Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Star Trek Beyond (รอดตัวเพราะกินบุญเก่า)

Reply
Vote
# Mon 25 Jul 2016 : 1:19PM

Slashmeplease
member
หลังเขา รุ่นที่ 3
Since 25/7/2010
(2337 post)
Review : Star Trek Beyond

ผู้กำกับ : Justin Lin (Fast & Furious 4, Fast Five, Fast & Furious 6)

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ Leonard Nimoy (Spock ในวัยชรา) และ Anton Yelchin (Chekov) ด้วยครับ RIP ครับ

ผมชอบซีรี่ส์ Star Trek reboot ที่เริ่มต้นโดย JJ Abrams ตั้งแต่ปี 2009 มาก เรียกได้ว่าเป็นติ่งเลยก็ว่าได้ โดย Star Trek (2009) นั้นผมคิดว่าเป็นหนึ่งในหนังรีบูทที่ดีที่สุดเลยทีเดียว เป็นการนำตัวละครและ Setting จากซีรี่ส์ยุค 60 กลับมา เพิ่มความสนุกตื่นเต้น + ความ Modern เข้าไป ทำให้ Star Trek กลับมาเป็นซีรี่ส์ภาพยนตร์ชั้นนำอีกครั้งหลังจากที่เป็นหนังฟอร์มรองมาตลอดครับ (แถมยังทำการ Reset จักรวาลในซีรี่ส์ได้อย่างสมเหตุสมผลอีกด้วย) ส่วนภาคต่อ Star Trek Into Darkness ในปี 2013 นั้น ก็ทำการสานต่อความสำเร็จจากภาคแรกได้เป็นอย่างดี ถึงแม้หนังจะตามสูตรไปหน่อยแต่ความสนุกบันเทิงนั้นจัดเต็มมากๆและยังมีตัวร้ายที่มีเสน่ห์น่าจดจำมากๆอีกด้วย จนมาถึงภาคล่าสุด Star Trek Beyond นั้นตอนแรกหนังน่าเป็นห่วงนิดๆครับเพราะมีการเปลี่ยนผกก.เป็น Justin Lin จากซีรี่ส์ Fast ซึ่งเขาไม่เคยทำหนังไซไฟมาก่อน ส่วน JJ Abrams ถอยไป Produce แทนเนื่องจากตารางเวลาชนกับการกำกับ Star Wars ครับ (คนเก่งก็งี้ จับแต่โปรเจคยักษ์ๆ 555) มาดูกันว่า Star Trek เวอร์ชั่นเร็วแรงทะลุนรกนี้จะตอบโจทย์แฟนหนังได้หรือไม่ครับ



Star Trek Beyond นั้นเป็นการผจญภัยอีกครั้งหนึ่งของกัปตัน James T. Kirk (Chris Pine) และเหล่าลูกเรือยาน Enterprise ที่ถูกมนุษย์ต่างดาวสาวเข้ามาขอความช่วยเหลือ ให้มาช่วยลูกเรือของเธอที่หลงทางอยู่ในเนบิวลาแห่งหนึ่ง แต่เมื่อยาน Enterprise ไปถึงกลับถูกโจมตีจากกลุ่มยานที่มีลักษณะเหมือนฝูงผึ้งจำนวนนับไม่ถ้วนจนยานตก และเหล่าลูกเรือกระจัดกระจายกันไป Kirk และเหล่าลูกเรือต้องหาทางเอาตัวรอดมารวมตัวกัน และสืบให้ได้ว่าเหล่าร้ายกลุ่มใหม่นี้เป็นใคร และมีจุดประสงค์อะไรครับ

