<p>
<img alt="" src="http://www.gconsole.com/images/14994/Devil-May-Cry.jpg" style="height: 281px; width: 500px;" /></p>
<div>
DmC คือการรีบู้ทซีรี่ส์ Devil May Cry ที่ขัดใจแฟนๆหลายๆคน ไม่ใช่แค่การมาแบบผิดเวลา แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเอกอย่างดันเต้ ที่ถือเป็นหนึ่งในไอคอนสำคัญของวงการวีดีโอเกม อย่างสิ้นเชิง ทำให้ DmC ถือเป็นหนึ่งในเกมที่ถูกต่อต้านมากที่สุดเกมนึงในประวัติศาสตร์วงการเกมเลยก็ว่าได้ แต่การฝ่าดงเสียงคัดค้านจากแฟนๆมากมายขนาดนี้ จะประสบผลสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คำตอบอยู่ด้านล่างครับ</div>
<div>
 </div>
<div>
เริ่มต้นต้องขอออกตัวก่อนว่า ตัวผู้รีวิวเอง มิได้มีอคติกับเรื่องดีไซน์ตัวละคร (ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีอุกฉกรรจ์ที่ทำร้ายหัวใจแฟนพันธ์แท้เกมนี้อย่างแรง) หรือการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในเกมซักเท่าไหร่ แต่ที่ตั้งข้อสงสัยตั้งแต่ข่าวการปรากฏตัวครั้งแรกของเกมนี้ คือการที่ Capcom เลือกทีมอย่าง Ninja Theory ทีมที่ไม่เคยมีผลงานเด่นในเรื่องของการดีไซน์เกมแอคชั่นแบบนี้มาก่อนเลย มารับหน้าที่ผลิต เพราะดูจากผลงานก่อนหน้านี้ ทั้ง Heavenly Sword และ Enslave นั้น ต่างก็มีข้อบกพร่องหลายอย่าง ที่ทำให้เกมไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร และยิ่งการตัดสินใจเลือก Unreal Engine ที่มีจุดเด่นเรื่องปัญหาเฟรมเรตมาใช้ มันแทบจะไม่น่าจะเหมาะกับเกมแอคชั่นความเร็วสูงอย่าง Devil May Cry ได้เลย</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconsole.com/images/14994/Dante_dmc_2010.jpg" style="width: 500px; height: 704px;" /></div>
<div>
 </div>
<div>
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เล่นไปซักพัก สิ่งแรกที่รู้สึกเซอร์ไพรส์คือ เกมดีกว่าที่คิดไว้มาก โดยเฉพาะหัวใจหลักอย่างระบบต่อสู้ แม้ว่ารูปแบบคอมโบอาจจะไม่ซับซ้อนเท่ากับเกมในตำนานอย่าง DMC3 แต่เกมออกแบบมาให้สู้ได้หลากหลาย และสนุกมาก ตัวอาวุธหลักคือดาบ Rebillion จะมีมาให้ตั้งแต่ต้น พร้อมปืนคู่ Ibony & Ivory หลังจากนั้นเราจึงจะได้อาวุธเสริมอัพเกรตมาอีก 4 ชิ้น (Angel 2 , Devil 2) พร้อมปืนอีก 2 ชนิด โดยอาวุธแต่ละอย่าง เราจะสามารถปลดล้อคสกิลของมันได้เรื่อยๆจาก Obs ที่เก็บสะสมได้ตามเกม โดยอาวุธทั้งหมด สามารถกดเปลี่ยนใช้ระหว่างสู้ได้แบบเรียลไทม์ โดยเกมออกแบบให้เปลี่ยนปืนด้วย Dpad บน , Dpad ซ้ายสำหรับอาวุธ Angel และ Dpad ขวาสำหรับอาวุธ Devil ทำให้การกดเปลี่ยนสลับอาวุธจำนวนมากไม่เป็นปัญหาเรื่องความงงแต่อย่างใด</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconsole.com/images/14994/dmc-november-03.jpg" style="width: 500px; height: 294px;" /></div>
