สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิวหนังปี 2013 อีกเรื่องที่หลายๆคนอาจจะพลาดนะครับ

The Way Way Back (2013) เป็นหนังแนว comedy/drama จากสองคู่หูผู้กำกับ Nat Faxon และ Jim Rash ทั้งสองคนเคยได้ Oscar ในรางวัล best adapted screenplay จากเรื่อง The Descendants สำหรับเรื่องนี้ก็กลับมาทำงานด้วยกันอีกเช่นเคยทั้งกำกับและเขียนบท

โดยหนังเล่าเรื่องผ่านมุมมองของ ''ดันแคน'' เด็กผู้ชายวัย 14 ปี ผู้ซึ่งมีปัญหากับการปรับตัวเข้าหาคนรอบข้างทั้งกับคนภายในครอบครัว และคนแปลกหน้า และโดยเฉพาะกับแฟนใหม่ของแม่ ในวันหยุดฤดูร้อน ดันแคนและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวที่บ้านริมชายหาด ซึ่งเป็นที่ที่ดันแคนได้พบกับเพื่อนใหม่ที่สวนนํ้า The Water Wizz อันเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่สุดครั้งแรกในชีวิต

ดูเผินๆจากพล็อทหนังที่ซํ้าซาก ตัวเอกครอบครัวมีปัญหา ไปเที่ยวพักร้อนแล้วชีวิตก็เปลี่ยนไปตลอดกาล อาจทำให้หลายๆคนข้ามเรื่องนี้ไป แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ส่วนตัวผมดูแล้วเป็นหนังที่แตกต่างออกมาตรงที่หนังเล่าเรื่องได้อบอุ่นมากๆ บวกกับ location ที่ถ่ายทำ กับการแต่งตัวของนักแสดงที่ดูคลาสสิค เหมือนทำให้เราย้อนกลับไปในยุค 80-90 เป็นหนังที่พล็อทดูเรียบง่ายจนยากที่จะอธิบายว่าหนังเรื่องนี้มันดียังไง ซึ่งพอได้ดูก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีอีกเรื่องนึง

หนังดำเนินเรื่องด้วย ดันแคน(Liam James) เด็กที่ขี้อาย ไม่ค่อยมีเพื่อน ที่พยายามจะหาที่ที่เขาสามารถอยู่ได้และมีความสุข ที่ที่มีคนเข้าใจในตัวเขา หนังค่อยๆเล่าเรื่องไปอย่างช้าๆ ทำให้ได้เห็นถึงการพัฒนาของตัวละครในทุกช่วงเวลา ทำให้ดูแล้วเข้าถึงตัวละคร และเห็นถึงปัญหาที่ตัวละครตัวนี้กำลังเจอ ซึ่ง Liam James ก็แสดงออกมาได้ดีมากๆ ในบทนี้

Sam Rockwell รับบทเป็น Owen ผู้จัดการสวนนํ้าเป็นตัวละครที่อบอุ่น และ สร้างสีสันให้กับเรื่องนี้อย่างมาก กับบทพูดที่มีความเป็น comedy ในทุกไลน์ เป็นตัวละครที่เหมือนกับเป็นทั้งเพื่อน และ อาจารย์ ของตัวเอก ซึ่ง Sam ก็แสดงออกมาได้อย่างไร้ที่ติ

Steve Carell รับบทเป็น Trent และ Toni Collette ที่รับบทเป็น Pam แม่ของดันแคน ก็เป็นอีกสองตัวละครที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความดราม่าที่สมจริง และน่าเชื่อ

AnnaSophia Robb รับบทเป็น Susanna เป็นเพื่อนใหม่ของดันแคนอีกคนที่สร้างสีสันให้เรื่องนี้อย่างมาก ซึ่งเป็นตัวละครหลักอีกตัวที่ช่วยบิ้วท์ให้ตัวละครเอกเริ่มพัฒนา character ตั้งแต่ต้นจนจบ และยังมีนักแสดงอีกหลายๆคนที่ผมไม่ได้พูดถึงซึ่งทุกตัวละครก็มีความสำคัญในการดำเนินเรื่องทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ใช้ตัวละครเยอะ แต่ไม่เปลือง

Soundtrack ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็มีเพลงเพราะๆหลายเพลงเล่น คลอ ในหนังตลอดเรื่อง เป็นการใช้เพลงที่เวิร์คมากๆ เพราะบิ้วท์อารมณ์ได้สุดจริงๆ

The Way Way Back เป็นหนังที่ดูแล้วยิ้มได้ตลอดเรื่อง ได้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่นานกับคนที่แม้ว่าเราเพิ่งได้พบเจอ มู๊ดกับโทนของหนังที่ดูแล้วมีความคลาสสิคบวกกับ soundtrack เพราะๆที่เข้ามาบิ้วท์อารมณ์ตลอดเรื่อง ดูแล้วก็ทำให้คิดว่าจะมีที่ไหนซักที่ในโลกกับใครซักคนที่จะทำให้เรามีความสุขได้เท่ากับผู้คนที่ ดันแคน ได้พบเจอในหนังเรื่องนี้บ้างมั้ย

Grade: A