จากภาคแรกยานขุดเจาะอิชิมุระ ภาคสองในสถานีอวกาศขนาดใหญ่ ปี 2013 นี้ไอแซ็ค คลาคยอดวิศวกรพระเอกของเรื่อง ต้องไปถูกทรมานทรกรรมกับพวกศพกลายสภาพ (Necromorph) ถึงดาวนรกน้ำแข็ง Tau Volantis เล่นแล้วเหนื่อยแทน คนอะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนั้น

รีวิวนี้เล่นเวอร์ชั่น Windows นะครับ
ความแหวะก็ยังคงอยู่ ความกดดันช่วงที่หัวใจจะหยุดเต้นเพราะอยู่ดี ๆ มันก็โผล่มายังอยู่ครบ แล้วก็อาการจะกำเริบหนักขึ้นด้วย เพราะศัตรูภาคนี้เหมือนจะโด๊ปยามา เคลื่อนไหวเร็วมาก ศัตรูปกติแรก ๆ ก็แทบจะเคลื่อนไหวเร็วเป็นสองเท่าจากภาคก่อนแล้ว ยิ่งพวกที่มาเยอะ ๆ แล้วตัวเล็กเล็งยากอีกนี่ก็ค่อนข้างจะโหดไม่ใช่เล่น ทำเอาศัตรูที่เป็นคนปกติซึ่งยิงปืนใส่เราได้ปาระเบิดได้ง่ายไปเลย เจอพวกคนด้วยกันยกพวกมาถล่มแล้วรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนมากกว่าเจอผีชีวะตัวเดียวไต่ช่องระบายอากาศมาโผล่ข้างตัวอีก น่าเสียดายที่พวกคนมันนาน ๆ เจอที แต่ผีนี่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวทะลุเพดาน มุดดินออกมาจ๊ะเอ๋ ๆ มันอยู่นั่นล่ะ ใครจิตใจอ่อนไหวง่ายต้องระวัง เล่นแล้วจะเหนื่อยมาก ที่เหลืออีกข้อที่เป็นจุดขายของ Dead Space คือ "ความหลอน" สงสัยคนทำจะลืมใส่ครับ ถูกตัดออกไปเลย ไม่ก็อาจจะเพราะชินแล้ว ภาค 3 มานี่ไม่เจอจุดที่รู้สึกขนลุก หรือฉากที่ต้องนำกลับไปคิดทีหลังเลยครับ สำหรับผู้ที่ชอบเสพอะไรจิตป่วย ๆ คงต้องผิดหวังกันหน่อยล่ะ
ส่วนทางด้านเกมเพลย์นั้นไม่เปลี่ยนอะไรมาก นอกจากที่บอกไปว่าศัตรูมันเร็วขึ้นสองเท่า แต่ไม่ว่าตัวใหญ่ตัวเล็กก็ยังเดาทางง่ายเห็นจุดอ่อนง่ายอยู่ จะลำบากก็ตรงตอนมาเยอะ ๆ นี่แหละ เพราะการคอนโทรลบังคับตัวละครยังออกแบบมาแบบบึ้ก ๆ ตัน ๆ อยู่หรือก็คือไม่คล่องแคล่วนั่นเอง ถึงจะกลิ้งหลบได้ก็ใช่ว่าใช้แล้วจะได้ผลที่ดี คนเล่นเลยต้องช่วยไอแซ็คด้วยการเอี้ยวตัวหลบไปด้วย ผลที่ได้คือตกเก้าอี้...

เนี่ย...มาแบบเนี้ย...
พี่เป็นวิศวกรนะน้องไม่ใช่ดาราเกาหลี ไปติ่งที่อื่นไป
ส่วนการพัฒนาตัวละครนั้นในส่วนชุดเกราะก็ยังจะคล้าย ๆ ของเดิมอยู่และเข้าใจง่าย ส่วนความแข็งแกร่ง ส่วน stasis ไว้ทำให้ศัตรูหรือสิ่งของเคลื่อนไหวช้าลง ส่วน kinesis ที่ใช้เคลื่อนย้ายสิ่งของออกมาในรูปแบบเดิม ส่วนเกราะในแบบต่าง ๆ ก็ออกมาไม่ค่อยต่างกันมาก หล่อสุดคิดว่าชุดของ Mass Effect นะ แต่การพัฒนาอาวุธนี่ไปคนละเรื่องเลย แม้กระสุนจะทำให้เรียบง่ายขึ้นโดยที่ไม่ว่าจะใช้ปืนอะไรก็จะใช้กระสุนชนิดเดียวกัน แต่การมานั่งประกอบอาวุธเองอาจจะสร้างความงงให้กับผู้เล่นบ้างในช่วงแรก ๆ นอกจากจะต้องหาอุปกรณ์มาประกอบเองสร้างเองโมเองพัฒนาเองแล้ว ยังจะต้องปรับตัวให้เข้ากับอาวุธรูปแบบต่าง ๆ อีก ว่าอันนี้ดีมั้ยนะ อันไหนดีที่สุด อันไหนใช้ได้ทุกสถานการณ์ ฯลฯ ซึ่งถ้าจะลดความยุ่งยากด้วยการสร้างตามพิมพ์เขียวหรือก็คือการใช้ของสำเร็จรูปแบบภาคเก่า ๆ ก็ไม่เหมาะอีก เพราะของพวกนั้นไม่ไม่เก่งไม่ดีเท่าประกอบเอง ยิ่งกับศัตรูอัดยาโด๊ปในภาค 3 ด้วย แต่ก็ใช่่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ พลาสม่าคัตเตอร์ลุยทั้งเกมเอาจริง ๆ ก็ยังใช้งานได้อยู่ / อาวุธแนะนำที่โปร ๆ ใช้งานกันก็ข้างบนปืนกลข้างล่างช็อตกันครับ ได้ทุกสถานการณ์ ใช้ได้ถึงโหมด Imposible เลย ยิ่งโมเทพ ๆ ช็อตกันเล็งกลางตัวนัดเดียวจอดหมด