<div>
 </div>
<div>
รูปแบบการต่อสู้ยังคงใช้ระบบ Style Point ในการปั้มคะแนนเหมือนภาคเก่า สำหรับคนทั่วไปอาจจะเข้าถึงจุดนี้ได้ง่ายกว่าตรงที่ภาคนี้ Style จะขึ้นง่ายกว่าภาคเก่ามากๆ (แต่แฟนพันธ์แท้อาจจะไม่ชอบเพราะบางทีแค่การกลิ้งหลบก็ช่วยให้ Style ขึ้นได้แล้ว) เกมค่อนข้างให้ความสำคัญไปที่คอมโบกลางอากาศอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ Angel/Devil ที่ช่วยให้เราดึงตัวเองไปหาศัตรู หรือดึงศัตรูเข้ามาหาตัวเอง ทำให้ตัวละครของเราแทบจะสามารถไปอยู่จุดไหนของฉากที่มีศัตรูก็ได้ และระยะการดึงต้องถือว่าไกลมากๆ หากเทียบกับแขนขวาของเนโรใน DMC4 ที่สามารถดึงศัตรูได้ในระยะสั้นๆเท่านั้น นอกจากนี้ภาคนี้ยังไม่มีปุ่มล้อค ดังนั้นการเล็งศัตรูจึงต้องอาศัยการควบคุมจากตัวผู้เล่นเป็นหลัก มุมกล้องของเกมจะคอยหมุนตามไปหาศัตรูให้แบบอัตโนมัติ ซึ่งก็เวิร์คบ้างไม่เวิร์คบ้างในบางสถานการณ์</div>
<div>
 </div>
<div>
อีกหนึ่งหัวใจของภาคนี้ที่ใส่มาคือระบบกลิ้งหลบ ที่มีประสิทธิภาพมาก (เกินไป) เรียกได้ว่าเกมให้ระยะการกดหลบมากว้างมาก แถมตัวดันเต้เองก็เป็นอมตะแว้บนึงในจังหวะกลิ้งหลบ ทำให้การกลิ้งหลบในเกมนี้ประสบความสำเร็จแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ (แม้กระทั่งกับคนที่เล่นเกมแอคชั่นไม่เก่งอย่างคนรีวิวเอง) จุดนี้ทำให้เกมง่ายขึ้นไปเยอะเลยทีเดียว</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconsole.com/images/14994/dmc_devil_may_cry05.jpeg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>
 </div>
<div>
ศัตรูในเกมนี้ถือเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือความหลากหลาย ที่รู้สึกได้ว่าน่าจะได้คำแนะนำจากทีมญี่ปุ่นมากพอสมควร (เพราะปกติจะไม่ค่อยได้เห็นลักษณะการออกแบบวิธีการสู้ศัตรูแบบน้จากทีมฝรั่งเท่าไหร่) ศัตรูแต่ละตัวมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของรูปแบบการโจมตีของมันเอง และวิธีที่เราจะต้องโจมตีมัน ทั้งศัตรูบนบก ศัตรูกลางอากาศ ศัตรูที่ต้องใช้อาวุธ Angel หรือ Devil ในการโจมตีเท่านั้น หรือศัตรูบางชนิดที่ต้องใช้ปืนพิเศษเพื่อช่วยให้การกำจัดง่ายขึ้น เรียกได้ว่าถูกออกแบบมาให้ใช้กันกับอาวุธที่มีของเราได้เกือบทั้งหมด และเมื่อศัตรูค่อยๆถูกแนะนำตัวออกมาเรื่อยๆจนถึงจุดนึง เกมก็จะเลือกเอาศัตรูที่ต้องใช้วิธีการจัดการแตกต่างกันออกมาปรากฏตัวผสมกัน ถือว่าเป็นวิธีการออกแบบที่ฉลาด และทำให้เกมเล่นสนุกขึ้นมาก