Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
การดูหนัง การรีวิวหนัง บลาๆๆ มาแลกเปลี่ยนกันครับ

Reply
Vote
# Fri 3 May 2013 : 10:45PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
เอาเข้าจริงๆก็ไม่รู้จะเขียนอะไร

วันนี้ก็ขออนุญาติเอาพระม้าวห้าว เอ๊ย! มะพร้าวห้าว มาขายสวนอีกรอบนะครับ ตกหล่นผิดพลาดยังไงก็ช่วยชี้แนะกันได้ครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เรื่องมุมมองของตัวละครที่พูดไปข้างบน ถ้าผู้ชมรู้ว่าเรื่องราวในหนังนั้นมันเป็นมุมมองของใคร ตรงนี้ก็จะทำให้มีความเข้าใจในความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร และเรื่องราวในหนังมากขึ้นครับ

มันก็คล้ายๆเรื่องเล่าแบบใครผิดใครถูก อย่าง "ผัวทำงานจนไม่มีเวลาและมักจะทะเลาะลงไม้ลงมือกับเมีย เมียเลยมีชู้เป็นเด็กหนุ่มคนรับใช้ สุดท้ายเรื่องเตลิดไปจนทำให้ทั้งสามคน(ผัว,เมีย,เด็กหนุ่ม)ตายกันหมด แล้วก็มีคำถามมาถามว่า เรื่องนี้ใครเป็นคนผิด" คือมันขึ้นอยู่กับว่าเรามองจากมุมของใคร


การดูหนัง รวมถึงการวิจารณ์ มันก็คือการจับใจความ โดยเฉพาะtheme(แก่นของเรื่อง) ก็เหมือนกับการอ่านแล้วจับใจความนั่นแหละครับ ผมขอยกตัวอย่างหนังสั้นเรื่อง "สี่แยก"ของกลุ่มระเบียงฟิลม์ (เรื่องสั้นจะจับใจความง่ายกว่าเพราะเวลาในการนำเสนอนั้นมีไม่มาก เลยมักจะมีแค่แก่นของเรื่องไม่มีธีมรอง ) อันนี้เราก็อาจจะต้องมองว่าตัวละครแต่ละตัวนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนอะไร เรื่องนี้เป็นมุมมองของตัวละครตัวไหน



ป้าซาเล้ง - ตัวแทนของชั้นชั้นรากหญ้า,เป็นเรื่องของคนจน,เรื่องของชนชั้นทางสังคมที่คนจนถูกเอารัดเอาเปรียบ

พ่อ(คนขับรถเก๋ง) - ตัวแทนของการบิดเบือนข้อมูล,โกหก,คนที่คอรัปชั่น,นักโทษใจตุ๊ดหนีคดี

ตำรวจ - อันนี้ก็น่าจะตรงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงานผู้รักษากฏหมายเป็นผู้บังคับใช้กฏหมาย

ประกัน - อันนี้ก็น่าจะใช้แทนเรื่องศาล เรื่องของกระบวนการยุติธรรม

คือถ้ามองในมุมของป้าซาเล้ง ,ตำรวจ,ประกัน เรื่องนี้มันก็อาจจะเป็นเรื่องของสังคมสองมาตรฐาน การบังคับใช้กฏหมายที่ไม่เท่าเทียม คุกมีไว้ขังคนจน บลาๆๆ...

แต่เผอิญเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเด็ก(ตัวลูกสาว) เมื่อเรื่องนี้มันเป็นมุมมองของเด็ก(โอ๊ย!อันตรายละ ถ้าเด็กคิดแบบนี้กันทุกคน) ลูกสาว = ปชช.ที่ไม่มีจิตสำนึกต่อเรื่องการคอรัปชั่น ดังนั้นแก่นของเรื่องนี้มันก็เลยเป็นเรื่องของการคอรัปชั่น การปลูกฝังจิตสำนึก







