เคยคิดมาตั้งนานแล้วแหละครับ ว่าอยากจะรีวิวเกมนี้ให้ได้ซักที ส่วนนึงก็คงเพราะติดตามซีรียส์นี้มานานเนื่องจากไปเห็นบล็อคทำบทสรุปของเกมซีรียส์นี้ ไปอ่านเนื้อเรื่องที่บล็อคแห่งหนึ่งแปลพอรู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นแฟนซีรียส์นี้ไปซะอย่างงั้น อีกส่วนนึงก็เพราะไม่ค่อยมีใครมารีวิวเกมนี้กันจริงๆจังๆเลยซักคนมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว เลยอยากจะลองมารีวิวด้วยตัวเองดูครับ นี่เป็นการรีวิวเกมครั้งแรกของผม มีข้อติชมยังไงก็ขอฝากด้วยละกันครับ

สำหรับภาคsen นี้ถือเป็นภาคที่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างเลยทีเดียว ตั้งแต่ระบบต่อสู้ที่ถูกพัฒนาต่อยอดให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ระบบลิงค์ที่เพิ่มเข้ามาทำอะไรได้ค่อนข้างหลากหลายดี ถือเป็นการรวมเอาจุดเด่นของภาคก่อนๆเข้ามารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถึงจะแอบเคืองเล็กน้อยเหมือนกันที่ตัดระบบ คอมบิคราฟท์ของภาคที่แล้วออกไป แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นจากภาคที่แล้วค่อนข้างมาก เพราะนอกจากการโจมตีต่อเนื่องที่เป็นจุดเด่นของระบบแล้ว ยังมีการช่วยฮีล ช่วยรักษาสถานะผิดปกติ เข้ามากันแทน และที่สำคัญที่สุดคือช่วยชุบชีวิตตอนที่คู่ลิงค์ตายได้อีกด้วย ซึ่งความสามารถจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน ทำให้ตัวเกมดูหลากหลายไม่น่าเบื่อ แต่ที่EPICที่สุดในระบบต่อสู้ของภาคนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการดวลกันของหุ่นยนต์หรือที่ในเกมเรียกกันว่า “ศึกเทวะอัศวิน” ที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นนานแล้วสำหรับJRPG หัวใจสำคัญของระบบนี้คือการควานหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ถ้าตีถูกที่จะมีโอกาสทำคอมโบต่อเนื่องได้ แต่หากโจมตีผิดจุดจะโดนสวนคืนเอาได้ง่ายๆ แถมบางทีโดนสวนไม่พอมันยังโจมตีซ้ำได้อีก เรียกได้ว่าตีพลาดเมื่อไหร่นรกก็มาเยือนเมื่อนั้น แต่ถึงจะพูดแบบนั้นพอขึ้นภาคสองช่วงแรกๆระบบต่อสู้อันนี้ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกกดดันเลยแม้แต่นิด เพราะตัวช่วยของรีนมันเยอะเกินไป ทั้งเติมเลือด ชาร์จ cp แล้วก็ ep ได้แบบไม่มีหมด และยังสามารถบัพสเตตัสของเรา และดีบัพสเตตัสของคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย ถ้าคอยระวังดีๆก็ชนะได้ไม่ยากเท่าไร จะมากดดันจริงๆตอนเจอพวกระดับบอสที่ตีไม่เข้ากับอีกตัวนึงที่หลบโคตรเก่ง เรียกได้ต้องใช้สมองในการใช้ EP และCPอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเจอลาสบอสที่epicมากๆ เล่นไปก็แทบจะขนลุกกันเลยทีเดียว


