คือกำลังจะปรับโครงสร้างบ้านครับ ทีนี้ใบราคาที่เค้าคำนวนมา [ เป็นบริษัท จำกัด ]
ลงราคาไว้เรียบร้อย [ 1 ล้าน+เศษ ] แล้วแต่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% [ 7-8 หมื่นบาท ]

กำลังจะทำการจ่ายราคาโครงสร้าง + เสาไมโครไปป์ แน่นอนในเดือนหน้านี้แล้วแต่พอโทรไปสอบถามบอกว่าภาษีตรงนี้ไม่ต้องจ่ายเป็นของ นิติบุคคลและจะเอาได้ใบอะไรสักอย่างพอดีคนอื่นคุย ผมเลยงงเรื่องนี้มากพอสมควร เพราะปกติก็เข้าใจเรื่องภาษีบ้างเพราะต้องส่งให้สรรพากรทุกปี เพื่อเรียกเงินคืน

เพราะที่ผมเข้าใจคือถ้ารายรับเกิน 6 แสนขึ้นต้องเสียภาษีให้สรรพากร ซึ่งก็คือภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากสินค้าหรือบริการ แล้วในกรณีก็เกินแต่ทางบริษัทไม่เก็บเพิ่ม ผมอยากทราบว่าภาษีตัวเดียวกันไหมครับเนี่ย ?

ป.ล.ไม่จ่ายอะดีแล้วตั้ง 7 หมื่นไปถอยคอมใหม่ได้เลยแต่ต้องการความเข้าใจมากกว่าครับ

ป.ล.2 ผมต้องลงรูปใบเสร็จ [เสนอราคา] ประกอบไหมครับ

น่าจะพูดถึงภาษีคนละตัวนะครับ


ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือสิ่งที่บริษัทต้องจ่ายให้กับรัฐบาล 7 % ซึ่ง 7% 70,000 กว่าบาทนี้ไม่มีทางเลี่ยงใดๆได้ครับ ถ้าในรูปแบบบริษัท
เค้าถึงชอบทำการพวก freelance ที่ไม่ต้องเสียภาษ๊ 7 % ครับ


ภาษีรายได้ คือ ภาษีที่คุณจะต้องจ่ายถ้ามีรายได้ใดๆ มากกว่า 250,000 บาท ต่อปี ไม่จ่ายก็ไม่ได้อีกเช่นกันครับ


สรุปไม่จ่ายไม่ได้ครับ เพราะถ้าคุณไม่จ่าย บริษัทก็ต้องจ่ายอยู่ดี ซึ่งเค้าจ่ายให้ก็เหมือนคุณขอลดราคา 70,000 แหละ
ถ้าอยากไม่จ่ายต้องไปทำกับในรูปแบบไม่ใช่บริษัทครับ คือพวกผู้รับเหมา freelance

ตามที่ผมเข้าใจนะครับ

ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ เงินภาษีที่รัฐเรียกเก็บโดยบวกเพิ่มไปจากราคาสินค้า เป็นเงินภาษีที่ทุกคนต้องจ่ายและเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะตาสีตาสาที่ไหนก็ตาม ทันทีที่ซื้อของก็เท่ากับจ่ายภาษีไปแล้วทั้งนั้น (หากราคานั้นรวมภาษีไปแล้ว) ราคาสินค้าบางอย่างที่โชวบนป้ายราคา รวมภาษีแล้ว หรือไม่รวมภาษี บางครั้งบริษัทผู้ขายสินค้า เลือกที่จะแบกรับการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเอง ก็ดีไปครับ ไม่ต้องเป็นภาระผู้ซื้อ (ปัจจุบัน 7% อนาคตเห็นว่าจะเพิ่มเป็น 10% ในอีกไม่ช้า)