ปืนใหญ่เท่าบ้านเลย
co-op play: ตอนได้ยินครั้งแรกว่าเนื้อเรื่องจะมีโคออปกันด้วยก็คิดว่า "มันจะเวิร์คเหรอ" สรุปคือ "เวิร์คครับ" เวิร์คจริง ๆ ถ้าเล่นคนเดียวก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ไอแซ็คไปคนเดียว เจอจัดหนักคนเดียว ทำอะไรเองตัวคนเดียว ทั้งเหงาทั้งกดดัน เพราะมีอะไรโผล่ออกมาต้องรับผิดชอบเองคนเดียวเหมือนกับภาคเก่า...คลาสสิคมาก แล้วตัวละครใหม่อย่าง John Carver ก็จะรับหน้าที่เป็นกึ่ง ๆ ตัวประกอบที่โผล่ ๆ หาย ๆ ไม่ช่วยสู้ ไม่ช่วยแก้ปริศนาพัซเซิ่ลอะไรทั้งนั้น เปล่าประโยชน์มากเลยครับคุณจอห์น...
พอผู้เล่นเลือกเล่นแบบ co-op เกมก็จะไปอีกแนวหนึ่ง เนื้อเรื่องเดิม แต่มีเพื่อนช่วยลุยช่วยแย่งกันแก้ปริศนา พวกของพวกกระสุนเกมให้เก็บแยกของใครของมันจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน ฉากเนื้อเรื่องเกือบทุกฉากก็จะเปลี่ยนไป ไอแซคไม่ได้โดนทรมานทรกรรมกับความซวยนานัปประการแล้ว มีจอห์นมาร่วมด้วยช่วยซวย การผ่านเกมที่นอกจากจะมีมิชชั่นหลักตามเนื้อเรื่อง มิชชั่นรองออกนอกเส้นทางไปเก็บของแล้ว ยังมี co-op มิชชั่นพิเศษที่เล่นคนเดียวหมดสิทธิ์ลองอีกด้วย เปลี่ยนฉากเนื้อเรื่องไปแล้ว เกมเพลย์ก็โดนกระทบไปด้วยอย่างหนัก จากเกมเอาตัวรอดจากการโดนผีชีวะกระหน่ำทุกทิศทุกทางกลายเป็นเกมคู่หูไล่ถล่มปีศาจ ไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องตกใจอะไรแล้ว ลุยมันเป็นเกมแอ็คชั่นลูกเดียว ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีและคุ้มค่ามากครับ เหมือนได้เล่นสองเกมในแผ่นเดียวเลย คนที่ขี้กลัวขี้สะดุ้งก็จะสามารถเล่นจนจบได้ด้วย เข้าใจว่ามีหลายท่านเล่นไม่จบ 1-2 เพราะว่ามันบีบคั้นมากไป

อยากแนะนำให้ลอง co-op ดูครับ สนุกนะ
เนื่องจากเกมค่อนข้างยาว (7-20 ชั่วโมง) มิชชั่นก็ไม่ใช่แค่ดำเนินตามเรื่องหลักยังมีเถลไถลได้ การเล่น co-op ความลับอะไรต่าง ๆ การเก็บของมาแต่งอาวุธมาทำนู่นทำนี่ (ทั้งเก็บเองและส่งหุ่นยนต์ค้นหาไปเก็บ) ซึ่งความยากที่ยิ่งสูงขึ้นก็จะได้ของที่ดีมากขึ้น ทำให้ Dead Space 3 มี replay value หรือสามารถเล่นได้หลายรอบโดยไม่น่าเบื่อนั่นเอง ตัวเกมก็มีโหมดโหดมันฮาต่าง ๆ อย่างโหมดคลาสสิคที่แต่งอาวุธไม่ได้ โหมดต้องรอดที่ศัตรูไม่ให้ของหลังฆ่าเสร็จ แล้วก็สุดยอดที่สุดในจักรวาลโหมดฮาร์ดคอร์ที่ตายแล้วต้องไปเริ่มเกมใหม่ตั้งแต่ต้น เป็นตัวเลือกสำหรับผู้เล่นที่มีความต้องการหลากหลายรูปแบบ

