อยากสอบถามและแลกเปลี่ยนความคิด

ในนี้มีใครที่ทำงานมาอย่างยาวนาน แล้วไปถึงจุดหนึ่ง รู้สึกว่าหมดไฟในการทำงาน รู้สึกว่างานที่ทำน่าเบื่อ

เราเริ่มรู้สึกว่า งานที่ทำ มันไม่ใช่อีกต่อไป

จึงมีการย้ายงาน

หลังการย้ายงาน แรก ๆ เรารู้สึกตื่นเต้น รู้สึกว่าได้ออกจากสภาวะหยุดนิ่งที่เจอมานานนับปี และมีไฟในการทำงานอีกครั้ง

แต่แล้วหลังผ่านมาได้เพียงไม่ถึงครึ่งปี เรากลับรู้สึกหมดไฟอีกครั้ง.... ทั้งที่เพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้แย่ และไม่ได้เจอปัญหาใด ๆ ในที่ทำงานใหม่เลยแม้แต่น้อย

แต่งานที่ทำ เราดันมีความคิดแวบเข้ามาในหัวลึก ๆ ว่า แนวทางของงานใหม่ มันไม่ใช่ตัวตนของเราเช่นกัน

จนเกิดความรู้สึกอยากย้ายงานอีกรอบ...

ซึ่ง.... มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก เพราะมันจะดูเหมือนว่าเราไม่ได้สู้งาน เรื่องมาก...

แต่ความรู้สึกว่างานมันไม่ใช่มันยังคอยกัดกินจิตใจเราเสมอ จนทำให้สับสน ควรเดินหน้า หรือถอยหลัง ? และมีผลกระทบต่อในการทำงาน -*-

เลยอยากสอบถามคนในนี้ว่า ใครเคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้กันบ้าง และผ่านความรู้สึกและความคิดเช่นนี้มาด้วยวิธีไหนกันบ้างครับ ?

พออายุใกล้ 40 จะเจอกันหลายคนครับ

ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงรับธุรกิจพ่อแม่มาทำ รายได้ลด เหลือ 30-40% ของเมื่อก่อนด้วยซ้ำ แต่ ในหัวผมไม่คิดจะทำอย่างอื่นแล้วเพราะ ทำเรื่องใหม่ไรก็เสี่ยง, ทำของเดิมให้มันดี ก็พอกิน,เลี้ยงชีพคนรอบข้างได้หมด ผมเลยทรงๆตัวได้

แต่ถ้าจะแบบหาความตื่นเต้น pleasure ความฝันไรแบบนี้ ไม่มีในงานที่ทำนะ มันจะอารมณ์นิ่งๆมากกว่า ไม่เบื่อด้วย ไซด์จ๊อบ ตอน 30 เคยไปซื้อเครื่องตัดกุญแจมา ตอนนี้มีงานทุกวัน มันเป็นงานที่จะเจอคนเป็นทุกข์ จะกุญแจหาย มอไซด์ สตาร์ทไม่ได้ มาหาเรา แล้วเราแก้ปัญหาให้เขาได้ ผมก็ถือว่ามันเป็นงานที่ดี,รับใช้สังคม

ถ้าคนมีเมีย มีลูกอาจจะคิดอีกแบบนะ ตรงที่ต้องมีการวางแผนเก็บเงินให้พอลูกเรียนจบ อาจจะต้องส่งไปเรียนเมืองนอก แบบนี้เพื่อนๆผมจะคุยกันด้านนี้ว่าที่มันลำบากกายหาเงินจะเป็นคงามรับผิดชอบมากกว่า

สายงานคุณ บอกได้ไหมว่าสามารถ อัฟเลเวลเป็น ซีเนียร์ ที่ปรึกษา หรือต้องไปทำบริหารเลยถึงจะได้เงินเพิ่ม บางคนที่ผมเจอต้องลำบากไปสอบภาษาญี่ปุ่นเพราะ เป็นโรงงานที่ดีลกับ บ.อาหารญี่ปุ่นก็มีครับ ที่ทำงานเขาสัญญาไหมว่าถ้าเรียน XX แล้วจะได้เงินเพิ่มแบบนี้ก็วางแผนดูครับ

มีเพื่อนประมาณ 2% มันจบที่ ร้านคาเฟ่ ,ร้านอาหารนะ มันก็ฮาดี ว่าตั้งใจเรียนมากมายทำไม ตอนนั้นเรียนเฉพาะด้านไปเลยดีกว่าไหมด้วยซ้ำ

