Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Top Gun Maverick

Reply
Vote
# Sun 5 Jun 2022 : 10:39AM

Soma555
member
Movie Previewer
Since 9/9/2008
(2559 post)


Top Gun Maverick : สักวันพวกเราก็คงสูญพันธ์ แต่ไม่ใช่ว้นนี้ !
.
ต้องบอกว่าผมเกิดไม่ทันยุคที่ Top Gun ฉายทำให้ไม่เข้าใจว่าหนังเรื่องนี้ทำไมถึงเป็นที่รักของคนยุค 80 มากนัก และด้วยกระแสของภาคต่อในรอบ 36 ปีของมัน ทำให้ผมสนใจและตัดสินใจหาภาคแรกมาชม ซึ่งผมรู้สึกว่าหนังมันไม่ได้เหนือกาลเวลาอะไร หลายอย่างออกจโบราณ รวมถึงเส้นเรื่องที่ดูแปลก ๆ ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ตองยอมรับว่าการถ่ายทำฉากเครื่องบินรบในยุคที่เทคโนโลยี CG ยังเป็นแค่ของเพ้อฝัน มันดูไม่เลวเลยทีเดียว
.
ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถไปชม Top Gun Maverick แบบไม่ต้องมีพื้นฐานภาคแรกเลย เพราะในหนังมันจะเล่าสิ่งที่เป็นเนื้อหาเชื่อมภาคแรกได้หมดครบถ้วนจนเป็นไปได้ยากที่คุณจะงง แต่ว่าหากคุณชมภาคแรกมาก่อน คุณจะเข้าถึงฟิลลิ่งบางอย่าง ทั้งในเรื่องของตัวละคร และ กาลเวลาที่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หนังแอบนำเสนอให้คุณ และที่สำคัญที่สุดคือ "การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย" ที่ต้องบอกว่ามันเหมือนการหยอกล้อวงการหนัง Blockbuster ของฮอลลีวู้ดในปัจจุบันก็ไม่ผิดเลย
.
ในหนังเราจะเห็นว่า Maverick ตัวเอกของเรื่องกำลังเผชิญกับปัญหา "หมดยุคสมัย" ของเขา เมื่อโลกไม่ได้ต้องการนักบินเพราะเทคโนโลยีโดรนกำลังเข้ามาแทนที่พวกเขา ซึ่ง Maverick ก็รับรู้ว่าวันใดวันหนึ่งพวกเขาก็จะไม่มีประโยชน์และถูกลืมไปในที่สุด ที่สำคัญเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยื้อเวลา "แต่จุดจบมันยังไม่ใช่วันนี้" และหนังก็แสดงให้เห็นการต่อสู้เพื่อคงไว้ซึ่งบทบาทของตัวเองในยุคสมัยนี้ ให้รู้ว่านักบินยังคงอยู่และยังสำคัญในตอนนี้ก่อนที่เวลาที่พวกเขาสูญพันธ์จะมาถึง
.
ประเด็นนี้มันสามารถมองได้อีกแบบว่า Tom Cruise ผู้รับบท Maverick (และโปรดิวเซอร์ของหนัง) กำลังพูดถึงวงการหนัง Blockbuster ของฮอลลีวู้ด ว่า
.
นักบิน = หนัง Blockbuster ในยุค 80 - 90
โดรน = หนัง Blockbuster ในยุคปัจจุบัน
.
Tom Cruise มองว่าหนัง Blockbuster ในยุค 80 - 90 ที่มีความหลากหลาย มีความกล้าในการทำอะไรมากมาย แต่ในยุคสมัยนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว ในปัจจุบันหนัง Blockbuster ขับเคลื่อนด้วยหนังแฟรนไชส์, หนังซุปเปอร์ฮีโร่จักรวาลที่ยิ่งใหญ่ และสตูดิโอไม่ได้ให้ความสำคัญกับสไตล์ Blockbuster ในยุค 80 - 90 แต่ Tom Criuse ก็อยากบอกว่ามันยังไม่ถึงเวลานั้น พวกเขาอาจไม่มีที่ในอนาคต แต่มันไม่ใช่วันนี้ และเขาจะนำเสนอยุคสมัยของเขาออกมาให้ได้ดูกัน
