Episode Gladiolus

"เพื่อที่จะเป็นบุคคลที่มีความสามารถที่คู่ควรกับการเป็นโล่ของราชา กลาดิโอลัสที่ตระหนักถึงความอ่อนหัดของตัวเองจึงได้ท้าทายไปยังดินแดนแห่งการทดสอบที่โหดร้ายที่ไม่มีผู้ใดได้กลับมา"

กล่าวถึงที่มาตัวเกมหลักก่อน
ในบทที่ 6 ตอนท้าย หลังจากที่กลาดิโอ้พ่ายแพ้ให้กับเรอุส แล้วพวกนอคทิสเดินทางมาถึงท่าเรือที่แหลมคาเอม กลาดิโอ้ได้ขอแยกตัวออกจากกลุ่มไปก่อน

ใบบทที่ 8 ตอนต้น หลังจากที่ได้รับแร่มิสริลแล้วอะราเนียพามาส่งที่เมืองเลสตาลุม เพื่อนำแร่ไปให้ช่างตีเหล็กโฮลี่ จะได้พบกับกลาดิโอ้ที่เข้าไปกำจัดชิไคในโรงงานก่อน

DLC ของกลาดิโอ้จะดำเนินอยู่ในช่วงรอยต่อนี้



เริ่มต้น DLC ทั้งสี่คนได้ตั้งแคมป์พูดคุยกัน (เหตุการณ์ก่อนไปออลทิเช) โดยอิกนิสได้ทราบมาว่าช่วงเวลาที่กลาดิโอ้หายตัวไป เขาเดินทางกับนายพลโคล แล้วก็ได้รับบาดแผลที่ใบหน้าเพิ่ม จากเดิมแนวตั้งเพิ่มมาเป็นแนวนอนบนใบหน้า ด้วยความสงสัยทุกคนจึงขอให้กลาดิโอ้เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา



- ย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าว กลาดิโอ้ได้รับการติดต่อจากนายพลโคล ตอนนี้นายพลโคลเดินทางมาถึงเรสสตอป เทลปา (จุดพักเดินทางในแผ่นดินดัสก้า อยู่ทางตอนใต้ของเลสตาลุม) ซึ่งก่อนหน้านั้นกลาดิโอ้ได้ติดต่อหานายพลโคลเพื่อเตรียมการบางอย่าง
- นายพลโคลรอกลาดิโอ้อยู่ที่ร้านอาหาร โดยเป้าหมายของกลาดิโอ้คือการไปท้าประลองกับนักดาบศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากตัวเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถเอาชนะนายพลของฝั่งจักรวรรดิได้เลย (หมายถึงเรอุส) เพราะฉะนั้นเขาต้องการเข้ารับการฝึกเพื่อได้พลังมา
- นายพลโคลก็ถามย้ำกับกลาดิโอ้อีกครั้งให้แน่ใจ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย โดยนักดาบศักดิ์สิทธื์กิลกาเมชจะอยู่ด้านในสุดของโบราณสถาน โดยโบราณสถานนี้ถูกค้นพบเมื่อ 30 ปีก่อน แต่ไม่มีผู้สำรวจเล็ดลอดกลับมาแม้แต่คนเดียว
- แต่กลาดิโอ้รู้ว่ามีเพียงคนเดียวที่รอดกลับมาได้ นั่นก็คือนายพลโคล เขาถึงติดต่อไปหานั่นเอง



- เมื่อไปถึงโบราณสถานจะพบกับซากศพจำนวนมากที่ลุกกลับคืนมาได้ โดยมีวิญญาณบรรพชนพูดกับกลาดิโอ้ว่าซากศพทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นเหมือนอาจารย์ของผู้ที่เข้ามาท้าทาย ถึงแม้จะเหลือแต่ดวงวิญญาณ แต่ก็ยังสามารถบังคับชุดเกราะเหล่านี้ได้ เพื่อต้อนรับผู้ที่มีความเหมาะสมจะเข้ารับการทดสอบโล่ของราชา นายพลโคลบอกกับกลาดิโอ้ว่าทั้งหมดนี่คือทหารของลูซิสที่แม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังจงรักภักดีกับลูซิส



- กลาดิโอ้ได้พบกับงูฟรุนออรุม หลังจากที่กำจัดได้ บรรยากาศรอบๆตัวของกลาดิโอ้จะเปลี่ยนไป



- จนกระทั่งนักดาบศักดิ์สิทธิ์กิลกาเมชปรากฏตัวขึ้นมา แล้วเอ่ยถามกลาดิโอ้ว่า เขาคาดหวังอะไรกับการทดสอบ แน่นอนว่ากลาดิโอ้ต้องการพลัง แต่การทดสอบจากกิลกาเมชไม่ใช่ว่าจะต้องใช้แค่กำลังเท่านั้น แต่ต้องแสดงให้เขาเห็นถึงร่างกายที่แข็งแกร่งกับจิตใจที่มั่นคง
- แน่นอนว่ากลาดิโอ้ที่แพ่ายแพ้ให้กับเรอุส สภาพจิตใจก็ยังไม่พร้อม จึงไม่อาจทำอะไรได้กิลกาเมชได้เลย ในตอนนี้โลกกำลังเข้าสู่จุดจบไปเรื่อยๆราชาที่ถูกเลือกกับโล่ของราชาจึงต้องแบกรับชะตากรรมของผู้คน ถ้าหากไม่มีคุณสมบัติ ไม่มีการเตรียมใจที่เพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่กลาดิโอ้ก็ไม่ยอมให้จบลงอยู่แค่นี้ กิลกาเมชจึงสั่งให้กลาดิโอ้เดินหน้าต่อไปด้วยความคลุ้มคลั่งที่จะทำให้เขาตาย
- หลังจากนั้นกิลกาเมชกับบรรยากาศรอบๆก็หายไป นายพลโคลจึงเอ่ยถามกับกลาดิโอ้ว่าตอนนี้ดูเหมือนกิลกาเมชจะรับการเข้ากลาดิโอ้เข้าการทดสอบแล้ว



- เมื่อไปถึงจุดพักเดินทางที่หนึ่ง นายพลโคลได้พูดเตือนกับกลาดิโอ้ไว้ว่า อย่าได้ประมาทกิลกาเมช เพราะเขาเคยเป็นอดีตองครักษ์มาก่อน แน่นอนว่าไม่มีการออมมือให้เด็ดขาด โดยกิลกาเมชจะไม่ยอมรับผู้อ่อนแอเป็นโล่ของราชา ถ้าหากอ่อนแอก็จะโดนหมายชีวิตเอาไว้ ซึ่งก็มีผู้โง่เขลาที่ไม่รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองเข้ามาท้าทายอยู่จำนวนมาก รวมถึงนายพลโคลในอดีต



- กลับมาเดินทางกันต่อ วิญญาณบรรพชนได้บอกกับกลาดิโอ้ว่า เขาเริ่มมีความเหมาะสมที่จะต่อสู้กับความมืด แต่จะสามารถผ่านการทดสอบไปได้หรือไม่
- หลังจากนี้กลาดิโอ้จะต้องเข้ารับการทดสอบกับวิญญาณบรรพชนแต่ละตน โดยจะเข้ารับการทดสอบแค่คนเดียว นายพลโคลไม่สามารถให้การช่วยเหลือใดๆได้
- โดย "เนลกัล" วิญญาณบรรพชนที่ทดสอบกลาดิโอ้ตนแรก จะปรากฏตัวรูปร่างคล้ายเนโครแมนเซอร์ เมื่อเอาชนะเขาได้กลาดิโอ้จะได้รับพลังจากวิญญาณบรรพชนแต่ละตน โดยตนแรกที่ได้คือ พลังที่ใช้สามารถป้องกันการโจมตีของกิลกาเมชได้



