณกำลังฟาดฟันต่อสู้กับอากาศมาโดยตลอด มันเป็นอะไรที่ยากมากที่จะสังเกตได้ว่า Mesmer ตัวจริงอยู่ที่ไหนกัน
Mesmer ไม่มีพละกำลังดังเช่นนักรบ หรือ การโจมตีระยะไกลที่เฉียบคมดังเช่นนักล่า แต่ Mesmer มีความสามารถถักทอใยที่สานกันออกมาเป็นภาพลวงตา ความเจ็บปวด และภาพหลอนที่สร้างความเสียหายแก่ศัตรู ด้วยความชำนาญ Mesmer สามารถผสมผสานความสามารถของเขาให้กลายเป็นปริศนาแก่ศัตรู และช่วยเหลือพวกเดียวกัน
IllusionsMesmer สร้าง illusion เพื่อหลอกศัตรูโดยจะเลียนแบบมาจากตัว Mesmer เอง illusion ส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายไปที่เป้าหมายเดียว แต่ทุกคนจะเห็นมัน และสามารถโจมตีมันได้ มันจะอยู่ตราบเท่าที่เป้าหมายของมันยังไม่ตาย หรือสามารถที่จะทำลาย illusion ด้วยการโจมตี Mesmer สามารถสร้าง illusion ได้มากที่สุดทีละสามร่าง เมื่อเกิน illusion ที่เสกมาแรกสุดจะถูกแทนที่ด้วย illusion ที่เสกขึ้นมาใหม่ illusion มีทั้งหมดสองชนิดได้แก่ Clone และ Phantasm
Clones-Clone คือภาพลวงตาที่ดูเหมือนกับผู้ร่ายมันออกมา มีชื่อเหมือนกับ Mesmer คนนั้น และมีการกระทำต่างๆคล้ายๆกัน Clone มี HP น้อย และสามารถทำเดเมจได้เพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น Mesmer ใช้ดาบจะมีสกิลที่สร้าง Clone สองสกิล ได้แก่ Leap ซึ่งจะทำให้ Mesmer พุ่งไปข้างหน้าและสร้าง Clone ไว้ที่ตำแหน่งเดิม และสกิล Illusionary Leap ที่จะสร้าง Clone ให้พุ่งไปข้างหน้าแทน
PhantasmsPhantasm คือ illusion ที่ดูเหมือนผู้ร่ายมันออกมา แต่มีชื่อของมันเอง และถืออาวุธพิเศษออกมา ซึ่งจะดูต่างจาก Mesmer และมีการเคลื่อนไหวเฉพาะตัว Phantasm มีพลังมากกว่า มี HP และพลังโจมตีมากกว่า ตัวอย่างเช่น Mesmer ที่ถือ Staff สามารถเรียก illusionary mage ที่สามารถโจมตีเป้าหมาย และสร้างความเสียหายเพิ่มเติมตามสถานะผิดปกติที่เป้าหมายมีอยู่ได้
MantrasMantra คือประเภทของสกิลที่มีสองระยะ Mesmer จะร่ายสกิลครั้งแรกซึ่งกินเวลานาน ละจะแทนที่สกิลนั้นด้วยสกิลแบบกดใช้ได้ัทันทีแทน ทำให้ Mantra เป็นสกิลที่ทรงพลังเพราะสามารถร่ายสกิลนั้นเก็บไว้ใช้ในระหว่างการต่อสู้โดยไม่สามารถขัดขวางได้ เช่น Mantra of Pain สามารถร่ายเก็บไว้ และปล่อยออกไปเป็นสกิลโจมตีที่รุนแรงที่สามารถใช้ได้ระหว่างร่ายเวทย์ได้
Weapons
A mesmer can use a variety of magical, ranged, and melee weapons, including:
Main Hand: Sword, Scepter
Off Hand: Focus, Pistol, Sword, Torch
Two-Handed: Staff, Greatsword
Confused Condition
Mesmer มากับสถานะผิดปกติที่เรียกว่า confusion ศัตรูที่ติดสถานะนี้จะได้รับความเสียหายทุกครั้งที่ัมันใช้สกิล สถานะ confusion นี้สามารถติดได้หลายครั้งและสะสมได้เรื่อยๆ ซึ่งทำให้ความเสียหายแรงมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
