ไขความลับ ท็อปเจริญ & บิวตี้ฟูล 2 ห้างแว่นตาดัง อภิมหาทุนธุรกิจ 3 พันล้าน

ทำไมร้าน แว่นตาท็อปเจริญ และร้านแว่นตาบิวตี้ฟูล บางสาขาชอบเปิดร้านใกล้กัน แถมยังชอบใช้โปรโมชั่น ลดราคาแว่นคล้ายๆกัน แบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคู่แข่งกันจริงหรือเปล่า เพราะได้ข่าวมาเหมือนกันว่า ทั้งสองร้านมีเจ้าของคนเดียวกัน



ยังเป็นปริศนาที่ค้างคาใจของหลายคนมายาวนานหลายปี เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ 2 ห้างขายแว่นตาชื่อดัง ท็อปเจริญ และ บิวตี้ฟูล ที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน

ว่า แท้จริงแล้ว ห้างแว่นตาทั้งสองแห่งนี้ มีเจ้าของเป็นคนเดียวกันหรือไม่

ทำไมร้าน แว่นตาท็อปเจริญ และร้านแว่นตาบิวตี้ฟูล บางสาขาชอบเปิดร้านใกล้กัน แถมยังชอบใช้โปรโมชั่น ลดราคาแว่นคล้ายๆกัน แบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคู่แข่งกันจริงหรือเปล่า เพราะได้ข่าวมาเหมือนกันว่า ทั้งสองร้านมีเจ้าของคนเดียวกัน

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกิจของร้านแว่นตาชื่อดังทั้งสองแห่ง พบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่า

ร้านแว่นตาท็อปเจริญ เป็นร้านของ บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด

ร้านแว่นตาบิวตี้ฟูล เป็นร้านของบริษัท แว่นบิวตี้ฟูล จำกัด

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด แจ้งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2537 ตั้งอยู่ที่ 1216/12-13 ถนนพระรามที่ 6 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ประกอบธุรกิจจำหน่ายแว่นตา ค้าปลีก

ขณะที่ บริษัท แว่นบิวตี้ฟูล จำกัด แจ้งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2539 ตั้งอยู่ที่ 1454-1456 ถนนพระรามที่ 6 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ประจำหน่ายแว่นตา ค้าปลีก เช่นกัน

จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งสองบริษัท ปรากฏชื่อ กรรมการผู้มีอำนาจคนเดียวกัน คือ นายนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์





ส่วนรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งสองบริษัท เป็นคนชุดเดียวกัน และอยู่ในตระกูล ตรีพรชัยศักดิ์ ทั้งหมด โดยนาย นพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด และมีทีมบริหารชุดเดียวกันคือ

นาย นพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์
นาย นพคุณ ตรีพรชัยศักดิ์
นาย นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์
นางสาว นภารัตน์ ตรีพรชัยศักดิ์
นางสาว นิตยา ตรีพรชัยศักดิ์

จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่า บริษัทฯ ทั้งสองแห่ง แจ้งทุนจดทะเบียน ที่สูงมาก

โดยบริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด แจ้งทุนจดทะเบียนไว้ที่จำนวน 2,450,000,000 บาท ส่วน บริษัท แว่นบิวตี้ฟูล จำกัด แจ้งทุนจดทะเบียน ไว้ที่ 700,000,000 บาท

รวมทุนจดทะเบียนทั้งสองบริษัท คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 3,150 ล้านบาท

ข้อมูลทั้งหมดนี่คือ คำเฉลยปริศนา ที่ค้างคาใจของใครหลายคนมายาวนานหลายปี!!

ข่าวจากสำนักข่าวอิศรา isranews.org

แบบนี้เรีกยว่าผูกขาด รึป่าว ?

คือตั้งขึ้นมา 2 เจ้า เพื่อจะได้กำหนดราคาได้ และเมื่อคู่แข่งในตลาดเห้นว่ามีเจ้าใหญ่ สองเจ้าแล้ว
ก็ไม่คิดมาแย่งส่วนแบ่งตลาด


หรือไม่ก็ แบ่งให้ลูกๆ คนละบริษัท แล้วแข่งกันเอง

แว่นตามันขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ

เหมือนว่าสองบริษัท เขาโคร่วมกันนะครับ

คล้ายๆโทนาฟ

เค้าเปิดร้านฟอกเงินรึเปล่าครับ

ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการสนับสนุนให้ใส่แว่นตาครับ

ผมสงสัยมานานแล้ว ร้านสองยี่ห้อนี

เดินผ่านทีไร เวลาไหนคนแทบไม่เข้าเลยแต่ไม่เจ๊ง

ไม่เฉพาะเปิดข้างนอก ในห้างก็เปิด เปิดไปทั่วแต่ก็ไม่เห็นมีลูกค้า

แต่ทำไมเขายังอยู่ได้ ผมแปลกใจ

โฆษณาทีวีก็บอกนิ เวลามีโปรโมชั่น ห้างแว่นท็อปเจริญและห้างแว่นบิวตี้ฟูล
แค่นี้ก็รู้ละว่าเจ้าของเดียวกัน

จิงๆนะ พนักงานเยอะมาก

ใส่ชุดขาวๆ หุ่นดีๆหน่อย นั่งกัน ยืนกัน แต่ไม่มีลูกค้าสักกะคน
เดินผ่าน สิบรอบ ก็เป็นอย่างงี้สิบรอบ วังเวงมาก แต่ทำไมสาขาเยอะเหลือเกิน

เหมือนได้ข่าววงในว่าพี่กับน้องนะ

แว่นตานี้ก็แพงเหมือนกันนะ ยิ่งเดียวนี้มีเลนส์รุ่นพิศดารเพียบบวกกับคารมคนขายเข้าไปอีก บางรายแค่แว่นคู่เดียวหมดเป็นหมื่นบาท

เหมือนเคยได้ยินมาอย่างงี้แหละครับ

เนี่ยแหละ จุดประสงค์แอบแฝงของผม

สงสัยเหมือนกันว่าขายดีขนาดนั้นเลยเรอะเห็นบางที่เปิดคนละฟากถนนร้านใหญ่ๆเดินผ่านทีไรก้ไม่ค่อยเห็นลูกค้ายังนึกอยู่ว่าอยู่ได้ไงหว่าแต่นี่เป็นธุรกิจพันล้านเลยเหรอนี่