Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Fast and Furious 7 ( 2015 ) บทวิจารณ์��าพยนตร์ โดย FallsDownz

<<
<
1
2
>
>>
Reply
Vote
# Sat 4 Apr 2015 : 3:06PM

FallsDowns
staff

Since 12/6/2011
(4906 post)
Fast and Furious 7 ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์ โดย FallsDownz




"ฉีกทุกกฏวิทยาศาสตร์ ฉีกทุกกฏความมันส์"



ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์ประเภทแข่งรถแล้ว อีกหนึ่งภาพยนตร์ซีรียส์ ที่นอกจากจะโด่งดังแล้ว ยังจะสามารถรักษาคุณภาพของตัวเองมาได้โดยตลอด ก็คือซีรียส์ Fast and Furious ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ภาคแรก The Fast and the Furious ในปี 2001 ยาวมาถึงภาคที่ 7 ในปี 2015 นี้

Fast and Furious 7 ว่าด้วยเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว โดเมนิก จะต้องตามไล่ล่าผู้ที่สังหารเพื่อน และทำร้ายครอบครัวของเขาให้จงได้




สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยในแทบจะทุกภาคของ Fast and Furious ก็คือความที่มันละเมิดแทบจะทุกกฏและทฤษฏีวิทยาศาสตร์ทั้งหลายแหล่ รวมถึงความโอเวอร์และความบ้าบอที่เริ่มที่จะมากขึ้นเข้าไปทุกภาคๆ โดยเฉพาะตัวละครเอกทั้งหลาย ที่ไม่รู้ว่าไปสักยันต์หรือไปทำบุญวัดไหนมา เพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาประสบกับประสบการณ์เฉียดตาย พวกเขาก็มักจะรอดมาได้เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นรถตกหน้าผาตีลังกาไม่รู้กี่สิบตลบ หรือรอดจากการถูกเฮลิคอปเตอร์ไล่ล่าได้อย่างฉิวเฉียด เรียกได้ว่าถ้าวันไหนพวกเขาเกิดดวงซวยขึ้นมา วันนั้นก็คงจะทำให้พวกเขากลายเป็นโก้โก้ครันช์อย่างแน่นอน

นอกเหนือจากนั้นแล้ว บทภาพยนตร์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจะเป็นจุดโดดเด่นของภาพยนตร์ซีรียส์นี้ โดยเฉพาะพล็อต ที่ก็ยังคงใช้พล็อตที่เข้าใจง่าย และธรรมดาอยู่เช่นเคย ซึ่งภาคนี้ก็ยังคงไม่แตกต่าง เพียงคุณรู้แค่ว่า นี้คือภาพยนตร์ล้างแค้น คุณก็แทบจะรู้เรื่องราวทั้งหมดในเรื่องแล้ว


ถึงกระนั้นก็ตาม Fast and Furious ก็เป็นภาพยนตร์ซีรียส์ ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านำพามาซึ่งความสนุก ตื่นเต้น และอะดรีนาลีนพลุ่งพลานได้เป็นอย่างดี และในภาค 7 นี้ก็เช่นเดียวกัน

ใช่ฉากแอ็คชั่นโลดโผนเหล่านี้มันสุดจะโอเวอร์เหนือจริง แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ว่า มันโคตรจะ"มันส์"เลยเช่นกัน เพราะเนื่องจากความเหนือจริงของมันนี้แหละ จึงทำให้ฉากแอ็คชั่นเหล่านี้สามารถแทบที่จะทำอะไรก็ได้ หลุดโลกเท่าไรก็ได้ ในด้านของความตระการตา ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงแทบที่จะได้เต็มไปเลยทีเดียว นี้ยังไม่นับถึงการมาร่วมงานของ เจสัน สเตทแธม และ จา พนม ที่สร้างความสมน้ำสมเนื้อระหว่างตัวละครเอก และ ตัวร้ายได้อย่างน่าติดตามทีเดียว





อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ก็คือ Fast and Furious ภาคนี้กำกับโดย เจมส์ วาน ซึ่งเคยมีผลงานโด่งดังเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญอย่าง Saw ( 2004 ) , Insidious ( 2010 ) และ The Conjuring ( 2013 ) นี้ถือได้ว่าแทบจะเป็นการพลิกบทบาทการกำกับเลยทีเดียว จากเจ้าพ่อภาพยนตร์สยองขวัญ มากำกับภาพยนตร์แอ็คชั่น

ซึ่งโดยรวมการกำกับของ เจมส์ วาน ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องเชื่อมต่อระหว่างฉากแอ็คชั่นและฉากพูดคุยของตัวละคร หรือ การปูจุดขัดแย้งของเรื่อง ถึงแม้ว่าการกำกับฉากแอ็คชั่น และการเล่าเรื่องต่างๆอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบและค่อนข้างจะธรรมดาพื้นๆไปบ้างก็ตาม

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยว่าซีรียส์ Fast and Furious ทำได้ยอดเยี่ยมเหนือภาพยนตร์แข่งรถ / แอ็คชั่นอื่นๆ ก็คือความผูกพันธ์ระหว่างผู้ชมกับตัวละคร ที่เราแทบจะรู้สึกเหมือนตัวละครเหล่านี้เป็นเพื่อนหรืออาจจะเป็นครอบครัวของเราขึ้นมาจริงๆ เหมือนกับประเด็นที่ตัวภาพยนตร์มักจะพยายามตอกย้ำ ซึ่งพูดถึงความสำคัญของครอบครัวอยู่เสมอๆ ซึ่งเราในฐานะผู้ชมก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งสาเหตุนี้นอกจากจะมาจากจำนวนภาคที่มากถึง 7 ภาคแล้ว ยังจะมาจากตัวละครเหล่านี้ ที่มีความเป็นมนุษย์ซึ่งน่าติดตาม น่าคอยเอาใจช่วย และการเข้าไปรู้จักกับพวกเขา ก็ยังทำให้เราผูกพันธ์ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

ซึ่งด้วยสาเหตุนี้เอง ข่าวการจากไปของนักแสดงหลักอย่าง พอล วอล์กเกอร์ ก็ทำให้แฟนๆหลายคนสะเทือนใจไม่ใช่น้อย และมันก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทางทีมเขียนบทและผู้กำกับ เจมส์ วาน จะเขียนบทสรุปให้กับตัวละครของพอลอย่างไร และก็ต้องขอชมในส่วนนี้เสียจริงๆ กับฉากบทสรุปของพอลที่นอกจากจะสมบูรณ์แบบแล้ว ยังจะฉลาดมากอีกด้วย



ในท้ายที่สุดแล้ว Fast and Furious 7 ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่เรารู้จักกันดี ด้วยฉากแอ็คชั่นสุดโอเวอร์ และพล็อตที่สุดแสนจะธรรมดา แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกและความบันเทิงของภาพยนตร์ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ที่น่าประทับใจมากที่สุดเลย ก็คือบทสรุปของตัวละคร พอล วอล์กเกอร์ ที่น่าจดจำและอาจที่จะทำให้คุณเสียน้ำตาอย่างง่ายดาย


Final Score : 7.5 / 10
View all 2 comments >


# Sat 4 Apr 2015 : 4:51PM

Bestkiller
member

Since 26/4/2009
(1108 post)
ภาคนี้แอ๊คชั่นจัดเต็มจริงๆ ภาคหน้าขอแบบนี้อีกนะครับ เจมส์ วาน แต่เสียดายบางตัวละครจากภาคเก่าออกมาน้อยมาก

Lucas Black ออกมาไม่ถึง 5 นาทีของหนัง อยากให้ภาคหน้ากลับมามีบทเป็นตัวหลักบ้าง


# Sat 4 Apr 2015 : 7:38PM

ArcherAi
member

Since 29/12/2006
(15184 post)
ลากมาต่อกับภาค Tokyo ได้เนียนเกินคาดเลย

# Sat 4 Apr 2015 : 8:48PM

Wisut Lone-Wolf
member

Since 10/4/2011
(2988 post)
ชอบรองจากภาค 5 ซึ่งผมว่าลงตัวกว่า แต่เรื่องแอคชั่นนี่ภาคนี้มันส์สุด