อีกสิ่งที่สร้างความประทับใจในเกมนี้ได้ไม่แพ้กันคือเนื้อเรื่องครับ ที่รวมเอาทั้งการหักมุมเอย ฉากเศร้าที่ทำได้ดีกว่าที่คิดเอย และฉากจบที่น่าประทับใจเข้าไว้ด้วย เรียกได้ว่าฟาลคอมนี่เป็นทีมงานที่ชอบทำให้คนเล่นช็อคเป็นงานอดิเรกจริงๆ เพราะความจริงในฉากจบของเกมนี่ทำเอาผมเงิบไปหลายตลบเลยทีเดียว ต้องขอชมด้านการกำกับภาพจริงๆ ทั้งที่เอฟเฟคท์โดยรวมก็ไม่นับว่าสวยงามตระการตาอะไร แต่กลับนำเสนอจนทำให้ผมอินจนน้ำตาร่วงได้ แถมฉากสุดหลังปราบบอสใหญ่จริงๆลงได้ก็ซึ้งจนน้ำตาร่วงเหมือนกัน เพราะบางทีผมเองก็เกือบจะลืมไปแล้วเหมือนกันว่าเจ้าพวกนี้ยังเป็นแค่เด็กนักเรียนเท่านั้น ซึ่งห้องเจ็ดทุกคนเองก็เข้าใจในเรื่องนี้ดีถึงได้พยายามกัดฟันอดทนและมองไปข้างหน้ามาตลอด ความรู้สึกที่ต้องบอกลาเพื่อนที่ได้ใช้เวลาร่วมกันมาตลอด1ปี หลายๆคนก็คงจะพอเข้าใจได้ ซึ่งฟาลคอมก็นำเสนอความรู้สึกนี้ออกมาได้อย่างเหนือชั้น


จุดที่น่าขัดใจใน Sen no Kiseki ภาคแรก ส่วนใหญ่ก็ถูกแก้ไขในภาคสอง เช่นเวลาเก็บข้อมูลตัวละครก็มีการขึ้นตัวหนังสือบอกเอาไว้ด้วย และยังการเพิ่มความลับในเกมเข้า ที่มีทั้งดันลับและเนื่อเรื่องเสริมเพิ่มเข้ามาในการเล่นรอบสองเป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียอะไรเลย แม้ภาคสองจะมีการเพิ่มดันเจี้ยนเข้ามาค่อนข้างเยอะ แต่เมืองใหม่กลับเพิ่มมาแค่เมืองเดียวนอกนั้นใช้ของเก่าหมด อีกเรื่องนึงคือเสียงพากย์ที่น้อยยิ่งภาคที่แล้ว แต่ก็คงช่วยไม่ได้สำหรับค่ายเกมที่ไม่ได้ใหญ่มากแบบนี้จะให้ทำแบบฟูลวอยส์เหมือนบางค่ายก็ใช่ที่ แล้วภาคนี้ก็มีตัวละครเพิ่มมาเยอะพอดูเลยทำให้ต้องตัดเสียงพากย์ของตัวละครในภาคแรกบางตัวทิ้งไป เรื่องเอนจิ้นที่ใช้ในภาคถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคโพลีก้อน3Dของซีรียส์คิเซกิอย่างเต็มตัวแม้จะช้าไปหน่อยก็ตาม เรื่องกราฟฟิคอาจจะมีอะไรที่ขัดหูขัดตาไปบ้างแต่ในแง่ของการแสดงสีหน้าถือว่าทำออกมาได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียว


โดยรวมแล้วถ้าไม่ติดใจเรื่องกราฟฟิคหรือการดำเนินเรื่องในช่วงแรกๆที่เหมือนเกมจีบสาวไปบ้าง ลำดับที่3 ของคิเซกิซีรียส์อันนี้ก็ว่าเป็นเกมดีที่คอJRPGควรหามาเล่นครับ
สรุปคะแนน
ระบบเกม 10/10
เนื้อเรื่อง 10/10 (ตอนแรกว่าจะให้ซัก8แต่พอเห็นฉากจบสุดท้ายที่ทำออกมาได้ดีมากเลยให้เต็มครับ)
กราฟฟิค 7/10 (ก้าวแรกของโพลีก้อนทำออกมาได้ดีผิดคาด แต่ยังต้องปรับปรุงกันอีกเยอะ)
ตัวละคร 8/10 (ช่วงสุดท้ายตัวละครที่ใช้ได้มีให้เลือกเกือบ20คน แต่พกไปได้แค่7คนเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเกลี่ยบทตัวละครได้ค่อนข้างดี ไม่มีตัวไหนที่ไม่เด่นนะในความคิดผม)
เพลง 10/10 (JDK Band ก็ยังคงเป็นสิ่งที่สร้างความมั่งคั่งให้แก่ฟาลคอมอยู่เช่นเคย เรียกได้ว่าเทียบชั้นกับเกมดังๆได้เลยทีเดียว)
สรุปให้ 8.5/10ครับ หักตรงดำเนินเรื่องเป็นเกมจีบสาวเหมือนการ์ตูนฮาเร็มไปนิด