ประเด็นคือ มันห้ามบอกว่ามีวิธีจ่ายเงินที่อื่น ใน app ครับ (มีได้แต่ห้ามบอกใน app) พวก netflix, Spotify ก็ทำ

อ้อ สรุป มันกวงตีง ทำเพื่อให้ดึงฟ้องร้องนี่เอง

เอาจริงๆ การที่ไม่มีตัวเลือกใน app มันก็ทำให้คนทั่วไปไม่เติมนอก app แหละครับ
Epic มันก้ตั้งใจใส่มา เพราะคิดว่า apple ไม่กล้าแบน Fortnite (ตอนนั้นเกมมันดังมากๆ)
แต่ Apple แนวว่า กรูไม่แคร์ เกมมันเป็นตลาดที่แข่งกันโหดอยู่แล้ว คนไม่มี Fortnite เล่น เขาก็ไปเล่นเกมอื่น
(แต้่กรณีอย่าง Netlfix, อันนี้ apple ยังต้องยอม เพราะมันแทบจะคุมตลาด แต่ก็ไม่ถูกกันแหละ หลังๆ เวที apple แทบไม่เคยพูดถึง netflix อีกเลย กับ spotify อีกเจ้า)

ผมว่าแอปเปิลจะมาออกกฎบังคับให้ตั้งราคาเท่ากันไม่ได้นะ มันนอกเหนืออำนาจของแอปเปิล แอปเปิลคุมราคาได้แต่ในแพลทฟอร์มตัวเอง

เฉพาะไม่เกิน 1M us หรือเปล่าครับ ไม่ใช่ทั้งหมด

ถ้าที่ผมรู้ไอเจ้าที่มีปัญหาเรื่องนี้มันมาจากepicเกมfrotniteครับ เกมมันโดนแบนเพราะมีระบบเติมเงินจากภายนอกแล้วได้พ้อยเยอะกว่ามากๆ

ปล. RoVไทยผมก็เติมผ่านข้างนอกนะ

จ่ายได้ แต่ห้ามมีช่องทางบอกใน app ครับ
คนทั่วๆ ไป บางทีก็ไม่รู้

apk นิเล่นฟอรต์ไนท์หรือเกมที่มีเติมเงินในเกม ได้ด้วยหรอ

ทากะเล่นเกมส์อะไรอยู่ แนะนำกันบ้างสิ่



เขาไม่คิดจะจ่ายอยู่แล้วครับ

fifa 21 ff7 re ff5 apk ไม่ค่อยได้เล่นละ ส่วน ff7 re เล่นมา 3 เดือนละ เพิ่งเจอ เอริส เกมส์ใหญ่ๆเเจกฟรีอีกเพียบ ยังไม่ได้เล่น

ทากะเขามี ความคิดว่าเเอนดรอย มีไว้เล่น apk เครื่อง เพลย์มีไว้รอ ps plus ถ้าทำตามนี้ได้ไม่เสียตังค์เล่นเกม คือความภูมิใจในเเบบ ของเขา ทำจนชินเรื่องเสียงตังค์เดย์วันให้วงการเกม นี่อับอายขายขี้หน้า สุดๆ

ไม่นะสมัย ps3 นี่ผม day 1 week1 หมดค่าเเผ่นนับๆ 7-8 หมื่นได้ ตั้งเเต่มันมี plus มันก็ถือว่า เป็นโอกาสใช่หรือเปล่า มันอยู่ที่ใครจะวางเเผนยังไง ถ้ารอไม่ได้ก็ day1 อย่างผม เคย day1 week1 เเต่สุดท้ายดองไม่ได้เล่น หมดเจนเหลือเกมส์ไม่ได้เล่น 20-30 เเผ่น ก็เเล้วเเต่คนคิด

จริงๆผมก็ ว่าคนอื่นไม่ได้หรอก ตอนสมัย เจน ps3 นี่ เกมไหนลง xbox ผมเล่นเถื่อนหมดเลย เล่นเเท้เเค่ ex ps 3 เท่านั้น

ปลายเจนผมไปเล่น pc เเล้วซื้อพวกบันเดิ้ลราคาถูกปัจจุบันกลายเป็นสายเเท้เต็มตัวเลย

การรอ ps plus ไม่ผิดหรอกครับ ใครรอได้ ไม่รีบเล่น จนเขามาปล่อยลง ps plus ค่อยเล่นก็ถือเป็นโชคดีของเรา

