“หนังใช้สัญลักษณ์ในการสื่อคัมภีร์ไบเบิ้ลมาแบบโต้งๆไปหน่อย ไม่ค่อยพลิกแพลง” อันนี้ผมแอบไม่เห็นด้วยนิดหนึ่ง เพราะตัวหนังก้มีการบิดเหตุการณ์ต่างๆให้ไม่ตรงกับในไบเบิ้ลเป๊ะๆ แถมยังมีการใส่ทรรศนะที่ค่อนข้างจะ Pro Atheist ลงไปด้วย บทวิเคราะห์บางชิ้นถึงกับบอกว่าพระเจ้าในเรื่องนี้เป็นคนโรคจิตเลยทีเดียวครับ ซึ่งเมสเสจแบบนี้ผมก็ชอบนะ เพราะ Creator ไม่จำเป็นจะต้องรัก Creation และมีความเพอรืเฟคไปตลอดเวลาก็เป็นได้ (ตรงนี้คิดถึง Prometheus หน่อยเหมือนกันที่คนที่สร้างมนุษย์ไม่จำเป็นต้องรักมนุษย์ก็ได้)

หนังเรื่องใหม่ของ Darren Aronofsky ผู้กำกับ Black Swan ที่เมื่อออกฉายก็มีคำวิจารณ์ที่เสียงค่อนข้างแตก แต่ที่หลายคนคงจะเห็นตรงกันคือ “หนังดูยาก” และ “มีความหมายซ่อนอยู่ ต้องตีความ” ครับ ซึ่งหลังจากที่ผมได้ชม Mother! ในรอบ Sneak Preview เมื่อคืนนี้ ในช่วงแรกก็เหมือนหลายๆท่านครับคืองง 5555 แต่พอคิดไปคิดมาและเพลง End Credit ขึ้น หลายอย่างมันก็คลิก...และนี่คือทฤษฎีของผมกับความหมายของภาพยนตร์ Mother! ครับ (แน่นอนว่า SPOILER ALERT นะครับ)



Mother! หากดูแบบไม่วิเคราะห์ ก็จะเป็นเรื่องของสามีภรรยาคู่หนึ่ง (Jennifer Lawrence กับ Javier Bardem) ที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์กลางป่า โดยตัวสามีเป็นนักเขียน ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างสันโดษมีความสุขดี แต่วันหนึ่งก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาขอพักที่บ้านหลังนี้ เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นโรงแรม ตัวสามีนั้นให้การต้อนรับแขกอย่างดี แต่ตัวภรรยากลับดูไม่สบายใจนัก และเมื่อบ้านหลังนี้มีแขกเข้ามาพักเรื่อยๆความวุ่นวายโกลาหลก็ทำให้ตัวภรรยานั้นทุกข์ใจมากขึ้นทุกที และในที่สุด เหตุการณ์รุนแรงก็ปะทุขึ้นมาครับ เชื่อไหมครับว่าทั้งหมดนี้เมื่อตีความแล้ว ผมคิดว่ามันหมายถึงเหตุการณ์ต่างๆในคัมภีร์ไบเบิ้ล! (ทั้งเรื่องหนังจะไม่มีการเอ่ยชื่อตัวละครเลย แทนกันด้วยสรรพนามหรืออาชีพเท่านั้น เพราะฉะนั้นบางทีผมจะแทนตัวละครด้วยชื่อดาราที่เล่นนะครับ) เราจะมาดูฉากสำคัญกันฉากต่อฉากเลยครับว่ามันหมายความว่าอย่างไร



หนังเริ่มเรื่องมาด้วยฉากผู้หญิงถูกเผาซึ่งให้เห็นเพียงสั้นๆ หลังจากนั้นตัดไปที่ตัวสามีได้วางเพชรเม็ดหนึ่งลงบนแท่นในบ้าน แล้วจากที่เป็นซากปรักหักพังบ้านทั้งหลังก็สวยงามขึ้น และปรากฏเป็นตัวภรรยาขึ้นมานอนอยู่บนเตียง (จากเดิมไม่มี) ฉากนี้คือ “พระเจ้าสร้างโลก” ครับ ตัวสามีนั้นคือพระเจ้า ส่วนตัวภรรยา (และบ้าน) คือโลกนั่นเอง (Earthmother ไงครับ) ซึ่งตลอดเรื่องเราจะเห็นสัญลักษณ์ว่าตัวภรรยานั้นมีความเชื่อมต่ออยู่กับบ้านครับ เราจะเห็นตัวภรรยาอยู่กับสามีสองคนอย่างมีความสุข เปรียบเป็นโลกเมื่อยังไม่มีมนุษย์ก็มีความสวยงามในตัวของมันครับ