ที่ขัดใจก็ตรงบทตัวร้ายของเฮียเจสัน ซึ่งน่าจะร้ายและเด่นได้มากกว่านี้ ฉากเปิดอุตสาห์ทำไว้ดี ดันใส่ตัวร้ายคนอื่นเข้ามาซึ่งไม่น่าสนใจ(จบเรื่องผมยังจำชื่อไม่ได้เลย) แล้วก็อีกเรื่องที่ผมไม่ค่อยเข้าใจคือเฮียเจสันแกทำไมอยู่ๆก็ไปโผล่ตามดอมได้ทุกที่เลย งงเต้ก

# Sat 4 Apr 2015 : 9:01PM

MR.Lang_feiryu
member

Since 2014-02-13 12:57:08
(346 post)
ทำไมโปสเตอร์ผมนึกว่านั่น agent 47 นา

# Sun 5 Apr 2015 : 10:10PM

Sent
member

Since 15/3/2006
(5822 post)
ภาคนี้ดูล้นไปหน่อย จุดพีคหนังคือกลางเรื่อง ที่ขับรถข้ามตึก นั่นสุดยอดละ (แต่ก็ไม่มันส์เท่าลากตู้เซฟแฮะ)

พอพีคมาไป มาเจอกับไคลแม็กซ์ ดันกลายเป็นว่า ผกก. คุมไม่อยู่ ฉากตอนท้ายเลยรู้สึกแปลกๆ ดูวุ่นวายยังไงก็ไม่รู้ แต่ถือว่าทำได้ดีกว่าภาคที่แล้ว เพราะภาคที่แล้วมีแอบๆหลับนิดหน่อย เหมือนเนื้อเรื่องมันยืดๆ แต่ภาคนี้กระชับ เละเทะ แล้วก็เวอร์มาก 5555

8/10 ครับ
View all 1 comments >

# Mon 6 Apr 2015 : 3:56AM

b4lmung
staff
ซึเนโอะ club member
Since 11/10/2007
(12550 post)



# Mon 6 Apr 2015 : 7:38AM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)


คนที่เดินเข้ามาทักจาคือนีล เอช มอร์ริทซ์ โปรดิวเซอร์ใหญ่ของซีรี่ย์นี้ทุกภาค เลยนะนั่น จะได้กลับมาภาค8มั๊ยเนี่ย


##################################################################################

ว่ากันว่าหนังแข่งรถ รวมถึงฉากขับรถไล่ล่า (Car chase scene) มีจอห์น แฟรงเกนไฮม์เมอร์ เป็นคนคิดค้น (ก่อนหน้านั้นก็มีแต่มันไม่เป็นน้ำเป็นเนื้อ) และก็เป็นต้นตำรับ ฉากขับรถไล่ล่าบนฟุตบาทในตลาดชนแผงผลไม้... ก่อนที่หนังแอ็คชั่นเรื่องอื่นๆจะใส่เข้ามาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ 007, The Raid2, คนเหล็ก, เฉินหลง, แบดบอยส์ ฯลฯ ทุกเรื่องเป็นหนี้บุญคุณ จอห์น แฟรงเกนไฮม์เมอร์ รวมถึงซีรี่ย์เดอะฟาสต์ด้วย



grand prix 1966 ปู่จอห์นทำไว้สุดตีนมาก

ส่วนหนังขับรถแนวสมจริง ลัทธิRealism ต้องยกให้
bullitt 1968 ที่สตีฟ แม็คควีน เป็นคนขับรถเอง และก็The French Connection







อาเฮียรถคิท ต้นฉบับรถซิ่งโม้เวอร์ เหาะทะลุตึก ช่วยตัวประกัน สู้กับเฮลิคอปเตอร์ ขับฝ่าดงระเบิด ห่ากระสุน ต้องยกให้เค้าล่ะ เอ๊ะ ฉากในรูปนี่ดูคุ้นๆแฮะ