แม้ว่าเราที่เคยเล่นเกมแอคชั่นดีๆอย่าง Bayonetta มาแล้วอาจจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่ผู้รีวิวค่อนข้างแปลกใจ เพราะนี่ดูเหมือนไม่ใช่เกมที่ออกแบบโดย Ninja Theory เลย แต่ช่างเหอะ - -" อ้อ ส่วนข้อเสียของศัตรูในเกมนี้ คือ ทำโมเดลลิ่งมาหยาบมาก แม้จะมีจุดเด่นก็ตาม แต่ปัญหาคือโพลีกอนต่ำ เท็กเจอร์แตก ทำให้เราแทบจะไม่ได้เห็นรายละเอียดของศัตรูแบบจริงๆเลย หลายตัวก็ดูซ้ำๆกัน (ทั้งๆที่ต่างกันนะ) </div>
<div>
 </div>
<div>
พูดถึงเรื่องข้างบนแล้วขอบ่นกับ Unreal Engine 3 หน่อย เพราะเท่าที่ดูมาเอนจิ้นตัวนี้ประสบปัญหามากเรื่องเฟรมเรตและเท็กเจอร์ แม้ว่าในเกม DmC จะไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องเฟรมเรต (เซอร์ไพรส์มาก) แต่เท็กเจอร์นี่สกปรกอย่างแรง บางทีทำให้รายละเอียดหลายอย่างแทบมองไม่ออกเลย และที่นักเล่นเกมหลายๆคนชอบล้อว่าเกมจากเอนจิ้นตัวนี้ทำได้แค่ตัวละครหัวโล้นเท่านั้น ก็ดูจะไม่ได้ห่างไกลจากความจริงเท่าไหร่ เพราะสังเกตเส้นผมตัวละครแต่ละตัวในเกมนี่ ต้องบอกว่า คุณภาพ PS2 มาก T-T ถ้าเป็นไปได้ภาคหน้าขอให้ไปใช้ MT Framework ของแคปคอมก็ยังดี อย่างน้อยงานจะได้ออกมาสะอาดกว่านี้ซักหน่อย (แต่ทีม Ninja Theory แกบอกว่าแกถนัดเอนจิ้นตัวนี้อ่ะนะ ถ้าสมมติว่าแคปคอมยังติดใจจะจ้างต่อ)<br />
<br />
<img alt="" src="http://www.gconsole.com/images/14994/dmc_devil_may_cry_captivate_screenshot__14_.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>
 </div>
<div>
ตัวละครอย่างดันเต้ เท่าที่สังเกต ถือว่าค่อนข้างถูกเปลี่ยนแปลงจากสมัยเปิดตัวไปค่อนข้างเยอะ จากกุ๊ยติดยา กลายเป็นไปหนุ่มวัยรุ่นใจร้อน ที่แฝงความหล่อและเซ้กแอพพีลไว้ทุกมุม ไม่ต้องอะไรมาก แค่ฉากเปิดเรื่องเดินแก้ผ้าออกมาขนาดนั้นก็ชัดเจนว่าตั้งใจจะขายอะไร แต่สิ่งที่คิดว่าอาจจะทำให้ชอบหรือเกลียดไปเลยอีกอย่างนึงของเกมนี้ก็คือการนำเสนอเรื่องราว อย่างที่เรารู้จักซีรี่ส์นี้ดีว่ามีลักษณะการนำเสนอแบบโคตรเวอร์ และการ์ตูนญี่ปุ่นจ๋ามากๆ กลับกลายมาเป็นการนำเสนอแบบจริงจัง เคร่งเครียด และใช้วิธีการแสดงออกและนำเสนอแบบตะวันตกจ๋าเลย และการรีบู้ทเนื้อเรื่องในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนตัวละครทุกตัว จากภาพที่เราจะเห็นได้จากเฉพาะการตูนมังกะ กลายมาเป็นคนจริง ที่รู้สึกและสัมผัสได้กันจริงๆ ทั้งตัวละครหลักอย่างดันเต้ และเวอร์จิล หรือศัตรูหลักอย่าง มุนดัส </div>
<div>
 </div>
<div>