แต่แล้ววันหนึ่งก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนบ้านหลังนี้ ชายแปลกหน้าผู้เข้าใจผิดว่าบ้านหลังนี้เป็นโรงแรม และขอพักอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว ตัวภรรยานั้นดูจะคลางแคลงใจในตัวชายผู้นี้ และไม่ค่อยชอบใจที่เขาสูบบุหรี่ในบ้าน แต่ตัวสามีกลับดูจะถูกใจชายผู้นี้อย่างมาก (บอกว่าเป็นแฟนผลงานเขียนซะด้วย) และให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีครับ ใช่ครับ ชายคนนี้เป็นตัวแทนของ Adam มนุษย์คนแรกนั่นเอง ตามคัมภีร์ไบเบิ้ลพระเจ้าสร้างอดัมขึ้นมาเป็นมนุษย์คนแรก และได้ให้ความรักแก่มนุษย์ ให้ที่อยู่อาศัยคือโลกใบนี้ ถึงแม้อดัมจะเที่ยวซนเก็บผลไม้กินพระเจ้าก็ยังคงให้ความรักกับอดัม และยังอนุญาตให้เข้าไปในสวนอีเดนที่เชื่อมต่อกับสวรรค์ ซึ่งก็คือห้องทำงานของตัวสามีนั่นเอง ชายคนนี้แสดงความสนใจในเพชรที่ตั้งอยู่ในห้องทำงาน แต่ก็ถูกสามี (พระเจ้า) ห้ามไว้ครับ



และในเวลาต่อมาแขกคนที่สองก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งก็คือภรรยาของแขกคนแรกนั่นเอง เธอได้เข้ามาขอพักในบ้านนี้ด้วยและตัวสามีเจ้าของบ้าน (ฮาร์เวียร์) ก็ให้การต้อนรับอย่างดี ท่ามกลางความไม่สบายใจของตัวภรรยา (เจนลอว์) ครับ แขกคนที่สองนี้จะดูค่อนข้างนิสัยไม่ดีหน่อย ชอบพูดคุยกวนภรรยาเจ้าของบ้าน บางทีก็ชวนคุยเรื่อง Sex และพยายามเข้าไปในห้องทำงานของเจ้าของบ้านที่เก็บเพชรไว้ แต่ถูกเจนลอว์ห้ามไว้ได้ก่อนครับ ใช่ครับ แขกคนที่สองนี้คือ Eve นั่นเอง เมื่ออดัมอยู่ในโลกนี้คนเดียวนานๆเริ่มเหงา พระเจ้าจึงสร้าง Eve ผู้หญิงคนแรกไว้ให้เป็นเพื่อนและคนรักกับอดัม และเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ด้วย แต่ Eve ก็เริ่มถูกล่อลวงให้ทำบาป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะกล่าวถึงต่อไปครับ (ในช่วงนี้จะมีฉากที่เจนลอว์พบอุโมงค์ที่ถูกปิดไว้ที่ชั้นใต้ดินของบ้าน อุโมงค์นี้มีความหมายเช่นกันไว้จะมากล่าวถึงต่อไปครับ)



