Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
รีวิวมือถือ Oneplus 3 ฉบับชาวบ้านใช้จริงเจ็บจริง - ราคาเป็นมิตร สเปกป่าเถื่อน พยายาม Pure แต่ไม่พอเพียง *Update

Reply
Vote
# Wed 27 Jul 2016 : 4:02PM

Marnburapa
staff

Since 5/4/2006
(23810 post)


นับแต่การมาของสังคมก้มหน้า นี่เป็นมือถือ Smart Phone เครื่องที่สามของผม (ไม่นับซัมซวย Y กึ่งสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของผมอะไรนั้น ที่พบกันด้วยดี จากกันแบบอย่าเจอกันอีก) โดยเครื่องแรกเป็น Sony Xperia V ตามมาด้วย LG G3 ซึ่งผมจะรีวิวอย่างตรงไปตรงมาด้วยเทียบกับประสบการณ์การใช้งานสองเครื่องที่ผ่านมาข้างต้นนะครับ

จะว่าเป็นไบแอสของผมโดยแท้ก็ด่าผมได้ไม่ว่าอะไร ผมไม่กลาง ประสบการณ์ของผมเป็นงี้

อย่าถามหาถ่ายภาพสวยไหม เทียบเครื่องโน่นเครื่องนี่เป็นไง ผมไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ผมใช้ Art ในการรีวิวเป็นหลัก เป็นความรู้สึกเกือบล้วนๆ ซึ่งสอนข้อสำคัญข้อหนึ่งซึ่งทำให้ผมทราบเหตุผลว่าเราไม่ควรบ่นว่า โทรศัพท์ไรฟะ ขายแพง สเปกกาก คือ "สเปกไม่ใช้ทุกอย่าง แต่ประสบการณ์การใช้งานนั้นคือของจริง"

ดังนั้น รูปสวยไม่สวยมีคนทำไว้ละ ไปหารีวิวอื่นดูละกัน มีคนทำไว้เยอะละ จะพูดถึงนิดหน่อย เอาเรื่องใช้งานจริง จิ้มๆ รูดๆ ล้วนๆ

สเปกคร่าวๆ หลายคนคงทราบกันละ เอามาให้ดูอีกรอบ

CPU - Qualcomm® Snapdragon™ 820
GPU - Adreno™ 530
RAM - 6GB LPDDR4 ฮือฮากันก็ตรงนี้ และมีผลในการใช้งานมากจริง
Storage - 64GB UFS 2.0 เพิ่ม SD card ไม่ได้เช่นเดิม
Sensors - Fingerprint sensor, Hall sensor,
Accelerometor, Gyroscope, Proximity sensor,
Ambient light sensor and Electronic Compass
Ports - USB 2.0, Type-C
Dual nano-SIM slot
3.5 mm audio jack

รันบน Oxygen OS 3.2.1 (ล่าสุด) แอนดรอยด์ 6.0 ครอบด้วยลันเชอร์ Oneplus ที่ผมจะบ่นต่อไป

รูปทรงภายนอก







ตัวเครื่องทำด้วยอลูมิเนียมชิ้นเดียวขอบมน จับแล้วยอมรับดูพรีเมี่ยมหรูหราเกินหน้าเกินตามราคามันไปมาก แต่แอบลื่นจับไม่ติดมือเท่าไหร่ ควรใส่เคสให้จับถนัดๆ (Nillkin ที่จะข้างหลังสาก แต่ผมว่ามันลื่นหลุดมือได้ง่ายมากกว่าที่คิดนะ แต่ดีขึ้นเยอะ) แถมตัวเครื่องถึงบางจริง แต่กล้องปูดออกมาแบบโทรศัพท์ดังๆหลายรุ่น เอานะแลกกะความบาง เน้นว่าควรหาเคสมาช่วยจับนะ มือผู้ชายตัวใหญ่อย่างผม ผมว่าจับใช้มือเดียวลำบากอยู่



ตูดไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจ แมร่งลอกชาวบ้านเขามาเหอะ พูดเลย

จอ

คราวนี้ พี่หนึ่ง+ มาใช้จอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว สีสันจัดจ้าน สว่าง ไว้ใจได้ ไม่เถียง

แต่ปัญหานึงพี่พบคือ ระบบการปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัตินั้นทำงานได้ช้ากว่าที่คิด คือต้องใช้เวลาปรับประมาณ 4 วินาทีกรณีออกที่มืดมาในที่สว่าง และใช้เวลาประมาณเกือบ 10 วินาทีกรณีจากที่สว่างเข้าไปในที่มืด มันถึงจะปรับความสว่างหน้าจอให้ ตรงนี้ผมเข้าใจว่าปัญหาไม่น่าใช้เรื่องเซนเซอร์ที่รับแสง แต่เป็นระบบการทำงานของเครื่องที่ตั้งไว้ช้า เพราะฟังค์ชั่นอื่นที่ใช้เซนเซอร์นี่ทำงานได้ไม่มีปัญหา เช่น Ambient Display ทำงานได้ปกติ (เดี๋ยวจะพูดต่อไป)



อันนี้บอกไว้เลย และอาจถือเป็นปัญหา ถึงจะใช้กระจก Corning® Gorilla® Glass 4 แต่ไงๆเราคงหาฟิล์มมาแปะอยู่ดี ซึ่งมีติดมาให้กะเครื่องอยู่แล้ว แต่ด้วยว่ากระจกออกแบบมาในแบบที่เรียกว่า 2.5 D ที่ขอบมีความโค้งมน มันทำให้ไม่มีฟิล์มปิดได้ครบทั้งพื้นที่จอ จะพื้นที่ด้านข้างๆที่ฟิล์มครอบไปไม่ถึง สร้างความหงุดหงิดได้พอสมควรโดยเฉพาะเวลาตอนจำเป็นจะต้องไปทัชตรงขอบของมันจริงๆ อันนี้ถามคนขายแล้วว่ายังไม่มีฟิล์มกันรอยที่สามารถครอบได้เต็มพื้นที่ แม้กระทั้งฟิล์มกระจก เคยสั่งมาแล้ว แต่ก็เกิดปัญหาติดไม่สนิทมีฟองอากาศอยู่ดี

กล้อง

ไม่ขอพูดเยอะ ขี้เกียจทำ บอกกงๆ ไปหาอ่านเองและดูเทียบเองตามรีวิวชาวบ้าน เอาสรุปตาม Feel ส่วนตัว ใช้แต่ Auto ชัตเตอร์ไวดี ถ่ายรัวๆ ชอบตรงนี้ แต่รูปที่ได้ ผมว่าก็ไม่แต่แตกต่างจนฉีกกะ G3 ที่ผมเคยใช้

แค่นี้นะ

แบต

แบต 3000 mAh ชาวบ้านคงพอเพียงใช้งานทั้งวัน แต่จอมก้มหน้าอย่างผมใช้ได้ถึงสักบ่าย 2 น่าจะต้องชาร์ทละ อย่าเอาผมเป็นมาตรฐาน แต่ที่ดีมากๆคือมันแถมตัวชาร์ทเป็น Dash Charge (5V 4A) มาให้ ซึ่งชาร์ทได้เร็วจริงอะไรจริง ผมชาร์ททิ้งไว้จาก 3% ขึ้นไปตากผ้า ลงมาหลังจากนั้นประมาณ 20 กว่านาที ไฟไปถึง 50กว่า% ละ เร็วดี แต่ข้อเสียเล็กๆคือตัวชาร์ทและสายต้องใช้เฉพาะของมัน เป็นเทคโนโลยีของ Oneplus เอง (มั้ง) ใช้สาย USB C แบบอื่นจะไม่ใช้การชาร์ทแบบนี้ได้นะครับ ถ้าอยากได้เพิ่ม ไปแอบดูตัวชาร์ทกะสายของแท้มันก็ราคาแรงอยู่