การวิจารณ์หนังนั้นมีหลายแบบ หนังแค่เพียงเรื่องเดียวนั้นสามารถถูกวิจารณ์ได้หลายแง่มุม ขึ้นอยู่กับว่าผู้วิจารณ์นั้นมองในแง่มุมไหน บางคนมองเรื่องบท เรื่องของForm บางคนมองเรื่องการแสดง บางคนมองเรื่องจิตวิทยา บางคนมองในแง่ของการเมือง เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหนังที่ดีสำหรับคนๆหนึ่ง อาจจะเป็นหนังที่ห่วยสำหรับอีกคน


การวิจารณ์ภาพยนตร์นั้นมีอยู่ 3 แบบ

1 การวิจารณ์ภาพยนตร์แนวรูปแบบนิยม (formalist criticism) การวิจารณ์รูปแบบนี้ก็จะมองในเรื่องของรูปแบบการนำเสนอ ทั้งการใช้เทคนิคการเล่าเรื่อง มุมกล้อง สไตล์ของหนัง เสื้อผ้าหน้าผม ฉาก วิจารณ์เรื่องความบันเทิง และที่เน้นคือเนื้อหาโดยรวมของหนัง เช่น กลวงไหม มีข้อบกพร่องตรงไหน

2 การวิจารณ์ภาพยนตร์แนวประพันธกร (auteur theory ,auteur criticism) การวิจารณ์แนวนี้คือการวิจารณ์ไปที่ตัวผู้กำกับโดยตรง คือมองหนังทั้งเรื่องเพื่อสะท้อนความคิดอ่านของผู้กำกับ เป็นการวิเคราะห์เพื่อค้นหาตัวตนของผู้กำกับ การวิจารณ์แนวนี้ก็จะมีการเปรียบเทียบกับผลงานเรื่องอื่นๆของผู้กำกับคนนั้นด้วย เช่น ทำไมหนังของผู้กำกับปื้ดนางเอกมักจะถูกแม่ผัวกดขี่ทารุณ แต่หนังทุกเรื่องของผู้กำกับอ้อมทำไมนางเอกถึงกล้าตบหน้าแม่ผัว

ทฤษฎีประพันธกรนี้มีต้นกำเนิดมาจากแนวคิดของกลุ่มนักวิจารณ์ชาวฝรั่งเศสในยุค 1940s โดยเฉพาะ อเล็กซงด์ร์ อัสตรุค ที่เปรียบเทียบการทำหนังของผู้กำกับเป็นเสมือนหนึ่งการรจนาวรรณกรรมของเหล่านักประพันธ์ด้วยหลักการ camera pen แต่ใช้การมองผ่านเลนส์กล้องแทนการพรรณนาด้วยตัวอักษร แนวคิดนี้มุ่งโจมตีขนบการทำหนังแบบ cinema of quality ของฝรั่งเศสในยุคก่อนหน้า ที่มักจะดัดแปลงงานวรรณกรรมอมตะออกมาเป็นหนัง โดยเน้นงานสร้างที่ประณีตพิถีพิถัน จนบางครั้งก็ปรุงแต่งโหมประโคมกันเสียจนไม่เห็นตัวตนความคิดอ่านของผู้กำกับ ทั้งยังเป็นการเบิกทางให้นักทำหนังกลุ่ม คลื่นลูกใหม่ หรือ nouvelle vague อย่าง ฌอง ลุค โกดาร์ด หรือ ฟรองซัวส์ ทรุฟโฟต์ ในเวลาต่อมา ซึ่งประกาศน้ำเสียงความเป็นตัวเองกันอย่างเต็มที่

ข้างฝั่งอเมริกาก็มีนักวิจารณ์ดังอย่าง แอนดริว ซาลลิส ซึ่งเพิ่งจะลาจากโลกนี้ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งทฤษฎีประพันธกรในวงการหนังอเมริกัน ด้วยการเป็นคนแรก ๆ ที่ยกย่องผู้กำกับที่มีลักษณะการทำงานเป็นแบบฉบับเฉพาะตัว สร้างความโดดเด่นขึ้นมาจากวงจรการ ผลิตซ้ำ แบบอุตสาหกรรมของระบบสตูดิโอฮอลลีวูด แนวคิดแบบประพันธกรนับว่ามีอิทธิพลที่ส่งทอดมาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะวงการหนังนานาชาติทั้งหลาย ที่ดูจะใช้ชื่อเสียงและบารมีของผู้กำกับแต่ละรายมาเป็นจุดขายกันเลยทีเดียว
ข้อมูลจาก [Link]