จากย่อหน้าที่แล้ว Eve ที่ให้ความสนใจในห้องทำงานของเจ้าของบ้านและเพชรที่อยู่ในห้องได้พยายามเข้าไปในห้องหลายครั้งแต่ก็ถูกห้ามไว้ตลอด แต่ในที่สุดเมื่อเจ้าของบ้านไม่ได้เฝ้าอยู่ พวกเขาก็เข้าไปในห้องนั้นจนได้ และยังไม่พอครับ พวกเขายังทำเพชรตกแตกอีกด้วย! เมื่อเจ้าของบ้านรู้เข้าก็แสดงความไม่พอใจแขกเหล่านี้เป็นครั้งแรกครับ และยังได้เอาแผ่นไม้มาตอกปิดห้องน้นเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปอีก ใช่ครับฉากนี้คือ “การทำบาปครั้งแรก” นั่นเอง Eve ที่เกิดความสนใจในแอปเปิ้ลต้องห้ามในสวนอีเดน ทั้งที่พระเจ้าห้ามหลายครั้งหลายหน แต่เธอก็ยังแอบกินแอปเปิ้ลนั้นจนได้ ไม่พอครับเธอยังชวนอดัมให้มากินด้วยกันอีกด้วย (ตามที่ในหนังเสนอว่าแขกทั้งคู่ทำผิดร่วมกัน) และเมื่อพระเจ้ารู้เข้าก็ผิดหวังที่มนุษย์ที่เขารักยับยั้งชั่งใจไม่ให้ทำบาปไม่ได้ และได้ห้ามพวกเขาเข้าสวนอีเดนไปตลอดกาลครับ



หลังจากเหตุการณ์ทำเพชรตกแตกนั้น ภรรยา (เจนลอว์) ก็หวังว่าสามีจะไล่แขกทั้งสองคนนี้ออกไปจากบ้านเสียที แต่ผิดคาดครับ สามี (ฮาเวียร์) ได้ให้อภัยทั้งคู่และให้อาศัยอยู่ในบ้านต่อทำให้เจนลอว์ผิดหวังเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำพวกเขายังมี Sex กันในบ้านหลังนี้อีกด้วย! เหตุการณ์เพชรแตกนั้น ผมคิดว่าเปรียบเหมือนการที่มนุษย์เสียความ Innocence ไปหลังจากการทำบาปแรกครับ พระเจ้านั้นถึงจะผิดหวังในตัวมนุษย์ แต่ก็ยังให้อภัยและรักในตัวมนุษย์อยู่ และอนุญาตให้อาศัยอยู่ในโลกนี้ต่อไปได้ มนุษย์ที่สูญเสีย Innocence ไปแล้วจึงมีเพศสัมพันธ์กันเพื่อสืบพันธุ์ ซึ่งจะนำเราไปสู่ฉากต่อไปครับ



ในฉากต่อมานั้น เรามีแขกไม่รับเชิญเพิ่มขึ้นอีกครับ คือ ลูกชายทั้งสองของแขกสองคนแรก คนแรกโผล่มาก่อนและพูดคุยเรื่องมรดก ส่วนคนที่สองนั้นมาอย่างหัวเสียครับ ปรากฏว่า แขกคนแรกของเรานั้นกำลังจะตายจากโรคมะเร็ง และคงมีการแบ่งมรดกที่ไม่ถูกใจลูกชายคนที่สอง การถกเถียงรุนแรงขึ้นจนในที่สุดกลายเป็นการต่อสู้ ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนลูกชายคนที่สองพลั้งมือฆ่าลูกชายคนแรกไปด้วยการใช้ของแข็งทุบหัว ใช่ครับ ลูกชายทั้งสองคนนี้คือ Cain กับ Abel และฉากนี้ก็แทนเหตุการณ์ “การฆาตกรรมครั้งแรก” ที่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิ้ลนั่นเอง Cain นั้นไม่พอใจ Abel ที่ได้รับความรักมากกว่าจึงฆาตกรรม Abel ด้วยการทุบด้วยก้อนหินครับ หลังจากฉากนี้ รอยเลือดของลูกชายคนแรก (Abel) ที่เหลืออยู่บนพื้นห้องนั้นเจนเลอว์เช็ดอย่างไรก็ไม่ออก และมันได้ซึมไปจนถึงอุโมงค์ที่ถูกปิดไว้ที่ชั้นใต้ดิน เมื่อเจนลอว์ทุบผนังที่ปิดไว้ทิ้งก็เห็นเป็นอุโมงค์มืดทอดยาวลงไปครับ รอยเลือดที่เช็ดไม่ออกนี้ผมคิดว่าหมายถึงบาปของมนุษย์ที่จะคงอยู่ไปกับโลกใบนี้ชั่วนิรันดร์ ส่วนอุโมงค์ที่เปิดออกนั้น ผมคิดว่ามันคือนรกครับ