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าเกมใช้วิธีนำเสนอเนื้อเรื่องแบบตะวันตกมากๆ และจุดนี้ถือเป็นจุดเด่นหลักของ DmC เพราะร่วมกับการใช้ Art Direction แบบของ Ninja Theory ที่มีจุดเด่นในเรื่องการนำเสนอเรื่องราวและตัวละคร ทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวของ DmC ดูมีเสน่ห์ และจริงจังมากกว่าของเก่า งานออกแบบศิลป์ของ DmC ถือว่าจัดอยู่ในระดับดีมาก แม้ว่าสุดท้ายเกมจะไม่ได้ใช้องค์ประกอบเหล่านั้นทั้งหมดได้เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะได้ แต่ก็ยังถือว่าน่าประดับใจมากทีเดียว</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconsole.com/images/14994/DmC-fallen-angel.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>
 </div>
<div>
ดนตรีประกอบ ฝรั่งจ๋าเหมือนกัน ไม่ประทับใจ แม้ว่าส่วนตัวจะเคยได้ยินผลงานของ Noisia มาแล้วหลายๆเพลง และค่อนข้างชอบสไตล์ของวงนี้ แต่ที่น่าแปลกใจ คือกลับไม่มีแทรกไหนที่น่าติดหูจากในเกมเลย ไม่เข้าใจเหมือนกัน</div>
<div>
 </div>
<div>
เกมนี้มีปริศนาให้แก้ทั้งสิ้น 1 ปริศนา ... คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะสิ่งนี้ไม่เคยอยู่คู่กับซีรี่ส์ Devil May Cry มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากรู้ว่าเป็นไง คงต้องบอกว่า อย่างน้อยที่สุด ก็ดีกว่าปริศนาฟันลูกเต๋าของ DMC4 ละกัน</div>
<div>
 </div>
<div>
ตัวเกมไม่สั้นไม่ยาว มีทั้งหมด 20 ด่าน การตัดจบด่านบางด่านอาจจะแปลกนิดนึง เพราะบางทีก็ไม่มีเหตุการณ์เปิดหรือปิดอะไร เหมือนอยากจะตัดจบด่านก็ตัดจบซะอย่างนั้น ส่วนตัวคิดว่าถ้าปรับเปลี่ยนดีๆ จริงๆเกมนี้มีแค่ซัก 10 ด่านก็น่าจะพอนะ</div>
<div>
 </div>
<div>
ความหลากหลายของตัวเกมมีมากพอสมควร เพราะเกมจะเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ แม้ว่าฉากส่วนใหญ่เราจะรู้สึกถึงความอึมครึมตลอดเวลาก็ตาม นั่นก็เพราะว่าเราจะอยู๋แต่ในโลก Limbo ที่มีโทนแบบทะมึนอยู่แล้ว จึงไม่น่ามีอะไรแปลกใจเท่าไหร่ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบ เพราะทำให้เกมดูน่าเบื่อ อีกอย่างคือ DmC จะต่างจากเกมเก่าๆตรงที่เกมนี้จะใช้เนื้อเรื่องเป็นจุดเดินเกมทั้งหมด ดังนั้นเราจะไม่ค่อยได้ใช้เวลาไปกับการวิ่งสำรวจไปรอบๆ ซักเท่าไหร่ เพราะเหตุการณ์ในเกม จะพาตัวละครจากจุดนึงไปยังอีกจุดนึงตลอดเวลา ถ้าจากเดิมมีส่วนของเกมซัก 80 เนื้อเรื่องซัก 20 , DmC จะมีส่วนของเกมซัก 60 เนื้อเรื่องซัก 40 เลยมั้ง</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconsole.com/images/14994/DMC_Screenshot_1.jpeg" style="height: 216px; width: 500px;" /></div>
<div>
 </div>
<div>
