Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : God of War 2018

<<
<
1
Reply
Vote
# Fri 18 May 2018 : 11:34AM

Slashmeplease
member
หลังเขา รุ่นที่ 3
Since 25/7/2010
(2347 post)
Review : God of War 2018

เกมฟอร์มยักษ์จากแฟรนไชส์ดัง God of War ที่หากจะนับจริงจังภาคนี้ก็ถือเป็นภาคที่ 4 แล้ว แต่เอาจริงภาคนี้เหมือนจะเป็น Reboot กลายๆมากกว่า มีการปรับเปลี่ยนไปหลายๆอย่างทั้งแนวทางของเนื้อเรื่อง/คาแรคเตอร์ และเกมเพลย์ แต่มันก็คุ้มที่จะเปลี่ยนเพราะกระแสรีวิวต่างๆของเกมนี้อยู่ในระดับที่ดีมากๆจนเป็น Game of the Year Contender ได้เลย ส่วนผมนั้นเพิ่งจะเล่นเกมนี้จบไปพร้อมกับฆ่าบอสลับสุดยอดไปแล้ววันนี้เลยจะมาเขียนรีวิวของผมครับว่าผมคิดอย่างไรกับเกม (ออกตัวก่อนว่า ผมเล่นเกมไปแค่ภาคแรก ภาค 2 เล่นไม่จบ เพลย์ 2 (ของเพื่อน) เจ๊งซะก่อน ส่วนภาค 3 ดูยูทูบเอาครับ 555)



เนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่องเล่าถึง Kratos อดีต God of War ที่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เหล่าเทพในตำนานกรีก และได้ตัดสินใจปลิดชีวิตตนเองในตอนจบของภาค 3 แต่ในภาคนี้เราก็ได้เห็นว่าเขารอดชีวิต และได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐาน ณ Midgard ดินแดน 1 ใน 9 อาณาจักรที่อยู่ในอิทธิพลของเหล่าเทพในตำนาน Norse ณ ที่นี้ เขาได้ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ธรรมดา ได้พบรักใหม่กับ Faye หญิงสาวที่มีความเป็นนักรบเช่นเดียวกับเขา และมีลูกชายด้วยกัน 1 คนคือ Atreus เรื่องราวใน God of War ภาคนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Faye เสียชีวิต และ Kratos จะต้องทำตามคำขอร้องก่อนตายของเธอ คือการนำเถ้ากระดูกของเธอไปโปรย ณ ยอดเขาที่สูงที่สุดใน 9 อาณาจักร แต่นี่ไม่ใช่งานง่ายๆเพราะ Atreus ก็ยังเป็นเด็กที่ยังไม่พร้อมกับการเดินทางนี้ ในขณะเดียวกันสายตาของเหล่าเทพ Norse ก็เริ่มจับจ้องมายัง Kratos สุดท้ายเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ ติดตามได้ใน God of War ครับ

สำหรับการรีวิวเนื้อเรื่องผมจะขอแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือในส่วนของการพัฒนาตัวละคร ทั้งตัว Kratos และตัว Atreus เอง Kratos ในภาคนี้เหมือนได้รับการตีความใหม่ซึ่งสำหรับผมมันเวิร์คมาก เราได้เห็น Kratos จอมบ้าเลือดมาสามภาคแล้วถ้าจะให้เหมือนเดิมอีกในภาคที่ 4 ก็จะออกเดิมๆไปหน่อย การได้เห็น Kratos เวอร์ชั่น “พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง” ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาตัวละครที่น่าสนใจมาก ถึงมันจะดูฉีกไปจากสามภาคก่อนไปนิดก็ตาม ตัว Atreus ก็ทำได้ดีครับ ไม่อยากพิมพ์มากเดี๋ยวจะสปอยล์แต่ขอบอกว่า Atreus เป็นตัวละครที่จะมีพัฒนาการไปตลอดทั้งเกม ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อของเขาด้วย ในส่วนนี้นั้นทำมาได้ดีมากครับก็น่าสนใจว่าภาคต่อๆมาจะพัฒนาไปเป็นอย่างไร (มีภาคต่อแน่ๆครับ)