ภาพอวกาศใน Dead Space ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังจริง ๆ ทีมสร้างทีมนี้เป็นหนึ่งในทีมที่ทำอวกาศได้สวยสมจริงมาก ๆ ขนาดเศษยานยังออกมาสวย ฉากดาวหิมะอาจจะสวยงามไม่เท่าบนอวกาศแต่ก็ไม่ขาดความสมจริง ความสมจริงที่ไม่มีลูกเล่นมากหรืออาร์ตที่มันติส ๆ ก็ถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่ชอบ รายละเอียดทุกอย่างเรียกได้ว่าไม่เผาเลย ดีขึ้นทุกภาคตั้งแต่ต้นเจนถึงปลายเจนนี้เลยทีเดียว
เรื่องซาวน์กะจะใช้เฮดโฟนเล่นเพื่อที่จะได้รู้ว่าศัตรูมันมาทางไหนบ้าง แต่ลืมไปว่าเฮดโฟนที่ซื้อมาใช้มันมีไว้สำหรับฟังเพลง ผลที่ได้ก็คือจับทิศศัตรูยังพอได้อยู่ซ้ายขวาหน้าหลัง แต่เรื่องเพลงประกอบนี่ขึ้นมาแล้วแทบกรี๊ด เพราะเพลงขึ้นเป็นสัญญาณว่าศัตรูมาแหล่ว ยิ่งดังจังหวะยิ่งเร้ามันยิ่งมาเยอะมันยิ่งมาใกล้ (เรื่องจริง) พอเราฆ่าหมดเมื่อไหร่ถึงจะเงียบ (เฮ่อ...โล่ง) เป็นประสบการณ์ที่พิลึกดีครับ แสยงตอนเพลงขึ้นตอนมันเร่งจัวหวะเพลงมากกว่ากลัวไอ้พวกตัวกรุ๊กกริ๊กเนโครมอฟนั่นจะมาขย้ำไส้
ส่วนเนื้อเรื่องนี่ไม่ออกความเห็นครับ เฉย ๆ "ก็ดี" คือคนที่บ่นว่าบอสน้อย (ภาคนี้ก็น้อย...) ต้องเข้าใจว่าเกมมันอารมณ์เหมือนอ่านนิยายวิทยาศาสตร์เป็นซีรีย์เป็นช่วงตอนมากกว่าดูภาพยนตร์แอคชั่นฮีโร่แบบเจอศัตรูเก่งขึ้นเรื่อย ๆ หรือแนวขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ ค่อนข้างชัดเจนว่า Marker อะไรนี่สร้างมาแต่เนโครมอฟจากซากศพ ไม่ได้สร้างฟรีเซอร์ เซลล์ หรือจอมมารบู จะได้มาดวลกัน.........แก้ตัวให้แล้วนะ ภาคสี่อย่าทะลึ่งทำเป็นเกมตะลุยด่านเลือกบอส 8 ตัวล่ะ...

ข้อดีข้อเสีย
+ ภาพสวย เกมเพลย์สนุก บางฉากนี่อย่าง epic
+ co-op ก็สนุก
+ มีอะไรให้ทำ ให้ค้นหาเยอะ replay value ก็ค่อนข้างดี ทำให้อยากเล่นหลายรอบ
+- เนื้อเรื่องเฉย ๆ ตัวละครก็งั้น ๆ
- การคอนโทรลตัวละครยังช้าอืดอาดเหมือนเดิม
- บอสน้อย แถมยังไม่น่าจดจำ ศัตรูปกติโผล่มาบางจังหวะยังน่าหวาดหวั่นกว่า
- ความหลอนหายไปไหนมิทราบ ?
8.5 คะแนน:












แต่กดดันมาก มากเกินไป มากจนอารมณ์เสียแทน
ภาค 5 ลอกภาค4เผาขายมาดื้อๆๆ
ภาค 5 Gold:Edtion ออกมาตบหัวคนซื้อ
ภาค 6 . . . .
เอ้ย ผิดเกม
ถ้ามองเอาคะแนนแอ็คชั้นชู๊ตติ้งเป็นหลักก็จะเป็นเกมที่ดี
ก็นะ คะแนนมันก็อยู่ที่ ข้อดีด้านไหนมันสำคัญสำหรับคนเขียนมากกว่าด้วย
ส่วนตัว ผมว่าภาคนี้ก็ไม่น่ากลัวแล้ว แต่ก็สนุกชู๊ตติ้งไปอีกแบบ