Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review: Dead Space 3 (PS3, X360, Windows) [8.5/10]
Kanann at 2013-02-07 00:53:27 , Reads (25343), Comments (30) , Source :

จากภาคแรกยานขุดเจาะอิชิมุระ ภาคสองในสถานีอวกาศขนาดใหญ่ ปี 2013 นี้ไอแซ็ค คลาคยอดวิศวกรพระเอกของเรื่อง ต้องไปถูกทรมานทรกรรมกับพวกศพกลายสภาพ (Necromorph) ถึงดาวนรกน้ำแข็ง Tau Volantis เล่นแล้วเหนื่อยแทน คนอะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนั้น

รีวิวนี้เล่นเวอร์ชั่น Windows นะครับ

ความแหวะก็ยังคงอยู่ ความกดดันช่วงที่หัวใจจะหยุดเต้นเพราะอยู่ดี ๆ มันก็โผล่มายังอยู่ครบ แล้วก็อาการจะกำเริบหนักขึ้นด้วย เพราะศัตรูภาคนี้เหมือนจะโด๊ปยามา เคลื่อนไหวเร็วมาก ศัตรูปกติแรก ๆ ก็แทบจะเคลื่อนไหวเร็วเป็นสองเท่าจากภาคก่อนแล้ว ยิ่งพวกที่มาเยอะ ๆ แล้วตัวเล็กเล็งยากอีกนี่ก็ค่อนข้างจะโหดไม่ใช่เล่น ทำเอาศัตรูที่เป็นคนปกติซึ่งยิงปืนใส่เราได้ปาระเบิดได้ง่ายไปเลย เจอพวกคนด้วยกันยกพวกมาถล่มแล้วรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนมากกว่าเจอผีชีวะตัวเดียวไต่ช่องระบายอากาศมาโผล่ข้างตัวอีก น่าเสียดายที่พวกคนมันนาน ๆ เจอที แต่ผีนี่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวทะลุเพดาน มุดดินออกมาจ๊ะเอ๋ ๆ มันอยู่นั่นล่ะ ใครจิตใจอ่อนไหวง่ายต้องระวัง เล่นแล้วจะเหนื่อยมาก ที่เหลืออีกข้อที่เป็นจุดขายของ Dead Space คือ "ความหลอน" สงสัยคนทำจะลืมใส่ครับ ถูกตัดออกไปเลย ไม่ก็อาจจะเพราะชินแล้ว ภาค 3 มานี่ไม่เจอจุดที่รู้สึกขนลุก หรือฉากที่ต้องนำกลับไปคิดทีหลังเลยครับ สำหรับผู้ที่ชอบเสพอะไรจิตป่วย ๆ คงต้องผิดหวังกันหน่อยล่ะ

ส่วนทางด้านเกมเพลย์นั้นไม่เปลี่ยนอะไรมาก นอกจากที่บอกไปว่าศัตรูมันเร็วขึ้นสองเท่า แต่ไม่ว่าตัวใหญ่ตัวเล็กก็ยังเดาทางง่ายเห็นจุดอ่อนง่ายอยู่ จะลำบากก็ตรงตอนมาเยอะ ๆ นี่แหละ เพราะการคอนโทรลบังคับตัวละครยังออกแบบมาแบบบึ้ก ๆ ตัน ๆ อยู่หรือก็คือไม่คล่องแคล่วนั่นเอง ถึงจะกลิ้งหลบได้ก็ใช่ว่าใช้แล้วจะได้ผลที่ดี คนเล่นเลยต้องช่วยไอแซ็คด้วยการเอี้ยวตัวหลบไปด้วย ผลที่ได้คือตกเก้าอี้...