ส่วนที่สอง คือในส่วนของการเดินทางผจญภัยไปยังยอดเขาที่เป็นจุดหมาย ตรงส่วนนี้คงต้องขอบอกว่า ยังไม่ค่อยประทับใจ เนื้อเรื่องตรงนี้เหมือนเขียนมาเอื้อให้เกมมันมีอะไรทำไปเรื่อยๆมากกว่า ได้อันนี้มา อุ๊ย ใช้ไม่ได้ ต้องเอาอันนี้เพิ่ม + หาทางอื่น เป็นแบบนี้สองสามรอบก็รู้สึกเอียนๆเหมือนกัน แต่ก็ยังมีดีเพราะเนื้อเรื่องมีการทิ้งปริศนาบางอย่างไว้ให้เราขบคิดตามตลอด เช่น Faye ทำไมต้องทำแบบนี้ อิตานี่เป็นใคร เป็นต้น ก็ถือว่าทำให้เรา hooked กับเนื้อเรื่องได้ดีในส่วนนี้ครับ
และส่วนสุดท้าย คือส่วนของ Lore ต่างๆของตำนานเทพ Norse ตรงนี้ก็ต้องขอชมครับว่านำเสนอมาได้ดีมากๆ การนำเสนอเทพองค์ต่างๆในเรื่องทั้งที่โผล่มาให้เห็นหรือแค่ถูกพูดถึงทำมาได้ดีมาก บางตัวก็เท่ห์มาก บางตัวก็ลึกลับน่าค้นหา อีกทั้งเกมยังสามารถเล่า Lore เยอะๆได้แบบไม่น่าเบื่อ ผ่านแท่นบูชาที่เป็นรูปสลักตำนานต่างๆหรือจากปากของ Mimir เพื่อนร่วมทางของเราที่คอยเล่าตำนานต่างๆซึ่งเกมก็สามารถหาช่องการเล่าเรื่องในช่วงที่เราเดินทาง/ปีนป่ายได้อย่างชาญฉลาดครับ แถม Norse Mythology ต่างๆก็มีคนบอกผมว่าทำได้ตรงกับตำนานจริงๆผิดเพี้ยนน้อยมากอีกด้วย



Gameplay

เกมเพลย์ของภาคนี้นั้นก็ยังคงความเป็นเกม Action Hack and Slash ตามแบบ 3 ภาคแรกเอาไว้ แต่ก็ได้มีการเพิ่มองค์ประกอบของเกมเพลย์หลายอย่างที่เพิ่งจะเริ่มมีในภาคนี้ครับ เช่น ความเป็นเกม Open World ที่ภาคนี้มีความเป็น “กึ่ง” Open World ขึ้นมา ไม่ใช่แค่นั้นครับ เกมยังได้เพิ่มระบบการพัฒนาตัวละครแบบกึ่งๆเกม RPG เข้ามาด้วย ผ่านการ “คราฟของ” ที่จะทำให้ตัวละครของเรามี Stat และท่าต่างๆที่จะพัฒนาไปเรื่อยๆเมื่อเกมดำเนินไป (ส่วนการอัพสกิลนี่ขอไม่พูดถึง เพราะสุดท้ายก็อัพเต็มหมดอยู่ดี 555) และสุดท้ายครับ เกมยังมีการใส่ระบบการผจญภัยที่คล้ายๆกับเกม Zelda ยุคเก่าเข้ามาด้วย นั่นก็คือ บางด่านหรือสมบัติบางอันจะยังเข้าไปไม่ได้ ต้องมีของบางอย่างตามที่เนื้อเรื่องหลักจะให้เราก่อนถึงจะกลับมาเอาได้ เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปใกล้จบก็จะมีของครบทุกอย่างและจะไปได้ทุกที่ + เอาสมบัติได้ทุกชิ้นแล้ว ซึ่งระบบที่เพิ่มมาก็ถือว่าเยอะมากเรียกได้ว่าพลิกเกมเพลย์จากไตรภาคแรกที่เป็น Hack and Slash เพียวๆไปมากทีเดียวครับ