แฟรนไชส์The Fast and the Furious (ขออภัยแฟนๆซีรี่ย์นี้) ถ้าให้ว่ากันตรงๆ ซีรี่ย์นี้มันไม่ได้เจ๋งอะไรนะ ว่ากันตรงๆก็หนังเกรดบีที่มีทุนสร้างสูงดีๆนี่เอง บางภาคก็ห่วยสลัด

คือมันแปลกนะ เดอะฟาสต์มันเป็นหนังรถ แต่เวลาคนพูดถึงฉากขับรถไล่ล่า จะไม่ค่อยมีใครนึกถึงเรื่องนี้กัน ทั้งๆที่หนังก็มีมาแล้วหลายภาค ควรมีฉากซิ่งคลาสสิคอย่างน้อยๆสัก10-20ฉาก แต่คนพูดถึงกันแค่ไม่กี่ฉาก บางภาคไม่มีอะไรให้พูดถึงเลยด้วยซ้ำ (ส่วนใหญ่จะจำฉากลากตู้เซฟภาค5)

ด้านนักแสดงถ้าพูดถึงวิน ดีเซล หลายคนไม่ได้นึกถึงภาพนักซิ่ง แต่ไปนึกถึงภาพไอ้หนุ่มล่ำบึ้กมาดเถื่อนกันมากกว่า คือไม่เหมือนสตีฟ แม็คควีนที่เป็นไอดอลเรื่องความเร็ว คือเดอะฟาสต์มันขายความเท่มากกว่าขายความเร็ว

แต่ซีรี่ย์นี้มันก่อร่างสร้างตัวมานาน ปากกัดตีนถีบของจริง และมันพยายามยกระดับตัวเองขึ้นไปทุกภาค ตรงนี้คือข้อดี

1-3 เป็นแค่หนังตลาดขายวัยรุ่น มีนักแสดงวัยรุ่นหลายเชื้อชาติ เนื้อเรื่องสูตรสำเร็จแบบ Point Break คาแร็คเตอร์ของไบรอัน(พอล) กับดอม(วิน) ก็ถอดมาจากจอห์นนี่ ยูทาห์(คีนู) กับโบดี้(แพทริก สเวซี่)

4-5 นักแสดงโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นหนังอาชญากรรม-ทริลเลอร์ เน้นเรื่องเงิน, การหักหลัง, ปล้น, อาชญากรรม, การล้างแค้น มากขึ้น แต่ยังไงก็ยังเน้นความเป็นหนังรถซิ่งขายสตั๊นคาร์อยู่ โดยเฉพาะ5 มีความเป็นทริลเลอร์+แอ็คชั่นมากขึ้น มีการวางแผนปล้น มีการหักมุม +ไคล์แม็กซ์สะใจวินาศสันตะโร

6-7 หนังก็พยายามต่อยอดขึ้นไปอีก 7นี่กลายเป็นหนังปฏิบัติการภาระกิจแบบM:I +แนวสงคราม ก็6ปูไว้ให้แล้ว สู้กับรถถังมาแล้ว

7 เนื้อหามันก็ไม่มีอะไรนะ แต่มันถูกยกระดับขึ้นไปอีก มันหาแนวทางใหม่ๆของความเป็นหนังรถซิ่ง จริงอยู่ว่ามันก็หนังสูตรสำเร็จเอาใจตลาด แต่มันหนีจากตัวมันเองที่ทำมาแล้วหลายภาคได้สำเร็จ และถึงแม้หลายอย่างมันจะไม่ใช่ของใหม่ อย่างขับรถลงจากเครื่องบินเนี่ย The living daylight , Terminal velocity ก็ทำมาก่อน แต่ถ้าว่ากันที่ความมันส์ภาคนี้ระห่ำที่สุดในซีรี่ย์แล้ว ถ้าให้คะแนนด้านความมันส์ผมให้10/10

# Mon 6 Apr 2015 : 8:05AM

suede
member

Since 23/4/2006
(21928 post)
เพ้อเจ้อ....

