Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : The Mitchells vs the Machines

<<
<
1
Reply
Vote
# Mon 3 May 2021 : 10:00PM

Soma555
member
Movie Previewer
Since 9/9/2008
(2559 post)


Review : The Mitchells vs the Machines

The Mitchells vs the Machines
.
ไม่ชอบ แต่ใช้คำว่ารักเลย หลังจากที่ไม่ได้ดูอนิเมชั่นตะวันตกมานาน พอกลับมาดูเรื่องนี้เพราะชื่นชอบทีมงาน ยอมรับเลยว่าไม่ผิดหวังและมันสร้างความสุขในช่วงเวลาที่เรารู้สึกแย่ได้อย่างดี
.
คือมันสนุกมากกกก สนุกในความเป็นการ์ตูนที่ไม่ต้องมี Logic เข้ามาเกี่ยวข้องอะไรมันเหมือนเราดูการ์ตูนยุคเก่าที่มีตัวละครทำหน้าประหลาด ทำท่าผิดระบบฟิสิกส์ หรือตรรกะที่ไม่มีอะไรสมเหตุสมผล แต่มันทำงานกับอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม มันทำให้ฉากผจญภัยและฉากแอ็คชั่นในหนังสนุกขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ และผสมผสานกับมุกตลกที่จิกกัด แซะ โลกในยุคที่ Social Media เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้เจ็บแสบมาก บางมุกนี้ถ้าใครต้องสอนให้พ่อแม่ใช้ Smartphone หรือ Line บ่อย ๆ อาจหลุดขำได้ง่าย ๆ
.
การนำเสนอของมันเรียกว่ามาถูกยุค เพราะมันคือยุคที่มนุษย์เลือกสนใจ Social Media กันอย่างมากมายจนแทบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผสมเข้ากับพล็อตแนวครอบครัวที่มีความไม่เข้ากันที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เดาได้แทบทุกฉากแต่มันกลมกล่อมอย่างมาก ทั้งในแง่การทำให้มุกตลกแซะโลกบ้า Social Media อย่างเจ็บแสบ และมันก็เสริมความผูกพันของครอบครัวที่เป็นหัวใจหลักของหนังได้อย่างยอดเยี่ยม
.
ทั้งหมดที่ว่ามาข้างต้นมันผสมกับตัวละครที่มีเสนห์แทบทุกคน แต่ละคนต่างมีจุดเด่น มีฉากขโมยซีนที่น่าจดจำ โดยเฉพาะเจ้าหมาที่ใครดูก็หลงรักในความน่ารักและบ้าบิอของมันได้ไม่ยาก ที่สำคัญแม้ตัวละครในเรื่องหลายคนอาจจะทำอะไรที่ดูงี่เง่า แต่เราจะไม่รู้สึกรำคาญ กลับหลงรักเพราะการกระทำของพวกเขามีเหตุผลรองรับที่เราเข้าใจได้อย่างดี และเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็อาจเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อนยิ่งทำให้เข้าใจเหตุผลของตัวละครมากขึ้นด้วย
.
สำหรับงานภาพเนื่องจากได้ทีมทำ Spider-Man: Into the Spider-Verse และ Lego Movie ซึ่งทั้งสองเรื่องมีจุดเด่นในเรื่องเอกลักษณ์งานภาพอยู่แล้ว อนิเมชั่นเรื่องนี้ก็เช่นกัน ตัวภาพมันจะมีลักษณะคล้ายกับการ์ตูน 2D ที่เนียนทำเป็น 3D ซึ่งดูสวยและไม่ขัดใจอะไร แต่เอฟเฟกต่าง ๆ ที่มีการใส่เข้ามาในเรื่องอันนี้ส่วนตัวค่อนข้างชอบ เพราะมันคือการล้อวิถีชีวิตแบบโลกยุคนี้ที่มักจะต้องใส่ฟิลเตอร์ Text หรืออะไรลงไปในภาพให้สวยงาม ซึ่งมันก็เสริมความบ้าบอในอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้อย่างดีเสียด้วยสิ
.
สรุปแล้ว The Mitchells vs the Machines เป็นงานอนิเมชั่นตะวันตกอีกเรื่องที่ผมรักมาก มันไม่ต้องมีบทซับซ้อน ไม่ต้องพึ่งพาตรรกะ ใส่ความบ้าบอเข้าไปแบบเต็มเหนี่ยวโดยคำนึงแค่อย่างเดียวคือคนดูต้องสนุก และมันก็ได้ผล ดูจบแล้วมันสนุกมาก อบอุ่นมาก รักตัวละครในเรื่องมาก และยังจิกกัดสังคมโลกปัจจุบันได้อย่างแสบสัน จนไม่รู้ว่าจะหาอะไรติจากมันเลย แนะนำให้ดูครับ สุดยอดมาก
.
เกรด S (10/10)
.
ปล.อนิเมชั่นเรื่องนี้ลง Netflix นะครับผม


# Thu 6 May 2021 : 10:51AM

MikuSukoy
member
เขาพยายามอย่างหนักเพื่อจุดไฟให้ลุกโชน
Since 2016-07-07 16:54:43
(2827 post)
หมา หมู ขนมปังแถว
หมา หมู ขนมปังแถว