- เมื่อไปถึงจุดพักเดินทางที่สอง กลาดิโอลัสสงสัยว่า "เครลัส" พ่อของเขาทำไมถึงไม่รับการทดสอบ นายพลโคลจึงให้คำตอบที่แท้จริง คือ ไม่ใช่ว่าเครลัสกลัวการทดสอบ การทดสอบนี่คือหนึ่งในความตั้งใจจริงของเครลัส ในฐานะที่เป็นองครักษ์หรือโล่ของราชา แต่ราชาเรกิสได้มอบหมายหน้าที่ให้เครลัสคือการดูแลรักษาความปลอดภัยในกำแพง ถ้าหากเครลัสเข้ารับการทดสอบของกิลกาเมช จะทำให้เขาต้องออกห่างจากราชาเรกิส ถ้าเขาทำแบบนั้นแล้วหน้าที่โล่ของราชาอย่างเขาจะทำไปเพื่ออะไรกัน
- ถึงแม้ว่ากลาดิโอ้จะได้ยินเหตุผลของพ่อของเขา แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้



- กลับมาเดินทางกันต่อ โบราณสถานแห่งนี้ถูกค้นพบเมื่อ 30 ปีก่อน ในตอนนั้นนายพลโคลที่ยังอายุน้อยกว่ากลาดิโอ้ก็ได้เข้ามาทดสอบที่นี่และมีชีวิตรอดกลับมาได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเขายังอ่อนหัดอยู่ดี
- ถัดมาที่ห้องที่จะทดสอบกลาดิโอ้ห้องที่สองกับวิญญาณบรรพชน "เอนคิดู" รูปร่างนก คล้ายๆกับ "เคซคอโทล" ในบท 7 เนื้อเรื่องของนอคทิสที่ลงไปยังโบราณสถานกับอะราเนีย
- เมื่อเอาชนะ กลาดิโอ้จะได้รับเบรคอาทท่าใหม่จากวิญญาณบรรพชนเอนคิดู นายพลโคลบอกกับกลาดิโอ้ว่า สิ่งที่เอนคิดูได้สืบทอดให้กับกลาดิโอ้ก็คือกระบวนท่าของลูซิสในสมัยโบราณ
- ระหว่างทางจะมีวิญญาณบรรพชนตนหนึ่งพูดว่าผู้ที่มาเยือนถึงจุดนี้ล้วนเป็นคนโง่เขลาที่ไม่รู้จักคุณค่าของชีวิต ตัวกลาดิโอ้ก็คงจะได้หลับไหลอยู่ในที่แห่งนี้เหมือนกัน โดยลูซิสยุคใหม่ตอนนี้ต่างจากลูซิสในอดีตที่ราชารุ่นแรกปกครอง โดยราชาได้รับการปกป้อง นำความสงบสุขมาสู่ประชาชน โดยผู้คนได้หลงลืมการต่อสู้ แต่ในยุคปัจจุบันมันไม่ใช่แบบนี้ ในไม่ช้าราชาที่แท้จริงก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นมาอีก แน่นอนว่าคำพูดของวิญญาณบรรพชนเป็นการดูถูกกลาดิโอ้



- ในที่สุดก็มาถึงจุดพักเดินทางจุดที่สาม นายพลโคลไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาต้องกลับมาที่นี่อีก กลาดิโอ้จึงถามเรื่องราวของนักดาบศักดิ์สิทธิ์กิลกาเมช สิ่งที่นายพลโคลจำได้มีเพียงแค่อย่างเดียว นั่นคือแววตาของกิลกาเมชที่สามารถมองการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ออก ไม่เพียงแค่การเคลื่อนไหวเท่านั้น แม้แต่แผนการณ์หรือความรู้สึกของคู่ต่อสู้ก็ยังมองออก



