Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Justice League (I’m Rich!!!)

Reply
Vote
# Mon 20 Nov 2017 : 7:02PM

Slashmeplease
member
หลังเขา รุ่นที่ 3
Since 25/7/2010
(2337 post)
Review : Justice League (I’m Rich!!!)

กำกับ : Zack Snyder (300, Man of Steel, Batman v Superman : Dawn of Justice)

หนังรวมทีมฮีโร่จากค่าย DC ที่หลังจากปล่อยให้มาร์เวลออก The Avengers มาโกยเงินจนจะปาเข้าไป 3 ภาคแล้วทาง DC ก็ได้ฤกษ์ออกของตัวเองบ้าง แต่เนื่องจากรีวิวของหนังฮีโร่ DC ในอดีตที่ผ่านมาจะกระท่อนกระแท่นหน่อย มีเพียง Wonder Woman ที่ดีแบบดีจ๋าๆจริงๆ ประกอบกับมีปัญหาเรื่องการสร้างมีการเปลี่ยนผู้กำกับในช่วง Post Production ทำให้หนังดูน่าเป็นห่วงเล็กน้อย แล้วก็เอาซะจริงๆคะแนนรีวิวถึงจะไม่แย่เท่า BVS แต่ก็จัดว่าค่อนไปทางไม่ดีครับ แล้วผมละคิดอย่างไรมาดูกันครับ



Justice League เล่าเรื่องต่อจาก Batman v Superman : Dawn of Justice โลกหลังจากการเสียชีวิตของซูเปอร์แมนก็เหมือนกับเข้าสู่ยุคแห่งความสิ้นหวัง Batman (Ben Affleck) และ Wonder Woman (Gal Gadot) ต่างก็พยายามช่วยเหลือผู้คนและทำให้โลกมีความหวังเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่ออันตรายครั้งใหญ่จากนอกโลกเริ่มคืบคลานเข้ามา พวกเขาต่างรู้ตัวว่าไม่สามารถจะปกป้องโลกกันแค่ 2 คนได้ ภารกิจการค้นหาสมาชิกทีมซูเปอร์ฮีโร่ทีมใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น



สำหรับผม Justice League เป็นหนังที่มีตำหนิเยอะมากกกกก ทั้งปัญหาด้านการเล่าเรื่องที่มีมาตั้งแต่ BVS แล้ว มาเรื่องนี้ก็ยังมีอยู่ ในช่วงแรกๆหนังจะมีลักษณะเป้นท่อนๆเดี๋ยวโฟกัสคนนู้นทีทางนี้ที ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รีบทำหนังรวมทีมมากเกินไปจนไม่ได้ปูพื้นตัวละครมาก่อนต้องมาปูกันในเรื่องนี้ แล้วยังมีตัวละครยิบย่อยจาก Man of Steel, BVS ที่ยังไม่ยอมทิ้งกันไปสักทีมาแย่ง Air time อีก โดยเฉพาะ Lois Lane ที่สำหรับผม นางนี่แหละคือสิ่งที่แย่ที่สุดของ Justice League นี้ คือไร้ประโยชน์อวดฉลาดมาตั้งกะ BVS แล้วมาเรื่องนี้ก็ยังคงแย่ง Air Time และพยายามพ่นบทพูดคมๆฉลาดๆ แต่กลวงโบ๋เช่นเดิม (ขนาดซีนที่ควรจะซึ้งได้ยังปล่อยมุกประหลาดและโคตรแป้กออกมาอีก...) ซึ่งตรงนี้จะโทษฝีมือการแสดงของ Amy Adams ก็คงไม่ได้เพราะเรื่องอื่นเธอก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเธอมีของ (ดู Arrival ซิ...) ถ้าจะโทษใครก็คงต้องคนเขียนบทและผู้กำกับนี่ละครับที่ขับเสน่ห์ของเธอออกมาไม่ได้ พวกประวัติความเป็นมาของตัวร้าย/กรรมวิธีทางวิทยาศาตร์ทั้งหลายแหล่ก็เหมือนเล่าๆ แถๆไปให้เนื้อเรื่องมันดำเนินไปได้เท่านั้น ไม่ได้ดูมี Substance อะไรเลย โดยเฉพาะตัวร้ายที่เป็นหนึ่งในตัวร้ายที่ไร้คาแรคเตอร์มากที่สุดในหนังฮีโร่ทั้งมวล และถึงแม้ว่าฉากแรกๆที่โผล่มาจะดูมีพลังอำนาจดี แต่พอถึงช่วงท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมครับบทจะแพ้ก็แพ้อย่างง่ายดายยังกับกลัวจะน้อยหน้าเฮล่าจาก Thor Ragnarok ซะอย่างนั้นเลย ซึ่งข้อเสียต่างๆเหล่านี้ส่วนหนึ่งอาจเป้นเพราะใบสั่งของ Warner Bros. ให้ตัดหนังออกเสียหลายฉาก (แล้วก็อาจจะเอาไปยัดใน DVD Ultimate Edition อีกตามเคย) ซึ่งเดิมหนังจะยาวถึง 2 ชม.กว่าเลยทีเดียวกลับถูกหั่นเหลือ 1 ชม. 59 นาทีเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความโลภของ WB นี่ล่ะครับที่ทำให้หนังมันออกมากระท่อนกระแท่นเช่นนี้ (เห็นว่าตอนนี้หนังน่าจะขาดทุน ก็เจ็บตัวกันไปนะ)



