Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
The Witcher 4 - Tech Demo Cinematic
Alopoe at 2025-06-03 21:07:30 , Reads (4121), Comments (25) , Source :






Edit: มี Gameplay เพิ่มมาด้วย


แสดงความคิดเห็น
10 more comments >>
ค่ายนี้แม่งชอบโชว์ Tech demo มาต้มคน ขอเรียกว่าต้มได้เลยเพราะ CP2077 ทำไว้แสบมากตอน Day one อีกอย่างผมไม่เชื่อว่า ps5 จะรันภาพงี้ 60 fps ได้ทั้งเกม ภาพเต็มที่น่าจะประมาณ Witcher 3 รีมาสที่ดีขึ้นบน ps5
Assassin Creed : Wild Hunt
ภาพอย่างที่โชว์น่าจะทำได้แหละ แต่บน PS6 Pro น่าจะอีก 5 ปี ข้างหน้า

แต่ยอมรับว่าภาพ บรรยากาศภายในเกมส์มันสวยอย่างกะของจริง

น้องสิริ เท่ห์ฝุด ขอเกมส์เพลย์โหดๆ ดิบๆ หน่อยนะ
Like : Wdgy Ox
ผมว่าสเกล Tech demo + เปิดบน PS5 ธรรมดาแล้วมี RT และ 60fps มันพอเป็นไปได้อยู่แหละ
เพราะเท่าที่ดูละเอียดของภาพมันไม่ถึง 1440p ด้วยซ้ำ เผลอ ๆ รันที่ 900p - 1080p แล้วอัปสเกลด้วย TAA หรือ FSR เอา

ต้นไม้เบลอ ขนต่าง ๆ เบลอ Texture สิ่งก่อสร้างก็ไม่ใช่แบบความละเอียดสูง ดูแบน ๆ กว่า Cyberpunk 2077 อีก
ส่วนที่ทำให้มันสวยคือการจัดแสงเงา กับแอนิเมชั่นของตัวละครล้วน ๆ เลย

แต่รวม ๆ ก็ถือว่าเป็น Tech demo ของ Unreal 5 ที่ดูมาไกล และลื่นขึ้นกว่าตอน The Martrix อันนั้น 1440p 30fps
เเจ๋วมาก อยากเห็นคอมเเบทเกมเพลย์เเล้ว
เขาไม่ได้ทำ Tech demo มาต้มคนนะ CPDR x EPIC เคยประกาศว่าจะร่วมมือกันพัฒนาเอนจิ้นด้วยกันเพื่อสำหรับเกม open world
ซึ่งงานนี้ของ Unreal Engine ก็เอา Technology ต่างๆที่พัฒนาร่วมกันกับ CDPR ออกมาโชว์ผ่านโลกของ The Witcher 4
ตอนเริ่มงานก็บอกชัดเจนเลยว่า Technological presentation แล้วก็ฟีเจอร์ต่างๆที่โชว์ๆมาทั้งหมดนี่ก็ร่วมมือกันพัฒนามาจนมาเป็น UE เวอร์ชั่น 5.6 ที่เห็นกันในคลิปซึ่งฟีเจอร์พวกนี้ก็เปิดให้ใช้งานฟรีกันทุกคนที่ใช้เอนจิ้น


แต่ก็ไม่แปลกใจเลยนะว่าจะมีคนไฮป์กันไปเองว่าเป็นเกมเพลย์จริงๆนี่ น่าจะดูผ่านๆแล้วคิดกันไปเองมากกว่า
ขนาด จอฟ เจ้าของงาน Summer game fest, The Game Awards แม่งยัง cluless. In game โพ่ง

Like : KaoKong
View all 1 comments >
เชื่อเหลือเกินว่า consumer ทั่วไป ไม่เก็ต แล้วงับ เหมือนเดิม


[Link]

ผมเป็นแฟน CDPR นะ เล่นตั้งแต่ Witcher2
แต่ผมเชื่อ Daniel Vavra, the Kingdom Come Deliverance 2 director มากกว่า (ลองอ่านใน link)
ข่าวตอนกุมภาต้นปี พัฒนาไปไม่ถึงไหน

ทำไมน่ะเหรอ เพราะเอนจิ้น Unreal ขึ้นชื่อว่าขาดการขัดเกลามาโดยตลอด
เกมส์ที่มีความซับซ้อนน้อยๆ ก็พอถูไถไปได้ แต่ openworld? ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
Witcher4 คือโลกเปิด ที่เรียกว่า dynamic ได้เลย ไหวมั้ย CDPR