ทำเป็นเอาหนังเก่ามาโยง

ใครคิดว่าดอมเป็นพวกกล้ามล่ำ หรือนึกไม่ออกว่านี่เป็นหนังซิ่งรถ ก้อคงขี้เต๊ะ วางฟอร์ม จะทำเป็นบอกว่าตัวเองรู้ลึก รู้จริงกว่าคนอื่นละมั้ง

หลายคนเห็นดอมก้อคิดถึงว่าเป็นนักซิ่งแต่แถมสคิลบู๊ ทั้งหมดก้อแก้งค์ซิ่งแท้ๆนั่นแหละ

หนังจะเกรดบี ซี ดี มันทำเงิน ดูสนุกก้อตอบโจทย์แล้ว แต่

เสียดายวะที่หลายคแม้แต่นักแสดง ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ เค้าไม่คิดว่ามันเป็นหนังเกรด บี มันคง บี อยู่ในสมองบางคนที่หนังเกรดเอของไอ้พวกนั้น คือหนังกากๆของคนอื่นๆ

จะว่าไปภาคนี้เสียดายช่วงบู๊สุดท้าย มันแปลกๆไปหน่อย วินาศเกินไป

ดีแล้วที่หนังเปลี่ยนจากการเอะอะก้อซิ่งมาเป็นอย่างอื่นบ้าง เพราะคนเราแก่ตัวลงจะเกรียนประกบคู่แข่งอย่างเดียวก้อไม่ใช่ มันต้องโตขึ้น

จะให้เนื้อหามันมีอะไรว่ะ เพ้อเจ้อกันฉิบหาย
หรือให้ มีการตอบสมการที่อธิบายทุกอย่างในจักรวาลได้ หรือ ให้ดูแล้วบรรลุโสดาบันกัน

ทำมาเป็นพูดกัน พลอตธรรมดา... ไม่ลองเสนอพลอตวิเศษที่สมองเค้นกันได้ออกมาไปให้เค้าดูดิ ไม่ต้องสร้างหนังหรอก เอาแค่พลอต แบบ ดอมมีพี่น้องฝาแฝด หรือ แท้จริงแล้ว ดอมเป็นมนุษย์ดัดแปลง ..... ..... เฮ้อ

โชว์เหนือด้วยคำว่า หนังธรรมดา พลอตธรรมดา พวกเก่งแต่ปาก ชอบทำแบบนี้อะ ไม่รู้เป็นไร

ปากมันกันดีจัง
[Edited 1 times suede - Last Edit 2015-04-06 08:11:00]

# Mon 6 Apr 2015 : 8:18AM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
suede wrote:
เพ้อเจ้อ....

ทำเป็นเอาหนังเก่ามาโยง

ใครคิดว่าดอมเป็นพวกกล้ามล่ำ หรือนึกไม่ออกว่านี่เป็นหนังซิ่งรถ ก้อคงขี้เต๊ะ วางฟอร์ม จะทำเป็นบอกว่าตัวเองรู้ลึก รู้จริงกว่าคนอื่นละมั้ง

หลายคนเห็นดอมก้อคิดถึงว่าเป็นนักซิ่งแต่แถมสคิลบู๊ ทั้งหมดก้อแก้งค์ซิ่งแท้ๆนั่นแหละ

หนังจะเกรดบี ซี ดี มันทำเงิน ดูสนุกก้อตอบโจทย์แล้ว แต่

เสียดายวะที่หลายคแม้แต่นักแสดง ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ เค้าไม่คิดว่ามันเป็นหนังเกรด บี มันคง บี อยู่ในสมองบางคนที่หนังเกรดเอของไอ้พวกนั้น คือหนังกากๆของคนอื่นๆ

จะว่าไปภาคนี้เสียดายช่วงบู๊สุดท้าย มันแปลกๆไปหน่อย วินาศเกินไป

ดีแล้วที่หนังเปลี่ยนจากการเอะอะก้อซิ่งมาเป็นอย่างอื่นบ้าง เพราะคนเราแก่ตัวลงจะเกรียนประกบคู่แข่งอย่างเดียวก้อไม่ใช่ มันต้องโตขึ้น