การใช้งานประจำวัน

หัวข้อนี้ขอร่ายยาวละ





ข้อดีมาก่อน ยอมรับเลยว่าด้วยรอมของมันรวมพลังกะ 820 และ RAM 6GB มันใช้งานลื่นหัวแตกหัวแตนมากๆ แถมเปิดแอปได้เยอะนับได้เป็นสิบยี่สิบแอป สลับไปใช้ได้สะดวกๆ ไม่ต้องรีสตาร์ทแอปนั้นใหม่ ต่างจากตอนใช้ G3 มากที่รีสาร์ทแอปแทบทุกครั้งถ้าสลับใช้มากกว่า 3-4 แอป ถือเป็นข้อดีอันเป็นหลักชัยของมัน



ด้านข้างมี Alert slider ใช้ปรับโหมดเป็นโหมดเงียบ โหมดแจ้งเตือนเฉพาะบางแอป หรือโหมดปกติ ใช้สะดวกดี แต่ผมว่ามีก็ได้หรือไม่มีแล้วใส่ใน Shortcut เวลาปัดหน้าจอลงมาก็ได้



ข้างล่างมีปุ่ม Home ตรงกลางแบบสัมผัสพร้อมเป็นเซนเซอร์ลายนิ้วมือ และปุ่ม Soft key ที่เป็นปุ่ม Back หรือ Recent Apps แบบสัมผัสเช่นกันอยู่ข้างๆ ตั้งสลับก็ได้ หรือจะปรับมาใช้ปุ่ม On screen ก็ได้ตามใจคนใช้ เป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ถ้าใช้ปุ่ม On screen ปุ่ม Home จะใช้ได้เฉพาะเซนเซอร์ลายนิ้วมือ ใช้ฟังค์ชั่นอื่นๆไม่ได้ ซึ่งผมว่ามีประโยชน์นะ เช่น สามารถตั้งการเคาะปุ่ม Soft key ใดๆเหล่านี้ เพื่อใช้ทำงานบางอย่างเช่น กดเร็วๆ 2 ปี เพื่อปิดหน้าจอโดยไม่ต้องเอื้อมไปกด power เป็นต้น



ส่วนเซนเซอร์ลายนิ้วมือ ทำงานได้ดี แต่ผมไม่แน่ใจด้วยความที่ผมเป็นคนผิวแห้ง มือแห้ง เวลาแตะเลยต้องสัมผัสปุ่มให้มันดีหน่อยไหม หลายๆครั้งกดไม่ติด ต้องแนบชิดปุ่มนิดหนึ่ง แต่คนทั่วๆไปน่าจะทำงานได้ดีนะ

ฟังค์ชั่น Gestures ดีๆ (ของยี่ห้ออื่นก็ลอกมา) มีด้วยอย่าง เคาะติดกัน 2 ทีเพื่อเปิดหน้าจอ วาดตัวโอเปิดกล้อง วาดตัว V เปิดไฟฉาย เป็นต้น

อีก 2 ข้อที่เป็นส่วนที่สอบคือมี Swift key มาติดเครื่องให้ใช้เลย เป็น Keyboard ที่ดี ใช้งานง่าย ฟังค์ชั่นเยอะ (จริงโหลดเองก็ได้อะระ ไม่ซีเรียส)

อีกฟังค์ชั่นที่ผมชอบคือการตั้งเปิดการใช้งาน Ambient Display ซึ่งคู่มือบอกว่าถ้าหน้าจอดับอยู่แล้วปัดมือหน้าจอ Ambient Display จะปรากฏขึ้นเป็นข้อมูลเวลาและการแจ้งเตือนต่างๆเป็นภาพขาวดำ (จริงๆมันทำงานด้วยเซนเซอร์วัดแสงนั้นแหละ ปัดตรงเซนเซอร์มันก็ได้) ซึ่งผมว่าใช้งานได้ดีอย่างผมอยากดูเวลา ควักโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงโดยไม่ต้องกดอะไร ก็ดูได้เลย และเหมาะเวลางัวเงียตื่นมาดูในห้องนอนแสงสลัวๆ ไม่แสบตาดี