ผมไม่รู้ว่า Epic ลงทุนลงเงินให้ CDPR ไปเท่าไหร่ CDPR ถึงยอมทิ้ง Red Engine ได้ (คงต้องมากประมาณนึงเลยล่ะ อาจจะถึงขั้นพัฒนา 3-4 ปีได้โดยไม่สะเทือน)


View all 2 comments >
อย่าไปเชื่อขี้ปากคนอื่นมากครับ Vavra นี่พูดแซะ Unreal กับ CDPR ชัดเจนแบบ เดฟ kcd ก็ไม่เคยไปใช้ Unreal แน่นอนเห็นใช้แต่ Cry Engine มาตั้งแต่ภาคแรก จะเอาประสบการณ์จับเอนจิ้นมาจากไหน

CDPR ก็พึ่งประกาศว่าเกมพึ่งเข้า Full production 8เดือนมานี้เองครับ แถมข่าวเดือนกุมภา บอกเกมไม่พัฒนาไปไหน ถ้านับจากวันประกาศเริ่มพัฒนา ก็พึ่งได้ 4เดือน ซอสคุณพรี่ Vavra นี่ Talking out of ass แน่นอนครับ
ผมเชื่อว่า EPIC จับมือ CDPR พัฒนาเอนจิ้นกันอย่างใกล้ชิดแบบที่เห็นกันใน presentation
ถือว่าเป็น Milestone ครั้งใหญ่ของ Unreal Engine เลยสำหรับแนว Openworld
และเชื่อได้เลยว่า CDPR ได้ full support จากเดฟ Epic เต็มที่แน่นอน ไม่ได้มาร่วมมือกันแบบเล่นๆ
เหตุผลที่เปลี่ยนมาใช้ Unreal 5 อิงจากข่าวใน Blognone นะครับ (มีผมเขียนด้วยข่าวนึง)

1 [Link]
เหตุผลในการเปลี่ยนเอนจินย่อมเป็นเรื่องการลดภาระในการดูแลเอนจินลง ลดโอกาสเกิดบั๊กที่ต้องแก้ไข ทำให้กระบวนการพัฒนาเกมคาดเดาเวลาได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น

Gabe Amatangelo ผู้กำกับเกม Cyberpunk 2077 เล่าว่าทีมของ CDPR ได้ร่วมมือกับ Epic Games เพื่อนำฟีเจอร์บางอย่างของ REDengine เข้ามาใส่ใน UE5 ด้วย


2 [Link]
Paweł Mielniczuk ผู้กำกับศิลป์ของ Cyberpunk 2077: Phantom Liberty กล่าวว่า REDengine จะเป็นเอนจิ้นที่ยอดเยี่ยมทันสมัย แต่ทีมงานต้องปรับแต่งเอนจิ้นทุกครั้งเมื่อต้องการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาเกม ทำให้เสียเวลาและกระบวนการ หลายๆ อย่างต้องอะลุ่มอล่วยพอสมควร การเปลี่ยนมาใช้ Unreal Engine 5 และการร่วมมือทางกลยุทธ์จาก Epic Games จะช่วยลดปัญหานี้ได้ และหนึ่งในการติดสินใจครั้งนี้มีผลมาจาก Cyberpunk 2077



รวม ๆ REDengine มีปัญหาเดียวกับ Frostbite ของ EA นั่นแหละครับ จะทำเกมใหม่ทีนึงต้องปรับเอนจิ้นใหม่เองทีนึง การใช้ Unreal ทำให้การพัฒนาเกมมันคล่องตัวกว่า กรณีนี้เหมือนกับที่ SQEX ตัดสินใจใช้ Unreal สร้าง KH3 และ FFVIIr มากกว่าใช้ Luminous Engine ของตัวเองเป๊ะ
อย่างแรกที่ดีใจ Foliage คือเป็น nanite ได้แล้ว หมดยุคต้นไม้โง่ๆได้สักที
อย่างสองคือ UE5 โดนบ่นมีปัญหาเรื่อง traversal stuttering มาก แล้ว CDPR ก็เจ้านึงที่บ่น ก็ขอติ๊ต่างไปเองว่า ที่ร่วมกับพัฒนาน่าจะแก้ไขตรงนี้ให้ดีขึ้นได้แล้วนะ
หลังเกมออก ก็รอจนกว่าเค้าจะแก้มันได้เข้าที่เข้าทางแล้วค่อยซื้อ(ตอนลดราคา)สำหรับ PS5
ถ้า PC เหล่า MOD หาทางแก้กันเองจนมันเล่นได้


แปะทู้นี้ละกัน เผื่อคนสนใจเบื้องหลัง tech ครับ