# Thu 6 May 2021 : 10:59AM

NeoDio
member

Since 23/12/2005
(5127 post)
ตอนท้ายๆชอบคุณแม่มาก เดือด 55

# Sat 22 May 2021 : 3:14AM

darkoralra
member

Since 8/4/2006
(498 post)
อย่างชอบ เด็กนี่ดูแทบทุกวัน

# Sat 22 May 2021 : 9:30AM

Verm
member

Since 15/11/2007
(413 post)
ชอบที่เขียนบทให้สมาชิกครอบครัวทุกคนมีเป้าหมาย มีปมของตัวเอง โดยไม่เทความสำคัญไปที่ใครคนใดคนนึงมากไป และตอนท้ายทุกคนก็สามารถเคลียร์ปมของตนได้ โดยเฉพาะพัฒนาการของพ่อ จากตาลุงอนาล็อกจ๋าปฏิเสธเทคโนโลยี ก็หัดที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีออนไลน์ (จนใกล้ PTSD 😆)

เดี๋ยวนี้นี่มีอนิเมชันหลายเรื่องที่ทำออกมาได้คุณภาพดีเยี่ยม ที่ถูกจริตผมเป็นพิเศษคือเรื่องสปายนกพิราบกับ Klaus อดคิดไม่ได้ว่าขาใหญ่อย่างพิกซาร์คงมีหนาวๆ ร้อนๆ กันบ้าง แหละ

ผมเคยอ่านบทความ เรื่องสูตรลับในการเขียนพล็อตที่ทำให้พิกซาร์ประสบความสำเร็จ อ่านแล้วก็อ๋ออย่างนี้เอง มิน่าหนังของคุณถึงครองใจผู้ชม แต่พอดูมาเป็นสิบๆ เรื่องมันก็เกิดอารมณ์แบบว่า 'เล่นสูตรนี้อีกแล้วเหรอ' คือคุณภาพของหนังคุณยังเกรด A ถึง A+ อยู่นะ แต่มันเป็นเกรด A ที่ทำให้รู้สึกเหมือนเด็กเรียนเก่งที่สอบได้ A เป็นปกติ แต่เราไม่ว้าวไปกับเขาแล้วง่ะ

แล้วสูตรนี้ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบนะ ใครดูหนังพิกซาร์บ่อยๆ อาจจะรู้สึกแบบเดียวกันกับผมคือ มันจะมีช่วงนึงที่เนือยๆ น่าเบื่ออยู่เสมอ ไม่แน่ผู้สร้างอาจจะรู้ว่าตรงนี้มันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่หรอก แต่จำเป็นต้องใส่ เพราะต้องทำให้เป๊ะตามสูตรที่บัญบัติไว้
เรียกว่าพอคุณยึดติดกับสูตรของคุณเกินไปมันเลยขาดสิ่งที่เรียกว่า 'ลูกบ้า' ไป

ซึ่งไอ้เรื่อง M Vs M เนี่ย ใส่ลูกบ้ามาเพียบ มันทำให้ผมเพลิดเพลินไปกับมันตลอดทั้งเรื่องโดยไม่มีช่วงที่รู้สึกว่าน่าเบื่อ ต้องฝืนดูให้ผ่านๆ ไปเลย ก็เลยมาวิเคราะห์ดู ที่มันไม่น่าเบื่อก็อาจเป็นเพราะเขาให้เวลากับจุดอธิบายนี้แค่แป๊บเดียว แล้วรีบพาคนดูไปโฟกัสกับอย่างอื่นก่อนที่ความเบื่อจะก่อตัว กับอีกวิธีคือยิงมุขตลกรัวๆ (เรื่องนี้เล่นมุขถี่มาก แถมมุขก็สดมาก คิดได้ไงมุขปิด Wifi) หรือใส่อะไรที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว You never see it coming เพื่อไม่ให้ซีนนั้นมันนิ่งเกินไป... (อย่างมุข Sleep Mode) ก็เป็นได้
[Edited 2 times Verm - Last Edit 2021-05-22 11:21:02]

# Sat 22 May 2021 : 11:51AM

onejap
member

Since 2/11/2007
(4630 post)
โคตรรักหนังเรื่องนี้เลย
ฉากคุณแม่ปลดบังไค + เพลง Siren ประกอบจาก Killbill
มันจังหวะดี และฮามากกกก

ปล. กู่เทียนเล่อ เป็น Producer ด้วยนะ ช่วงหลังเครดิต มีรูปออกมาเลย

# Sat 22 May 2021 : 2:41PM

niceboi
member

Since 2020-09-20 19:23:44
(1853 post)
คอร์หลักของเรื่องง่่ายๆเลยคือครอบครัวส่วนไอที่เหลือหุ่นยนต์บุกโลกหรือมุกตลกแซะความเป็นจริงเหมือนอยากใส่เข้ามาสนองนีทผู้กำกับ

# Thu 27 May 2021 : 5:26PM

Pique`
member

Since 23/5/2006
(7132 post)
เป็นหนังกาตูน แนวครอบ อบอุ่นหัวใจ ชอบมากเหมือนกันครับ

# Fri 28 May 2021 : 12:36PM

Marnburapa
staff

Since 5/4/2006
(23803 post)
ไม่รู้ เปิดมารอดูแต่เจ้ามันชี่

มันชี่คือทุกอย่างของหนังเรื่องนี้
[Edited 1 times Marnburapa - Last Edit 2021-05-28 12:42:12]

<<
<
1
Reply
Vote




1 online users
Logged In :