จะให้เนื้อหามันมีอะไรว่ะ เพ้อเจ้อกันฉิบหาย
หรือให้ มีการตอบสมการที่อธิบายทุกอย่างในจักรวาลได้ หรือ ให้ดูแล้วบรรลุโสดาบันกัน

ทำมาเป็นพูดกัน พลอตธรรมดา... ไม่ลองเสนอพลอตวิเศษที่สมองเค้นกันได้ออกมาไปให้เค้าดูดิ ไม่ต้องสร้างหนังหรอก เอาแค่พลอต แบบ ดอมมีพี่น้องฝาแฝด หรือ แท้จริงแล้ว ดอมเป็นมนุษย์ดัดแปลง ..... ..... เฮ้อ

โชว์เหนือด้วยคำว่า หนังธรรมดา พลอตธรรมดา พวกเก่งแต่ปาก ชอบทำแบบนี้อะ ไม่รู้เป็นไร

ปากมันกันดีจัง
จ้ะ
View all 1 comments >

# Mon 6 Apr 2015 : 11:06AM

Yoyo-kunG
member
ส่องหาแต่นม #6
Since 26/5/2007
(6935 post)
หนัง ตอบโจทย์ความ มันส์ แบบเต็มร้อย จริงๆ

View all 2 comments >

# Tue 7 Apr 2015 : 11:03AM

St.Valentinus
member
ลามกมากค่ะ
Since 8/3/2006
(14728 post)
แอคชั่นเยอะจริง แต่ผมว่าภาค 5 มันส์กว่านะ ติดตาลากตู้เซฟไปแล้ว ยังไม่เจอฉากไหนสู้ฉากนี้ได้จริงๆ

แต่ถ้าภาคนี้ฉากแอคชั่นที่ชอบสุด



# Thu 9 Apr 2015 : 8:26AM

FOR_ALL
member

Since 12/2/2009
(6878 post)
เมื่อวานนี้ไปดูกับเพื่อนๆมาอีกรอบผมก็ว่ายังสู้ภาค 4 5 6 ไม่ได้เอาJustin Lin กลับมาทำเหมือนเดิมได้ไหม
[Edited 1 times FOR_ALL - Last Edit 2015-04-09 08:29:05]
View all 2 comments >

# Fri 10 Apr 2015 : 9:00PM

banktoom
staff
เมานมตาลุงหัวหงอก
Since 2012-06-11 13:05:47
(27159 post)
ผมไปดูมาแล้วก็สนุกดีครับ ดูแบบไม่คิดไรมาก 9 เต็ม 10 ตื่นเต้นตลอดเรื่อง

พี่จานึกว่าบทจะม่องตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ระดับบอสเลยนิหว่า

# Sat 11 Apr 2015 : 1:56AM

Thoppy Yoh!
member

Since 23/1/2010
(856 post)
มีใครเป็นเหมือนผมมั้ยครับไม่ค่อยชอบภาคนี้เลย ผมชอบให้มันขับรถน่ะดีแล้วไอ้พวกต่อยระเบิดเครื่องล่านี่ลดๆลงมาบ้างก็ได้
ภาค6ผมว่าผมทึ่งแล้วนะรถติดปืนภาคนนี้ล่อมาซะเครื่องบิน อีกอย่างตัวร้ายง่่อยมากภาคที่แล้วปูซะโคตรโหดตอนเปิดเรื่องก็เท่อีกไหงไปๆมาๆกระจอกซะงั้น ส่วนตัวถ้าไม่มีตอนจบ(ซึ่งทำได้ดีมากๆๆๆๆๆๆ)ภาคนี้ผมเฉยมากหวังว่าภาคหน้าระเบิดนี่ลดลงไปบ้างก็ดีนะครับดูไปดูมานึกว่าดูหนังของมาเวล

<<
<
1
2
>
>>
Reply
Vote




1 online users
Logged In :