หลังจากที่สามีเจ้าของบ้าน (ฮาเวียร์) กลับจากโรงพยาบาลที่ลูกชายแขกเสียชีวิต เจนลอว์ก็หวังว่าหลังจากนี้บ้านจะสงบสุขเสียที แต่เธอคิดผิดครับ เพราะบ้านเธอกลับถูกใช้เป็นสถานที่รวมญาติของครอบครัวผู้ตายนี้ และทุกคนก็มาทำพิธีรำลึกกันที่บ้านของเธอ แขกมากหน้าหลายตาจากหลายเชื้อชาติเข้ามาอยู่เต็มบ้านของเธอไปหมดครับ (มีทั้งคนแอฟริกันและคนเอเชีย) ทุกคนยังนั่งเต็มไปหมดทุกที่ไม่เว้นแม้กระทั่งบนอ่างล้างจานที่เธอห้ามไว้เพราะมันไม่แข็งแรง แต่เหล่าแขกก็ยังดื้อนั่งและยังขย่มเพื่อท้าทายเธออีกด้วย จนในที่สุดอ่างล้างจานก็พังทลายลงมา เจนลอว์ที่โมโหถึงขีดสุดจึงตะโกนไล่แขกทุกคนออกไปจากบ้านทั้งหมดครับ เหตุการณ์นี้ผมคิดว่าสื่อถึงโลกที่มีประชากรเพิ่มมากขึ้น เริ่มมีเชื้อชาติต่างๆแตกต่างออกไป อยู่อาศัยอยู่เต็มโลก และมีการทำบาปเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน จนในที่สุดก็ถูกกวาดล้างไปรอบหนึ่งด้วยเหตุการณ์น้ำท่วมโลก (ท่อน้ำแตก) นั่นเอง ตามไบเบิ้ลเหตุการณ์นั้นแทบจะล้างโลกเหลือมนุษย์อยู่เพียงหยิบมือเท่านั้นครับ (เหตุการณ์นี้ตรงกับหนังเรื่อง Noah ผลงานเก่าของ Darren Aronofsky ด้วยครับ)



หลังจากเหตุการณ์นั้นตัวสามีเจ้าของบ้าน (ฮาเวียร์) ก็ได้ปรับความเข้าใจกับเจนลอว์ และในคืนนั้นพวกเขาก็ได้มี Sex กัน เช้าหลังจากนั้นเมื่อเจนลอว์ตื่นขึ้นก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันตั้งท้อง” คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับว่าลูกของพระเจ้าคือใคร และหลังจากนั้นตัวฮาเวียร์ที่เป็นนักเขียนก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นจนเขียนงานขึ้นมาจนเสร็จหนึ่งเล่ม ซึ่งใช้เวลาจนถึงเมื่อเจนลอว์กำลังใกล้คลอดพอดี ฮาเวียร์ได้ส่งผลงานให้สำนักพิมพ์และได้รับการตีพิมพ์ ทั้งคู่ต่างยินดีกัน แต่ในคืนที่พวกเขากำลังจะฉลองกัน เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้นครับ (ฉากต่อไปนี้มันโกลาหลมากจริงๆผมอาจจะบรรยายได้ไม่ครบนะครับ แต่ผมชอบมากเลยมัน Chaotic และมีพลังมาก) ได้เริ่มมีแฟนผลงานของฮาเวียร์เดินทางมาที่บ้าน เริ่มจากแฟนกลุ่มเล็กๆแล้วจึงเพิ่มจำนวณมากขึ้นๆจนเต็มบ้านไปหมด เหตุการณ์เริ่มบานปลายไปเรื่อยๆแฟนๆดูจะคลั่งไคล้ผลงานของฮาร์เวียร์มาก ถึงกับนำมาใส่กรอบบูชา มีการแปะรูปของฮาร์เวียร์ในที่ต่างๆโห่ร้องบูชากัน เท่านั้นยังไม่พอมีการขโมยของในบ้านออกไปด้วย เหตุการณ์เริ่มบานปลายครับ เริ่มมีการทะเลาะเบาะแว้งและต่อสู้กัน และมันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตรงนี้หนังจะเริ่มเหนือธรรมชาติมากๆครับ มีการจับคนไปขังในกรงที่มาจากไหนไม่รู้ มีการไล่ฆ่าคน ซึ่งคนฆ่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน บก.ที่รับผลงานของฮาร์เวียร์ไปตีพิมพ์นั่นเอง จนสุดท้ายเกิดเป็นสงครามเต็มรูปแบบเลยทีเดียวมีการบุกของทหารที่มีอาวุธครบมือเข้ามาในบ้าน มีแม้กระทั่งการใช้ระเบิดแต่บ้านก็ยังไม่พังครับ และท่ามกลางความโกลาหลขั้นสุดเหล่านี้ เจนลอว์ก็รู้สึกถึงการบีบตัวของมดลูกอย่างรุนแรง เธอกำลังจะคลอดลูกครับ