- วิญญาณบรรพชนได้บอกกับกลาดิโอ้ว่า ผู้ที่จะปกป้องราชา จะเป็นผู้ที่ได้รับการขัดเกลาทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้ที่ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นก็จะเป็นคนที่ไม่มีคุณสมบัติ และถ้าหมายมั่นจะเป็นโล่ของราชาแล้ว ต้องมองดูตัวตนของตัวเองด้วยแววตาที่ไร้การโป้ปด
- โดยวิญญาณบรรพชนที่จะทดสอบกลาดิโอ้ในครั้งนี้ คือ "ฟุนบาบ้า" ที่ปรากฏตัวในร่างยักษ์เหล็ก
- พลังที่กลาดิโอ้ได้รับจากวิญญาณบรรพชนในครั้งนี้ คือ ดาบที่กลาดิโอ้ใช้จะมีออร่าขึ้นมา ซึ่งสามารถฟาดฟันใส่กิลกาเมชได้แล้ว
- หลังจากที่กลาดิโอ้ได้รับพลังต่างๆมาจากวิญญาณบรรพชนแล้ว ก็ได้เวลาไปหานักดาบศักดิ์สิทธิ์กิลกาเมชแล้ว โดยวิญญาณบรรพชนที่ผ่านมาไม่อาจเทียบกับนักดาบศักดิ์สิทธิ์ได้เลย



- และแล้วก็มาถึงจุดพักการเดินทางจุดสุดท้าย กลาดิโอ้ได้ถามกับนายพลโคล เกี่ยวกับความรู้สึกตอนที่มายังโบราณสถานนี้ครั้งก่อน เพื่อที่เขาจะนำไปอ้างอิง เนื่องจากในตอนนั้นนายพลโคลมีอายุน้อยกว่าเขา
- ในอดีตนายพลโคลเป็นเด็กที่ทำอะไรโดยไม่รู้จักคิดเสียก่อน ใครห้ามเตือนอะไรก็ไม่เคยจะฟัง ด้วยความที่ใจใฝ่หาแต่การต่อสู้จึงมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายเลยโดนนักดาบศักดิ์สิทธิ์สวนกลับคืนมา เมื่อเขารอดกลับมาได้ก็รู้สึกถึงความหวาดกลัว จนผู้คนตั้งฉายาประชดเขาว่า "นายพลผู้ไม่มีวันตาย"
- ในตรงนี้เราจึงได้รู้ที่มาที่แท้จริงของสมญานาม "นายพลผู้ไม่มีวันตาย" จากเดิมในเกมเราจะรู้มาว่า นายพลโคลมีฝีมือเอาตัวรอดมาได้เยอะกับมีชีวิตรอดจากคะสั่งของเรกิสที่ให้เขาอพยพผู้คนหลบหนี (จาก Drama CD)
- ถึงแม้ว่าจะมีแค่นายพลโคลที่รอดกลับมาคนเดียว แต่กลาดิโอ้ก็ยังคงให้ความเคารพแก่เขา



- เมื่อเริ่มเดินทางต่อ เสียงของวิญญาณบรรพชนก็พูดถึงนายพลโคล ยังจะรนหาที่ตายอีก ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยจะฟังสิ่งที่เหล่าวิญญาณบรรพชนบอก มีแต่มุ่งไปข้างหน้า ท้ายที่สุดก็ถูกขับไล่ออกมาจากหุบเขา แต่นายพลโคลก็บอกกับกลาดิโอ้ว่าอาจจะดูเถรตรงไปหน่อย แต่ไม่ว่ายังไงก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไป
- จนกระทั่งไปถึงจุดสุดท้าย นายพลโคลได้เปิดเส้นทางให้กับกลาดิโอ้ โดยเขาได้บอกกับกลาดิโอ้ว่า ถ้าเครลัสยังอยู่ ก็คงจะห้ามกลาดิโอ้เหมือนที่เคยห้ามเขามาก่อน
- "คนที่เป็นโล่ของราชา จะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงในที่ที่ไม่มีราชาอยู่ไม่ได้ เจ้าเตรียมใจยอมรับการตายที่สูญเปล่าหรือยัง" นี่คือคำพูดของเครลัสที่บอกกับนายพลโคลสมัยเด็กที่ไม่อาจจะลืมได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อะไรกลับมา ถึงแม้จะปางตายแค่ไหน ก็มีแต่ต้องรอดกลับมาให้ได้
- จนถึงเวลานี้แล้วนายพลโคลก็จะไม่ห้ามกลาดิโอ้ เมื่อเดินก้าวเข้าไปแล้วก็จะไม่สามารถพึ่งพาใครได้อีก ถ้าตายก็เป็นอันจบ
- แน่นอนว่ากลาดิโอ้รู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วยังบอกอีกว่าจะเอาของฝากมาให้