Shattering
Mesmer มีสกิลพิเศษที่สามารถทำลาย illusion ของตัวเองได้ Shattering จะทำลาย illusion ทั้งหมดและทำให้เกิดเอฟเฟคขึ้น ซึ่งมีสกิล Shattering สี่แบบแตกต่างกันออกไป
Mind Wrackทำลาย illusions และสร้างความเสียหายแก่ศัตรูในระยะใกล้ๆ
Cry of Frustrationทำลาย illusions และทำให้ศัตรูติดสถานะ confuse
Diversionทำลาย illusion และ stun ศัตรู
Reflectionทำลาย illusion และสร้างเกราะรอบๆตัว Mesmer ซึ่งจะสะื้ท้อนการโจมตีระยะไกลของศัตรูได้
Mesmer ไม่มีพละกำลังดังเช่นนักรบ หรือ การโจมตีระยะไกลที่เฉียบคมดังเช่นนักล่า แต่ Mesmer มีความสามารถถักทอใยที่สานกันออกมาเป็นภาพลวงตา ความเจ็บปวด และภาพหลอนที่สร้างความเสียหายแก่ศัตรู ด้วยความชำนาญ Mesmer สามารถผสมผสานความสามารถของเขาให้กลายเป็นปริศนาแก่ศัตรู และช่วยเหลือพวกเดียวกัน
IllusionsMesmer สร้าง illusion เพื่อหลอกศัตรูโดยจะเลียนแบบมาจากตัว Mesmer เอง illusion ส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายไปที่เป้าหมายเดียว แต่ทุกคนจะเห็นมัน และสามารถโจมตีมันได้ มันจะอยู่ตราบเท่าที่เป้าหมายของมันยังไม่ตาย หรือสามารถที่จะทำลาย illusion ด้วยการโจมตี Mesmer สามารถสร้าง illusion ได้มากที่สุดทีละสามร่าง เมื่อเกิน illusion ที่เสกมาแรกสุดจะถูกแทนที่ด้วย illusion ที่เสกขึ้นมาใหม่ illusion มีทั้งหมดสองชนิดได้แก่ Clone และ Phantasm
Clones-Clone คือภาพลวงตาที่ดูเหมือนกับผู้ร่ายมันออกมา มีชื่อเหมือนกับ Mesmer คนนั้น และมีการกระทำต่างๆคล้ายๆกัน Clone มี HP น้อย และสามารถทำเดเมจได้เพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น Mesmer ใช้ดาบจะมีสกิลที่สร้าง Clone สองสกิล ได้แก่ Leap ซึ่งจะทำให้ Mesmer พุ่งไปข้างหน้าและสร้าง Clone ไว้ที่ตำแหน่งเดิม และสกิล Illusionary Leap ที่จะสร้าง Clone ให้พุ่งไปข้างหน้าแทน
PhantasmsPhantasm คือ illusion ที่ดูเหมือนผู้ร่ายมันออกมา แต่มีชื่อของมันเอง และถืออาวุธพิเศษออกมา ซึ่งจะดูต่างจาก Mesmer และมีการเคลื่อนไหวเฉพาะตัว Phantasm มีพลังมากกว่า มี HP และพลังโจมตีมากกว่า ตัวอย่างเช่น Mesmer ที่ถือ Staff สามารถเรียก illusionary mage ที่สามารถโจมตีเป้าหมาย และสร้างความเสียหายเพิ่มเติมตามสถานะผิดปกติที่เป้าหมายมีอยู่ได้
MantrasMantra คือประเภทของสกิลที่มีสองระยะ Mesmer จะร่ายสกิลครั้งแรกซึ่งกินเวลานาน ละจะแทนที่สกิลนั้นด้วยสกิลแบบกดใช้ได้ัทันทีแทน ทำให้ Mantra เป็นสกิลที่ทรงพลังเพราะสามารถร่ายสกิลนั้นเก็บไว้ใช้ในระหว่างการต่อสู้โดยไม่สามารถขัดขวางได้ เช่น Mantra of Pain สามารถร่ายเก็บไว้ และปล่อยออกไปเป็นสกิลโจมตีที่รุนแรงที่สามารถใช้ได้ระหว่างร่ายเวทย์ได้
Weapons
A mesmer can use a variety of magical, ranged, and melee weapons, including:
Main Hand: Sword, Scepter
Off Hand: Focus, Pistol, Sword, Torch
Two-Handed: Staff, Greatsword
Confused Condition
Mesmer มากับสถานะผิดปกติที่เรียกว่า confusion ศัตรูที่ติดสถานะนี้จะได้รับความเสียหายทุกครั้งที่ัมันใช้สกิล สถานะ confusion นี้สามารถติดได้หลายครั้งและสะสมได้เรื่อยๆ ซึ่งทำให้ความเสียหายแรงมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
Shattering
Mesmer มีสกิลพิเศษที่สามารถทำลาย illusion ของตัวเองได้ Shattering จะทำลาย illusion ทั้งหมดและทำให้เกิดเอฟเฟคขึ้น ซึ่งมีสกิล Shattering สี่แบบแตกต่างกันออกไป
Mind Wrackทำลาย illusions และสร้างความเสียหายแก่ศัตรูในระยะใกล้ๆ
Cry of Frustrationทำลาย illusions และทำให้ศัตรูติดสถานะ confuse
Diversionทำลาย illusion และ stun ศัตรู
Reflectionทำลาย illusion และสร้างเกราะรอบๆตัว Mesmer ซึ่งจะสะื้ท้อนการโจมตีระยะไกลของศัตรูได้
[Edited 24 times *-*Altakung*-* - Last Edit 2012-07-24 00:22:08]
# Sun 22 Jul 2012 : 2:34AM
STORY
วิธีทำให้อ่านซัพไทยได้ชัดๆ
กด CC ด้านขวาล่างของ video >> เลือก Settings.. >> เลือก Font เป็น Microsoft Sans Serif
ตอนที่ 1 โลกแห่ง Tyria
ตอนที่ 2 การล่มสลายของ Ascalon
ลิ้งข้อมูลต่างๆที่น่าสนใจ
35 Tips & Tricks สำหรับผู้เล่นใหม่ และ เก่า แปลโดยคุณ bazara01 อ่านแล้วมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะข้อหลังๆที่คนพึ่งเล่นแบบผิวๆอาจจะยังไม่รู้กัน[Link]
[Link] < ลองอัพสกิล/สร้างบิ้วแชร์กับคนอื่นได้ครับ
[Link] ข้อมูลค่อนข้างแน่นที่สุดในขณะนี้
[Link] เว็บดาต้าเบสเครือข่าย Curse ข้อมูลยังมึนๆอยู่แต่น่าจะดีขึ้นตอนโอเพ่นครับ
วิธีทำ Legendary โดยคุณ Cleru
ถ้าดูแล้วงง ผมจะสรุุปคร่าวๆให้ ว่าต้องทำเกือบทุกอย่างในเกมครับ
Legendary ต้องทำจาก mystic forge โดยส่วนผสมคือ
Base Exotic + Gift of Mastery + Gift of x (x เป็นอะไรขึ้นอยู่กับอาวุธที่อยากทำ) + Gift of Fortune
1- Base Exotic
เป็น exotic ที่มีชื่อ ที่ขายกันใน Trading Post ประมาณ 70 gold นั่นแหละครับ วิถึได้มาตอนนี้เท่าที่รู้คือ ใส่อาวุธของ Rare/Exotic level 76 ขึ้นไป 4 อันใน mystic forge แล้วลุ้นโชคเอา
2 - Gift of Mastery
สร้างจาก Bloodstone shard + Gift of Exploration+ 250 Obsidian Shard + Gift of Battle
Boodstone shard > 200 skill points แลก
Gift of Exploration > ได้มาตอนเปิด map ทั้งหมด 100%
Obsidian Shard > อันละ 2,100 Karma 250 อันก็ 525,000 Karma
Gift of Battle > แลกจาก Badge WvWvW 500 อัน
3 - Gift of x
อันนี้จะเป็นอะไรก็ขึ้นอยู่กับอาวุธที่จะสร้างครับ แต่เป็นของที่ได้จากการ craft เลเวล 400 ทั้งนั้น
เช่นถ้าอยากสร้างดาบใหญ่ Sunrise จะต้องใช้ Gift of Sunrise