คนที่ชอบอะไร Pureๆ คงจะชอบเพราะมีแอปติดเครื่องมาน้อยมากจนแทบจะ Pure Android อยู่ละ แต่ครอบด้วยลันเชอร์ของมันอยู่ดี

เหมือนจะอิสระ แต่ไม่! ทีนี้มาพูดถึงข้อเสียในมุมมองของผมที่ใช้งานจริง ตั้งแต่ใหญ่ๆไปจนยิบย่อย



ประการแรกที่ขัดใจคือ เราเพิ่มหน้าเพจไปทางซ้ายไม่ได้เลย หน้าซ้ายจะถูกจองด้วยเพจที่เรียกว่า Shelf เสมอ ซึ่งเป็นเหมือนหน้าไว้แสดงอุณหภูมิ (ตั้งค่ามากก็ไม่ได้อีก...) แอปที่ใช้บ่อย และ Widget บางอันที่ร้องรับการทำงานก็ตั้งมาใส่ไว้ได้ เช่น Google now เป็นต้น จะตั้ง Setting เอาออกก็ได้ แต่มรึงก็เอาอะไรไปใส่แทนหรือเพิ่มหน้าทางซ้ายไม่ได้อยู่ดี WTF...เข้าใจว่าเลียนแบบรูปแบบการใช้ iPhone มาเล็กๆ แต่คนใช้ Android มาตลอดชีวิตไม่ต้องการเฟ้ย (แต่จำใจใช้ไปแบบเซ็งๆ)





ประการที่สอง ด้วยความ Pure มันมำให้คนใช้โทรศัพท์มียี่ห้อดังมาก่อนอย่างผมรู้สึกไม่พอเพียงเลย แอปติดเครื่องมามีน้อย Widget ดีๆที่มีประโยชน์แทบไม่มี ส่วนมากมีแต่ของ Google ที่ติดมา ใช้งานไม่ค่อยได้ อย่างปฏิทินผมก็ไม่เข้าใจทำไม Google ไม่ทำให้แสดง Widget แบบรายเดือนได้เลย (ผมเลยไปหาซื้อแอปเอาเอง) ถ้าอยากฟังเพลงที่มี Wigget ต้องไปหาแอปใหม่เอาเอง

และด้วยความ Pure ของมัน มันเลยไม่รองรับตัวแจ้งเตือนบนไอคอนแอปหรือ notification badge ด้วย ดูได้แต่การแจ้งเตือนตามปกติ ใครอยากได้ ไปหาลันเชอร์มาลงเองละกัน





และอันสุดท้าย (เท่าที่นึกออก) ที่ขัดใจมากๆคือ ตรงแถบบอกสัญญาณข้างบน ทั้ง Wifi และความแรงคลื่นโทรศัพท์ มันบอกแต่ความแรง แต่ไม่ได้บอกว่ามีกระแสการอัพโหลดหรือดาวน์โหลดข้อมูลหรือไม่ ถ้าอยากรู้ต้องปัดหน้าจอลงมาดูเอง ถึงจะรู้ว่ามันมีการไหลของข้อมูลหรือเปล่า ซึ่งผมหงุดหงิดมาก ไม่เข้าใจทำไมไม่ทำแบบชาวบ้านเขา บ้านใครเนตติดๆหลุดๆบ่อย ไม่ว่า Wifi หรือคลื่น 4G ถ้าโหลดช้าๆก็เดากันไปเถอะ