มีคนบอกว่า 30,40ยังอวดกันเรื่อง งาน,เรื่องเงินอยู่ พอ 50ก็แข่งกันว่าสุขภาพใครดีกว่ามีโรคประจำตัวหรือยัง 60 แค่เดินตัวตรงก็ถือว่าชนะแล้วครับ ด้านสุขภาพกายสุขภาพจิตนี่ ต้องรักษาให้มันดี ยิ่งเท้า,ขาด้วยนี้ต้องรักษา ทาโลชั่นทุกวันเลย เคยส้นเท้าแตกแล้วทรมานชิบ

ส่วนตัวบอกได้แค่ว่า หา Project สร้าง Passion ใหม่
ให้ตัวเอง ควบคู่ไปกับการรับผิดชอบงานปัจจุบัน(มั้ง)

ของผม มันมีส่วนที่ชีวิตมันถูกบังคับให้อยู่ในตำแหน่ง
ที่ถ้าไม่ใช่ตรู แล้วจะให้ใครทำจะให้ใครแทน มันไม่มี
หรือ ต่อให้หาคนแทนได้ ปัญหาอื่นๆก็บานปลายตาม

ในเมื่อสถานะปัจจุบันทำให้ภาพรวมดี ยอมสละดีกว่า
& จับปลาสองมือไปซะเลย ส่วนตัวถือคติจารย์อันไซ

เพราะฉะนั้นถ้าตรูยังไม่ยอมแพ้ เกมชีวิตตรูก็ยังไม่จบ

อันนี้ส่วนนึงก็ติดแนวคิดของคนญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญ
กับ Process มากกว่า Result เพราะไม่ว่าจะสำเร็จได้
มากน้อยแค่ไหนระหว่าง Process ตัวเราจะได้ เรียนรู้
พัฒนาทักษะความสามารถ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้
ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ในระหว่างการทำ Side Project เองอ่ะ

ทั้งนี้ทั้งนั้น Workload ของงานแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
อันนี้ สหาย V ต้องพิจารณาสถานการณ์ตัวเองดูอ่ะนะ
ว่า Workload ที่รับ มันเป็นไปได้ไหมที่จะทำควบคู่กัน

ตอบตัวเองก่อนว่าทำงานเพราะอะไร

ถ้าแค่หาเงิน จะมองไปตรง work/life balance
แต่ถ้าปัญหาไม่ใช่ ไปหาคำตอบให้เจอว่าเพราะอะไร

ถ้าเจอมันจะจบเอง
เพราะเราบอกไม่ใช่เพราะงานหนัก อาจเป็นอย่างอื่น

ถ้ามันไม่เกี่ยวกับงาน อาจเป็นเรื่องการใช้ชีวิต ว่าเราอยากทำอะไรตอนว่างเปล่า แบบอยากเจอเพื่อน เล่นบอร์ดเกมส์ ทริปเที่ยวเปล่า

การวาง reward หลังทำงาน อาจทำให้ชีวิตเบื่อน้อยลง
แต่ก็ต้องไปหาว่าเบื่อเพราะไร
งานจริงๆเปล่า หรือเราแค่อ้างงานเฉยๆ

ขอเสริมท่าน Quartraz อีกนิดว่า...

สหาย V ลองกลับไปวิเคราะห์ตัวเอง
ต่อหน่อยว่า ไฟ(≈Passion)ของเรา
มีแหล่งกำเนิดมาจากไหน?...อาจได้
ค้นพบคำตอบอะไรดีๆขึ้นมาก็ได้นะ

การวิเคราะห์ตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมาก
สำหรับทุกๆปัจเจกนะ เพราะไม่มีใครจะ
รู้จักตัวเราดีที่สุดได้เท่าตัวเราเองหรอก

ถ้าผมมีเวลาว่าง ผมจะไปดูหมูเด้ง ครับ แผนระยะสั้นเอาแบบนั่งดูตั้งแต่เช้ายันบ่ายเลย แล้วขากลับก็เลาะหาด พัทยา

ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ

เดียวจะลองคิดสำรวจตัวเองใหม่อีกทีดู

แค่ไม่มีปัญหากับคนในที่ทำงานก็เป็นบุญแล้วครับ ผมนี่แข็งแกร่งละ Toxic มา Toxic กลับ ไม่โกง

ลองสร้างหนี้ก้อนใหญ่ดูครับ บ้าน รถ แล้วจะได้มีกำลังใจทำงานต่อ
อันนี้ไม่ได้ประชดนะ เรื่องจริง

ลองทำ check list ดูก่อนไหมครับ

แบบถ้ายังอยู่ต่อ แบบผลตอบแทน สวัสดิการ ความเบื่อ/ความเครียสของงาน ความก้าวหน้า พวกนี้ดีไหม

ถ้าไม่คุ้มก็ย้าย เรื่องสู้งานอย่าไปซีเรียสมาก ยังไงเราก็ไม่ได้ทำงานฟรีนะ