Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Life is Strange (2015) Game Review
FallsDowns at 2016-06-08 23:30:20 , Reads (10281), Comments (4) , Source :


Life is Strange (2015) Game Review



Life is Strange เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของวิดีโอเกม ซึ่งใช้พลังของการหั่นเป็นตอนต่างๆ นอกเหนือจากเกมของค่าย Telltale ได้เป็นอย่างดี ด้วยแต่ละตอนที่วางปม วางเรื่องราว นำเสนอตัวละคร หรือให้บางอย่างกับผู้เล่นตลอดเวลา จนนำไปสู่ความสัมพันธ์ และการตัดสินใจอันแสนยากลำบากในตอนสุดท้าย

ในด้านของเกมเพลย์ Life is Strange ก็ยังคงไม่แตกต่างไปจากเกมของค่าย Telltale ที่อาศัยเนื้อเรื่องและการตัดสินใจของผู้เล่น นำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างเป็นหลัก

แต่จุดหนึ่งที่ดูจะแตกต่างไปจากเกมประเภทเดียวกันอื่นๆ ก็คงจะเป็นธีมและอารมณ์ประเภท Coming of Age ของมัน ซึ่งทำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น เฉกเช่นระบบการตัดสินใจของผู้เล่น ที่สามารถนั่งคิดได้อย่างเต็มที่ แตกต่างจากเกมของ Telltale ที่มักจะมีเวลาคอยจำกัดเราอยู่เสมอ (โดยเฉพาะ The Walking Dead) แต่ในอีกมิติหนึ่ง ธีมและอารมณ์ประเภทนี้ ก็ให้เวลากับผู้เล่นในการที่จะซึมซับอารมณ์ต่างๆในเกม สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างตัวละครกับผู้เล่น จนเข้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในเกมในที่สุดเช่นกัน



ถ้าหากจะมีจุดติซักจุดใน Life is Strange ก็คงจะเป็นช่วงระยะห่างระหว่างตอนที่เรา 'เล่นเกม' เช่น ควบคุมตัวละครหรือตัดสินใจอะไรบางอย่าง กับช่วงที่นั่งดูคัทซีนเฉยๆ มันไม่ค่อยสมดุลเท่าไรนัก บางฉากนั่งดูคัดซีนนานมากจนแทบหลับ บางช่วงที่น่าจะมีตัวเลือกให้เราตอบเองก็กลับเป็นฉากคัทซีนเล่นต่อกันยาวนาน ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้เล่นเกม แต่เหมือนนั่งดูทีวีซีรีส์หรือภาพยนตร์เสียมากกว่า ซึ่งในมุมหนึ่งนี้คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับสื่อวิดีโอเกมเท่าไรนัก

ปัญหาจุดนี้ ดูจะส่งผลกระทบเป็นพิเศษต่อตอนสุดท้ายของ Life is Strange ในชื่อตอน 'Polarized' ซึ่งหลากหลายสิ่งใหญ่ๆเกิดขึ้น แต่พอฉากใดฉากหนึ่งไปถึงจุดพีคหรือจุดสูงสุดของมัน แทนที่ตัวเกมจะรีบสานต่อเพื่อที่จะคงอารมณ์ผู้เล่นไว้ได้ กลับมีฉากมาคั่นกลางหรืออะไรที่มาทำให้อารมณ์นั้นสะดุดและขาดตอนตลอดเวลา เช่น ฉากคัทซีนที่แทรกเข้ามาบ่อยครั้ง Puzzle แก้ปัญหาที่ไม่ค่อยน่าตื่นเต้น หรือการเปลี่ยนฉากไปๆมาๆหลายครั้ง เสมือนตัวผู้กำกับคุมการเล่าเรื่องไม่ค่อยจะอยู่ ทำให้อารมณ์พีคจุดนั้นตกลงไปอย่างรวดเร็ว นำมาสู่ฉากจบที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมมากเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม ในด้านเนื้อหาและประเด็นที่สอดแทรกอยู่ในเกมๆนี้ เรียกได้ว่าน่าทึ่ง น่าค้นหา น่าหยิบมาพูดถึงมากทีเดียว



Life is Strange นำเสนอการปะทะกันของความเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ กับวิทยาศาสตร์ ได้อย่างน่าสนใจ สะท้อนถึงปัญหาเรื่อง Global Warming ผ่านสองมุมมองได้อย่างดี แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือการเลือกตัวละครเจ้าของสองความเชื่อนี้ในเกม ให้เป็นการปะทะกันของภารโรงมากประสบการณ์ กับคุณครูวิทยาศาสตร์ นำมาสู่ประเด็นเรื่องชนชั้นอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ตัวเกมนำมาวิพากษ์วิจารณ์อยู่มากไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะการสะท้อนว่าปัญหาการแบ่งแยกชนชั้นเกิดขึ้นมาจากระบบทุนนิยมอันน่ารังเกียจ คนรวยก็เต็มไปด้วยอำนาจที่แทบจะกลืนกินเมืองทั้งเมือง ในขณะที่ชนชั้นแรงงานก็ต้องทำงานอย่างแทบเป็นแทบตายต่อไป