สรุป

จากเงิน 15200 บาทที่ผมจ่ายไป (เครื่องหิ้ว MBK ประกันแค่ 7 วัน) พูดถึงสเปก โอเค มันดิบเถื่อนมาก มาเท่ากะเรือธงยี่ห้ออื่น แรมมากมหาศาล ใช้งานได้ลื่นหัวแตก มันมีพลังดุดันเหมือนคนป่า

แต่พูดถึงประสบการณ์การใช้งาน เทียบจากการใช้งาน G3 ทำให้ผมรู้ว่า ราคาโทรศัพท์ที่แพงกว่าแม้สเปกไม่ได้สูงกว่า แต่มันมาพร้อมแอปหรือฟังชั่นที่อาจจะใช้งานได้ดีกว่า ตอนนี้ผมคิดถึง Gallery ที่จัดการรูปและเข้ารหัสได้ของ G3 มาก คิดถึง Clip tray ที่ช่วยเก็บรูปหรือข้อความที่ก๊อปปี้ไว้ใช้วางลงในที่อื่นๆได้อย่างสะดวกมาก (ยี่ห้ออื่นควรเลียนแบบอย่างยิ่ง) ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีกว่า ประทับใจกว่า

ไม่นานมานี่ มีเซเลปจีคอนท่านนึง ออกมาแสดงความเห็นว่า ทำไม Sony ขายโทรศัพท์แพงเทียบกะสเปกนู้นนี่นั้น จะอยู่ได้เหรอ ไม่เจ๊งไปเหรอ มันทำให้ผมกลับมาได้คิดถึงบทเรียนใหม่แกตนเองตรงนี้ว่า สเปก ไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ประสบการณ์ในการใช้งานต่างหากคือสิ่งสำคัญ ถ้ามันมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดีแก่ผู้ใช้ มันก็ขายได้ Sony อาจไม่ใช่คนทำโทรศัพท์ขายได้มากๆ ขายก็แพงเมื่อเทียบกะสเปก แต่ยังมีคนซื้ออยู่อย่างเหนียวแน่นกลุ่มนึงเพราะอะไร ก็เพราะประสบการณ์การใช้งานกับมันนี่แหละ

ผมไม่ได้บอกว่า Oneplus 3 เป็นโทรศัพท์ที่ไม่ดี มันแรงดี มันลื่น แต่ผมว่าประสบการณ์การใช้งานที่ได้รับ มันยังทำอะไรมากกว่านี่ได้อีกมาก ซึ่งนั้นมันต้องแลกมาด้วยต้นทุนในการพัฒนาแอปหรือฟังค์ชั่นต่างๆ และนั้นเป็นสาเหตุของราคายี่ห้ออื่นๆที่แพงกว่าแม้สเปกไม่ได้สูงกว่านั้นเอง

Oneplus 3 มันน่าจะเหมาะกับคนที่เน้นอยากได้โทรศัพท์ลื่นๆ ชาร์ทไวโคตรๆ สเปกแรง เล่นเกมได้แรงๆด้วยพลังดิบๆ Pureๆ ของมัน (พอดีผมไม่เล่นเกมจากมือถือเท่าไหร่ แต่ด้วย 820 และแรม 6GB คงสร้างความพึงพอใจในการเล่นเกมได้ไม่ยาก) แต่สำหรับคนที่เคยชินกับความสะดวกสบายหรือประสบการณ์การใช้งานโทรศัพท์ที่มียี่ห้อ มีแอปหรือ Widget หรือฟังค์ชั่นต่างๆมาช่วยการใช้งาน ผมอยากให้คำนึงตรงนี้นิดนึงว่าท่านพร้อมหรือเปล่าที่ละทิ้งตรงนี้ ผมบอกตรงๆว่าตอนนี้ผมคิดถึง LG G3 ของผมมากเลย ถึงมันจะกระตุกบ้างเล็ก หรือไม่ค่อยลื่นไปบ้างก็ตาม....