ซึ่งจะจากการผสม Gift of Metal กับ Gift of Light เข้ากับ Icy rune stone และ superior sigil of strength. โดยทั้ง gift 2 อัน rune stone และ sigil จะเปลี่ยนไปตามอาวุธที่จะทำครับ
Gift of Metal ใช้ Weaponsmithing 400 สร้างจาก
Darksteel Ingot (250) + Mithril Ingot (250) + Orichalcum Ingot (250) + Platinum Ingot (250)
Gift of Light ใช้ Armorsmithing 400
Gift of Ascalon + Orichalcum Ingot (250) + Cured Hardened Leather Square (250) + Charged Lodestone (100)
^ จะสังเกตุได้ว่าจะทำไอ้นี่ต้องใช้ Gift of Dungeon x ด้วย ซึ่งได้มาจากการเอา Token Dungeon Explorable Mode 500 อันไปแลก และ Lodestone ก็ตกจาก Dungeon เหมือนกัน
4 - Gift of Fortune
สร้างจาก Glob of Ectoplasm (250) + Mystic Clover (77) + Gift of Magic + Gift of Might
Mystic Clover ได้มาแบบแรนดอมจาก Mystic Forge ซึ่งก็ต้องใช้ Obsidian Shard ในส่วนผสมด้วย (ผลาญ Karma ไปอีก) ที่เหลือก็ฟาร์ม/ซื้อแหลดกครับ
Gift of Magic = Vicious Fang (250) + Armored Scale (250) + Vicious Claw (250) + Ancient Bone (250)
Gift of Might = Vial of Powerful Blood (250) + Powerful Venom Sac (250) + Elaborate Totem (250) + Pile of Crystalline Dust (250)
Legendary สร้างยากสมใจไหมครับ
วิธีทำให้อ่านซัพไทยได้ชัดๆ
กด CC ด้านขวาล่างของ video >> เลือก Settings.. >> เลือก Font เป็น Microsoft Sans Serif
ตอนที่ 1 โลกแห่ง Tyria
ตอนที่ 2 การล่มสลายของ Ascalon
ลิ้งข้อมูลต่างๆที่น่าสนใจ
35 Tips & Tricks สำหรับผู้เล่นใหม่ และ เก่า แปลโดยคุณ bazara01 อ่านแล้วมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะข้อหลังๆที่คนพึ่งเล่นแบบผิวๆอาจจะยังไม่รู้กัน[Link]
[Link] < ลองอัพสกิล/สร้างบิ้วแชร์กับคนอื่นได้ครับ
[Link] ข้อมูลค่อนข้างแน่นที่สุดในขณะนี้
[Link] เว็บดาต้าเบสเครือข่าย Curse ข้อมูลยังมึนๆอยู่แต่น่าจะดีขึ้นตอนโอเพ่นครับ
วิธีทำ Legendary โดยคุณ Cleru
ถ้าดูแล้วงง ผมจะสรุุปคร่าวๆให้ ว่าต้องทำเกือบทุกอย่างในเกมครับ
Legendary ต้องทำจาก mystic forge โดยส่วนผสมคือ
Base Exotic + Gift of Mastery + Gift of x (x เป็นอะไรขึ้นอยู่กับอาวุธที่อยากทำ) + Gift of Fortune
1- Base Exotic
เป็น exotic ที่มีชื่อ ที่ขายกันใน Trading Post ประมาณ 70 gold นั่นแหละครับ วิถึได้มาตอนนี้เท่าที่รู้คือ ใส่อาวุธของ Rare/Exotic level 76 ขึ้นไป 4 อันใน mystic forge แล้วลุ้นโชคเอา
2 - Gift of Mastery
สร้างจาก Bloodstone shard + Gift of Exploration+ 250 Obsidian Shard + Gift of Battle
Boodstone shard > 200 skill points แลก
Gift of Exploration > ได้มาตอนเปิด map ทั้งหมด 100%
Obsidian Shard > อันละ 2,100 Karma 250 อันก็ 525,000 Karma
Gift of Battle > แลกจาก Badge WvWvW 500 อัน