พิมพ์มาถึงตรงนี้เกือบลืมอีกหนึ่งจุดนึง อีกหัวใจสำคัญของเกมนี้คือ Platforming เพราะเราจะได้ใช้เวลาส่วนใหญ๋ไปกับการวิ่ง กระโดด และห้อยโหนมากกว่าที่เคยเป็นมา (นอกเหนือไปจากการสู้ศัตรู) อย่างไรก็ตามแม้ว่าบางจุดจะถูกออกแบบให้มีความแปลกใหม่ เช่นการดึงบ้าง กระโดดพุ่งบ้าง แต่โดยส่วนใหญ๋จะไม่แตกต่างกันมาก และไม่ได้ยากขนาดที่จะเล่นไม่ผ่าน แต่ส่วนตัวมองว่าเยอะไป และมีเซสชั่นการสู้ศัตรูน้อยกว่า เพราะได้เริ่มสู้ซักหน่อย ก็หมดแล้วต้องไปห้อยโหนต่อ ทำให้หลายครั้ง ความรู้สึกค่อนข้างขาดตอน อ้อ ตัวฉากมีการเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆตามจุดที่เราไปถึง ซึ่งคิดว่าทาง Ninja Theory น่าจะภูมิใจนำเสนอส่วนนี้มาก แต่เอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไร เพราะทุกอย่างมันกำหนด sequence ตายตัวไว้หมดแล้ว เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่</div>
<div>
 </div>
<div>
บอสมีประมาณ 4-5 ตัว สู้ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ โดยเฉพาะบอสสุดท้าย ผิดหวังมาก ทั้งดีไซน์ รูปแบบการโจมตี และลักษณะการดำเนินเรื่อง</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconsole.com/images/14994/dmc_november3_10_bmp_jpgcopy.jpg" style="width: 500px; height: 225px;" /></div>
<div>
 </div>
<div>
สรุป อ่านไปอ่านมาเหมือนจะบ่นมากกว่าชมแฮะ 555 แต่ยังไงซะ ก็ยังถือว่า DmC เป็นเกมที่ดี และ Ninja Theory ก็ประสบความสำเร็จในการรีบู้ทนะ หลายอย่างแม้ไม่ได้ถูกทำให้ดีขึ้น แต่เหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคและสมัยมากกว่า เนื้อเรื่องและตัวละครเองก็ถูกนำมาตีความใหม่ในแบบที่น่าสนใจ (ตรงนี้ยอมรับว่าทำได้ดีกว่าภาคเก่าค่อนข้างมาก) ระบบการต่อสู้เองก็สนุกและเข้าถึงได้ง่ายกว่า และก็ไม่ได้ทิ้งความซับซ้อนจากของเดิมที่เป็นอยู่มากเท่าไหร่ ตัวเกมอาจจะมีข้อเสียนู่นนี่บ้างอย่างที่ได้บ่นไปข้างบน แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมายจนถึงกับรบกวนประสบการณ์ในการเล่นครั้งนี้ และผมเองก็ค่อนข้างชอบคาแรคเตอร์ดันเต้อันใหม่นะ ดูเป็นคนยุคปัจจุบันดี (ถ้าไม่ติดที่พูดว่า Fuck U บ่อยเกินไปจนน่ารำคาญ) ยังอยากให้ทำภาคต่อและรอดูว่าตัวละครอื่นๆจะถูกนำมาตีความใหม่อย่างไร (ในใจอยากเห็นทริชมาก) ก็คงต้องรอดูว่าผลลัพธ์ในเรื่องยอดขายจะเป็นไงอ่ะนะ</div>
<div>
 </div>
<div>
ข้อดี</div>
<div>
+ การนำเสนอเรื่องราว และตัวละคร</div>
<div>
+ ระบบเกมเพลย์ และการต่อสู้</div>
<div>
+ งานออกแบบศิลป์</div>
<div>
 </div>
<div>
ข้อเสีย</div>
<div>
- Unreal Engine 3</div>
<div>
- คัทซีนเยอะไปในบางจุด</div>
<div>
- ง่ายเกินไป<br />
<br />
8.9/10</div>

