ผมใช้ C2 ทำจอคอม แต่เปิดไม่บ่อย เล่นเกม กับดูอนิเมะเท่านั้นฮะ ไม่เปิดซี้ซั้ว กลัวมันเบิร์นเหมือนกัน

ใช้มา 2 ปีแล้ว เฉยๆ ไม่มีอะไรเสียทีฮะ

ผมเคยใช้ 48cx อยู่ครับ ประกันเพิ่งหมดไป ใช้เป็นจอคอม+ดู netflix ล่อไป 10K ชั่้วโมงบวกครับ ยังไม่เบริน แต่เวลาใช้เป็นคอมพิวเตอร์ผมซ่อน taskbar นะครับกับตั้งให้มันเป็น screen sever เปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆกรณีไม่ได้อยู่หน้าคอมแล้วเปิดทิ้งไว้
แต่ถ้าเป็นคนไม่อยากมาต้องระวังอะไรแบบนี้ผ่าน oled ไปก่อนก็ได้ครับ

55CX ฮับ ใช้หลักๆ แค่ 2 Picture Mode
Vivid (User) ปรับแป๋นสะใจ เวลาเล่นเกม
Standard (User) เวลาทำงาน ปรับค่าพวก
Brightness&Contrast ให้จอมืดๆ สบายตา

ใช้รีโมท กดสลับ Mode ไปมา Happy ฮับ

มีเกิด Damage กับ TV ไหม? มีอยู่ 2 เรื่อง


ส่วนตัว คือใช้มาได้ 3-4 ปี จนติดเป็นนิสัยไปแล้ว
ชินกับ 55 เล็กกว่านี้ก็ไม่ได้ ใหญ่กว่าก็ไม่น่าไหว
(อยาก upgrade อยู่ เพราะเห็นรุ่นหลัง UI ดีกว่า)

ใช้ 55 เลยหรอครับ ของผมตอนเปลี่ยนจากจอ 32 มาเป็น 48 นี่ปรับตัวซักพักใหญ่ๆเลย ส่วนโหมดของผมใช้แต่ game mode อย่างเดียวเลย ยกเว้นตอนดูหนังพวก netflix ผ่าน app ในตัวทีวีเลย

ไม่ได้ใช้ lg แต่ใช้ qled ของซัมซุง [Link]

ข้อดี สว่างกว่า oled มากๆ ไม่ต้องกังวลเรื่อง burn in ใช้งานแทนจอคอมได้เลยไม่ต้องปรับอะไร ไม่มีปัญหาเรื่อง auto brightness limiter ซึ่งอันนี้เป็นจุดที่ผมรับไม่ได้เลยกับ oled tv เปิดดูพวก static content (พิมพ์งาน-อ่านเว็บ) สักระยะหน้าจอจะลดแสงเอง ถ้าเป็น oled monitor รุ่นใหม่ๆ จะมีระบบแก้ตรงนี้ชื่อว่า uniform brightness แต่ราคาก็ถีบตัวขึ้นไปอีก 32 นิ้ว 5-6 หมื่นโน่นเลย

จุดด้อยของ qled คือ การแสดงสีดำยังไม่สมบูรณ์แบบเท่า oled (แต่ดีกว่าจอคอมทุกประเภทที่เคยใช้มา) มี ghosting อยู่ระดับเดียวกับจอ va ทั่วๆ ไป และ viewing angle ค่อนข้างแย่

ผมนั่งทำงานไกลจอเยอะอยู่ครับ ท่าน yamihisui
ประมาณ 1.2+ เมตร เวลาเล่นเกมนั่งห่าง 4+ เมตร

ใช้c2มาปีครึ่ง เปิดหนักไม่ใช้ตัวช่วยรักษาจอ เปิดหน้าเดิมค้างไว้ยังไม่เบิร์นครับ
ดูหนังเล่นเกมดีหมด oledค่าresponse timeมันต่ำกว่าพวกเกมมิ่ง มอนิเตอร์ทั่วไปเยอะอยู่
อีกอย่างoledสบายตากว่าledทั่วไปพอสมควรเลย น่าจะเป็นจอที่คุ้มเงินที่สุดที่เคยใช้มาแล้วครับ

จอพวกนี้มีโกสมั้ยครับ กำลังสนใจเหมือนกันอยากได้จอ Oled มาต่อคอม

ถาม Gemini มา เขาว่ามีน้อยกว่าฮับ

Ghosting มันมี 2 ส่วนครับ

• ส่วนที่เกิดจาก panel ซึ่งส่วนใหญ่ที่เกิดจะเป็น LCD เนื่องจากตัว crystal มันต้องหมุนบิดแบบ physical ซึ่งมันใช้เวลากว่าจะบิดเปิดกว่าจะบิดปิด เช่น พอพิกเซล x กำลังเคลื่อนที่ไปทางขวา ก็จะไปเปิดพิกเซล x+1 ขณะเดียวกันก็ปิดพิกเซล x แต่มันทำงานช้ากันทั้งคู่ เลยเป็น ghost ขึ้น ขณะที่ self-lighting/self-emitting แบบ OLED ไม่เป็น(ปล่อยไฟไปก็เปล่งแสงเลย ปิดก็ดับเลย)
•• มองง่ายๆก็เหมือน HDD(LCD) vs SSD(OLED)
•• ด้วยความช้านี่แหละ มันเลยเกิดการใช้วิธี sample and hold คือ sample ภาพขึ้นมาว่าต้องแสดงสีอะไรแล้วก็ค้างไว้เลยจนเปลี่ยนเป็นสีถัดไป จะไม่ได้กระพริบปิดจอไปแล้วเปิดขึ้นมาใหม่เหมือน Plasma (เท่าที่รู้ OLED ก็น่าจะยังใช้ sample and hold นะ)
••• เป็นที่มาของการวัด response time แบบ gray to gray (gtg)

• อีกส่วนคือ เกิดจากประสาทตากับสมองเรานี่แหละครับ คือ มันจะเกิดเป็นภาพจำภาพค้างชั่วคราว ซึ่งเขาก็แก้กันด้วยการใส่ Black Frame Insertion (BFI) เข้าไป ให้มันแทรกเฟรมสีดำเข้าไปด้วย เพื่อรีเฟรชภาพที่ค้างจากสมองเรานั่นแหละครับ
•• ที่บอกว่า OLED ก็น่าจะยังใช้ sample and hold ก็เพราะ OLED ก็ยังมีการใช้ BFI นี่แหละครับ ซึ่งตัวเทพๆที่ผมจำได้ก็เป็น LG CX ที่ทำ BFI 120Hz ได้ (ลองเสิร์ชดูเห็นว่า C1 C2 ด้วยแต่ผมไม่ชัวร์)

สรุป OLED ยังมี ghosting ไหม ตอบว่ามี แต่ไม่ได้เป็นส่วนที่เกิดจากตัว panel แต่เป็นส่วนที่เกิดจากประสาทตากับสมองเรา ต้องเปิด BFI ช่วย

ข้อเสีย BFI จะทำให้ความสว่างโดยรวมลดลง และอาจจะเพิ่ม input lag ด้วยถ้าไม่ได้เป็น BFI แบบเทพๆที่ทำงานบนความถี่สูงๆได้