แต่ๆๆๆๆอย่างไรก็ตาม หนังก็มีองค์ประกอบบางอย่างที่มันเซฟหนังไว้ได้ และทำให้หนังดูสนุกขึ้นมาก ทั้งตัวละครที่ดี โดยเฉพาะ The Flash ที่สำหรับผมอิตานี่แหละที่ช่วยหนังไว้ไม่ให้เฟล มุกตลกที่เวิร์คสำหรับผมส่วนใหญ่ก็มาจาก The Flash นี้ละครับ ก็ถือว่าต้องชม Ezra Miller ที่สามารถรับบทเอ๋อๆอยู่ไม่สุขออกมาได้เป๊ะและทำสีหน้าเรียกเสียงฮาได้อย่าง Effective ครับ ตัวละครอื่นๆที่ชอบ ได้แก่ Wonder Woman ที่สานต่อคาแรคเตอร์ที่ประสพความสำเร็จมาจากหนังเดี่ยวของเธอได้ดี มาภาคนี้ก็ยังคงความสง่างาม ดุดัน และมีเสน่ห์น่าหลงใหลได้เช่นเดิม เพียงแต่ว่าเธอจะต้องถูกเกลี่ยบทไปให้คนอื่นๆเลยต้องลดความโดดเด่นลงหน่อย ในเรื่องนี้แน่นอนว่าเธอไม่ใช่ตัวเด่นแต่เหมือนตัว Support มากกว่าครับ อีกตัวที่ชอบคือ Aquaman ที่ออกแบบคาแรคเตอร์มาได้เท่มาก ลักษณะนิสัยก็น่าสนใจ น่าเสียดายมากที่ได้ออกน้อยเกินไปไม่รู้ว่าบทมีแค่นี้หรือถูกตัด แต่ตอนนี้ผมตั้งตารอชมหนังเดี่ยวของเขาแล้วละครับ เอาล่ะมาเข้าโซนของตัวที่ไม่ค่อยชอบกันบ้าง Batman อันนี้จะออกไปทางเฉยๆมากกว่า มุกอวดรวยนี่พอได้ แต่พวก Conflict ความเป็นผู้นำที่พยายามใส่ลงไปอันนี้ไม่ซื้อเท่าไหร่ รู้สึกยังดูแบนๆอยู่ครับกับตัวละครนี้ แต่ที่แบนนนนนนนยิ่งกว่านั้นก็คือ Cyborg นี่ละครับ ทั้งสีหน้าที่อมทุกข์ตลอดเวลา ลักษณะนิสัยที่ค่อนข้าง Indifferent ไปกับทุกสิ่งอย่าง ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่...ไม่มีก็ได้นะ ยกเว้นว่าจะต้องมีตัวไว้แฮ็คสิ่งต่างๆ แต่แหม Jarvis ของ Iron Man ยังดูมีคาแรคเตอร์กว่าเลย 555 (อาจจะเป็นเพราะว่าฉากที่เป็นปูมหลังของเขา ที่เราเห็นในเทรลเลอร์แต่กลับถูกตัดออกในหนังจริง ทำให้เราไม่อินกับตัวละครนี้ก็เป็นได้) การที่หนังดำเนินเรื่องเร็ว ถึงแม้ว่าจะปูพื้นอะไรๆได้ไม่ดี แต่มันก็มีผลดีที่ทำให้เราสามารถลืมบทพูดเห่ยๆที่ยัย Lois Lane หรือ Batfleck เพิ่งจะพ่นออกไป แล้วไปเข้าสู่จุดดีของหนังนั่นก็คือมุกตลก/ฉากสู้ ซึ่งสำหรับผมฉากต่อสู้นั้นทำออกมาได้ดีมาก ทั้งการโชว์ฟอร์มของ Wonder Woman ในตอนแรก ฉากรวมพลังสู้เหล่าร้ายช่วงกลางเรื่อง เมื่อรวมกับงานภาพฟุ้งๆในสไตล์ของ Zack Snyder (ที่ใครไม่ชอบแต่ผมชอบอะ) ก็ทำให้การชมงานภาพในฉากบู๊ช่วยฉุดคะแนนหนังขึ้นมาได้บ้างครับ (แต่ตอนตบบอสใหญ่นี่ก็ตกม้าตายอย่างที่พูดไปครับ เพราะมันง่ายเกิน) สุดท้ายคือดนตรีประกอบ ชอบการแซม Batman Theme เข้ามาเรื่อยๆนะ Nostalgic ดี แต่เพลงของตัวอื่นค่อนข้างจืด ขนาดเพลง Wonder Woman ยังมาแค่คลอๆไม่มาเต็มๆเลย (เรื่องนี้นางแค่ Support จริงๆ...) ส่วน Come Together แบบ Cover ที่เป็นเพลง End Credit อันนี้ชอบครับ ชอบตั้งกะในเทรลเลอร์ละ

สรุป : ไม่มี The Flash นี่เหลือ C แน่ๆ แต่ในเมื่อมันให้ความบันเทิงผมได้ก็พอจะ Redeem หนังในส่วนที่มันเละๆอยู่ได้บ้าง เพราะฉะนั้นเอาไป...

คะแนน : 7.6/10 (B+) เฉยๆครับ
[Edited 1 times Slashmeplease - Last Edit 2017-11-20 19:05:41]

Reply
Vote




1 online users
Logged In :