เเต่ สมาร์ทโฟน นี่ เห็นทากะ พิมพ์เเต่ apk มันไม่น่าสนับสนุนเเท้เลยเลยครับ

ที่ผมเคยเห็น ส่วนมากจะด่า apple หรือไม่ก็บอกว่า ถ้าคนฟ้องเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ epic ก็อยากจะเห็นด้วยหรอก (ช่วงนั้น epic มีดราม่าเรื่องเอาเกมที่ประกาศว่าจะลงสตีม บางรายรับพรีออร์เดอร์ไปแล้วด้วย ไปลง ex epic)
นอกจากนี้ คนที่เชียร์ apple ก็ออกแนวๆ ว่า “ตอนไปลง platform เขาก็ยินยอมกับเงื่อนไขเขาไปแล้วนี่” หรือไม่ก็ยกเรื่องตลาด ค่าเช่าแผงมา (ซึ่งจริงๆมันไม่เหมือนกันซะทีเดียว)

แสดงว่าไม่เคยอ่านเงื่อนไข แต่ละหมวดมีรายละเอียดยิบย่อยต่างกัน และเกมเป็นหมวดที่โดนข้อบังคับเยอะที่สุด น่าจะเพราะรายได้เยอะสุด อย่างห้ามมีการจ่ายภายนอกapp(appหมวดขายของอนุญาติให้ทำได้) ถ้ามีappที่platformอื่น ราคาต้องเท่ากัน เป็นต้น

อันนี้คือหมายความว่ายังไงครับ แอบงง ก็เคสนี้ Epic ฟ้องก็ Fortnite ก็เกมนี่ครับ
อีกประเด็นคืออันหลัง อันนี้มันรวมถึง microtransaction ด้วยรึเปล่า หรือแค่ตัว application ที่อยู่บน store, คือมันจะมีอันนี้ในสัญญาผมมองว่าไม่แปลกอ่ะ มันเหมือนป้องกันการถูกกลั่นแกล้งทางการค้าอ่ะ ไม่ได้เหมือนเป็นข้อบังคับรึเปล่า อันนี้ไม่รู้รายละเอียดเชิงลึกนะ, หรือถ้ามองกรณีซิกแซกหากโดนบังคับจริงคือ ตั้งราคา base เท่ากันนั่นแหละ แต่ discount แทนได้รึเปล่า อะไรงี้
แต่ถ้าพูดถึงอันคล้ายๆกันก็คือเอกสารจาก Sony ที่หลุดออกมาจากเคสนี้นี่แหละ เขียนข้อบังคับไว้คล้ายๆกัน ประมาณว่า "Application(Game) ต้องมีxxxเหมือนกับแพลตฟอร์มอื่นๆ" กลายเป็นคนเอามาตีความว่า Sony บังคับให้เกม multiplatform ต้องมี xxx เหมือนกับบน PS รวมถึงกราฟฟิคส์ด้วย เกือบดราม่าใหญ่ไปแว้บนึง สรุปคนรู้ก็ออกมาบอกว่าไม่มีอะไร เป็นมาตรฐานขั้นตอนการทำสัญญา...บลาๆๆ อะไรสักอย่างผมจำไม่ได้ละ

ก่อนมีปัญหามันกวนตีนจะตาย เล่นมีข่องข้างปุ่มจ่ายเงินว่า ถ้าจ่ายข่องทางอื่นถูกกว่านะ พร้อมลิงค์เรียบร้อย

มันไม่ได้กวนตีนครับ มันตั้งใจแหกเพื่อทำให้เกิดการฟ้องร้องขึ้น มันเตรียมพร้อมไว้แล้วแหละครับแบบนี้ บริษัทใหญ่โตขนาดนี้ไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกมั้งครับ มันเลยเกิดเป็นเคสนี้กันนี่แหละ

มีเรียกเก็บจากคนทำแอปอยู่แล้วครับ คิดเป็นรายปี บุคคลธรรมดาปีละ 99 ดอลลาร์ บริษัทปีละ 299 ดอลลาร์ จ่ายแล้วก็เข้าถึงข้อมูลเอกสารการพัฒนาแอปและหลายๆ อย่างได้หมด รวมถึงการเอาแอปขึ้นให้ตรวจสอบก่อนอัพเดทด้วย

ที่ EPIC โฆษณาไว้ก็พ่อพระนะครับ เพียงแต่ลึก ๆ ตั้งใจยังไงไม่มีใครรู้อยู่แล้ว