3 - Gift of x
อันนี้จะเป็นอะไรก็ขึ้นอยู่กับอาวุธที่จะสร้างครับ แต่เป็นของที่ได้จากการ craft เลเวล 400 ทั้งนั้น
เช่นถ้าอยากสร้างดาบใหญ่ Sunrise จะต้องใช้ Gift of Sunrise
ซึ่งจะจากการผสม Gift of Metal กับ Gift of Light เข้ากับ Icy rune stone และ superior sigil of strength. โดยทั้ง gift 2 อัน rune stone และ sigil จะเปลี่ยนไปตามอาวุธที่จะทำครับ
Gift of Metal ใช้ Weaponsmithing 400 สร้างจาก
Darksteel Ingot (250) + Mithril Ingot (250) + Orichalcum Ingot (250) + Platinum Ingot (250)
Gift of Light ใช้ Armorsmithing 400
Gift of Ascalon + Orichalcum Ingot (250) + Cured Hardened Leather Square (250) + Charged Lodestone (100)
^ จะสังเกตุได้ว่าจะทำไอ้นี่ต้องใช้ Gift of Dungeon x ด้วย ซึ่งได้มาจากการเอา Token Dungeon Explorable Mode 500 อันไปแลก และ Lodestone ก็ตกจาก Dungeon เหมือนกัน
4 - Gift of Fortune
สร้างจาก Glob of Ectoplasm (250) + Mystic Clover (77) + Gift of Magic + Gift of Might
Mystic Clover ได้มาแบบแรนดอมจาก Mystic Forge ซึ่งก็ต้องใช้ Obsidian Shard ในส่วนผสมด้วย (ผลาญ Karma ไปอีก) ที่เหลือก็ฟาร์ม/ซื้อแหลดกครับ
Gift of Magic = Vicious Fang (250) + Armored Scale (250) + Vicious Claw (250) + Ancient Bone (250)
Gift of Might = Vial of Powerful Blood (250) + Powerful Venom Sac (250) + Elaborate Totem (250) + Pile of Crystalline Dust (250)
Legendary สร้างยากสมใจไหมครับ
[Edited 5 times *-*Altakung*-* - Last Edit 2012-09-17 19:36:32]
# Sun 22 Jul 2012 : 7:14AM
อุ้ยนี่มันเกมอะรายหนอ ดูน่าเล่นดี *-*
# Sun 22 Jul 2012 : 7:33AM
ไม่โหวต แต่จะบอกว่าสุดท้ายจะเข้าไปแจมด้วยแน่นอน
# Sun 22 Jul 2012 : 7:46AM
รอผลโหวต 555+
เล่นตัวไรกันบ้างครับ
เล่นตัวไรกันบ้างครับ
# Sun 22 Jul 2012 : 7:57AM
Yak's Bend
# Sun 22 Jul 2012 : 8:14AM
ThunderBird wrote:
Yak\'s Bend
ตามนี้
# Sun 22 Jul 2012 : 10:31AM
Yak's Bend จ้า
ถ้ายังไม่มีกิลด์ มาแจมกิลด์ผมได้นะครับ กิลด์อินเตอร์
ถ้ายังไม่มีกิลด์ มาแจมกิลด์ผมได้นะครับ กิลด์อินเตอร์
# Sun 22 Jul 2012 : 11:09AM
Yak's Bend
เอามั่งละกัน เสียงไม่น่าแตกละมั้ง
เอามั่งละกัน เสียงไม่น่าแตกละมั้ง
# Sun 22 Jul 2012 : 3:12PM
อัพเดท Feature จ่ะ ในโพส 2
# Sun 22 Jul 2012 : 3:25PM
ตอนนี้ผมเล่นหยุ Magumaa ทำไมไม่มีในรายชื่อหว่า
# Sun 22 Jul 2012 : 3:28PM
.SiN. wrote:
ตอนนี้ผมเล่นหยุ Magumaa ทำไมไม่มีในรายชื่อหว่า
เพราะเราตัดสินใจกันว่าจะไม่ไปเซิฟนั้นอ่ะคับ
อยากไปตั้งรกรากกันเองมากกว่า
<<
<
1
2
3
4
5
6
>
>>
Reply
Vote
Popular Thread
1 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 25/7/2006
(14446 post)