เนี่ย...มาแบบเนี้ย...
พี่เป็นวิศวกรนะน้องไม่ใช่ดาราเกาหลี ไปติ่งที่อื่นไป

ส่วนการพัฒนาตัวละครนั้นในส่วนชุดเกราะก็ยังจะคล้าย ๆ ของเดิมอยู่และเข้าใจง่าย ส่วนความแข็งแกร่ง ส่วน stasis ไว้ทำให้ศัตรูหรือสิ่งของเคลื่อนไหวช้าลง ส่วน kinesis ที่ใช้เคลื่อนย้ายสิ่งของออกมาในรูปแบบเดิม ส่วนเกราะในแบบต่าง ๆ ก็ออกมาไม่ค่อยต่างกันมาก หล่อสุดคิดว่าชุดของ Mass Effect นะ แต่การพัฒนาอาวุธนี่ไปคนละเรื่องเลย แม้กระสุนจะทำให้เรียบง่ายขึ้นโดยที่ไม่ว่าจะใช้ปืนอะไรก็จะใช้กระสุนชนิดเดียวกัน แต่การมานั่งประกอบอาวุธเองอาจจะสร้างความงงให้กับผู้เล่นบ้างในช่วงแรก ๆ นอกจากจะต้องหาอุปกรณ์มาประกอบเองสร้างเองโมเองพัฒนาเองแล้ว ยังจะต้องปรับตัวให้เข้ากับอาวุธรูปแบบต่าง ๆ อีก ว่าอันนี้ดีมั้ยนะ อันไหนดีที่สุด อันไหนใช้ได้ทุกสถานการณ์ ฯลฯ ซึ่งถ้าจะลดความยุ่งยากด้วยการสร้างตามพิมพ์เขียวหรือก็คือการใช้ของสำเร็จรูปแบบภาคเก่า ๆ ก็ไม่เหมาะอีก เพราะของพวกนั้นไม่ไม่เก่งไม่ดีเท่าประกอบเอง ยิ่งกับศัตรูอัดยาโด๊ปในภาค 3 ด้วย แต่ก็ใช่่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ พลาสม่าคัตเตอร์ลุยทั้งเกมเอาจริง ๆ ก็ยังใช้งานได้อยู่ / อาวุธแนะนำที่โปร ๆ ใช้งานกันก็ข้างบนปืนกลข้างล่างช็อตกันครับ ได้ทุกสถานการณ์ ใช้ได้ถึงโหมด Imposible เลย ยิ่งโมเทพ ๆ ช็อตกันเล็งกลางตัวนัดเดียวจอดหมด


ปืนใหญ่เท่าบ้านเลย

co-op play: ตอนได้ยินครั้งแรกว่าเนื้อเรื่องจะมีโคออปกันด้วยก็คิดว่า "มันจะเวิร์คเหรอ" สรุปคือ "เวิร์คครับ" เวิร์คจริง ๆ ถ้าเล่นคนเดียวก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ไอแซ็คไปคนเดียว เจอจัดหนักคนเดียว ทำอะไรเองตัวคนเดียว ทั้งเหงาทั้งกดดัน เพราะมีอะไรโผล่ออกมาต้องรับผิดชอบเองคนเดียวเหมือนกับภาคเก่า...คลาสสิคมาก แล้วตัวละครใหม่อย่าง John Carver ก็จะรับหน้าที่เป็นกึ่ง ๆ ตัวประกอบที่โผล่ ๆ หาย ๆ ไม่ช่วยสู้ ไม่ช่วยแก้ปริศนาพัซเซิ่ลอะไรทั้งนั้น เปล่าประโยชน์มากเลยครับคุณจอห์น...

พอผู้เล่นเลือกเล่นแบบ co-op เกมก็จะไปอีกแนวหนึ่ง เนื้อเรื่องเดิม แต่มีเพื่อนช่วยลุยช่วยแย่งกันแก้ปริศนา พวกของพวกกระสุนเกมให้เก็บแยกของใครของมันจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน ฉากเนื้อเรื่องเกือบทุกฉากก็จะเปลี่ยนไป ไอแซคไม่ได้โดนทรมานทรกรรมกับความซวยนานัปประการแล้ว มีจอห์นมาร่วมด้วยช่วยซวย การผ่านเกมที่นอกจากจะมีมิชชั่นหลักตามเนื้อเรื่อง มิชชั่นรองออกนอกเส้นทางไปเก็บของแล้ว ยังมี co-op มิชชั่นพิเศษที่เล่นคนเดียวหมดสิทธิ์ลองอีกด้วย เปลี่ยนฉากเนื้อเรื่องไปแล้ว เกมเพลย์ก็โดนกระทบไปด้วยอย่างหนัก จากเกมเอาตัวรอดจากการโดนผีชีวะกระหน่ำทุกทิศทุกทางกลายเป็นเกมคู่หูไล่ถล่มปีศาจ ไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องตกใจอะไรแล้ว ลุยมันเป็นเกมแอ็คชั่นลูกเดียว ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีและคุ้มค่ามากครับ เหมือนได้เล่นสองเกมในแผ่นเดียวเลย คนที่ขี้กลัวขี้สะดุ้งก็จะสามารถเล่นจนจบได้ด้วย เข้าใจว่ามีหลายท่านเล่นไม่จบ 1-2 เพราะว่ามันบีบคั้นมากไป