ซึ่งสำหรับเกมเพลย์ของ God of War ภาคนี้ผมถือว่าเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเกมเลย คือถ้าจะถามว่าอะไรที่ทำให้เกมภาคนี้ประสพความสำเร็จขนาดนี้นั้น คงตอบได้ง่ายๆว่า “เพราะเกมเพลย์มันสนุก” ครับ ไม่ต้องไปสาธยายคุณภาพอื่นๆอะไรให้มากมายเลย เพราะฉะนั้นขอจบรีวิวแต่เพียงเท่านี้ครับ ไม่ใช่!!! คือเกมเพลย์ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด ความเป็น Open World ก็ลงตัว โลกไม่ได้กว้างเกินไปจนรู้สึก Overwhelmed เหมือนเกม Open World อื่นๆ (คือเกม Open World ที่โลกกว้างๆ มีอะไรให้ทำเยอะๆไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่บางคนไม่ชอบอย่างนี้จริงๆ เพื่อนผมคนนึงละ) ปริศนาก็ไม่ยากและไม่ง่ายเกินไป เล่นได้สนุกลงตัวพอดี เอ้อระบบ Combat อาจจะยากขึ้นมานิด (มีกลิ่นของ Souls Game เข้ามาด้วย กด R1 ตีเบา R2 ตีหนักนี่ใช่เลย) แต่การต่อสู้มันก็สนุกครับ ใครต้องการยากๆก็มีบอสลับที่โหดมากๆและระดับความยาก Give me God of War สุดโหดให้เลือก (ซึ่งบอสลับก็ไม่ได้อาศัยการ Grind อะไรมากมาย ผมของไม่สุดก็สามารถฆ่ามันได้ครับ คุณแค่ต้อง Git Gud เท่านั้น ฮ่า) แต่ในขณะเดียวกัน เสน่ห์ของ God of War ภาคเก่าๆอย่างความอลังการของฉากและเหล่าทวยเทพ + อสุรกายต่างๆก็จัดหนักจัดเต็มครับกับภาคนี้ ความ Cinematic ก็ยังไม่ทิ้ง ขอบอกว่าฉากการสู้ Final Boss นี่ว้าวมากจริงๆ ส่วนการกด QTE ก็ยังมีอยู่ครับแต่ลดลงจากภาคก่อนๆ มีแค่พอดีๆเท่านั้นครับ หากจะหาข้อเสียของเกมเพลย์ ก็คงเป็นสิ่งที่หลายคนรู้สึก ก็คือโมเดลศัตรูที่พอเล่นไปยาวๆก็เริ่มรู้สึกว่ามีซ้ำๆ มีรียูสพอสมควรครับ กับคอนเทนต์ endgame บางอันที่ผมรู้สึกว่าเน้นการ Grind นิดนึง แต่ถ้าจะเอาแค่ฆ่าบอสลับสุดยอดก็ไม่ต้อง Grind อะไรมากมาย แต่ถ้าจะเอา Plat ก็ต้องทำครับ



การนำเสนอ กราฟิกและเพลงประกอบ

ในส่วนของกราฟิกนั้นได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการสร้าง ทำให้ได้งานภาพที่ละเอียดสุดๆ บางคนถึงกับยกให้เป็นเกมที่กราฟิกสวยที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาเลยทีเดียว ซึ่งสำหรับผม เกมนี้ก็มีกราฟิกที่สวยมากๆครับ ความละเอียด การแสดงสีหน้านั้นอยู่ในระดับ Top Notch ทำได้สุดยอดมากจริงๆ แต่พอมามองการกำกับศิลป์โดยรวม...คือมันก็ดีมากนะครับ มีฉากอลังการต่างๆมากมาย แต่รู้สึกมันยังสวยไม่สุดยังไงไม่รู้ อาจเป็นที่สภาพภูมิประเทศที่ไม่ค่อยหลากหลายด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับผมเกมนี้เป็นเกมที่กราฟิกสวยมาก แต่ยังไม่ถึงกับสวยที่สุดครับ

แต่มีอย่างหนึ่งที่ชอบมากๆ คือเรื่องมุมกล้องของเกม ที่จะติดตามเครโทสไปตลอดทั้งเกม และจะไม่ละไปจากเครโทสเลยตลอดการเล่น (ยกเว้นตอนเราเข้าเมนู และตอนเราตาย...) เหมือนเป็นหนังลองเทคดีๆเรื่องหนึ่งเลยครับ มุมกล้องแบบนี้เพิ่มความ Immersive ให้กับเกมได้อีกโขเลย และยังไม่เคยเห็นเกมไหนที่ทำแบบนี้ครับ

ส่วนดนตรีประกอบนั้น ก็ทำได้ดีนะครับ สามารถขับอารมณ์ต่างๆของเกมได้ดี ได้ฟีล God of War ดีด้วย แต่สำหรับผมเรื่องความเพราะติดหูยังไปไม่ค่อยสุด ไม่ใช่เกมที่จะมานั่งเปิด OST แยกฟังเดี่ยวเท่าไหร่ เน้นฟังในเกมแล้วก็จบกันครับ



สรุป : ข้อเด่นมากๆของเกมคือ เกมเพลย์ที่สนุกลงตัวมากๆ คุณภาพด้านอื่นของเกมก็ดีมากๆมีข้อติแค่อย่างละนิดอย่างละหน่อยเท่านั้น ผมคิดว่าหากคุณเป็นเจ้าของเครื่อง PS4 คุณไม่ควรพลาดเกมนี้จริงๆครับ

คะแนน : 9/10 (S)


# Fri 18 May 2018 : 11:36AM

เติ้ลครับ
member

Since 23/10/2009
(2464 post)
มาละ
จริงผมอยากให้สปอยเลยใช้ช่องสปอยไว้พอ
เพือมีคนไม่มีเวลาเล่นมาอ่าน
[Edited 1 times เติ้ลครับ - Last Edit 2018-05-18 11:40:35]

<<
<
1
Reply
Vote




1 online users
Logged In :