Kotaku ได้ไปสัมภาษณ์ Phil Spencer หัวหน้า Xbox ประเด็นต่างๆ ตั้งแต่การเข้าซื้อ Bethesda ไปจนถึงความสัมพันธ์กับ Nintendo สรุปประเด็นที่น่าสนใจได้ดังนี้

- เขาคิดว่าในตอนแรก Microsoft จะขาย Series S/X ได้หมด และ Market share ระหว่าง Microsoft และ PlayStation นั้นก็ขึ้นกับว่าใครจะบริหารจัดการ Supply chain ได้ดีกว่ากัน

- Xbox Series S น่าจะขายดีกว่า Series X ในระยะยาว เพราะราคาถูกกว่า

- เขายอมรับว่าการพัฒนาเกมลง Xbox Series S ควบคู่ไปกับ Series X นั้นทำให้นักพัฒนาเกมต้องทำงานมากขึ้น เพราะสเปคสองเครื่องนั้นต่างกัน แต่สาเหตุที่ทำ Series S เพราะต้องการขยายตลาด

- เมื่อถามว่าเป็นไปได้เหรอที่จะคืนทุน 7.5 พันล้าน ถ้าไม่ขาย Elder Scrolls VI บน PlayStation? ทาง Spencer ระบุว่า ถ้าตอบตรงๆ คำถามคือทำได้ แต่ดีลการซื้อ Zenimax/Bethesda ไม่ใช่ต้องการกีดกันผู้เล่นออกไป แต่เป็นจะทำยังไงให้เกมเมอร์เหล่านั้นเล่นเกมของ Bethesda อยู่

แต่ถ้าตอบคำถามที่ถามมาตรงๆ ทาง Microsoft ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขายเกมบน Platform อื่นนอกเหนือจากที่ตนเอง Support (PC, Console, และ xCloud)

สรุปคือไม่ได้ยืนยันอะไร ซึ่งก็เหมือนที่เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าที่ว่าจะพิจารณาเอาเกมลงเครื่องอื่นเป็นเกมๆ ไปนั่นเอง


- ยังตอบไม่ได้ว่าจะแยกเกม Halo Infinite เป็นสองเกมคือ Mode Single player กับ Multiplayer รึเปล่า ยังตัดสินใจอยู่

- จากการที่ Microsoft กลับลำ โดยตอนแรกบอกว่าเกมใหม่ๆ จะลงให้กับเครื่องรุ่นเก่าด้วย แต่ต่อมาบางเกมกลับระบุว่าลงให้กับ Series S/X เท่านั้นทำให้เกิดคำถามว่ามีแนวทางการตัดสินใจยังไงว่าเกมไหนควรลงเครื่องเก่าด้วย เกมไหนเป็น Exclusive โดย Spencer ตอบว่าพิจารณาเป็นเกมๆ ไป

- Microsoft ตอนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Nintendo แต่มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ยั่งยืน ถ้าจะให้ดีเขาก็อยากให้มี Xbox ecosystem ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกที่ นั่นก็หมายถึง Game pass และ Xbox Live ไปอยู่ในนั้นด้วย

- เมื่อถามว่าจะให้ Rare ทำเกมที่มีตัวละครเก่าๆ Classic มาแจมด้วยไหม เขาตอบว่าขึ้นกับการตัดสินใจของสตูดิโอ แต่ Rare นั้นชอบทำสิ่งใหม่ๆ แต่สุดท้า่ยก็ต้องทำให้มันสมดุลกันระหว่างทำเกมส์ใหม หรือต่อยอดเกมส์เก่าๆ

[Link]

ใครอยากดูบทสัมภาษณ์เต็มเชิญที่ [Link]

กว่า Elder Scrolls VI ออก ก็คง 3 ปีจากนี้ ป่านนั้นก็รู้เเล้ว เจนนี้ใครชนะ ถ้ายอด ps5 มากกว่า xboxx เยอะ ก็ไม่มีความหมายที่ไม่ต้องลง ps5 เเต่ถ้ายอดสูสี ก็น่าคิดว่าลง xboxx อย่างเดียว เเต่ รายได้ก็คงหายไปครึ่งนึง สรุป ผมว่า การที่ Elder Scrolls VI จะไม่ลง ps5 มีกรณีเดียวคือ ยอดขาย xboxx นำขาด นั้นเเหละ

when I think about where people are going to be playing and the number of devices that we had, and we have xCloud and PC and Game Pass and our console base,


I don’t have to go ship those games on any other platform other than the platforms that we support in order to kind of make the deal work for us.

ออกจะตอบชัดเจน ไอ้ที่เกริ่น ชักแม่น้ำ แค่กลัวโดนแอนตี้แหละ

คนเล่นอย่างผมก็มีแค่คำตอบเดียว "มีมันทุกเครื่อง" นั้นแหละเพราะชีวิตไม่อยากพลาดเกมดีๆไม่ว่าจะมาจากไหนก็ตาม

จริงๆ เดิมทีผมก็ทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ มันดันไม่มีเกม ex ชอง xbox แล้วนะสิ กลายเป็นเกมฝั่ง ms ดันลง pc ด้วยทุกเกม มี pc แล้วเลยไม่รู้จะซื้อ xsx ไปทำไมเลย

ดูผ่านๆนึกว่าเอารูปตึกมาเป็นภาพประกอบ

ยิ่งหลังๆดัน game pass ก็หวานสิ เล่นบน game pass on pc จบเมื่อไหร่ก็ unsubscribe

ทำให้ยิ่งไม่มีเหตุที่ต้องซื้อเครื่อง xbox series x

มีPCแรงเท่าXSXในครอบครองแล้ว?

แต่ซื้อเกมพาสเงินเข้าmsนะ รอบนี้msมาเน้นการขายเกมที่ลงได้ทุกdevice

ซึ่งกำลังกด RTX3070 งัยครับ ตัวล่าง series 3000 ของ Nvidia ก็แรงพอๆกับ XSX แล้ว

ปกติผมเล่นเกมบน PC อยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็นั่งเล่น Genshin อยู่บนคอม

ตอนนี้ยังใช้คอมเก่าๆกากๆ i7-8700k + 1080ti สิ้นปีว่าจะเปลี่ยนคอม การ์ดกะจะเล่น rtx3090 อยู่

จะซื้อมาเพื่อเล่นบน PC หรือ ซื้อเครื่อง xbox เลย สุดท้ายเงินมันก็เข้าไปยังกระเป่า MS อยู่ดีนั้นแหละ จะเล่นบน PC ก็ต้องใช้ Window นั้นก็ของ MS

ส่วนราคาแฟนๆ MS ก็คงข้ามไปซื้อทางละตินกันอยู่แล้ว

ภาค 5 ที่ผมเล่นเพราะ mod เลย ยังไงก็คงเล่นบน PC นั่นแหละ เกมบ้าอะไร mod จนกลายเป็นคนละเกม

ถ้า Starfield กับเกมใหม่ของ id ออก แล้วไม่มีให้เล่นใน PS5 ถึงตอนนั้นค่อยช่างใจอีกทีละกัน