3 การวิจารณ์ภาพยนตร์แนวอิงบริบท (marxist criticism , contextual criticism) คือการวิจารณ์แบบอิงบริบททางสังคม,การเมือง เพราะหนังมันสามารถสะท้อนภาพของยุคสมัยและสังคมได้


อันนี้คือให้พอรู้ว่ามันมีการแบ่งเป็นนี้นะครับ เพราะให้ลงลึกแบบละเอียดจริงๆผมก็ทำไม่ได้ครับ


ส่วนเรื่องการวิจารณ์นั้นสามารถทำได้ทุกคนครับ ทุกคนสามารถดูหนังแล้วรู้เรื่องได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเรียนภาพยนตร์ เหมือนกับคนฟังเพลงไม่จำเป็นต้องเล่นดนตรีอ่านเขียนโน้ตได้

แต่การวิจารณ์หนังนั้นจะใช้อารมณ์ความรู้สึกเข้ามาตัดสินไม่ได้ครับ เช่น ฉากในหนังBATMAN พระเอกยืนอยู่บนยอดตึกลมพัดผ้าคลุมโบกสะบัด ถ้าคุณบอกว่าฉากนี้มันสื่อถึงการพัฒนาตัวเองของบรูซ เวนย์แต่บอกไม่ได้ว่าฉากนี้มันบอกถึงเรื่องนั้นได้อย่างไร อย่างนี้คือใช้ความรู้สึกครับ เพราะว่าคุณรู้สึกแต่อธิบายไม่ได้ ใช้ความชอบส่วนตัวก็ไม่ได้เช่นเป็นแฟนพันธ์แท้ Transformers,BATMAN,Ironman ดังนั้นจึงให้คะแนน 10/10 ทุกภาค (แบบนี้มักจะมาพร้อมกับอารมณ์แฟนบอย คือรับไม่ได้ถ้าใครวิจารณ์ไม่ถูกใจ)


และอย่างที่บอกว่ามันแล้วแต่ว่ามองมุมไหน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของหนังด้วย ว่าผู้สร้างทำหนังเรื่องนั้นๆขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์อะไร

ทีนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่าหน้าที่ของหนัง มี 4 อย่าง

1 เล่าเรื่อง (Narrative Function) อันนี้ก็หนังทั่วไป รวมถึงหนังสารคดีบอกเล่าชีวิตสัตว์โลก หนังข่าว

2 สร้างอารมณ์ (Emotional Function) ดูหนังเกาหลีแล้วร้องไห้,ดูหนังแอ็คชั่นแล้วรู้สึกมันส์ อันนี้ก็รวมถึงพวกหนังอาร์ต หนังที่อาจจะไม่มีบทพูด เน้นงานภาพ แสง สี เสียง เพลงประกอบมาเร้าความรู้สึก อย่างหนังของ Jan Svankmajer

3 สื่อความคิด (Intellectual Function) เช่น BATMAN ดาร์กไนท์ตอนจบบอกให้รู้ว่าฮีโร่เป็นยังไง บรูซ เวนย์ยอมแบกรับข้อกล่าวหาเพื่อรักษาคำว่าคุณธรรมที่สูงกว่า หรืออย่างWATCHMEN ที่ตั้งคำถามให้คนดูคิดต่อว่าฮีโร่ที่แท้จริงนั้นนั้นควรจะเป็นแบบไหน หรือหนังสั้นอย่าง"สี่แยก"ที่เป็นมีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อความคิดเรื่องการโกงไปยังผู้ชม(ดังนั้นถ้าไม่มองในแง่ของการสื่อความคิด หนังเรื่องสี่แยกก็อาจจะกลายเป็นหนังที่ห่วยสำหรับบางคน)

4 สร้างความตระการตา (Spectacle Function) ก็อย่างMoulin Rouge ,AVATAR 3D รวมถึงหนังสารคดีอย่าง EARTH ของดิสนี่ย์
[Edited 1 times toranin - Last Edit 2013-05-04 23:10:00]

Reply
Vote




1 online users
Logged In :