ฉากอันสับสนวุ่นวายเมื่อกี้หากจะค่อยๆย่อยมัน เริ่มจากงานเขียนของฮาร์เวียร์ (พระเจ้า) ก่อน มันก็คือ “คำสอนของพระเจ้า” หรือถ้าเจาะจงกว่านั้นก็คือ “บัญญัติ 10 ประการ” นั่นเองครับ พระเจ้าได้มอบบัญญัติสิบประการให้แก่มนุษย์ (ที่แพร่พันธ์เพิ่มขึ้นมาหลังจากน้ำท่วมโลก และยิ่งมีประชากรมากขึ้นกว่าเดิมอีก) โดยมอบให้กับ Moses ผ่านทางแท่นหินจารึกก่อนแล้วให้ Moses นำไปเผยแพร่ (ผมเดาว่าบรรณาธิการสำนักพิมพ์คือ Moses นั่นเอง) แต่มนุษย์แทนที่จะปฏิบัติตามบัญญัตินี้กลับลุ่มหลงบูชามันและตั้งเป็น “ศาสนา” ขึ้น มนุษย์ยังคงทำบาปและทำร้ายโลกใบนี้ไม่หยุดหย่อน กลืนกินทรัพยากรมากมาย (ขโมยของ) และมีความขัดแย้งจนเกิดเป็นสงครามขึ้นไม่หยุดหย่อนดังที่ปรากฏให้เห็นในความโกลาหลในฉากนี้ครับ (ส่วนบ.ก. Moses ทำไมต้องฆ่าคน ไปหาอ่านเอาเลยครับว่า Moses ฆ่าชาวอียิปต์ไปเท่าไหร่ หรือแค่ดู The Prince of Egypt ก็ได้นะครับ)



จากฉากเมื่อกี้ที่เจนลอว์กำลังจะคลอดลูก เธอและฮาเวียร์จึงพยายามไปหาที่สงบในบ้านเพื่อคลอดลูก ที่นั้นก็คือห้องทำงานของเขานั่นเอง เมื่อเธอคลอดลูกสำเร็จ (ลูกชาย) ฮาร์เวียร์ได้รับของขวัญจากเหล่าฝูงชนข้างนอกมาให้ เป็นผลไม้ น้ำ และตะกร้ารูปร่างคุ้นๆ ฮาร์เวียร์พยายามจะนำลูกของเขาออกไปให้ฝูงชนข้างนอกดู แต่เจนลอว์ไม่ยอม แต่สุดท้ายเธอก็เผลอหลับและฮาร์เวียร์ก็นำลูกของเธอไปให้ฝูงชนจนได้ แน่นอนครับว่าลูกของฮาร์เวียร์ (พระเจ้า) ก็คือพระเยซูนั่นเอง แต่ในบางความเชื่อ พระเยซูในตอนแรกยังไม่ถูกส่งมาเกิดเป็นมนุษย์ แต่สุดท้ายก็ถูกส่งมาเกิดครับ โดยได้รับของขวัญแรกเกิดเป็นทองคำ กำยาน และมดยอบ และตะกร้าที่คุ้นๆนั้นก็คือตะกร้าเด็กที่พระเยซูในวัยแรกเกิดนอนที่เราเห็นกันบ่อยๆในโบสถ์นั่นเองครับ