อยากแนะนำให้ลอง co-op ดูครับ สนุกนะ

เนื่องจากเกมค่อนข้างยาว (7-20 ชั่วโมง) มิชชั่นก็ไม่ใช่แค่ดำเนินตามเรื่องหลักยังมีเถลไถลได้ การเล่น co-op ความลับอะไรต่าง ๆ การเก็บของมาแต่งอาวุธมาทำนู่นทำนี่ (ทั้งเก็บเองและส่งหุ่นยนต์ค้นหาไปเก็บ) ซึ่งความยากที่ยิ่งสูงขึ้นก็จะได้ของที่ดีมากขึ้น ทำให้ Dead Space 3 มี replay value หรือสามารถเล่นได้หลายรอบโดยไม่น่าเบื่อนั่นเอง ตัวเกมก็มีโหมดโหดมันฮาต่าง ๆ อย่างโหมดคลาสสิคที่แต่งอาวุธไม่ได้ โหมดต้องรอดที่ศัตรูไม่ให้ของหลังฆ่าเสร็จ แล้วก็สุดยอดที่สุดในจักรวาลโหมดฮาร์ดคอร์ที่ตายแล้วต้องไปเริ่มเกมใหม่ตั้งแต่ต้น เป็นตัวเลือกสำหรับผู้เล่นที่มีความต้องการหลากหลายรูปแบบ

ภาพอวกาศใน Dead Space ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังจริง ๆ ทีมสร้างทีมนี้เป็นหนึ่งในทีมที่ทำอวกาศได้สวยสมจริงมาก ๆ ขนาดเศษยานยังออกมาสวย ฉากดาวหิมะอาจจะสวยงามไม่เท่าบนอวกาศแต่ก็ไม่ขาดความสมจริง ความสมจริงที่ไม่มีลูกเล่นมากหรืออาร์ตที่มันติส ๆ ก็ถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่ชอบ รายละเอียดทุกอย่างเรียกได้ว่าไม่เผาเลย ดีขึ้นทุกภาคตั้งแต่ต้นเจนถึงปลายเจนนี้เลยทีเดียว

เรื่องซาวน์กะจะใช้เฮดโฟนเล่นเพื่อที่จะได้รู้ว่าศัตรูมันมาทางไหนบ้าง แต่ลืมไปว่าเฮดโฟนที่ซื้อมาใช้มันมีไว้สำหรับฟังเพลง ผลที่ได้ก็คือจับทิศศัตรูยังพอได้อยู่ซ้ายขวาหน้าหลัง แต่เรื่องเพลงประกอบนี่ขึ้นมาแล้วแทบกรี๊ด เพราะเพลงขึ้นเป็นสัญญาณว่าศัตรูมาแหล่ว ยิ่งดังจังหวะยิ่งเร้ามันยิ่งมาเยอะมันยิ่งมาใกล้ (เรื่องจริง) พอเราฆ่าหมดเมื่อไหร่ถึงจะเงียบ (เฮ่อ...โล่ง) เป็นประสบการณ์ที่พิลึกดีครับ แสยงตอนเพลงขึ้นตอนมันเร่งจัวหวะเพลงมากกว่ากลัวไอ้พวกตัวกรุ๊กกริ๊กเนโครมอฟนั่นจะมาขย้ำไส้

ส่วนเนื้อเรื่องนี่ไม่ออกความเห็นครับ เฉย ๆ "ก็ดี" คือคนที่บ่นว่าบอสน้อย (ภาคนี้ก็น้อย...) ต้องเข้าใจว่าเกมมันอารมณ์เหมือนอ่านนิยายวิทยาศาสตร์เป็นซีรีย์เป็นช่วงตอนมากกว่าดูภาพยนตร์แอคชั่นฮีโร่แบบเจอศัตรูเก่งขึ้นเรื่อย ๆ หรือแนวขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ ค่อนข้างชัดเจนว่า Marker อะไรนี่สร้างมาแต่เนโครมอฟจากซากศพ ไม่ได้สร้างฟรีเซอร์ เซลล์ หรือจอมมารบู จะได้มาดวลกัน.........แก้ตัวให้แล้วนะ ภาคสี่อย่าทะลึ่งทำเป็นเกมตะลุยด่านเลือกบอส 8 ตัวล่ะ...