- ภายในสุดของโบราณสถานจะพบกับนักดาบศักดิ์สิทธิ์กิลกาเมชรอคอยอยู่ กิลกาเมชไม่อยากให้กลาดิโอ้เสียเวลาเปล่า เพราะเขาคิดว่ากลาดิโอ้ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อก็ยิ่งทำให้ความกลัวยืดนานขึ้น



- เนื่องจากกลาดิโอ้เป็นคนที่เผชิญหน้าสิ่งต่างๆโดยไม่สนใจอะไร การกระทำแบบนี้เป็นสัญลักษณ์ของคนโง่เขลา คนแบบนี้มีแต่ทำให้หุบเขานี้เต็มไปด้วยซากศพเพิ่มมากขึ้น



- แต่กลาดิโอ้ไม่ยอมมาตายอยู่ในที่แห่งนี้ก็ได้ตอบโต้ใส่กิลกาเมช จนกิลกาเมชรู้สึกเสียดายความสามารถของกลาดิโอ้ เนื่องจากทำให้เขาแสดงพลังที่แท้จริงออกมา โดยมีแขนซ้ายจำลองงอกออกมา



- จนกระทั่งกลาดิโอ้ได้รับบาดแผลที่หน้าเพิ่มจากการต่อสู้ และเอาชนะกิลกาเมชได้สำเร็จ



- กลาดิโอ้จึงบอกกับกิลกาเมชว่า เขานี่ละคือโล่ของราชา ถึงแม้ว่าเขาจะหวาดกลัวก็ตาม เป็นคนที่ไม่เข้าใจในตัวเอง เป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ถึงแม้ว่าจะรู้แล้วก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะเดิมพันกับสิ่งนี้ แล้วก็พร้อมที่จะกลับไปหาราชา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นโล่ที่ดีแต่ใช้กำลัง เขาก็จะเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาทำได้ให้ดู



- กิลกาเมชจึงยอมรับในตัวกลาดิโอ้ ในฐานะที่เป็นโล่ของราชา ผู้ที่ไม่ยอมรับในความอ่อนแอของตัวเอง เป็นผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นโล่ แต่ในเวลานี้กลาดิโอ้เพียบพร้อมไปด้วยร่างกายและจิตใจ กลาดิโอ้เหมาะสมแล้วที่จะเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างราชาที่ถูกเลือก กิลกาเมชจึงมอบดาบคาตานะให้กับกลาดิโอ้



- โดยดาบเล่มนี้จะมีตราของหน่วยองครักษ์อยู่ เจ้าของดาบเล่มนี้เป็นชายที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติทางจิตใจ เคยใช้ดาบเล่มนี้ฟันแขนของกิลกาเมชจนขาดมาแล้ว เขาหวังไว้ว่าถ้าหากชายผู้นั้นยังมีชีวิตรอดอยู่ ด้วยจิตใจที่สอดคล้องกับกระบวนท่าต่างๆของเขา คงจะเป็นอะไรที่วิเศษเพียงพอ กลาดิโอ้จึงรับดาบเล่มนี้มา แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องให้ลังเลแต่ก็จะไม่สับสน ในฐานะโล่ของราชาคนสุดท้ายของราชาที่ถูกเลือก



- กลาดิโอ้กลับมาหานายพลโคล แล้วนำดาบที่ได้รับจากกิลกาเมชให้นายพลโคลดู แค่เห็นเขาก็รู้แล้วว่าดาบเล่มนี้เป็นของนายพลโคลนั่นเอง ของฝากที่กลาดิโอ้นำมาไม่ใช่ดาบเล่มนี้หรอก แต่เป็นแผลเป็นบนหน้า ที่เป็นสัญลักษณ์ของการทดสอบต่างหาก