Update

เพิ่มข้อมูลหลังใช้มา 1 อาทิตย์

หลังจากปรับนู้นนี่นั้น ชีวิตเข้าท่าเข้าทีกะ 1+3 ขึ้นมาก ใช้ชีวิตกะมันราบรื่นขึ้น (ถ้าจ่ายตังส์)

ผมปรับแต่งตามนี้ ใครจะตามก็เชิญครับ

- กลับมาใช้ Nova Launcher Prime จ่ายตังนิดหน่อย (170 บาทได้มั้ง) แต่งหน้า Home Screen ได้จนสบายใจขึ้นละ แล้วโหลด TeslaUnread มาใช้ให้ไอคอนแอปขึ้นเลขเตือนจำนวนข้อความที่ไม่ได้อ่านซะ จบ
- Calendar Widget ผมใช้ Calendar Widget: Month ใช้ดี เรียบง่าย และฟรี Sync กะ Google Calendar สบาย ถ้าไม่เข้าไปปรับเซตติ้ง ก็ไม่ต้องเจอโฆษณาเลย แต่ผมจ่ายซื้อตีมไป 70 บาท เพราะชอบโดยส่วนตัว
- Widget พยากรณ์อากาศ ผมใช้ Weather Live ถึงดีไซน์ออกเชยๆ แต่ข้อมูลครบดี จ่ายไป 10 บาท
- เครื่องคิดเลข ไม่ชอบของเก่า เอา Calculator ของ Zen UI มาใช้ มี Widget ด้วย ใช้ฟรี ใช้ดี
- Note ใช้ Evernote
- Clip Tray ผมใช้ Clipboard Action ใช้ดีมากและฟรี แนะนำใครใช้ให้ล๊อกแอปนี้ไว้ใน Recent Apps ตลอด ใช้งานจะไม่มีปัญหา

หลังจาก 1+ ออกอัปเดท OxygenOS 3.2.2 มา ใช้งานดีขึ้นมากในภาพรวม แบตอึดขึ้นเยอะ (สังเกตว่าถ้าเล่นกะ Wifi จะประหยัดแบตกว่าใช้ 3G-4G ตั้งแต่อัปเดทก่อนๆ)

และพบว่าฟังค์ชั่นเฉพาะบางอย่างของมันใช้งานจริงได้ดีและฉลาดมาก เช่น Ambient Display ซึ่งผมซุกโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า พอล้วงออกมา หน้าจอจะทำงานในสีขาวดำโชว์นาฬิกาและการแจ้งเตือน และรูดปลดล๊อคหน้าจอใช้งานได้เลย (กรณีไม่ใช้การปลดล๊อคอื่น) คือมันสะดวกและดีงามมาก และไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้ฟังค์ชั่นเคาะหน้าจอปลดล๊อคจะทำงานเอง เพราะมันทำงานคู่กะเซนเซอร์วัดแสง (เข้าใจว่ากล้องหน้าด้วย) ดังนั้น ถ้าโทรศัพท์อยู่ในที่มืดสนิท จะไม่มีทางปลดล๊อคได้เอง โทรศัพท์จะอยู่ในโหมด Pocket ยกเว้นจะมีแสงหรือกดปุ่ม Back พร้อมปุ่ม Vol+

ตอนนี้ โอเคกับการใช้ 1+3 ขึ้นมาก แต่ติดแค่เรื่องนึงคือ ตรงแถบบอกสัญญาณข้างบน ทั้ง Wifi และความแรงคลื่นโทรศัพท์ มันบอกแต่ความแรง แต่ไม่ได้บอกว่ามีกระแสการอัพโหลดหรือดาวน์โหลดข้อมูลหรือไม่ ซึ่งไม่มีทางแก้ละมั้งจนกว่า Rom จะแก้ของมันเอง -*-
[Edited 4 times Marnburapa - Last Edit 2016-08-02 10:59:37]

Reply
Vote




1 online users
Logged In :