 

ข้อดีข้อเสีย
+ ภาพสวย เกมเพลย์สนุก บางฉากนี่อย่าง epic
+ co-op ก็สนุก
+ มีอะไรให้ทำ ให้ค้นหาเยอะ replay value ก็ค่อนข้างดี ทำให้อยากเล่นหลายรอบ

+- เนื้อเรื่องเฉย ๆ ตัวละครก็งั้น ๆ

- การคอนโทรลตัวละครยังช้าอืดอาดเหมือนเดิม 
- บอสน้อย แถมยังไม่น่าจดจำ ศัตรูปกติโผล่มาบางจังหวะยังน่าหวาดหวั่นกว่า
- ความหลอนหายไปไหนมิทราบ ?

 

8.5 คะแนน:



(Click to expand)


แสดงความคิดเห็น
21 more comments >>
รอเอาภาค1มาเล่นก่อนเดี่ยวไม่หลอน
ผมว่าด้วยเนื้อเรื่องด้วยแหละครับ มันเลยไม่หลอนแล้ว ถ้าเล่น2ภาคแรกมาก็จะรู้ว่าทำไมภาคนี้ไม่หลอนนะ
แต่กดดันมาก มากเกินไป มากจนอารมณ์เสียแทน
ภาคนี้ผมว่ามุมกล้องมันมึนหัวหนักกว่าภาคแรกอีกนะ ส่วนตัวชอบมุมกล้องภาคสองที่ไม่เหวี่ยงจนเวียนหัว ผมก็คิดเหมือนกับคุณ CARAGIO นะเป็นพัฒนาการที่ดีเลยล่ะของซีรี่ย์นี้
ไม่ค่อยหลอนอ่ะ แต่ตกใจมากกว่า
คะแนนรีวิว นี่ให้จากการเล่น เกมของผู้รีวิวคนเดียวหรอครับ หรือ หรือคะแนนรวมรีวิวจากหลายคน แล้ว คิดเป็น %
แล้วแต่ผู้รีวิวครับ
ภาค 4 จะเป็นเกมหลอนในตำนาน แล้วเปลี่ยนผู้กำกับ
ภาค 5 ลอกภาค4เผาขายมาดื้อๆๆ
ภาค 5 Gold:Edtion ออกมาตบหัวคนซื้อ
ภาค 6 . . . .

เอ้ย ผิดเกม
ถ้ามองเอาคะแนนจากความน่ากลัวเป็นหลักก็จะเป็นเกมที่ห่วย

ถ้ามองเอาคะแนนแอ็คชั้นชู๊ตติ้งเป็นหลักก็จะเป็นเกมที่ดี

ก็นะ คะแนนมันก็อยู่ที่ ข้อดีด้านไหนมันสำคัญสำหรับคนเขียนมากกว่าด้วย
ส่วนตัว ผมว่าภาคนี้ก็ไม่น่ากลัวแล้ว แต่ก็สนุกชู๊ตติ้งไปอีกแบบ
ก็สนุกดี ยิ่งเล่น RE6 มาแล้วตัวละครพวกนั้นเคลื่อนไหวพริ้วเหลือเกิน เทียบกับไอแซคแล้ว เห็นด้วยว่าภาคสอง แกยังคล่องแคล่วกว่านี้นะ (เป็นกับแกแก่แล้ว หรือสูทมันหนักไปเนี่่ย ที่สำคัญหล่อน้อยลงจากภาคสอง ฮือๆ) แต่ไม่ว่าจะยังไง องค์ประกอบของเกมในส่วนต่างๆ วิธีการแอคทิเวทประตูหรืออุปกรณ์ต่างๆ เราว่าสนุกดี แต่งปืนก็เพลิน น้องบอตที่ช่วยหาของก็น่ารัก เวลาได้ยินเสียงมันหาของอยู่แล้วอุ่นใจ ทั้งเกมนี้และRE6 มีดีกันคนละแบบสำหรับเรา แต่เล่นไปเครียดไป ศัตรูอึด เคลื่อนไหวเร็ว ส่วนเราอืด ฮ่าๆๆ
ภาคนี้ผมไม่ค่อยชอบเลย