- ขณะเดินทางกลับกลาดิโอ้ได้เล่าว่า ในอดีตมีชายคนหนึ่งฟันแขนของกิลกาเมชจนขาด ทำเอากิลกาเมชประทับใจมาก ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงจะดี นายพลโคลก็เสริมไปว่า การทดสอบไม่เพียงแต่ต้องมีจิตใจที่แน่วแน่ แต่ต้องมีการใช้ทักษะต่างๆเข้าประสานกัน มิเช่นนั้นคงไม่ได้รับการยอมรับ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของกลาดิโอ้ ในเวลานี้เขาต้องกลับไปหาราชาแล้ว ไม่งั้นพ่อของเขาโกรธแหงๆ



- กลับมาที่ช่วงเวลาปัจจุบันทุกคนก็ได้รู้ถึงเรื่องราวของกลาดิโอ้ที่ไปรับการทดสอบกับอดีตของนายพลโคล แต่ที่น่าตกใจ คือ นอคทิสเคยรู้เรื่องราวของกิลกาเมชมาก่อนแล้ว โดยกิลกาเมชได้อยู่ในหุบเขาแห่งนั้นมานานกว่า 2000 ปี ตั้งแต่ยุคสมัยของราชารุ่นแรก เพราะฉะนั้นตัวกิลกาเมชจึงคาดหวังไว้มากกับราชาที่ถูกเลือก แต่ราชาคนล่าสุดกลับทำตัวสบายๆแบบนี้ มีแต่จะทำให้โล่ของราชาต้องทำงานโดยเปล่าประโยชน์















- EXTRA BATTLE
"นายพลโคลที่ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่ง เมื่อเขาอายุ 13 ปี ได้เข้าร่วมกลุ่มองครักษ์ของประเทศ
ด้วยความสามารถที่เพียบพร้อมของเขา หลังจากที่ได้เข้าร่วมกลุ่ม ก็ได้เข้ารับการฝึกการต่อสู้ระดับสูง
เมื่อเขาอายุ 15 ปี ในช่วงที่ราชามอรุสครองราชย์อยู่ (พ่อของเรกิส) เขาได้รับตำแหน่งเป็นองครักษ์รักษาพระองค์ที่อายุน้อยที่สุด"

จะเป็น Extra Mode ให้สู้กับนายพลโคล
โดยเมื่อชนะแล้วนายพลโคลจะบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้เครลัสคงยอมรับในตัวกลาดิโอ้แล้ว



คุยกันท้าย Album

กับ DLC ของนายบ้ากล้ามกลาดิโอลัส จาก DLC นี้ สิ่งที่เราได้รู้ผมจะแบ่งย่อยเป็นข้อๆละกัน

1. กลาดิโอ้ที่ต้องการจะเก่งขึ้นหลังถูกเรอุสหยาม ก็เลยเป็นที่มาของบาดแผลบนหน้าจากการทดสอบ
2. อดีตของนายพลโคล บุคคลที่พึ่งพาได้ในปัจจุบันกลับมีอดีตที่บ้าบิ่นมุทะลุใช่ย่อย
3. เจตนารมณ์ที่ดีของคนเป็นพ่อ หมายถึงเครลัส พ่อของกลาดิโอ้นั่นเอง
4. คำว่าโล่ของราชา ไม่ใช่ว่าเอาชื่อมาแปะเฉยๆก็จบ
5. ตกลงว่ากิลกาเมช มันเป็นตัวอะไรกันแน่ มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ราชารุ่นแรก ราชารุ่นแรกนี่ก่อนยุคปฏิทินใหม่ด้วย เพราะอะไรถึงมีอายุยืนยาวขนาดนี้ อายุมากกว่าอาเดนด้วยแน่ๆ
6. ที่มาของฉายานายพลโคล ที่รู้ความจริงแล้วเจ็บปวดใช่ย่อย

สิ่งที่ผมสงสัยหลักๆก็มีแค่เรื่องของกิลกาเมชเท่านั้นครับ ไม่รู้จะมี Lore อะไรมาเสริมไหม