ผมให้8ครับเกมส์นี้

สนุกแต่ไม่ร้องว้าววววว

devil may cry ภาคแรกแจ่มสุดละ จากใจเลย ไม่มีภาคไหนประทับใจท่านดันเต้แบบนั้นสุดละ

ก่อนเล่นให้6 หลังเล่นให้9
ชอบตรงง่ายและจบไวนี่แหละ
เหมาะกับคนไม่มีเวลาแบบผม

ผิดกับอีกเเกม ที่จะกันรึจะหลบทีนี้ โคตรลำบาก lol

ให้9เลย ชอบดันเต้แบบนี้

ตอนแรกที่เห็น trailer ก็ยังไม่ค่อยประทับใจกับดันเต้ แบบใหม่ เท่าไหร่ ตอนนี้จนกระทั่งเห็น gameplay แล้วก็ยังคิดเหมือนเดิม ไม่ค่อยประทับใจภาคนี้เท่าไหร่ -__- แต่ก็เล่นอยุ่ดี

รอเล่นบน PC pre-order ไปละ เห็นแล้วน่าเล่นดี

เกมนี้ให้ 9 ชอบทุกอย่างนะ (ยกเว้นฉากจบ)

ภาพไม่สวยตอนคัตซีน โลกปัจจุบันนี้แหละ
เส้นผมดันเต้ สวยมากนะ ของเวอลจิลอะแข็งโป๊กไป

บอสสุดท้ายสู้สนุกดี *เวอจิล*คือบอสสุดท้ายแหละสูงสุด

ไม่ขอให้คะแนนเพราะไม่เที่ยงตรงพอ แต่โคตรชอบสองรอบติดไม่เบื่อ

เล่นโหมดท้ายๆมันก็ไม่่ง่ายเกินหรอกจ้า เกมนี้ฉันก็ให้ 9/10 เช่นกัน มันสะใจ ยากจะหา
รอเล่นบลัดดี้พาเลส กับ เวอร์จิลดาวน์ฟอล อยู่จ้า

ถ้าภาคหน้ามีทริชคงแจ่มน่าดู เพราะอีวาแม่ดันเต่แจ่มบรรเจิดมาด

ไม่ปรับให้ยากสุดๆละ จะได้ไม่ต้องบอกว่ามันง่าย

อยากรู้เหมือนกันถ้ายอดขายไม่ได้ตามที่คาด แคปคอมจะเอาไงต่อ จะยังทำภาคต่อรึเปล่า อาจเสี่ยงดวงออกต่ออีกภาค เผื่อยอดขายจะดีขึ้น รึว่าจะกลับไปสานต่อของเก่า

บาโยเน็ตต้าเองก็เสียงวิจารณ์จากทั้งสำนักเกมส์กับคนเล่นไปในทางดีมากๆ แต่ยอดขายกลับไม่ได้เท่าที่ควรจะเป็น ได้ทำภาคต่อก็เพราะนินเทนโดออกทุนให้โดยเฉพาะ กับ DMC นี่ไม่รู้จะเดินตามรอยเดียวกันรึเปล่า เสียงวิจารณ์ก็ออกจะไปทางดีอยู่หรอก แต่ยอดขายนี่สิ ตัวตัดสินอนาคตอย่างเดียวเลย เท่าที่ดูกระแสมันออกเงียบๆชอบกลนะ หรือว่ารอเล่นบนพีซีกันอยู่รึเปล่าหว่า