.
Top Gun Maverick พาเราไปสัมผัสหนัง Blockbuster แบบ Old School ที่ทุ่มทุนสร้าง เห็นถึงความยิ่งใหญ่ ใครก็ดูได้ และดูจบแล้วออกมาอิ่มเอมใจ มันจัดเต็มด้วยฉากเครื่องบินรบที่ถ่ายทำออกมาอย่างสวยงาม และระทึกใจจนขนาดที่ต้องบอกว่า เป็นหนังที่มีฉากเครื่องบินรบที่ดีที่สุด ก็ไม่ได้โม้เหม็นจนเกินไป ผสานไปกับการสร้างเอกลักษณ์ของตัวละครที่อาจไม่ได้ดีเยี่ยม แต่มันก็ใช้ได้ในแง่สร้างอารมณ์ร่วมไปกับคนดูและเชียร์ให้พวกเขาปลอดภัยไปจนจบเรื่อง ซึ่งมันส่งผลต่อฉากแอ็คชั่นให้ดียิ่งขึ้น ลุ้นมากขึ้น และอินตามไปด้วย
.
ที่สำคัญหนัง Tribute หลายอย่างจากภาคแรกได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งการสานต่อปมในใจของ Maverick ที่มีบทสรุปอันลงตัว หลายฉากให้ความเคารพต่อภาคแรก (แฟน ๆ ผมเชื่อว่าน่าจะยิ้มกันตั้งแต่เปิดเรื่องเลยแหละครับ) แม้กระทั่งฉากที่มีตัวละครเก่าออกมา มันมีพลังและน่าประทับใจอย่างมากสำหรับแฟน ๆ ภาคแรก
.
หากจะถามว่าหนังมีข้อเสียไหม ถ้าในความรู้สึกของผม ผมคิดว่าเพราะพอหนังมันเป็นหนังที่มี Tom Cruise ตัวเอก แน่นอนว่าหนังก็ขะเน้นโชว์ความเทพ ความหล่อ ของป๋าแกแบบไม่มีกั๊ก และลดความสำคัญบางอย่างออกไป ซึ่งสิ่งที่ผมเสียดายคือความสัมพันธ์ในทีมนักบินของภาคนี้ มันยังขาดความน่าเชื่อถือว่าสามัคคีกันได้อย่างไร หนังมีเพียงฉากเดียวที่บอกความผูกพันของทีม ซึ่งผมมองว่ามันน้อยเกินไปหน่อย รวมถึงสายที่ไม่ชอบหนังแนว Propaganda อาจจะไม่โอเคเท่าไหร่นัก (ซึ่งจริง ๆ ตัวหนังเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว)
.
หลาย ๆ คนอาจรู้สึกว่ามันเป็นข้อเสียในเรื่อง บทของหนังเป็นเส้นตรง คาดเดาได้ทุกอย่างไม่มีอะไรพลิกโผ หักมุม หรือข้อคิด, ประเด็นที่แทรกในหนัง แต่ในเมื่อความตั้งใจของทีมผู้สร้างที่จะพา Top Gun Maverick แบบ Old School ที่ให้เราเห็นว่า สิ่งที่คนดูมองว่ามันเป็นข้อเสีย ก็ไม่ได้สำคัญเสมอไปหากจะทำหนังให้มัน สนุกไปจนจบได้อย่างน่าประทับใจ
.
Top Gun Maverick ประสบความสำเร็จในการพาผมกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองของหนัง Blockbuster แบบ Old School มันไม่ต้องสานต่อจักรวาลให้ยิ่งใหญ่, ไม่ต้องมีประเด็นซุกซ่อน หรือ ความพยายามเอาใจประเด็นที่ถกเถียงในสังคมจนละเลยส่วนอื่น สิ่งที่มันมอบคือความบันเทิงเต็มสูบ ที่โชว์ให้เห็นถึงความปราณีตมทางงานสร้าง ยิ่งใหญ่สมกับทุนสร้างที่ลงไป ย่อยง่าย ดูจบแล้วอิ่มเอมใจ
.
แม้หนัง Blockbuster แนวนี้อาจสูญพันธ์ไปสักวัน แต่ Top Gun Maverick ก็แสดงให้เห็นว่า "มันยังไม่ใช่วันนี้"

Reply
Vote




1 online users
Logged In :