ภาษีเงินได้ คือเงินภาษีที่เรียกเก็บจากผู้มีรายได้ ซึ่งจะเรียกเก็บเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับระดับรายได้ ซึ่งตรงนี้ พนักงานบริษัทที่ม่ีรายได้ประจำจะเสียกันโดนหักกันทุก้ดือนอยู่แล้วครับ แต่การทำงานบางอย่างเช่น Freelance ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ตรวจสอบที่มาของรายได้ได้ยาก ส่วนมากจะไม่ได้เสียภาษีกัน (แต่บางทีก็โดนหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้วก็มีครับ)

งาน จัดซื้อจัดจ้างนะ

1.-ถ้าเป็นในรูปแบบบริษัท สินค้า ค่าวัสดุ บริษัทพวกนี้จะเสนอราคา + Vat 7%
-ถ้าเป็นค่าแรง ค่าดำเนินการ จะไม่ + Vat
(กรณีเสนอในนามบริษัท +Vat7% เวลามาเบิกเงินต้องแนบเลขผู้เสียภาษี หรือหนังสือรับรองบริษัท)
(กรณีเสนอในนามบริษัท แต่ไม่ได้จดทะเบียน เวลาเสนอสินค้ายังไงก็ +Vat7% ไม่ได้ ตอนรับเงินก็รับในนามบุคคล)

2.ถ้าเป็นนามบุคคล ไม่ได้จนทะเบียน อาจจะเป็นแค่ หจก. พวกนี้จะไม่ + Vat ในการเสนอราคา
ทั้งค่าแรงและค่าของ เพราะพวกนี้สามารถยืมบัตรประชาชนคนอื่นมารับเงิน โดนไม่ให้วงเงินรายรับ เกิน 1.5-1.8 ล้านบาท ต่อปี (ผมจำไม่ค่อยได้) ถ้าเกินพวกนี้จะโดนตามเก็บภาษี ก็เลยยืมบัตรประชาชนมาแจ้งรับเงิน เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

vat 7%คือ จะรับเองหรือโยนให้ผู้อื่นหลักๆมีอยู่เท่านี้

ตามความเข้าใจของผม
จะขอตอบกลับกัน ของอีกฝ่าย
ที่เป็นบริษัท หรือ หจก. ที่ไม่ใหญ่


A ถ้าลูกค้าไม่เอาใบเสร็จบิล Vat7% ผมก็คิดราคาตามนั้นเลย
เสนอราคา 100 ลูกค้าจ่าย 100
รายได้บริษัท ไม่เข้าระบบสรรพากร

B ถ้าลูกค้าไม่เอาบิล Vat แต่ ให้ผมรับในนามบุคคล
เอาบัตรประชาชนผม เป็นเอกสารรับเงินแทนบิลใบเสร็จ
เสนอราคา 100 ลูกค้าจ่าย 97 เพราะแบ่งหัก ณ ที่จ่าย3% ให้สรรพากร(เป็นงานบริการ)
แล้วปลายปีหากรายได้บุคคลของผมรวมแล้วต้องจ่าย น้อยกว่า3%หักไปก่อนหน้า
ก็ค่อยขอส่วนต่างคืน จากสรรพกร
รายได้บุคคลเข้าระบบสรรพากร
***แต่หาก รายรับเกิน ล้านแปด สรรพกรจะบังคับผมจด vat บุคคล***

C ถ้าลูกค้าเอาใบเสร็จบิล Vat7% ผมก็คิดราคา
เสนอราคา 100 ลูกค้าจ่าย 104 เพราะแบ่งหัก ณ ที่จ่าย3%ให้สรรพากร
รายได้บริษัท เข้าระบบสรรพากร

ลูกค้าที่ไม่เอาบิลส่วนใหญ่เป็นในนามบุคคล
ส่วนลูกค้าที่รับบิล vat ส่วนใหญ่เป็นในนามบริบัท

เก็ตคำตอบพี่มากเลยครับ ผมชอบของสะสมกับตู้โมเดลเรสสิเด้นท์ พี่มากเลยครับติดตามอยู่ อิอิ

ถ้าแบบ A เข้าข่ายผิด กม. รึเปล่าครับ ?