ในฉากต่อมาหลังจากที่ฮาเวียร์ได้นำลูกๆของตนไปให้ฝูงชนดู ทุกคนก็ดูจะชื่นชมยินดีกัน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เหล่าฝูงชนได้ “ฆ่า” ลูกของฮาเวียร์ แล้วยังหันมาตบตีทำร้ายเจนลอว์อย่างรุนแรงก่อนที่จาร์เวียร์จะเข้ามาห้าม ซึ่งแน่นอนว่าเจนลอว์และฮาร์เวียร์เสียใจมาก แต่ฮาร์เวียร์ก็ดีใจหายครับบอกว่าเราควรให้อภัยพวกเขา แต่เจนลอว์ไม่ทนแล้วครับ เธอได้ไปที่เตาที่อยู่หน้าอุโมงค์ชั้นใต้ดิน เจาะเอาน้ำมันเชื้อเพลิงออกมา และได้จุดไฟเผาตัวเธอไปพร้อมกับทุกคนในบ้านหลังนี้ไปด้วย แรงระเบิดนั้นรุนแรงจนบ้านทั้งหลังระเบิดเป็นจุลครับ แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้กล่าวถึงเมื่อพระเยซูมาเกิด ตอนแรกก็มึผู้คนมาเป็นสาวกและเชื่อฟังคำสอนมากมาย แต่สุดท้ายพระเยซูก็ถูกฆ่าตรึงกางเขนครับ (ในหนังมีการกินเนื้อลูกของเจนลอว์ด้วยซึ่งโบสถ์ในปัจจุบันก็มีการกินตัวแทนของเนื้อพระเยซูเช่นกัน) หลังจากนั้นมนุษย์ก็ทำร้ายโลกที่ตนเองอาศัยอยู่ด้วยทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ จนสุดท้าย โลกก็หันมาฆ่ามนุษย์ทั้งหมดเองครับ (ฉากที่บ้านระเบิดนั้นจะคล้ายๆระเบิดนิวเคลียร์ด้วย) หรืออาจจะมองว่าทุกคนตกนรกหมดก็ได้ เพราะเจนลอว์เผาตัวเองหน้าประตูนรกพอดี



แต่ท่ามกลางซากปรักหักพังนั้น ฮาร์เวียร์ยังไม่ตาย และได้ควักเขาไปในหัวใจของเจนลอว์ที่กำลังจะตายในอ้อมแขนของเขา ในหัวใจของเจนลอว์มีเพชร และฮาร์เวียร์ก็นำเพชรนั้นไปวางที่แท่นซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกับที่เห็นตอนต้นเรื่อง บ้านค่อยๆถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ และก็เกิดตัวผู้หญิงขึ้นมาบนเตียงใหม่ แต่เมื่อเธอหันมา หน้าเธอเปลี่ยนไปนิดหน่อย ใช่ครับ พระเจ้าได้สร้างโลกใบใหม่ขึ้นจากเถ้าถ่านของโลกใบเดิม วัฏจักรได้หมุนเวียนมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ณ ตอนนี้หนังก็จบลง เครดิตขึ้น พร้อมกับเพลงที่ทำให้ทุกอย่างคลิก เพลง End of the World ของ Skeeter Davis ครับ



จบซะที 555 ไม่เคยเขียนอะไรยาวเท่านี้มาก่อน ไม่รู้วิเคราะห์ตรงใจทุกท่านหรือเปล่านะครับ ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่หลายอย่างมันคลิกเกินไปนะ คิดเห็นอย่างไรพูดคุยกันได้นะครับ

เรามองว่ามันเป็น Christian Affair ซึ่งก่อนหน้านีี้ เคยดูหนังเกาหลีซึ่งก็น่าจะเป็น Christain Affair เหมือนกัน ต่างกันที่หนังคือละแนว ปกติจะชอบดูแนวดูยากๆแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งตอนดู Bat v Sup ก็ได้อารมณ์แบบนี้นิดๆเหมือนกัน