อีกสิ่งหนึ่งที่ตัวเกมพูดถึงค่อนข้างมากเนื่องจากตัวละครและฉากหลังที่อยู่ในช่วงวัยเรียน ก็หนีไม่พ้นการสะท้อนปัญหาการรังแก (bullied) ในสังคมวัยเรียนของอเมริกัน ซึ่งก็สะท้อนได้หลากหลายมุมมองดี แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่เท่าไรนัก

แต่แน่นอนว่า ข้อความและประเด็นที่เกมยอดเยี่ยมเกมนี้ ตั้งใจที่จะนำเสนอมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นประเด็นที่อยู่ในชื่อเกม 'Life' หรือ ชีวิต นั้นเอง



"Life is a B*tch" หรือ "ชีวิตมันโคตรไม่ยุติธรรม" ดูจะเป็นคำพูดที่บรรยายสิ่งที่ Life is Strange นำเสนอได้อย่างยอดเยี่ยมและตรงประเด็นมากที่สุด เพราะในขณะที่มันได้มอบประสบการณ์อันแสนประทับใจ สายสัมพันธ์ และความทรงจำที่สวยงามให้กับเรา

มันก็ได้มอบความทรงจำอันแสนข่มขื่น ให้ความรู้สึกที่ตัวละครไม่สามารถที่จะทำหรือเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นได้เลย แม้จะมีพลังพิเศษอันแสนเหลือเชื่อก็ตาม ในอีกความหมายก็คือ ชีวิต เป็นสิ่งที่หาทางในการเล่นงานและทำให้เราท้อแท้จนได้ ไม่ว่าเราจะหาวิธีทางหลบหลีกมันเท่าไรก็ตาม ทุกการกระทำของเรานั้นมักจะตามมาด้วยราคาที่เท่าเทียมกันเสมอๆ เฉกเช่นแนวคิด "การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม"

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เราสามารถทำได้ ก็มีเพียงการยิ้มและเชิดหน้าท้าท้องฟ้า ยอมรับกับชะตากรรมอันแสนไม่ยุติธรรมนี้ เราอาจตั้งคำถามมากมายว่าทำไมมันถึงเกิดเช่นนี้ขึ้นหรือทำไมมันถึงไม่ลงเอ่ยในรูปแบบอื่น คำตอบนั้นง่ายดายมาก ก็เพราะว่านี้แหละคือ "ชีวิต" แม้ว่าสิ่งๆนี้จะทั้งแปลกประหลาด และโหดร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่ามากที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้



Life is Strange เชื่อและต้องการที่จะเตือนให้เราระลึกเอาไว้เสมอ ว่าแม้ในวันที่มันดูท้อแท้หรือสิ้นหวังที่สุด จะมีคนคอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เราตลอดเวลา แม้เราจะมองไม่เห็นพวกเขาเหล่านั้นก็ตาม

Final Score: [ 9 / 10 ]

แสดงความคิดเห็น
คือ ผมอวยเกมส์นี้มากเลยนะ ส่วนตัวให้เป็น 1 ใน เกมส์ และ หนัง ที่ผมประทับใจมากกกกกไปตลอดกาล

ซื้อตอนมันลดราคาในสตรีม ไม่คาดหวังเลยว่ามันจะดีเด่อะไรมาก

ที่เจ๋งที่สุดคงเป็นการเล่าเรื่องที่ทำให้เราอิน และรักในตัวละครของมัน แต่ละคนมีมิติมีปมที่แตกต่างกันไปเป็นสีเทาๆ ไม่ดีสุด ไม่ร้ายสุด แล้วจนจบเรื่องคือการขมวดปมที่เข้มข้น และกินใจผมมาก

และข้อดีอีกอย่างคืคือ มันเล่นไปกับความรู้สึกของผู้เล่น ตรงที่เพลงที่เลือกใช้ ภาพ แสงเงาต่างๆ บทพูด ทุกอย่างมันกลมกลืนและสร้างอารมณ์ร่วมได้ดีมากสำหรับผมนะ

เล่นเกมนี้มีจุดที่ให้น้ำตาแตก 2 ครั้งนะฮะ ซึ่งปกติผมไม่เคยร้องไห้กับการเล่นเกมส์ไหนมาก่อนเลยจิงๆ

ข้อเสียที่เห็นด้วยกับ จขกท ตรงที่ Puzzle ค่อนข้างตื้นเขิน ไม่ได้สนุกมากเท่าไหร่ แต่มักน็ไม่ใช่แก่นหลักของเกมส์นี้
และส่วนตัวว่า ภาพของเกมส์ตรงมุมมืด นี่แม่งมืดจิงๆ เล่นแล้วมึนหัวชิบหาย
เป็นเกมแรกที่ทำให้ผมยอมซื้อเกม digital

ปกติผมเกลียดการซื้อแบบ digital มากๆๆๆ


แต่เกมนี้มันทำได้...และไม่ผิดหวังจริงๆ
ชอบ ost ของเกมนี้มาก
เกมนี้ชอบมากๆ