เมื่อได้ชมภาพยนตร์จบแล้ว ผมคงต้องยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังเล็กๆครับ เพราะนี่เป็น Star Trek Reboot ที่บทอ่อนที่สุดในสามภาคเลยทีเดียว ประเด็นรองต่างๆ เช่น ความอิ่มตัวในการท่องอวกาศของ Kirk และ Spock ค่อนข้างเบาหวิว ตัวละครใหม่อย่าง Jaylah มนุษย์ต่างดาวสาวที่มาร่วมต่อสู้ในช่วงกลางเรื่องก็ไม่โดดเด่นเท่าที่ควรจะเป็น (ปมของเธอค่อนข้างจะจบแบบปาหมอนไปหน่อยด้วยซ้ำ) แถมตัวร้ายยังไม่ค่อยน่าจดจำด้วยครับไม่สามารถที่จะเทียบกับ Kahn หรือแม้แต่ Nero ในภาคแรกได้เลย ทั้งในด้านแรงจูงใจและพิษสงความร้ายกาจ แต่สิ่งที่ช่วยหนังไว้ก็คือ เคมีความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าลูกเรือ Enterprise ที่คราวนี้ถูกแยกไปเป็นคู่ๆ มีจังหวะรับส่งมุกให้อมยิ้มได้ตลอด ซึ่งเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งที่ JJ Abrams สร้างไว้ตั้งแต่สองภาคแรก และฉากแอคชั่นที่นาย Justin Lin ใส่มาเต็มที่ แถมยังมาในแนว non-stop ให้ลุ้นได้แบบไม่ต้องพักเลยทีเดียว (ฉากกึ่งๆจะแข่งยานแนว Fast ก็มา) จนสามารถประคองหนังให้คนดูสนุกได้ตลอดรอดฝั่งจนไม่ต้องไปกังวลเรื่องบท, plothole มากครับ (ถึงช่วงลุ้นทีไรภรรยาผมจิกมือผมแน่นทุกที 555)



ส่วนงานด้านโปรดัคชั่นนั้นค่อนข้างดีมากทีเดียวในแบบฉบับหนังทุนสูงครับ ทั้งงานภาพ+เทคนิคพิเศษที่ยังคงทำได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย แทบไม่เห็น CG ไม่เนียนครับ ถึงแม้การออกแบบ Scene จะยังไม่อลังการเท่าสองภาคแรกก็ตาม ส่วนดนตรีประกอบนั้น เป็น Variation ของธีม Enterprising Young Men ที่ Michael Giacchino ได้แต่งไว้ตั้งแต่หนังรีบูทภาคแรก ซึ่งผมนั้นชอบธีมนี้มากจริงๆและในภาคนี้ก็เอามาใช้ได้โอเคดีครับ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเพลง Sabotage จากวง Beastie Boys ที่เด่นมากๆในเทรลเลอร์ และในหนังก็มีการเอามาใช้อย่างฉลาดเชียวครับ จะเป็นอย่างไรต้องไปดูเอง ถือเป็นฉากที่บันเทิงที่สุดฉากหนึ่งในหนังเลยทีเดียว

ทีมนักแสดงเหล่าลูกเรือ Enterprise มากันครบทีมครับ ต่างคนต่างถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้ดี ถึงแม้จะไม่ใช่บทบาทการแสดงระดับหวังรางวัลก็ตามแต่เคมีของเหล่าลูกเรือนี่แหละที่เป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สุดของ Star Trek Beyond ครับ ก็ถือว่าน่าเป็นห่วงทีเดียวว่าอนาคตของซีรี่ส์นี้นั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป เนื่องจาก Anton Yelchin ในบท Chekov ก็เสียชีวิตแล้ว อีกทั้งดาราหลายคนก็หมดสัญญาเล่นซีรี่ส์ Star Trek แล้ว เช่น Zachary Quinto ในบท Spock (ซึ่งถ้าขาดคนนี้ไปนี่แย่แน่) ต้องรอดูกันครับว่าทาง Paramount จะแก้ไขปัญหาอย่างไรครับ



สรุป ถึงแม้หนังจะบทค่อนข้างอ่อน แต่รากฐานที่ JJ Abrams สร้างตัวละครต่างๆไว้ และฉากแอคชั่นสนุกๆก็ช่วยหนังไว้ได้ครับ อย่างไรก็ตามถ้ามีภาคหน้าก็อยากให้มันกระเตื้องขึ้นมาหน่อยนะ ดูแย่ลงๆยังไงไม่รู้

คะแนน : ให้ 7.9/10 แต่ถ้าคุณเป็นติ่ง Star Trek แบบผม เพิ่มไปอีก 0.1 เป็น 8/10 (A) ครับ ปัดเกรดกันหน้าด้านๆ 555

*ของแถม คราวนี้ไม่มีสาวๆครับ แต่ขอแปะ OST จอมโขมยซีนหน่อยละกัน ทั้งงาน Score และงานแร็พครับ 555





ติดตามรีวิว + พูดคุยเรื่องหนัง, เกม, การ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับ [Link]
[Edited 1 times Slashmeplease - Last Edit 2016-07-25 13:20:24]

Reply
Vote




1 online users
Logged In :